ถามตัวเองรอบที่เท่าไหร่...ก็บอกไม่ได้ว่าใครกันอยากจะเลว
บทที่7.2…
พลั่ก
ร่างสูงของอู๋อี้ฟานหรือไอ้เหี้ยผู้กองคริสตามที่ลู่หานเรียกถูกดันกระแทกกับกำแพง
ดวงตากลมโตของคนที่กำมือที่คอเสื้อของผู้กองคริสนั้นยังคลอเอ่อด้วยน้ำตา
ลู่หานกัดฟันแน่น กระแทกมือย้ำๆไปที่คอของคริส ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบหน้าอย่างไม่คิดจะเช็ด
เสียงตบประตูห้องน้ำยังดังพร้อมเสียงเรียกของอี้ชิง
มีเสียงผู้คุมอีกเป็นฝูงที่กำลังพยายามเปิดประตูออก
ลู่หานไม่สนใจเสียงคอมแบทที่ถีบแรงๆที่ประตู
ให้โดนรุมตีนจนกระอักเลือดตายเขาก็ไม่สนใจ แค่ให้ได้เอาเลือดเหี้ยๆของไอ้สัตว์ตรงหน้าออกก็เป็นพอ
คริสยังตีหน้าเรียบทั้งที่ปรายตาก้มมองลู่หาน
เหมือนคนไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรสักนิด
“มึง! เพราะมึง แม่กู...ของของกู
ไอ้เหี้ยเอ้ย!!”กระแทกแรกเข้าไปที่คอของร่างสูงอีกครั้ง ลู่หานเหมือนหมาบ้า มืออีกข้างชกต่อยไปที่ตัวของผูกองตัวสูง
เพราะมันทำให้เขาเข้ามาอยู่ในคุกแบบนี้
มัน...เพราะมัน แม่ถึงตาย
“มึงแน่ใจนะว่าเพราะกู
ถ้ามึงไม่เลวเองมึงจะโดนจับหรือไง”เสียงทุ้มของคริสเอ่ยเยาะ
เขาคลายมือที่จับคอเสื้อตัวเองออกอย่างนิ่งๆ ปรายตามองเยาะหมาบ้าที่กัดฟันกรอด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าดวงตาฉ่ำน้ำของลู่หานช่างน่ามอง มันทำให้คริสรู้สึกดี
รู้สึกว่าเป็นผู้ชนะ
เหมือนตอนที่จับมัน...ตอนที่มันหมดทางหนี...คริสก็รู้สึกราวกับเป็นผู้ชนะ
แม้จะเป็นแค่ตัวขายรายเล็กๆ
แต่เพราะไม่เคยจับลู่หานได้เลยสักครั้ง จนหลายคนตราหน้าว่าเขาเป็นผู้กองไร้น้ำยา
การที่จับมันได้จึงถือเป็นความสะใจลึกๆส่วนตัว
คริสรู้จักครอบครัวของลู่หานดี
ลู่หานอยู่กับแม่และน้องชาย แม่ของมันเป็นคนดี
หลายครั้งที่เจอกันหญิงสาวคนนั้นยกมือไหว้เขาพร้อมกับรอยยิ้ม ซ้ำยังบอกฝากฝังอี้ชิง
ลูกชายคนเล็กกับเขาด้วยเพราะเด็กน้อยตัวขาวซีดคนนั้นกำลังตั้งใจอยากจะเป็นตำรวจ
จะโทษเขาได้ยังไง...ถ้าจะโทษ
ลู่หานควรจะโทษตัวเอง ที่เลือกทางผิดเอง...
เขาเป็นตำรวจ
การที่จับคนผิดมาลงโทษมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องหรือ...ถึงแม้จะรู้สึกแย่เล็กน้อยตอนที่ไปบอกเรื่องลูกชายคนโตของเธอถูกจับ...แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น
จำได้ว่าเพียงแม่ของมันรู้ว่าลูกชายถูกจับ
เธอก็ล้มลงทันที คริสถลันเข้าไปประคองร่างของหญิงสาวเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
มือที่หยาบกร้านเพราะกรำงานหนักยกทาบที่ตำแหน่งของเนื้อก้อนเท่ากำปั้นที่อกซ้ายแล้วบีบกำมันอย่างรุนแรง
ดวงตาของเธอเบิกโพลง
...ก่อนจะสิ้นใจในที่สุด
จางอี้ชิงกลับมาถึงบ้านหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที
เสียงกรีดร้องดังลั่น ตามด้วยเสียงรถตำรวจที่คริสเพิ่งวอเรียก
“แม่เราไปสบายแล้วนะ”คริสบอกคำนี้กับเด็กผู้ชายตัวขาวที่ยื้อตัวจะเข้าไปหาร่างที่ถูกพันด้วยผ้าห่อศพ
อี้ชิงโวยวายลั่นไปหมด กว่าจะสงบลงก็กินเวลาไปนานแสนนาน
สุดท้ายก็หลับคาอกของคริสไปพร้อมมือที่ยังไม่หยุดลูบที่ผมนิ่ม
“มึงทำไมไม่ช่วยแม่กู”ลู่หานตวัดสายตาฉ่ำน้ำมองถาม
มือก็กลับกระชากคอเสื้อของร่างสูงอีกครั้ง คริสทำเพียงยกมุมปากขึ้น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ช่วย แต่ช่วยไม่ทัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นโรคหัวใจ เมื่อได้รับเรื่องที่สะเทือนจิตใจ
หัวใจจึงล้มเหลวแบบเฉียบพลัน
ถามว่าคริสไม่รู้สึกอะไรหรือที่เห็นคนตายไปต่อหน้า...
ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ความผิดของเขา...ถ้าจะโทษ
ลู่หานมันต้องโทษตัวเองเท่านั้น...
“อย่าเอาแต่โยนความผิดให้คนอื่นสิ...มึงควรสำนึกว่าที่แม่มึงต้องตายก็เพราะตัวมึงเอง
เพราะมึงมันเลือกจะขายยาเอง
มึงโทษว่ากูผิด...กูผิดงั้นสิที่จับคนเลวอย่างมึงเข้าคุก
ทำไมมึงไม่โทษตัวเองล่ะลูหาน”
“...”
“มึงหนีไปไม่พ้นหรอกว่าที่แม่มึงต้องตายก็เพราะมึงเอง...เพราะมึงค้ายา
เพราะมึงเลวเอง”
นั่นสินะ...ลู่หานหนีไม่พ้นกับความจริงที่ว่าเขาเอง...เขาเองที่ฆ่าแม่ของตัวเอง
น้ำตายังไหลไม่หยุด
ลู่หานหลับตาลงปล่อยให้ทั้งร่างสะอื้นจนสั่นคลอน
ข้อมือที่กำคอเสื้อร่างสูงถูกจับปลด
ผู้กองคริสรั้งคนที่ร้องไห้ฟูมฟายเข้ามาโอบเอาไว้ มือใหญ่ยกขึ้นวางบนหัวของลู่หานแล้วลูบมันเบาๆ
รอยยิ้มร้ายปรากฏที่มุมปาก
“มันผ่านไปแล้ว
มึงแก้ไขอะไรไม่ได้ ต่อให้ไม่ใช่กูที่เอาเรื่องมึงไปบอกแล้วทำให้แม่มึงช็อค
ถ้าเป็นคนอื่น...แม่มึงก็ต้องเสียใจเหมือนกัน”
“...”
“แต่ก็อย่าจมกับความผิดของตัวเอง...มึงยังมีน้องอยู่นะเสี่ยวลู่”
ใช่...เขายังมีน้องชาย
อี้ชิง...อี้ชิงของเขา
“อี้ชิง...”พึมพำชื่อน้องชายเสียงแผ่ว
คริสมองคนที่อ่อนแรงในอ้อมกอด มอใหญ่ยังคอยลูบหัวของลู่หาน
ปลอบประโลมด้วยเสียงกระซิบที่ข้างหู
“มึงอยากจะแก้ตัวไหมล่ะ...อยากเป็นคนดีหรือเปล่า”
“...”
“อยากจะรีบออกไปหาน้องมึงไหม?
มึงก็รู้ว่าตอนนี้น้องมึงไม่มีใคร”
“...”
“ถ้าอยากจะออกไป...กูมีข้อเสนอ”
ค น คุ ก
ทันทีที่ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก
ร่างของลู่หานก็ลอยหวือลงไปกองที่พื้น เสียงหวีดร้องของน้องชายดังลั่น
ได้ยินเพียงว่าบอกให้ปล่อยพี่ชายของตน
สลับกับเสียงเรียกชื่อของใครที่อยู่ในห้องน้ำกับเขาเมื่อครู่
แต่เสียงเล็กๆไร้อำนาจนั่นก็ไม่อาจจะหยุดรองเท้าคอมแบทที่ประโคมเข้ามาได้เลย
พลองประจำกายผู้คุมฟาดเข้ามาที่สะบักขวา ลู่หานร้องลั่น
ที่ชายโครงถูกมุมของรองเท้ากระแทกจนปวดไปหมด
ใบหน้าหันไปตามแรงกระแทกของเขาและเท้าของผู้คุมทั้งหลาย มีเพียงผู้คุมคิมที่ยืนอยู่ห่างออกไป
ลู่หานยกยิ้มน้อยๆที่เห็นแววตาสงสารมาจากผู้คุมที่เขาสนิทสนม
“พอเถอะครับ
ผมไม่ได้เป็นอะไร
นักโทษคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผม”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยให้ผู้คุมทั้งหลายหยุด
เห็นได้ชัดกับตาว่าจางอินซูเป็นคนสุดท้ายที่เตะอัดเข้ามาที่ร่างของลู่หาน
“พี่”เป็นอี้ชิงที่ถลาเข้าไปหาพี่ชาย
นักโทษคนอื่นมามองดูกันด้วยความตกใจและสงสัย
ตั้งแต่มีการเยี่ยมญาติใกล้ชิดมาไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยสักครั้ง
ลู่หานพยุงตัวขึ้นยืนด้วยความช่วยเหลือจากน้องชาย
เขามองไปด้านหนึ่งไอ้จงอินกำลังทะเลาะกับผู้คุมที่กั้นไม่ให้นักโทษคนอื่นเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้
น้องชายตัวขาวของมันดึงแขนของมันเอาไว้
ร่างของลู่หานลอยหวือออกจากการประคองของน้องชาย
ผู้คุมสองคนเข้ามาหิ้วปีกของเขาเอาไว้
คริสดึงอี้ชิงเข้ามาชิดกายเพราะเห็นเด็กตัวขาวกำลังร้องไห้อย่างเสียขวัญ
มองพี่ชายของตัวเองถูกหิ้วตัวไป
“อย่าร้องนะอี้ชิง
กลับบ้านเถอะ...งานวันนี้สำหรับเรามันจบลงแล้ว”
ทั้งร่างถูกโยนลงไปที่เตียงพยาบาล
ลู่หานกลิ้งตกไปอีกด้านของเตียงเพราะไม่สามารถทรงตัวได้
บวกกับแรงถีบแรงๆจากผู้คุมคนหนึ่ง
“มึงนี่มันจริงๆนะ
เป็นบ้าห่าอะไรขึ้นมา มึงรู้ไหมว่ามึงป่วนงานวันนี้จนป่นปี้ไปหมด”คนที่เพิ่งถีบเขาสบถด่าเมื่อลู่หานพยุงตัวขึ้นมาจากพื้นได้
ลมหายใจของผู้คุมคนนั้นดังฟืดฟาด คงอยากจะเข้ามาประเคนตีนให้กันสักอีกสองสามครั้ง
“ทำแผลให้ตัวเองไปซะ
ดีนะที่ผู้กองขอมึงเอาไว้ ไม่งั้นมึงได้ตายคาตีนกูนี่แน่ รออยู่ในนี้
เด๋ยวกูจะพาคนนั้นเข้ามาหาตามที่ผู้กองบอก”พูดจบผู้คุมที่หิ้วเขามาก็ออกจากห้องพยาบาลไปพร้อมกับนิ้มชี้ที่ชี้หน้าลู่หานเป็นครั้งสุดท้าย
ร่างโปร่งทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง
ผ้าปูสีขาวสะอาดเปลี่ยนเป็นดวงด่างเพราะหยดเลือด
จะยกมือสัมผัสหัวที่ปวดหนึบหนับกลับพบว่าแขนมันชาจนยกไม่ขึ้น ลู่หานถอนหายใจกับร่างกายที่สะบักสะบอมของตัวเอง
คิดแล้วว่ายังไงก็โดน
แล้วก็โดนจริงๆ ความจริงแล้วไอ้เหี้ยผู้กองคริสจะห้ามเสียแต่แรกก็ย่อมได้
แต่มันคงอยากให้เขาโดนตีนพอกรุบกริบ นึกถึงมันขึ้นมาแล้วต้องกำมือแน่น
แน่นจนเจ็บร้าวไปทั้งแขนที่เจ็บอยู่เป็นทุนเดิม
“มึงไม่ห่วงน้องมึงเหรอ
รู้ไหมว่าน้องมึงไปทำงานพิเศษด้วยนะ...ที่บาร์”
คำพูดของมันยังก้องในหัว
อี้ชิงเหลือตัวคนเดียว...
เขาห่วงน้องชายที่สุด...ไอ้ผู้กองห่ารากนั่นบอกว่ามันคอยดูแลอี้ชิงอยู่
นั่นเป็นคำตอบได้ดีว่าทำไมอี้ชิงถึงคิดว่ามันช่างเป็นคนดีเลิศประเสริฐศรี แต่ลู่หานก็ยังเบาใจ
ถึงมันจะเป็นผู้กองเหี้ยสำหรับเขา แต่ดูรูปการแล้วมันคงดีกับอี้ชิงอยู่พอสมควร
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...เขาไม่ไว้ใจ...อี้ชิงยังเด็ก
เขาห่วงเกี่ยวกับน้องชายมากมายไปหมด
เพราะห่วง...ถึงยอมรับข้อเสนอบ้าๆนี่มา...
ถ้าทำสำเร็จ...เขาจะได้ออกไปจากที่นี่...ในทันที...
ลู่หานซี๊ดปากเมื่อขยับแขนแล้วรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
พยายามลุกขึ้นถอดเสื้อที่เปื้อนคราบเลือดออก มีแผลเปิดเลือดไหลอยู่ไม่กี่จุด
ที่หัว สะบักขวา และอาจจะที่น่อง น้ำเกลือล้างแผลถูกสำลีชุบและถูไปมาอย่างลวกๆ
แอลกอฮอล์ก็ด้วย สุดท้ายก็ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซแม้จะออกมายับๆเพราะความไม่ถนัดก็ดูดีกว่าเลือดท่วมในตอนแรก
ยาแก้ฟกช้ำถูกบีบและทาไปส่งๆ
ที่ชายโครงเป็นปื้นเขียวน่ากลัว และที่หัวไหลานั่นยังขัดๆและเจ็บทุกครั้งที่ขยับ
กระดูแขนก็ปวดไปหมดเหมือนจะหักขั้นนั้นทีเดียว
ลู่หานทำแผลเสร็จจึงเอนกายลงกับเตียงแผ่วเบา...รอ...คนคนนั้น
ที่ผู้คุมกำลังไปตามมาให้
คนที่เขาต้อง
“ร่วมงาน” ด้วย คนที่ผู้กองคริสบอกว่าเป็นคนของมัน...
ในวงการค้ายานั้น
มีกลุ่มใหญ่บางกลุ่มที่มีอิทธิพลจนไม่สามารถจะจับกุมได้
ผู้ทรงอำนาจบางกลุ่มกำลังหนุนหลังของพวกมันอยู่ เป็นแบ็คอัพชั้นยอดให้พวกมันขนยาออกขายได้อย่างเสรี
บางครั้งก็ขายออกนอกประเทศเสียด้วยซ้ำ กลุ่มใหญ่กลุ่มนั้นคือกลุ่มของแมงป่องห่าเหวอะไรสักอย่าง
ลู่หานก็ไม่ได้จำเหมือนกัน
จากข่าวที่มีคือกลุ่มนี้มีแบ็คอพัใหญ่
เป็นนักธุรกิจรายยักษ์ของเกาหลี แน่นอนว่าที่เกาหลีมันมีนักธุรกิจเป็นร้อยเป็นพันรายที่ทรงอิทธิพล
ทางตำรวจไม่สามารถจะสืบได้เลยว่าใครคือผู้หนุนหลังกลุ่มค้ายาเสพติดกลุ่มใหญ่กลุ่มนี้
แต่ถือว่าโชคยังเข้าข้างเมื่อทางการสามารถจับกุมสามาชิกกลุ่มนั้นได้คนหนึ่ง...และที่สำคัญ...มันอยู่ในเรือนจำแห่งนี้...ที่แดน1...แดนที่ลู่หานอยู่
แม้จะง้างปากมันด้วยวิธีไหน
มันไม่เคยเปิดปากเลยสักครั้ง ไม่เคยพูดว่าแท้จริงแล้วแบ็คอัพคนนั้นเป็นใคร
ต่อให้ขู่ว่าจะประหารมันทิ้ง มันยังยืดอกเดินเข้าลานประหารด้วยตัวเอง...
แน่นอนว่าตำรวจไม่ยอมประหารมันจริงๆแน่ และไม่มีทางไหนจะง้างปากมันได้...
เพราะฉะนั้น...”แผนปลอกกล้วย”
ชื่อแผนปัญาอ่อนแบบนี้ถึงถูกตั้งขึ้นมา...
ตามคำบอกของไอ้เหี้ยผู้กองคริส
มีสายหลายคนที่อยู่ในเรือนจำหลังนี่ และมากกว่าครึ่งอยู่ที่แดน1
ทุกคนแฝงตัวเข้ามาในฐานะต่างๆกัน ทั้งนักโทษ ผู้คุม และอื่นๆ
เขาเลยต้องร้องอ๋อเมื่อคิดได้ว่าทำไมผู้คุมถึงได้เชื่อฟังไอ้ผู้กองสังคังนั่นขนาดนั้น...
เพราะผู้กองคริสคือผู้นำของแผนปลอกกล้วยห่ารากนี่...
มองประตูห้องพยาบาลที่มีเสียงดังกุกกัก
คนคนนั้นคงมาถึงแล้ว เสียงผู้คุมเอ่ยบอกว่าให้รีบๆพูดคุยกัน
เพราะใกล้จะหมดเวลาเยี่ยมญาติใกล้ชิดแล้ว ก่อนที่บานประตูจะเปิดอ้าออก
ลู่หานมองคนที่เดินเข้ามาก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อใบหน้าของคนที่เดินมาหยุดปลายเตียงพยาบาลนั้น...เขาเคยเห้นมาแล้ว...
ดวงตาที่แสนจะเต็มไปด้วยเสน่ห์
เพียงได้มองก็ทำให้ต้องหลงได้ไม่ยาก เนื้อตัวขาวเนียน
เรียวขาใต้กางเกงขาสั้นที่อีกคนกำลังสวม...ลู่หานเคยเห็นมันมาแล้ว...ในห้องน้ำวันนั้น
“นาย...”
ได้แต่เรียกคนตรงหน้าเสียงเบา
อีกคนยกยิ้มหวานก่อนจะทรุดกายนั่นลงที่ปลายเตียง
ดวงตาแสนสวยเปลี่ยนรูปเป็นสระอิตามรอยยิ้มที่วาดขึ้นที่ริมฝีปาก
“ฉันชื่อคิมจุนมยอน...เป็นนางพญาของที่นี่”
TBC.
เห้อะระ....5555555555555555555555555555555
หายไปตามร้อยกว่าชาติ
คิดถึงกันมั้ย
ภาษาเห้กว่าทั้งมวล
ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าการเขียนฟิคคือไร ไปบุกป่าฝ่าดงทำงานมาเค่อะ...
อึ้งไหมกับนางพา
เห็นอยากรู้กันจั๊งงงงงงง ไม่ใช่คนที่คิดๆเลยสินะ หวายยยยยยยยย~~~
ใครอยากอ่านท่อื่น
http://malanggi.blogspot.com ค่ะ
ที่นั่นคือสรวงสวรรค์ของเราเอง
ปล้ำลู่...ไม่รู้จะต่ออีกวันไหน
อารมณ์ติสมาก และงานเยอะมาก เพราะฉะนั้น อย่ารอเลยนะ (ห๊ะ?????) 555555 ล้อเล่นนะ
รอหน่อยน้า กิกิ
#พี่ลู่คนคุก
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น