ในคุกไม่ได้แย่ขนาดที่ใครๆคิด...บางทีนะ
บทที่4.2…
ลู่หานส่งซองจดหมายให้ผู้คุมตรวจ
เมื่อผู้คุมเห็นว่าไม่ได้เขียนอะไรที่ผิดกฎเช่นเขียนขอเงินมากๆ
หรือขอให้ส่งของเข้ามาอะไรเทือกนั้นก็พับจดหมายแล้วใส่ซองตามปรกติ พร้อมกับพับแบบฟอร์มขอเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิดใส่ให้ด้วย
ลู่หานเขียนไปบอกว่าย้ายที่เรียบร้อย
แล้วก็ขอที่อยู่เรือนจำจากผู้คุมพร้อมแผนที่แบบคร่าวๆด้วย
เผื่อแม่จะมาไม่ถูก...ทั้งที่ลู่หานเองยังไม่รู้ว่าแม่จะมาหรือเปล่า
“เป็นไร?”ลู่หานถามคนตัวเล็กที่มองมาที่เขา
มินซอกส่ายหน้าแล้วอ้อมแอ้มบอกว่าเปล่า นี่ล่ะคิมมินซอก
ทำไมต้องทำเหมือนตัวเองมีความลับอะไรมากมายแบบนั้น ลู่หานไม่เข้าใจ
ที่อยู่ด้วยกันมานี่
นอกจากชื่อและอายุแบบคร่าวๆ ลู่หานก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเด็กคนนี้เลย
พูดถึงเรื่องอายุ ลู่หานไม่เคยถามเลยว่าจริงๆมินซอกอายุเท่าไหร่?
“นี่มินซอก...เราอายุเท่าไหร่แล้ว?”ดวงตากลมๆนั่นเหลือกขึ้นด้วยความงง
ริมฝีปากขยับมุบมิบเหมือนคำนวณอะไร ก่อนจะยกนิ้วมือขึ้นมาชู
“19ฮะ...”
ลู่หานเบิกตากว้าง
19เนี่ยนะ! ทั้งที่คิดเอาไว้ว่าคงไม่ห่างกันมาก แต่มินซอกอายุเด็กกว่าลู่หานไปถึงสามปี
ลู่หานเคยถามจงอิน ไอ้หมอนั่นก็ 22 แล้วเช่นกัน
“เรียกฮยองสิ...”มินซอกยกคิ้วงงๆ
ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ลู่หานพยักหน้า ก็อายุมากกว่าถึงสามปี
ต้องเรียกฮยองนั่นถูกแล้วไม่ใช่เหรอไง เหมือนมินซอกจะขัดเขิน
ดวงหน้ากลมๆก้มคางชิดอกพูดมาเพียงแผ่วเบา
“...ลู่หานฮยอง”
ลู่หานหัวเราะ
ขยี้ผมนิ่มให้ฟุ้งกระจาย บอกว่าทุกคนในนี้คงแก่กว่ามินซอกกันทั้งนั้น
หัดเรียกฮยองเรียกพี่เอาไว้ จะได้มีคนเอ็นดูมินซอกเยอะๆ
มินซอกพยักหน้าเข้าใจ
แต่แล้วเสียงทุ้มต่ำของคิมจงอินก็แหวดังลั่นให้ลู่หานไปช่วยยกลังใส่อะไหล่มอเตอร์ไซค์ที่ถูกส่งมาซ่อม
วันนี้โดนเวียนมาลงงานแผนกซ่อมบำรุง มินซอกถูกบอกให้ไปนั่งเป็นกำลังใจให้เฉยๆ
แม้ผู้คุมจะคิ้วกระตุกกับสิทธิพิเศษของเด็กใหม่ตัวเล็กก็ตามที
แต่ก็ต้องปล่อยไปเพราะนักโทษคนอื่นเห็นดีเห็นงามกับการที่มินซอกนั่งเฉยๆมากกว่า
ไอ้อูฮยอนบอกกลัวมินซอกจะมาปวกเปียกทำให้งานล่าช้า ผู้คุมถึงยอมเออออด้วย
ดูๆไปไอ้คิมอูฮยอนนี่ท่าว่าจะสปอยล์คนตัวเล็กเต็มที่เลยล่ะ
เห็นตั้งแต่มันถามเรื่องต้นไม้ละ แล้วแววตาที่มองนี่ออกจะหวานหยาดเยิ้มไปนิด
ลู่หานก็ได้แต่ดูๆไป คำพูดของไอ้จงอินที่บอกในคุกไม่มีผู้หญิงก็ต้องเอาผู้ชายมันแว๊บขึ้นมา
ก็ถ้ามันจะทำอะไรมินซอกลู่หานคงไม่ยอม
และไอ้จงอินก็คงไม่ยอมเหมือนกัน
ให้เปรียบเทียบจากครอบครัวหนึ่ง
ตอนนี้ไอ้จงอินแม่งเหมือนพ่อตัวโตเป็นหมีควายแล้วลู่หานเป็นพี่ชายที่คอยดูแลน้องหนูตัวเล็ก
ก็เห็นมาตั้งแต่ถูกศาลตัดสิน ก็คอยดูแลเด็กนี่มา...
ยอมรับว่าห่วง...
“คุยเหี้ยไรกะมินซอก
ไอ้สัด เดี๋ยวนี้ลักลอบใกล้ชิดนะ”ไอ้เหี้ยจงอินกระแซะ
กวนตีนกูจังเดี๋ยวปล่อยกล่องร่วงทับตีนเลยสัด
“คุยเรื่องชื่อพ่อมึงมั้ง
รีบๆขนเหอะ ไอ้ส้นตีน”ด่าแม่งไปที เห็นมันขมุบขมิบปากด่ากลับ
ทำไมไม่ด่าให้มีเสียงล่ะไอ้เหี้ย
รถมอเตอร์ไซค์ที่ส่งมาครั้งนี้เป็นทรงแบบเฉี่ยว
เปรียว ไม่ใช่พวกเวฟแม่บ้าน
ผู้คุมบอกว่าให้รื้อโครงกับอะไหล่บางส่วนออกแล้วยัดตัวใหม่เข้าไป
มีอะไหล่หลายชิ้นถูกซื้อมาพิเศษ ดูก็รู้ว่าแม่งให้แต่งรถให้
ท่อไอเสียถูกปรับให้เหลือเล็กนิดเดียวแถมรูปร่างก็เฉี่ยวบาดใจ
เวลาเบิ้ลเครื่องที่คงหนวกหูฉิบหาย
เพราะการแต่งรถมันต้องใช้เวลา
กลุ่มของลู่หานเลยต้องปักหลักที่ซ่อมบำรุงสักสองถึงสามวัน
จะให้กลุ่มอื่นมาต่อแม่งก็จะไม่ไฟน์
แม่งจะไม่เข้าใจว่ากลุ่มก่อนหน้าทำอะไรกันแล้วบ้าง เรื่องแต่งรถแม่งละเอียดอ่อน
เมื่อตอนอยู่ข้างนอกลู่หานเองก็เคยแต่งรถพวกนี้เหมือนกัน แต่ไม่เท่าไหร่ก็เลิก
แม่งสิ้นเปลือง ส่งยาทีใช้รถตำรวจแม่งก็รู้ สู้เดินเงียบๆส่งเงียบๆดีกว่าเยอะ
“มึงเพ้นท์เก่งป่ะ”คิมชินอูหันมาถาม
พร้อมชูกระป๋องสี ลู่หานบอกทำอะไรก็ได้ มันก็ยื่นลังสีมาให้เลย
บอกให้พ่นโครงให้หมด กระดาษหนังสือพิมพ์ปึกหนาถูกส่งมาให้รองพื้นก่อน
ไอ้เชี่ยจงอินไปวุ่นกับการตั้งศูนย์ล้อโน่นแล้ว
ลู่หานเลยหนีบมินซอกที่นั่งดูตาแป๋วมาช่วยกางหนังสือพิมพ์
วางโครงรถลงบนหนังสือพิมพ์แล้วบอกให้คนตัวเล็กไปยืนต้นลมกันกลิ่นสีและละอองกระเด็นโดน
มองซ้ายขวาแม่งไม่มีห่าอะไรปิดจมูกได้สักอย่าง ตะโกนถามไอ้อูฮยอนถึงพวกมาสก์ปิดหน้าแม่งก็บอกว่าหมด
ลู่หานเลยจำต้องถอดเสื้อยืดที่ตัวเองใส่
ขึงตรงส่วนคอให้อยู่ตรงจมูกแล้วมัดแขนเสื้อไว้ด้านหลังหัวเป็นหน้ากากอนามัยชั่วคราว
“ลู่หาน...ฮยอง...ไม่ร้อนเหรอ”มินซอกเรียกลู่หาน
แล้วเหมือนจะนึกได้จึงลงท้ายด้วยฮยองเสียงแผ่ว ลู่หานมองพระอาทิตย์ที่อยู่ตรงหัว
เพราะพ่นสีสเปรย์แม่งพ่นในร่มไม่ดี แม่งจะฟุ้งเข้าหน้าเข้าตา
อีกทั้งตรงนี้ทำเลดีลมถ่ายเทสะดวก แม้จะมีแดดกวนใจนิดหน่อย
พื้นเพลู่หานเป็นคนผิวขาว
แม้จะเป็นรอยคาดที่ต้นแขนเพราะชอบออกแดดก็ตามที
“ไม่ร้อนอ่ะ
ชินละ”เขาบอก เขย่ากระบอกสีสเปรย์ไปมา
“เอาเสื้อผมไปใส่ไหมฮะ?”ลู่หานหันขวับเมื่อเสียงเล็กนั่นพูดจบ
ชี้นิ้วใส่หน้าคนตัวเล็กที่จับๆชายเสื้อตัวเองเหมือนจะอยากถอดมันออก แหม...เป็นไอ้เหี้ยจงอินหรือนักโทษคนอื่นลู่หานก็อยากจะรับน้ำใจหรอกนะ
“ใส่เสื้อของนายไว้บนตัวนายนั่นล่ะ
คิมมินซอก แล้วก็ถ้าจะอยู่ช่วยพ่นสีอ่ะ ปิดจมูกด้วยก็ดี”พูดจบก็กดพ่นสเปรย์ไปยังโครงที่วางไว้
เริ่มจากบังโคลนหน้าเป็นส่วนแรก นึกชมคนที่ออร์เดอร์เข้ามาว่าแม่งเลือกสีเจ็บฉิบหาย
จะแดงไปไหน แดงสดๆค่อนไปทางส้ม ดูแล้วแสบตาเหี้ยๆ
ถึงจะเป็นแค่การพ่นสีธรรมดา
แต่แม่งก็หินไม่ใช่เล่นนะ
เพราะถ้าปล่อยน้ำหนักมือไม่สมดุลแม่งจะเกิดสีหนาขึ้นทันที คราวนี้ล่ะเหี้ยของแท้
เพราะสีสเปรย์ไม่ใช่สีชอล์คสีเทียนที่ไม่พอใจก็ขูดออกได้
แต่ถ้าสีสเปรย์รถแม่งพลาดคือการเริ่มใหม่ที่แสนเจ็บปวด
ลู่หานพยายามกดหัวสเปรย์ให้น้ำหนักคงที่
จนพ่นทั่วทั้งบังโคลนแล้วจึงปล่อยให้แห้ง
ลมไม่แรงมากไม่ต้องกังวลเรื่องเศษดินปลิวมาติดให้เกิดปัญหา
“ฮยอง...”ลู่หานผละจากการสนใจในการเขย่ากระป๋องสีไปมองคนที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้
มินซอกยื่นแก้วน้ำแดงมาให้แล้วควักมือเชิงบอกให้เข้าไปกินน้ำก่อน
ลู่หานปาดเหงื่อบนใบหน้าออก ก็ดีเหมือนกัน อากาศร้อนฉิบหาย
รับแก้วน้ำมาดื่มก่อนจะคว้าขวดน้ำเปล่ามากรอกอีกเพราะความกระหาย
“ผมก็อยากทำงานบ้าง”ลู่หานส่ายหน้าหวือ
บอกให้ไปขอไอ้พวกที่เบิ้ลเครื่องมอเตอร์ไซค์อยู่ตรงนั้นสิ คิมมินซอกหน้ายู่ลงเล็กน้อยแล้วบอกว่าพวกนั้นไม่ให้ทำ
“ผมกำลังจะเป็นง่อย”ลู่หานหัวเราะ
เออเนาะ ไปทางไหนก็ไม่มีใครให้ทำอะไร ลงเกษตรกรรมก็ทำไม่ไหว
มาประกอบอะไหล่ก็ทำไม่ได้ คงต้องรอไปลงคหกรรมนู่น
ลงงานคหกรรมด้วยกันแค่สองครั้งแต่คิมมินซอกได้สูตรขนมมาจากซึงฮยอนเยอะเลยล่ะ
“ลองพ่นสีไหมล่ะ”เขาถามแล้วส่ายกระป๋องตรงหน้า
มินซอกครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า
“มืออาจเปื้อนนะเว้ย
ไม่มีถุงมือให้หรอก”เขาบอก เพราะมือของตนเองก็เปื้อนสีแดงไปบ้างแล้ว
มินซอกยิ้มน้อยๆ บอกไม่เป็นไร
“ต้องถอดเสื้อมาปิดจมูกเหมือนฮยองไหม?”ถามเหมือนจะซื่อหรือโง่ลู่หานไม่แน่ใจ
ทำท่าจะถอดเสื้อออกจริงๆแต่ลู่หานก็คว้ามันไว้ก่อน แก้ปมแขนเสื้อที่มัดอยู่ของตัวเองออกแล้วดึงเสื้อที่กองอยู่ที่คอเพราะดึงลงกินน้ำเมื่อครู่ออก
ดมเล็กน้อยก็ยังไม่ได้กลิ่นเหม็นเท่าไหร่
“เอาอันนี้”ว่าแล้วสวมผลุบเข้าที่หัวอีกคน
ดึงให้คอเสื้อคั่นอยู่ที่ดั้งจุ๋มจิ่ม แล้วหมุนตัวอีกคนกลับหลังหันมามัดแขนเสื้อ
ถามว่ารัดแน่นไปไหมมินซอกก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่
“ลองพ่นอันเล็กๆแล้วกัน”ลู่หานบอกแล้วจับกระจังหน้าวางลงกับกระดาษหนังสือพิมพ์
มินซอกเขย่ากระบอกสเปรย์เหมือนที่ลู่หานทำ
“พ่นเบาๆก่อนแล้วค่อยลงน้ำหนักมือลงไปให้คงที”ร่างเพรียวคอยบอกอยู่ใกล้ๆ
มินซอกค่อยๆกดมือลงก่อนในทีแรก ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักมือขึ้นเรื่อยๆตามคำบอก
สีแดงสดเป็นละอองถูกพ่นทับบนกระจังหน้าสีเดิม
“พ่นให้ทั่วอย่าเพิ่งปล่อยมือนะ
รักษาน้ำหนักไว้”เสียงลู่หานยังบอกต่อเนื่อง
มินซอกยังไม่ปล่อยนิ้วออกแขนเล็กเคลื่อนวนรอบชิ้นกระจังหน้ารถจนเมื่อมันเรียบเสมอกันด้วยสีแดงนั่นล่ะ
มือเล็กถึงผ่อนแรงออก
รอยยิ้มเผยเล็กๆใต้เสื้อยืดที่ปิดอยู่
พอใจกับผลงานตัวเอง ลู่หานปลดกระป๋องสีจากอีกคนมา เทียบสองชิ้นแล้วก็ถือว่าโอเคอยู่
แม้มินซอกจะพ่นเบากว่าเขาไปหน่อยก็ตาม
ลู่หานยกแขนข้างหนึ่งปิดจมูกแล้วกดสเปรย์ไปบนชิ้นกระจังหน้าบางๆซ่อมส่วนที่ยังไม่เรียบร้อยดีให้สมบูรณ์
“โอเคไหมฮะ?”เสียงเล็กๆเอ่ยถาม
ลู่หานยกนิ้วทำท่าโอเค “ก็ใช้ได้ แต่ทุกชิ้นสีมันต้องเท่ากัน น้ำหนักมือเรามันไม่เท่ากันอยู่แล้ว
เพราะงั้นเดี๋ยวนายไปนั่งรอดีกว่า พ่นแป๊บเดียวเท่านั้นล่ะ”ลู่หานบอก
มินซอกก็เข้าใจดี คนตัวเล็กปลดเสื้อยืดของอีกคนออกแล้วส่งคืนให้ลู่หานไปพันหน้าแทน
ตัวเองเดินมานั่งใต้ต้นไม้ที่เดิม
ส่วนตัวถังเป็นส่วนต่อไปที่ลู่หานเลือกจะพ่น
ลองเขย่ากระบอกสีดูแล้วเหมือนจะใกล้หมดเต็มทีจึงต้องเอากระบอกใหม่มาเปิด ถ้าเกิดสีหมดก่อนที่จะพ่นเสร็จอาจจะทำให้สีไม่กลืนกัน
ตอนที่เปลี่ยนกระป๋อง สีเก่าอาจจะแห้งไปบางส่วน ยากจะแก้ให้กลืนกันได้
“มินซอกแกะกระบอกที่เหลือรอไว้สักสองอันสิ”ลู่หานตะโกนบอกคนที่นั่งใต้ต้นไม้
มินซอกเลยแกะพลาสติกแรปกระบอกสีสเปรย์ออกให้ตามคำสั่ง
ชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซค์อันแล้วอันเล่าถูกพ่นทับสีเดิมด้วยสีใหม่ที่แสนจะร้อนแรง
ลู่หานปาดเหงื่อ เดินไปดื่มน้ำบ้างบางครั้งแล้วก็ต้องรีบกลับมาพ่นสีเหมือนเดิม
ดูท่าลมจะใกล้หมดเต็มที ไม่เช่นนั้นเวลาพ่นจะไม่มีทิศทางที่สเปรย์จะปลิว
มันจะอัดเข้าตัวคนพ่นเอง
“พรุ่งนี้ก็ทำได้นี่นา”มินซอกร้องบอก
แต่ลู่หานกลับส่ายหน้า เขาไม่อยากให้มันค้างคานาน
พรุ่งนี้กะจะไปทดลองเครื่องที่พวกไอ้จงอินทำเสียหน่อย
อีกอย่างไอ้โครงพวกนี้อาจต้องเพ้นท์เพิ่มหรือติดลายเข้าไป ไม่มีใครจะมาขี่รถมอเตอร์ไซค์สีโล้นแบบนี้หรอกใช่ไหมล่ะ?
ร่างเล็กยกมือมาเท้าคางมองแผ่นหลังเปลือยเปล่ากระทบกับแดดจนเป็นกระกาย
ท่าทางของลู่หานกระฉับกระเฉงดีแม้จะไม่ได้ตัวใหญ่มากแต่ก็ทำงานได้ทุกอย่าง
ดูลักษณะคล้ายใครบางคน...
มินซอกปาดน้ำตาที่รื้นขึ้นมา
พอคิดถึงคนๆนั้นก็อดไม่ได้ที่จะต้องร้องไห้ออกมา
ถึงจะรู้ว่าต่อให้ร้องไห้ขนาดไหน...คนๆนั้นก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้
ไม่มีทางที่คนตายจะฟื้นกลับคืนมาอีกครั้งได้เลย...
ไม่มีทาง...
TBC.
ตอนนี้น้อยง่อว์
มันหมดแล้วเจรงๆ เนื้อถ้าเอามายัดมันจะไม่ฟลิน 55555
น้องติ๋มเริ่มจะพูดมากขึ้นแล้วนะ
นางเริ่มมีบทเว้ย ก๊ากกก
ส่วนตัวเราก็ชอบคาแร็กเตอร์จงอินนะ
แม่งเท่ว่ะ ตัวดำๆหัวเกรียนๆ คิดถึงพี่แบ้งค์วงแคลช (เอ่อะ)
ส่วนเรื่องดอกไม้
ฟอร์เก็ตมีนอตกับดาวกระจายฝรั่งนี่มันก็ไม่ได้แพงอะไรอ่ะค่ะ
ฟอร์เก็ตมีน็อตเอาจริงๆซื้อตลาดต้นไม้ก็35บาท
3ต้น100ก็มี แต่เพราะมันตายง่าย น้องติ๋มเลยคิดว่าเสียตังค์ที่ต้องคอยปลูกน่ะค่ะ
555 อันนี้คือฟอร์เก็ตมีน็อตบ้านเรานะ ไม่ใช่ฟอร์เกตมีน็อตฝรั่ง
แต่ราคาก็ไม่น่าจะห่างกันมากหรอกค่ะ
ส่วนดาวกระจายฝรั่งก็ซองละ20ปลูกได้เป็นแปลงแล้ว
เพราะฉะนั้น...น้องติ๋มไม่ได้รวยแต่อย่างใดนะคะ 5555555555
#พี่ลู่คนคุก นะจ๊ะนะ
เม้นก็ดีนะ
เม้นเหอะ *บูชาด้วยพี่ลู่*
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น