ในขณะที่บางคนมีความสุข
ไม่มีใครรู้หรอกว่าบางคนกลับทุกข์แสนสาหัส?
บทที่7.1…
วันนี้แดนหนึ่งเกิดความวุ่นวาย
ผู้คุมด่าตะเพิดพวกที่มารุมล้อมบอร์ดรายชื่อเยี่ยมญาติใกล้ชิดให้แตกฮือกันออกไป
ลู่หานเห็นบางคนที่ไปดูรายชื่ออีกครั้งเพราะหวังว่าจะมีญาติของตัวเองอยู่ในรายชื่อที่ตกหล่น...แต่ก็เปล่า
ในขณะที่ลู่หานและอีกหลายคนกำลังมีความสุขที่จะได้เจอญาติของตัวเอง
แต่อีกหลายๆคนก็ไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับพวกเขา
อย่างมินซอก...เด็กนั่นพูดน้อยลง
เอาแต่นั่งแพ็คขนมติดป้ายราคา แล้วยังผสมน้ำหวานเอาไว้ถังใหญ่ๆตามคำสั่งของผู้คุม
เอาไว้ขายให้กับญาติของนักโทษ
“มินซอกได้ออกไปขายของใช่ไหม?”ลู่หานถามขณะที่มือเล็กคั้นบีบเอาน้ำมะนาวจากลูกมะนาวผลกลมสีเขียวสด
มินซอกกรองเอาเมล็ดและกากเนื้อมะนาวออกแล้วเทน้ำมะนาวรสเปรี้ยวลงผสมกับน้ำหวานสีแดงในถัง
ได้น้ำแดงมะนาวชื่นใจไว้ขายอีกอย่างหนึ่ง
“ฮะ
ไปขายของ”คนตัวเล็กตอบรับแล้วเรียกให้ชินอูกับยงฮวานมาช่วยยกถังน้ำหวานไปตั้งตรงเต้นท์ขายของใกล้ๆลานกิจกรรมซึ่งตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นลานพบปะเยี่ยมญาติใกล้ชิดแทนแล้ว
“ไอ้จงอินบอกจะพาน้องมาอุดหนุนขนมมินซอกให้เกลี้ยง”พูดถึงไอ้เพื่อนหมีที่ดูแลความเรียบร้อยเรื่องโต๊ะและเก้าอี้ที่ลานกิจกรรม
มินซอกยิ้มน้อยๆแล้วบอกว่าอยากเจอน้องชายของจงอินจัง
อยากขอบคุณเงินที่อีกฝ่ายส่งเข้ามา แม้ว่าจะส่งมาให้พี่ชายของตนก็ตาม
แต่มันก็ทำให้มินซอกพลอยได้รับอานิสงค์ไปด้วย ไม่มีการช่วยเหลือเรื่องเงินจากจงอิน
มินซอกคงแย่แน่ๆ
...ก็มินซอกไม่มีใครนี่นะ...
“เดี๋ยวก็เจอ
เจอน้องพี่ด้วย จะพาอี้ชิงมาให้รู้จัก อยากเจอแม่กับน้องพี่ไหม?”มินซอกพยักหน้า
บอกอยากเจออยู่แล้ว ลู่หานขยี้หัวอีกคนไปที
จำได้ว่าครั้งแรกที่เห็นมินซอก
ลู่หานมองเด็กคนนี้ว่าช่างอ่อนแอ ไม่เหมาะกับคุกสักนิด ตอนนี้เขาก็ยังมองแบบนั้น
ในสายตาของเขาและเกือบทุกคนในแดนหนึ่งโดยเฉพาะเรือนนอนสิงห์มองมินซอกเป็นน้องชายที่ต้องปกป้อง
น้องชายที่แสนอ่อนแอและบอบบาง
ยิ่งทุกคนรู้เรื่องมินซอกจากคำเล่าต่อของไอ้จงอิน ทุกคนยิ่งรักใคร่และเอ็นดูมินซอกมากขึ้น
เสียงเดียวที่พูดกันคือมินซอกน่าสงสาร...เด็กคนนี้ควรจะมีอนาคตที่สดใสเป็นคุณหมอเหมือนที่ตั้งใจ...ถ้าไม่มียาเสพติดเข้ามาในชีวิต
“เหี้ยแม่งมาจีบเด็กติ๋มกูอีกละ
เต๊าะฉิบหาย ผู้คุมเรียกไปเข้าแถวรอละสัด”ไอ้จงอินที่จัดโต๊ะเก้าอี้เสร็จเดินมาบอก
เหี้ยนี่ก็หวงมินซอกพอกัน สำหรับไอ้จงอินไม่เหมือนพี่ชายห่วงน้อง
แต่เหมือนพ่อมากกว่า ยิ่งพอรู้ว่ามินซอกติดยาเพราะอะไรวิญญาณพ่อแม่งยิ่งแกร่งกล้า
ประคบประหงมยังกะมินซอกเป็นลูกจิงโจ้
ถ้ามีกระเป๋าหน้าท้องแม่งเอามินซอกเข้าไปใส่แล้วน่ะ
ค น คุ ก
นักโทษหลายร้อยชีวิตนั่งเข้าแถวเป็นระเบียบบนพื้นซีเมนต์
หลายคนชะเง้อชะแง้ตรงประตูที่เชื่อมระหว่างด้านนอกกับทางเข้าแดน
ผู้คุมและพวกเรือนนอนหงส์ที่ไม่มีใครมาเยี่ยมญาติใกล้ชิดครั้งนี้แน่นอนตั้งโต๊ะอยู่ด้านหน้าห่างออกไปสองร้อยเมตรเห็นจะได้
“เอ้า
เก้าโมงครึ่งแล้ว ญาติกลุ่มแรกกำลังเข้ามาแล้ว
นิ่งๆแล้วฟังรายชื่อนะพวกมึงน่ะ”ผู้คุมอินซูตะโกนบอกผ่านโทรโข่งที่นำมาใช้เพื่อขานรายชื่อ
ที่ข้อมือของลู่หานและทุกๆคนที่หมายเลขเขียนเอาไว้
เป็นลำดับตามรายชื่อเรียงตามอักษร ลู่หานอยู่เลข256 ส่วนไอ้จงอินมันอยู่189
เสียงฮือฮาดังขึ้นมาเมื่อมีกลุ่มคนเดินเข้ามา แบ่งเป็นสองแถว ชายและหญิง
แต่ละแถวแยกย้ายเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะและผ่านการตรวจค้นของผู้คุมอีกครั้งหนึ่ง
ไอ้อูฮยอนสายตายาวซุบซิบว่าผู้คุมหญิงตรวจเสื้อในของญาติที่เป็นผู้หญิงด้วย
ไอ้ลามกเอ้ย...
“006
อีซูฮาน”การขานเลขและชื่อเริ่มขึ้น อีซูฮานลุกพรวดขึ้นทันที
ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
นักโทษชายคนแรกที่ได้ถูกขานชื่อวิ่งไปรายงานตัวกับผู้คุมแล้วรีบวิ่งไปหาหญิงสาวที่ยืนรออยู่ไม่ไกลพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมกอด
ภาพที่ซูฮานพุ่งเข้ากอดภรรยาและลูกสาวน่าประทับใจจนหลายคนต้องแอบปรบมือ
“เมียมันอยู่คยองกิโดนู่น
ไม่ค่อยได้มาเยี่ยมหรอก”ไอ้ชินอูบอก ถึงว่าทำไมมันดูดีใจขนาดนั้น
เห็นมันหอมแก้มลูกสาวยกใหญ่ก่อนจะพาภรรยาและลูกไปนั่งที่โต๊ะที่เตรียมเอาไว้
เสียงเรียกเลขและชื่อยังดังเรื่อยๆ
ญาติชุดที่สามแล้วที่กำลังเดินเข้ามา ข้างๆลู่หานมีแต่คนได้ขานชื่อหมดแล้ว
ไอ้จงอินยังนั่งกระดิกตีนสบายใจอยู่มันบอกว่าน้องมันจะมาช้านิดหน่อย
แต่ลู่หานนี่สิ...เขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเกิดอี้ชิงกับแม่ไม่มาล่ะ
หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น...อยากจะเจออี้ชิงกับแม่ใจจะขาดอยู่แล้ว...
“อ้าวเซฮุน...ไหนบอกจะมากลุ่มสุดท้ายไงวะ”ไอ้จงอินครางในลำคอ
ลู่หานมองตามมันไปเห็นเด็กผู้ชายตัวขาวจัดกำลังยื่นกระดาษหมายเลขให้กับผู้คุม
นั่นน้องไอ้จงอิน ลู่หานจำได้ดี ตัวยังขาวนวลเหมือนหลอดนีออนไม่เปลี่ยน
“189
เหี้ยคิมจงอิน”ผู้คุมอินซูแถมสรรพนามให้เป็นของกำนัล
เห็นไอ้จงอินพึมพำด่าว่าไอ้สัดแล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน
“กูไปก่อนนะ
สงสารน้องกูรีบ ไหนบอกจะมาช้า”ลู่หานเพยิดหน้าให้มันออกไปรายงานตัวซะ
ก่อนจะได้สรรพนามรอบสองจากผู้คุมอินซู
แดดเริ่มออกจนพื้นซีเมนต์เริ่มร้อน
พวกเขาไม่ได้ใส่รองเท้ากันด้วย เพราะทางเรือนจำกลัวว่าญาติจะแอบเอาอะไรซุกซ่อนเข้ามาได้แล้วนักโทษจะยัดใส่รองเท้า
เช่นพวกยาเม็ดเล็กๆ ลู่หานชันเข่าขึ้นมากอดก่อนจะซุกหน้าลงไปหลบร้อนเหมือนคนอื่นๆ
เสียงเรียกชื่อยังดังต่อเนื่อง ถึงญาติกลุ่มที่ห้าแล้ว ไอ้ชินอูกำลังลุกออกไป
ตามด้วยไอ้อูฮยอน ลู่หานได้แต่ภาวนาให้มันเป็นชื่อของเขาเสียที
“คนสุดท้ายของกลุ่มที่สี่
พอหมดเลขนี้ให้นักโทษย้ายไปนั่งเข้าแถวในร่มด้วย”เสียงผู้คุมประกาศ
แดดร้อนมากขึ้นเรื่อยๆจนแสบผิวไปหมด
ลู่หานเตรียมลุกเข้าไปนั่งในร่มามคำสั่งทว่าปลายเท้ากลับต้องชักกับเสียงผู้คุมอินซูที่กำลังประกาศหมายเลข...
“256 ลู่หาน”
ค น คุ ก
ลู่หานหุบยิ้มกว้างลง...
ผู้คุมบอกให้เขาเดินไปหาญาติ...แต่ลู่หานกลับก้าวขาไม่ออกสักนิด...
“อี้ชิง...”เรียกชื่อน้องชายเสียงแผ่ว
ลู่หานขยับเท้าออกไปด้านหน้า ขยับมือเรียกให้น้องชายมาหาตนเองก่อนจะสวมกอดเอาไว้
อี้ชิงพุ่งเข้าหาอ้อมกอดของพี่ชายแล้วรัดวงแขนโอบเอาไว้แน่น ใบหน้าขาวซุกลงที่อกของพี่ชายก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา
ลู่หานยกมือลูบหลังน้อง
ดีใจที่เจออี้ชิงอีกครั้ง
แต่...
“มากับมันได้ยังไง”ดันน้องออกแล้วถามเสียงนิ่ง
ลู่หานขบฟันแน่นมองไปยังคนที่ยืนเคียงข้างอี้ชิงเมื่อครู่นี้
รอยยิ้มกวนส้นตีนจากมันทำให้เขาโมโห มัน...คนที่ทำให้ลู่หานเข้ามาอยู่ในนี้
“มากับไอ้เหี้ยผู้กองคริสได้ยังไง!”ตะคอกถามน้องจนผู้คุมต้องเอ่ยปราม
ลู่หานก้มหัวขอโทษผู้คุมแล้วลากน้องมานั่งที่โต๊ะ
โดยมีร่างสูงใหญ่ของอู๋อี้ฟานเดินตามมาอย่างสบายๆ อี้ชิงเช็ดน้ำตาป้อยๆ
จับมือพี่ที่กำรอบข้อมือตัวเองออก แต่ลู่หานกลับบีบแน่น ใบหน้าอี้ชิงเริ่มบิดเบ้
“พี่...อี้เจ็บ...”อี้ชิงประท้วง
จากความดีใจที่ได้เจอพี่ชายกลับกลายเป็นความไม่เข้าใจ
ดวงตามองไปทางคนที่พาตัวเองเข้ามาที่นี้
ผู้กองคริสยิ้มบางๆให้ก่อนจะเดินมาดึงเอาตัวลู่หานออกจากตัวอี้ชิง
ลู่หานดิ้นปัดโวยวายจนนักโทษคนอื่นและญาติพากันตกใจ ผู้คุมตรงรี่เข้ามาดูสถานการร์และจะจับกุมตัวลู่หานเอาไว้
“ไม่ต้องหรอก
ผมจัดการเองได้”ผู้กองคริสพูดเสียงเรียบกับผู้คุมแล้วผู้คุมทั้งสองจึงล่าถอยออกไป
ลู่หานไม่เข้าใจ ไอ้เหี้ยผู้กองนี่มีอำนาจอะไรถึงขนาดผู้คุมต้องฟังมัน! ขาที่แม้จะแข็งแรงดีแต่ก็ไม่ได้ยาวขนาดจะทำให้คริสสะเทือนได้เลย
คนตัวสูงกว่าพลิกตัวลู่หานจับแขนทั้งสองข้างมาไพล่หลังเอาไว้ก่อนจะส่งยิ้มให้นักโทษคนอื่นและพวกญาติ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ
น้องชายผมเขาไม่ถูกกับผม คงจะตกใจที่ผมมาเยี่ยม”
...ไอ้ตอแหล
ลู่หานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
อี้ชิงแตะแขนคริสเบาๆ เห็นพี่ชายทำหน้าเหมือนเจ็บที่ถูกดัดแขนไพล่หลังเอาไว้แบบนั้น
คริสคลายแรงจับออกเล็กน้อย ดันคนตัวเล็กกว่าลงไปนั่งที่เก้าอี้ ลู่หานเมื่อถูกปล่อยก็พรวดพราดจะลุกขึ้นมาอีกครั้งทว่ากลับต้องชะงักเมื่อคริสชี้นิ้วเป็นเชิงปรามให้หยุดเสีย
ดวงตากลมโตมองที่ผู้คุม
แม้จะล่าถอยไปแต่ว่าแต่ละคนก็ยังมองมาที่ลู่หานอยู่
ไม่แน่หลังจากงานนี้ลู่หานอาจจะเจอคอมโบ้...และคอมแบทด้วย
ข้อหาก่อเรื่องในวันดีๆแบบนี้
“มึงมากับน้องกูได้ยังไง”ตวัดเสียงามด้วยความไม่พอใจ
ดวงตามองผู้กองคริสอย่างขวางๆ ลู่หานเรียกอี้ชิงให้มานั่งข้างๆกัน
ปล่อยให้คริสนั่งอีกฝั่งของโต๊ะคนเดียว
“ทำไมพี่พูดกับผู้กองแบบนั้นล่ะฮะ”อี้ชิงเอ่ยถาม
คนเป็นน้องไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้เพียงนิดเดียว
ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายถึงโมโหขนาดนี้และต้องทำท่าทางเหมือนจะทำร้ายผู้กองคริส
...ทั้งที่ผู้กองคริสดีกับครอบครัวของเราขนาดนี้
“ผู้กองเขาอุตส่าห์เป็นธุระพาอี้มาที่นี่...ไม่งั้นอี้คงจนปัญญา”น้องชายยังคงพูด
แต่ลู่หานกลับเหยียดปากออก เป็นธุระงั้นเหรอ? อี้ชิงพูดเหมือนไอ้คนที่ยัดเขาเข้ามาในตารางด้วยมือมันเองเป็นคนดีอะไรแบบนั้น
“แล้วทำไมมาเองไม่ได้
แม่ล่ะ? ทำไมต้องให้มันพามา เราไปสนิทกับมันได้ยังไง”รัวคำถามใส่น้องเป็นชุด
ไม่วายส่งสายตาไปหาร่างสูงใหญ่ที่เอนหลังกับเก้าอี้ยกขาขึ้นไขว่ห้างด้วยท่าทางสบายใจสุดๆ
เห็นแล้วหมั่นไส้เหี้ยๆ
อี้ชิงเงียบไป
ดวงหน้าขาวหลุบต่ำ มือของอี้ชิงประสานกันแล้วบีบแน่น
ลู่หานมองน้องชายที่มีท่าทีเปลี่ยนไปเมื่อถามถึงแม้
มือเรียวช้อนดวงหน้าของน้องขึ้นมาด้วยความตระหนกที่ก่อเกิดขึ้นในหัวใจอย่างทันที
ในใจลู่หานเต้นแรง
บังคับหน้าน้องให้มองหน้ากัน อี้ชิงน้ำตาไหลเป็นทาง
ร่างของน้องชายพุ่งกอดคนเป็นพี่อีกครั้งก่อนจะปล่อยเสียงสะอื้นออก
ทำเอาลู่หานตกใจมากกว่าเดิม
“แม่ล่ะอี้...เกิดอะไรกับแม่”ลู่หานแทบลืมว่านาทีที่ผ่านมายังทะเลาะกับผู้กองคริสอยู่เลย
ตอนนี้เสียงของเขาสั่นเครือ ท่าทางของอี้ชิงทำให้เขาคิดมากและกังวลใจไปหมด
...แม่ทำไม?
“อี้...บอกพี่มา”เสียงของลู่หานเบาลงอีก
...มีนักโทษบางคนมองมาทางเขาแต่ก็ต้องถูกสายตาของอี้ฟานไล่กลับไปสนใจแต่ญาติของตัวเอง
ลู่หานดึงน้องออกจากอ้อมกอด
“อี้...บอกพี่เถอะ”พี่จะบ้าตายอยู่แล้ว...ลู่หานรู้สึกแบบนั้น
อี้ชิงมองเข้าไปในดวงตาของพี่ชาย ดวงตาที่เหมือนแม่ไม่มีผิด
ดวงตากลมโตที่ถอดแบบมาจากแม่ของพวกเขา ก่อนที่น้ำตาจะไหลมาอีกครั้ง
ริมฝีปากสีสดอ้าออกอย่างยากลำบาก อี้ชิงสะอื้นไปทั้งตัว
เสียงพูดของอี้ชิงช่างแผ่วเบา
แต่เสียงร้องไห้นั้นดังก้อง
ดีที่อี้ฟานยกมือปรามผู้คุมไว้จึงไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามแม้เสียงร้องของอี้ชิงจะกำลังรบกวนญาติคนอื่นอยู่ก็ตาม
ลู่หานไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไง
ที่อี้ชิงบอกเมื่อครู่...เหมือนหลังจากประโยคนั้นลู่หานก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย แขนขาเหมือนไร้เรี่ยวแรง
ทรุดลงไปกองกับพื้นเหมือนคนพิการร้อนถึงคริสต้องลุกมาช่วยพยุงเอาไว้
ในตอนนี้ลู่หานไม่มีแม้แต่สติจะผลักไสคนที่ทำให้เขาต้องเข้าคุกออกไป
ดวงตากลมโตเหม่อลอยชั่วครู่...ก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมา...
เลว...
คนอย่างลู่หานมันเลว...
มินซอก...นายจะรู้ไหมว่าพี่เองก็เลวเหมือนที่นายเคยบอกว่าตัวเองเลว...
เลวยังไงเหรอ...
เพราะพี่...
เป็นคนฆ่าแม่ของตัวเอง...
“แม่โรคเป็นโรคหัวใจ
วันที่พี่โดนจับแม่อาการกำเริบ...อี้กลับมาไม่ทัน ฮึ่ก...พี่....”
ไม่เลย...ลู่หานไม่ได้ยินอะไรอีกเลยหลังจากนั้น...
TBC.
#พี่ลู่คนคุก
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น