เป็นคนเลวของสังคมมันดีหรือเปล่า?
มีที่ให้นอน
มีข้าวให้กิน แลกกับการถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน…
บทที่1.2…
บรรยากาศน่าอึดอัด ลู่หานถูกให้ยืนตรงหน้าแท่น
เป็นจุดสนใจอยู่กลางศาล
ตรงหน้ามีคณะผู้พิพากษาไม่กี่คนนั่งอยู่บนบัลลังก์หลังซี่กรงเหล็ก ลู่หานคิดว่าศาลจะเป็นแบบเปิดให้ผู้ต้องหาอยู่ใกล้กับผู้พิพากษาเหมือนในหนังเสียอีก
แต่มันไม่ใช่เลย ไม่ว่ามองไปทางไหน
ที่ยืนของผู้ต้องหาก็จะถูกรายล้อมด้วยลูกกรงเสมอ
เหมือนกับบอกย้ำว่าคนผิดเมื่อถูกจับได้ย่อมไร้อิสระ
ต้องอยู่ใน “กรง” ตลอดเวลา ถูกพันธนาการด้วยเหล็กหนา ไร้หนทางจะหนีรอด
ให้มันสอนใจ
ให้เราคิดได้ว่าไม่ควรทำผิดอีกเป็นครั้งที่สอง...ถ้าอยากมีอิสระ
“นายลู่หาน
มียาเสพติดคือยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
จับกุมได้พร้อมของกลางในกระเป๋าจำนวน50เม็ด ยอมรับข้อกล่าวหานี้ไหม”
“ยอมรับครับ”
“ผู้ต้องหายอมรับผิด อีกทั้งเป็นการถูกจับกุมครั้งแรก
ศาลของพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลาสองปี จะยอมรับการพิจารณาคดีหม”
.
.
.
“ยอมรับครับ”
เพียงแค่ยอมรับคำตัดสินนั้น
ลู่หานก็ถูกคุมให้เดินออกจากศาล
ตำรวจผู้คุมเหวี่ยงเขาเข้าไปในห้องขังใหม่ซึ่งเข้าไปได้ผ่านประตูอีกบาน
ในนั้นมีคนที่ถูกเรียกมาก่อนหน้าอยู่เกือบหมด
อาจมีบางคนที่ญาติยื่นหลักทรัพย์ประกันจะถูกกันตัวออกไปอีกทาง
ลู่หานเดินไปนั่งนั่งที่โต๊ะไม้ข้างๆจงอิน
เห็นน้องมันมาหานึกว่าจะยื่นประกันตัวเสียอีก กวาดสายตามองไปรอบๆห้อง
เด็กคนนั้น...
“กี่ปีวะ”ลู่หานชะงักสายตาที่กำลังจ้องมองไปยังเด็กหน้ากลมๆทื่อมินซอกคนนั้น
เขาหันกลับมามองจงอินที่จ้องกันพร้อมคำถามเมื่อครู่
“สอง แล้วมึงอ่ะ”
“สามว่ะ กูพกเยอะ
วันนั้นส่งหลายที่”ถือเป็นคราวซวย มียาติดตัวเยอะโทษก็เยอะตามเม็ดยา
ไอ้สามปีที่ว่าคงมากกว่า100เม็ดกระมัง ดูท่าแล้วจงอินมันคงจะเป็นขาใหญ่ แน่นอนว่าใหญ่กว่าลู่หาน
เพราะเขาเองส่งทีไม่เคยเกิน100เม็ดมาก่อน
ส่วนมากลูกค้าของลู่หานจะเป็นเด็กมัธยมปลายโรงเรียนแถวๆนั้นกับพวกแรงงานจ้างเหมาที่ต้องการความอึดในการทำงานแลกเบี้ยเลี้ยงที่สูงขึ้น
ปล่อยทีละ5-10 วันหนึ่งๆก็ได้สองสามราย
ตอนถูกจับนั่นถือว่าพกไว้เยอะกว่าทุกวันด้วยซ้ำ
“บ้านหลังใหม่ของพวกเราแม่งจะเป็นยังไงวะ”จงอินถามลอยๆ
ตำรวจผู้คุมบอกกับเขาว่าช่วงเวลาอาทิตย์แรกจะถูกขังในเรือนจำที่อยู่ข้างๆศาล
หลังจากนั้นจะถูกส่งตัวไปยังเรือนจำอื่น หรืออาจเป็นทัณฑสถานที่ต่างๆ
ตามดุลพินิจของศาล
“ก็ขอให้ไม่แย่เท่าที่กูคิดไว้แล้วกัน”จงอินหัวเราะกับคำตอบของลู่หาน
ไอ้แย่ที่ว่านี่แย่ขนาดไหนกัน?
“เฮ้ย ไอ้ติ๋ม
มึงลงไปนั่งพื้นนู่น”เสียงดังมาจากอีกฝั่งของห้องขัง
ทั้งจงอินและลู่หานมองไปยังต้นเสียง ผู้ชายตัวโต
อายุรุ่นเหยียบสามสิบผลักหัวเด็กผู้ชายที่นั่งบนโต๊ะไม้แรงๆ
เด็กนั่นลนลานลงไปนั่งที่พื้นแทบจะทันที ใบหน้ากลมๆมีแต่ความขลาดกลัว
ชันเข่าขึ้นกอดแน่น
ผู้ชายคนนั้นยังไม่หยุดผลักหัวของเด็กที่ชื่อมินซอก
เอ่ยคำผรุสวาสเสียงดังอย่างไม่กลัวเกรงเพราะไม่มีตำรวจผู้คุมอยู่ด้วยในตอนนี้
“เด็กอย่างมึงนี่หัดเจียมไว้หน่อย
รู้มั่งว่ากูรุ่นไหน ที่บนโต๊ะน่ะไว้ให้พวกกูนั่ง ไอ้เด็กขี้ยาตัวกะเปี้ยกแบบมึง
นู่น ที่พื้นนู่น จำใส่สมองเอาไว้”ก้านนิ้วหยาบจิ้มเข้าไปที่หน้าผากของมินซอกย้ำๆ
คนที่ชันเข่าขึ้นกอดพยักหน้าอย่างเข้าใจ ใบหน้าที่หวาดกลัว ดวงตาที่ขลาดเขลา
ดูยังไงก็ไม่มีทางสู้
ไอ้พวกเหี้ย
เหี้ยจากโลกข้างนอกยังจะมาเหี้ยเบ่งใหญ่ในคุกในศาล แม่งเหี้ยได้ใจจริงๆ
ลู่หานจะลุกไปช่วยคนถูกรังแกเมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นใช้มือจิกผมของมินซอกดึงทึ้งหัวของเด็กนั่นไปมา
เสียงร้องแผ่วเบาเล็ดรอดจากริมฝีปากสีซีด
“อย่า”เป็นจงอินที่ห้ามเอาไว้ ลู่หานมองอีกคนไม่เข้าใจ
เห็นอยู่ว่าถ้าไม่ช่วยบางีผมของคนตัวเล็กอาจหลุดติดมือไอ้ห่ารากนั่นมาทั้งกระจุก
“ให้มันใหญ่ไปเหอะ...เดี๋ยวถูกส่งเข้าแดนก็รู้เรื่อง”
ลู่หานไม่เข้าใจ...แต่ก็ยอมนั่งลงที่เดิม
ถึงจะหงุดหงิดใจกับน้ำตาที่คลอเบ้าตาลึกโหลนั่นก็ตามที ถ้าเด็กนั่นหัดต่อสู้สักนิด
ขัดขืนเสียบ้างก็คงดี
อ่อนแอ ปวกเปียกแบบนี้
แล้วจะใช้ชีวิตในคุกรอดงั้นหรือ?
เสียงไขประตูเปิดของตำรวจผู้คุมทำให้ไอ้ใหญ่ที่อวดเบ่งอยู่ชะงักไปนิด
มันถอยออกจากคนตัวเล็กที่คุดคู้น่าสงสาร
ยังไม่วายเตะเข้าที่สีข้างของมินซอกอย่างจัง ลู่หานเชื่อว่าตำรวจผู้คุมเห็นภาพนั้น
แต่ไม่มีการตักเตือนใดๆ
คงเป็นเรื่องปรกติที่เห็นผู้ต้องหาทะเลาะกัน
สุดท้ายแล้วการพิจารณาคดีก็สิ้นสุดลง
ว่าที่นักโทษชายเหลือเพียงเจ็ดคนเท่านั้น
ตำรวจผู้คุมจัดการล็อกกุญแจมือของลู่หานเข้ากับอีก6คนที่เหลือผ่านโซ่เหล็ก
จากนั้นจึงเดินนำเราทั้งหมดไปขึ้นรถกระบะ
จุดหมายของรถกระบะคงไม่พ้นเรือนจำที่อยู่ข้างๆนี้เอง
เราทุกคนถูกพาเข้าประตูเหล็กหนาใหญ่ยักษ์
รอบรั้วปูนประดับด้วยลวดหนามขดที่ใครก็ฉลาดพอจะรู้ว่ามันมีกระแสไฟฟ้าปล่อยเอาไว้ตลอดเวลาเพื่อกันนักโทษหนี
กุญแจมือและโซ่ล่ามถูกปลดออกทีละคน
ลู่หานสะบัดมือไปมาด้วยความปวดร้าว ที่ข้อมือปรากฏรอยแดงจางๆ
จงอินยกมือขึ้นหักนิ้วดังกรอบแกรบ คงจะเมื่อยมือเหมือนกัน
“ขอต้อนรับสู่เรือนจำ
ที่ซุกหัวนอนที่ใหม่ของพวกมึง”ผู้คุมในชุดสีกากีเดินอยู่ด้านหน้าเอ่ยพูด
ที่เอวมีพลองไฟฟ้าเพื่อใช้ในเวลาฉุกเฉิน...หรือถ้าไม่ฉุกเฉินมันคงถูกหยิบมาใช้เวลาที่ไม่พอใจใครขึ้นมา
“อยู่ที่นี่
ใครกร่างใครใหญ่ใครเจ๋งกูไม่สน ที่นี่มีกฎ และพวกมึงต้องทำตาม”
“มาก่อนเป็นพี่
มาหลังเป็นน้อง ผู้คุมคือพระเจ้า ท่องเอาไว้ให้ดี จำให้ขึ้นใจ
แล้วถ้าใครอยากโชว์เบ่ง...กูจะซัดพวกมึงจนหมอบคาตีน เพราะฉะนั้นอย่ามาเก๋าในนี้”คำพูดคำจาฟังแล้วรู้ว่าเอาจริงแน่ๆ
ไอ้ใหญ่ที่รังแกชาวบ้านในห้องขังของศาลยังต้องหง๋อหน้าซีดเซียวเมื่อได้ยินแบบนั้น
ก็แหง๋ล่ะ
สองมือสองเท้าจะไปสู้อะไรกับคนมีอาวุธและพวกพ้องแบบนั้นกัน
“อยู่นี่ไม่มีใครสวยหล่อเกินพวกกู
ผมมึงต้องสั้น เครื่องประทินผิวมึงห้าม อะไรเกี่ยวกับความงามมึงไม่มีสิทธิใช้
สิ่งเดียวที่มึงมีได้คือสบู่และแชมพู...รู้ใช่ไหม?
กูหมายถึงอะไร”ผู้คุมคนเดิมยังเดินวน
สายตาที่ดูคมเฉียบไม่ได้ล้อเล่นวนอยู่แถวๆลู่หานกับจงอินจนรู้สึกได้
“มึง...มึง...มึง
แล้วก็มึง ออกมาข้างหน้า”นิ้วหยาบชี้หน้าลู่หาน จงอิน เด็กมินซอก และผู้ชายอีกคน
ถ้าจะถามว่าทำไมคงเป็นเพราะทรงผมวัยรุ่นนิยมที่พวกเราไว้อยู่นี่กระมัง
แล้วก็จริงดังคาด
ผู้คุมอีกคนถือกรรไกรและแบตตาเลี่ยนเข้ามา
เด็กมินซอกถูกเรียกไปนั่งที่เก้าอี้พลาสติกก่อนเป็นคนแรก เด็กขี้กลัวก็รีบแจ้นไปแทบจะทันที
“หน้าตาน่ารักนี่มึง
กูจะสงเคราะห์ไม่ไถเกรียนให้
เอารองหวีก็พอ”เสียงหัวเราะของผู้คุมยามจับผมยาวระต้นคอของคนหน้ากลมนั่นยิ่งทำให้มินซอกยิ่งกลัวลนลาน
เด็กนั่นหลับตาสนิท ฟังเสียงกรรไกรที่ดังฉับๆอยู่ข้างหู
ปอยผมค่อยๆร่วงลงสู่พื้นปูนซีเมนต์
ลู่หานมองภาพนั้นแล้วจินตนาการถึงผมของตัวเอง ถ้าได้รองหวีแบบนี้คงดี
ให้เรื่องไถหัวจนโล้นไปหมดนี่ไม่อยากจะให้เกิดเสียเท่าไหร่นัก
“เอ้าไป
น่ารักกว่าเดิมเยอะเลยมึง”แถมท้ายด้วยการตบเบาๆที่หัวทุยๆ
ก็น่ารักดี...คิมมินซอกไม่ได้ดูแย่ในทรงรองหวีแบบนี้
ตรงข้าม เหมือนจะหน้าเด็กลงเสียด้วย
ไม่นานการตัดผมก็สิ้นสุดลง
ลู่หานยกมือลูบผมที่เหลือติดหัวไม่เท่าไหร่ ไม่โดนโกนอย่างที่คิดไว้
เพียงรองหวีสั้นกว่าคนตัวเล็กนิดหน่อย จงอินถูกไถเป็นสกินเฮด
ก็เข้ากันดีกับหน้าเถื่อนๆผิวคล้ำๆของมัน แต่กับอีกคนดูท่าจะถูกผู้คุมหมั่นไส้หรือเปล่า
เล่นโดนไถหัวจนโล้นไปหมดแบบนั้น
เสื้อผ้าชุดใหม่ถูกโยนกองไว้ตรงหน้า
ลู่หานหยิบมันขึ้นมาพิจารณา
กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาว...ไม่เหมือนในหนังอีกแล้วสินะ
ไหนล่ะชุดสีเรียบแขนยาวขายาว ลู่หานไม่เห็นว่ามันจะเหมือนในหนังตรงไหนเลย
...ชีวิตจริงมันมักจะโหดร้ายกว่าเสมอ...
“กูให้เวลามึงสิบนาที
อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วไปเจอกูที่หน้าเสาธง ใครช้าโดนตีน...อ้อ...ไม่ใช่ตีนกูนะ
แต่เป็นตีนรุ่นพี่พวกมึง”รอยยิ้มร้ายกาจของผู้คุมปรากฏขึ้น
ลู่หานพอจะเดาได้ว่าตีนรุ่นพี่นั่นคือสหบาทาจากนักโทษหลายสิบคนรุมยำกระทืบจนไม่มีช่องว่างให้ลุกได้
...ซึ่งลู่หานไม่คิดจะเป็นคนที่ช้าในการอาบน้ำแน่นอน
“เอ้า
ไปได้แล้ว! หาห้องน้ำกันให้เจอด้วยล่ะ”เหมือนได้ยินเสียงนกหวีดของการแข่งขันอะไรสักอย่าง
ลู่หานวิ่งไม่คิดรอใคร เขาเห็นว่าห้องน้ำอยู่ทางไหน จงอินมันวิ่งตามเขามาติดๆ
หันไปมอง ไอ้เด็กมินซอกยังยืนมองล่อกแล่กไม่รู้จะไปทางไหน
ลู่หานสบถก่อนจะวิ่งกลับไปดึงแขนที่ผอมแห้งให้วิ่งตามไปด้วยกัน
“ยืนบื้ออยู่ทำไมวะ
อยากโดนรุมตีนเพราะช้าหรือไง”
อยากรู้จริง
เด็กคิมมินซอกแม่งจะมีชีวิตรอดได้เกินสองวันไหม?
TBC.
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น