บางทีอะไรๆก็ไม่ได้แย่ไปเสียหมด
บทที่4.1…
คิมมินซอกปันอาหารในถาดหลุมให้จงอินที่ดูจะหิวโหยมากสุดๆ
เพราะโดนสั่งงดอาหารถึงเที่ยง เพิ่งจะมาได้กินก็ตอนมื้อเย็นนี่เอง ตอนว่างๆ
เวลาที่เหลือจนไม่รู้จะทำอะไร ลู่หาน จงอินและมินซอกก็ไปทำความรู้จักกับเพื่อนในแดนบ้าง
แล้วก็ไปลงงานแผนกซ่อมบำรุงเป็นที่แรก
แผนกซ่อมบำรุงก็คล้ายๆกับอู่ขนาดย่อมๆ
พวกเครื่องจักรที่พัง รถเสีย หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ จะถูกส่งมาที่แผนกนี้
มีบ้างที่ของต่างๆถูกส่งมาจากนอกเรือนจำ
หมายถึงพวกผู้คุมจะไปรับเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าพังๆมาแล้วให้นักโทษซ่อม
จากนั้นก็เอาไปขายต่อ เงินที่ได้ก็แบ่งครึ่งกัน
“ค่อยๆเคี้ยวก็ได้มั้งมึงอ่ะ”ลู่หานบอกคนที่เคี้ยวข้าวกร้วมกร้าม
ไอ้จงอินส่ายหน้าหวืด ยังโกยเอาข้าวเข้าปากไม่หยุด ตัวโตเป็นหมี
โดนอดข้าวไปตั้งสองมื้อเลยหิวโซแบบนี้
“เห้ย
ว่าไงวะเด็กใหม่ แหม มึงนี่ไม่ค่อยหิวเลยนะไอ้สัด” คนที่ถ้าลู่หานจำไม่ผิด
ชื่อแดฮยอนเดินมาเย้าแล้วตบหลังไอ้จงอินดังปุๆจนมันแทบสำลัก
เล่นเอาคว้าแก้วน้ำกันแทบไม่ทัน ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากกลุ่มนักโทษอีกกลุ่ม
บรรยากาศค่อนข้างจะแตกต่างกับเรือนจำศาล
ที่นั่นแม้ผู้คุมจะไม่ได้ลงมือลงไม้อะไรแต่เพื่อนนักโทษนั้นไร้ความเป็นมิตรกันสิ้นดี
แต่ละคนเหมือนอยู่ด้วยตัวเอง พยายามให้ตัวเองรอด ไร้ซึ่งมิตรสหายที่จริงใจ
มีแต่การประจบประแจงที่น่าสะอิดสะเอียน ส่วนที่นี่ดูเพื่อนร่วมแดนจะเป็นมิตรกันดี
แต่ละคนไม่ได้ถือยศอย่างว่าตนเองเข้ามาก่อนแล้วจะเป็นรุ่นพี่ที่ทำตัวอวดกร่างได้
แต่อย่างไรกฎการเคารพรุ่นพี่ก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม
เรียกว่าเป็น...ความเกรงใจกันมากมากกว่า
เมื่อมื้อเย็นจบลงลู่หาน
จงอินและมินซอกก็ต้องกรูเข้าห้องน้ำรวมเพื่ออาบน้ำกับเพื่อนร่วมแดนเหมือนที่เคยทำที่เรือนจำศาล
ลู่หานมองคนที่ไปแอบอาบน้ำที่มุมเหมือนทุกที
อยู่กันมาเป็นอาทิตย์
ลู่หานยังเห็นคิมมินซอกยังอายที่จะเปิดเผยเรือนร่างตัวเองอยู่เช่นเคย
ยิ่งต้องอาบน้ำรวมกับคนกลุ่มใหญ่ คนตัวเล็กยิ่งเหมือนจะขัดเขิน
เสื้อผ้าเลยยังอยู่บนร่างแบบครบเซท มีเพื่อนนักโทษหลายคนโห่แซวแต่มินซอกก็ได้แต่ก้มหน้างุดๆ
ตักน้ำราดๆตัว ฟอกสบู่ไม่ทันจะสะอาดก็ล้างเนื้อล้างตัวแล้วผลัดผ้าอย่างทุลักทุเลก่อนจะออกจากห้องอาบน้ำไป
“มึงบอกให้น้องติ๋มไปอาบในห้องส้มก็ได้นี่หว่า
น้ำไม่ได้สกปรกเสียหน่อย เห็นละขัดตาฉิบหาย
แล้วพวกนั้นก็แซวกันซะหน้าแดง”ไอ้จงอินบอก เพื่อนใหม่อย่างแดฮยอนและพวกของมันก็พยักหน้าหงึกหงัก
มินซอกไม่ใช่คนแรกที่เป้นแบบนี้...แบบนี้ติ๋มๆ
เรียบร้อยเกินกว่าจะเป็นผู้ชาย มีหลายคนในเรือนจำแห่งนี้
แดนหนึ่งเองเมื่อเดือนที่แล้วก็มีอยู่คน แต่ตอนนี้ถูกย้ายไปแดนสองเสียแล้ว
ค่อนข้างเหนียมอายแบบนี้ล่ะ
“มึงก็บอกเด็กนั่นสิวะ
ทำไมต้องเจาะจงว่าเป็นกู”ลู่หานพูดแล้วตักน้ำราดหัว ผมของเขามันเริ่มยาวมาแล้ว
อกไม่นานก็คงต้องตัดอีกรอบ แต่ดูผมไอ้จงอินนี่จะไม่ยาวง่ายๆ
“เออๆ
เดี๋ยวกูบอกก็ได้ไอ้เชี่ย
ไม่หวงเมียเลยนะมึงอ่ะ”ไอ้จงอินรับๆคำแล้วกระเซ้ากระแซะทำเอาลู่หานอดจะฟาดแม่งด้วยขันไม่ได้
ไอ้เหี้ยนี่
มันยังไม่เลิกใช่ไหมเรื่องเขากับมินซอกเนี่ย
ก็ยอมรับว่าน่ารักดี
แต่รสนิยมของลู่หานยังไม่เปลี่ยนเว้ยสัด ตัวเล็กหน้ากลมนมตู้ม
เด็กมินซอกนั่นไม่ตู้ม ไม่ใช่สเป็คหรอก
“พวกมึงจะอาบน้ำกันอีกนานไหม
รีบๆหน่อยก็ดีนะ”เสียงทุ้มต่ำของจางอินซูลอยมาจากหน้าห้องน้ำ
นักโทษคนอื่นรีบตักน้ำราดตัวแล้วผลัดผ้า
คงจะมีแต่ไอ้ห่าจงอินที่ยังตักน้ำเอื่อยๆไม่สนใจเสียงผู้คุมอินซูเลย
ไอ้เหี้ยนี่ก็กวนตีน ได้ข่าวท้องยังไม่หายเขียว อยากจะโดดนคอมแบทอีกมั้ง
ลู่หานหมั่นไส้แม่ง
ตักน้ำสาดๆใส่ตัวมันแล้วตบหัวไปที กระซิบด่าว่าให้เร่งเข้า
ได้ยินเสียงจิ๊ปากอย่างขัดใจแต่มันก็หยิบผ้ามาผลัด
เดินออกจากห้องน้ำไม่วายไอ้หมีควายยังไปสบสายตากับจางอินซูสักแวบหนึ่ง
สงสัยแม่งวอนตีน...
เรือนสิงห์...เรือนนอนหลังใหม่แต่บรรยากาศคุ้นเคย
ดีหน่อยตรงที่มีห้องน้ำแยกและมิดชิด เรื่องความสะอาดก็ดีกว่าเรือนจำศาลอยู่โข
พวกมันบอกว่าอยู่ด้วยกันความสะอาดก็ต้องช่วยกันรักษา
ทุกเรือนนอนที่นี่มีความสะอาดสะอ้าน ห้องน้ำเป็นเรื่องสำคัฯต้องทำให้ถูกสุขอนามัย
แหม...ช่วยไปบอกไอ้พวกที่เรือนจำศาลบ้างก็ดี
ลู่หานเดินไปทรุดตัวนั่งที่พื้นใกล้กับห้องน้ำอย่างรู้หน้าที่
ดีหน่อยที่คนอื่นมีปันน้ำใจโยนหมอนโยนผ้าห่มมาให้ปูรองนอน
โดนเฉพาะมินซอกดูท่าจะนอนสบายที่สุดเพราะได้ผ้ามาถึงสามผืน
ทุกคนดูเอ็นดูมินซอกดี
แม้ว่าจะโห่แซวกันบ้างจนคนตัวเล็กต้องก้มหน้างุด แต่ก็ยังปันน้ำใจมาให้
ไม่เหมือนเรือนจำที่ศาลที่คอยแต่จะกดคนที่อ่อนแอกว่าให้ต่ำลงเท่านั้น
“พรุ่งนี้คงมีฟูกมาให้
พวกมึงก็ทนนอนพื้นไปก่อนละกัน”ดงกอนอูบอก ส่งหมอนให้ไอ้จงอิน
ไอ้หมีความเลยเลิ่กคิ้วด้วยความสงสัย
“อ้าว
พวกกูไม่ต้องนอนพื้นตลอดเหรอ?”มันถามคำถามเดียวกับในใจลู่หาน
แต่กอนอูส่ายหน้าแล้วหัวเราะ
.
.
“กูเข้าใจนะว่าบรรยากาศเรือนจำศาลแม่งเหี้ยขนาดไหน
ทุกคนที่นี่ก็เคยผ่านมา...เพราะฉะนั้นไม่มีใครอยากให้มันเป็นแบบนั้นหรอก”
อา...
นั่นสินะ...
“มึงรู้ไหมทำไมพวกมึงสามคนถึงได้ย้ายมา
ในขณะที่บางคนยังต้องอยู่ที่นั่น”ไอ้แดฮยอนกระดิกเท้าถามอยู่บนฟูก เรือนนอนนี้มีเตียงเพียงสองหลังเป็นของผู้คุม
อยู่ด้านนอกลูกกรงที่กั้นไว้อีกที ทุกคนในเรือนนอนนี้นอนฟูกเสมอกันหมด
“...”
“ก็เพราะพวกมึงทำตัวดีไง”
“มึงหมายถึง??”
“มึงไม่หือ
ไม่เบ่ง ไม่วอนตีน ทำตัวสงบเสงี่ยม เขาก็ให้มึงย้าย แต่ถ้ามึงทำตัววอนตีน
เขาก็ให้มึงอยู่...นั่นล่ะเหตุผล”อา...เป็นแบบนี้สินะ
ไอ้พวกสี่คนนั้นบางคนก็วอนตีน บางคนก็เบ่งใหญ่ ถึงไม่ได้ย้าย
สงสารก็แต่ไอ้จุนฮีกับยองฮาที่ต้องย้ายไปแดนสามนั่นล่ะ พวกมันอ่อนแอปวกเปียก
กลัวจะโดนรุมตีนตายเสียก่อน
“แต่พวกมึงไม่ต้องกลัว
อยู่ที่นี่เราอยู่เหมือนครอบครัว ถึงไอ้ผู้คุมอินซูแม่งจะเบ่งใหญ่คับกรง
ชอบหาเรื่องกระทืบนักโทษ แต่ไม่ไปกวนตีนมันก็จบ
พวกกูยินดีต้อนรับมึงนะ...เพื่อนใหม่”
เพื่อน...ทำไมลู่หานคิดถึงคนๆหนึ่งขึ้นมา
...ชเวซึงฮยอน...
มันจะดีไหม
ถ้าซึงฮยอนได้มาอยู่ที่นี่ ได้มามีเพื่อน...จริงๆ
“ขอบคุณนะพวกมึง”ไอ้จงอินยิ้มให้ทุกคน
แล้วเสียงเคาะกระบออกกับลูกกรงก็ดังขึ้นขัดบทสนทนา
ผู้คุมอินซูตีหน้าเข้มอยู่นอกกรงตะโกนใส่ว่าให้นอนได้แล้ว
นักโทษที่มาสุมหัวคุยกันจึงแยกย้ายไปนอนกับฟูกของตนเองแทบจะทันที
ก่อนที่ไฟจะถูกดับลง
เช้าวันใหม่มาเยือนเร็วกว่าที่คิด
ลู่หานคิดว่ายังนอนไม่เต็มอิ่มด้วยซ้ำ อาจเพราะเปลี่ยนที่นอน
อีกอย่างเสียงกรนของผู้คุมก็ดังฉิบหาย
ร่างโปร่งคว้าอุปกรณ์ล้างหน้าแล้วปลุกไอ้จงอินกับมินซอกไปทำภารกิจส่วนตัว
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็ถูกเรียกให้ไปเข้าแถวรวมที่ลานกว้าง
เหมือนจะเป็นลานอเนกประสงค์ไว้ทำกิจกรรม ไอ้แดฮยอนกระซิบว่าทุกเช้าจะต้องมาเข้าแถวกันแบบนี้
จุดประสงค์คือตรวจเรื่องทรงผม เครื่องแต่งกายและจิปาถะที่คิดว่าจะตรวจได้
จางอินซูเดินวนไปวนมาหน้าไอ้จงอินอยู่หลายที
แต่เพราะไอ้ห่านี่ผมมันไม่ยาวสักที แถมยังแต่งกายถูกระเบียบเลยทำอะไรมันไม่ได้
ไอ้ห่านั่นก็ใช่จะหวาดกลัวอะไร แม่งมีหน้าหันมาแอบเบ้ปากใส่ด้วย
“วันนี้พวกคหกรรมไม่ต้องทำงาน
ให้ไปช่วยพวกเกษตรกรรมแทน
ส่วนไอ้เด็กใหม่สามคนนั่นก็ลงงานแผนกเกษตรกรรมแล้วกันนะวันนี้”ผู้คุมอีกคนเริ่มแจงงาน
แอบเห็นเด็กมินซอกทำหน้าหนักใจเมื่อรู้ว่าต้องลงงานเกษตรกรรม
“แล้วอีกอย่าง
วันนี้จะแจกแบบฟอร์มขอร่วมการเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิด
ใครจะส่งจดหมายหาที่บ้านก็ส่งแบบฟอร์มกลับไปด้วย รายละเอียดพิมพ์ไว้ในแบบฟอร์มแล้ว
ใครจะเอามาขอได้ที่สหกรณ์”
เยี่ยมญาติใกล้ชิด?
“หมายถึงจะเปิดให้ญาติเข้ามาเยี่ยมเราในเรือนจำได้น่ะ”ไอ้แดฮยอนขยายความ
มันบอกว่าในรอบสามสี่เดือนจะจัดครั้งหนึ่งๆ
เพื่อเปิดโอกาสให้ญาติเข้ามาใกล้ชิดและสัมผัสความเป็นอยู่ของนักโทษได้
ไม่ต้องนั่งคุยกันผ่านโทรศัพท์เครื่องเล็กเพียงไม่กี่นาที
ไอ้จงอินยิ้มร่ารีบบอกว่าจะเอาแบบฟอร์มนั่น
มันคงจะอยากเจอน้องตัวขาวแบบแนบชิด(?)มากสินะ ลู่หานจะหันไปถามมินซอกว่าจะขอแบบฟอร์มด้วยไหม
แต่เพียงเห็นใบหน้าน่ารักที่เจื่อนลงก็ต้องยั้งปากไว้
มินซอกไม่เคยบอกอะไรเรื่องส่วนตัว
แล้วลู่หานเองก็เข็ดจากคราวที่เขียนจดหมาย
“ผม...ไม่มีใครให้ต้องเขียนจดหมายกลับไปหาหรอกครับ”
เสียงที่เศร้าสร้อยของมินซอก
ลู่หานยังจำได้ดี
มือเรียวยกขึ้นจับบ่าเล็กแล้วบีบแน่นๆ
ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมามองก่อนจะเสหลบไปมองที่พื้น
เมื่อไหร่นะ...ที่คิมมินซอกจะเปิดใจยอมเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเองบ้าง...
“แล้วมึงจะเอาป่ะสัดลู่”ไอ้จงอินถามขึ้นมา
เขาเหรอ? ไม่รู้สิ นี่ก็เพิ่งอยู่ที่นี่ได้แค่สองวัน ที่สัญญาว่าจะเขียนจดหมายไปบอกแม่เรื่องย้ายที่ก็ยังไม่ได้เขียนเลยด้วยซ้ำ...ยังไม่รู้เลยว่าแม่ได้อ่านจดหมายของเขาหรือเปล่า
“กู...เอาก็ได้
มึงเอามาเถอะ”บางทีอาจจะต้องลองส่งไปก่อน...ก็คงได้แต่หวังนั่นล่ะ
หวังว่าแม่จะได้อ่านมัน แล้วจะส่งคำตอบรับแบบฟอร์มนั้นกลับมา
ลู่หานอยากเจอแม่กับอี้ชิงนะ...
ค น คุ ก
“มินซอกไหวป่าว”คิมชินอูถามคนตัวเล็กที่ยกจอบท่าทางงกเงิ่น
มินซอกส่ายหน้า แก้มกลมๆเหมือนลูกซาลาเปานั้นติดแดง
ดูแล้วเหมือนซาลาเปาไส้หมูสับที่ต้องแต้มจุดแดงๆเอาไว้ด้วย
“มาๆ
เดี๋ยวช่วย ไปนู่นเลย ใส่ปุ๋ยคะน้าที อย่าให้โดนต้นมันนะหนูน้อย”ชินอูรีบยึดเอาจอบมาจากมือเล็ก
รุนหลังให้ไปช่วยพวกฮวางอูฮยอนใส่ปุ๋ยคะน้า ต้นคะน้ากำลังงามได้ที่
ใบแม้จะมีรูพรุนจากหนอนแต่ก็สะอาดปลอดภัยไร้สารพิษ
อูฮยอนยื่นถุงมือพลาสติกให้พร้อมรอยยิ้ม
ปุ๋ยสูตรเสมอถูกโรยไปตามร่องปลูก เพราะคะน้านั้นปลูกชิดกันมาก
จึงโรยปุ๋ยรอบโคนต้นไม่ได้ วิธีใส่ที่ดีคือโรยตามร่อง
เมื่อให้น้ำระบบร่องปุ๋ยจะละลายแทรกลงในดิน จากนั้นต้นไม้จะดูดเอาแร่ธาตุไปใช้ได้
“ที่นี่น่ะ
พวกเรากำลังคิดจะทำสวนด้วยนะ พวกดอกไม้น่ะ
นายชอบดอกไม้ไหม?”อูฮยอนถามอีกคนที่ดูจะเงียบๆ มินซอกพยักหน้าหงึกหงัก
นึกถึงสวนฟอร์เก็ตมีน็อตหน้าบ้าน มินวอกเคยชอบดอกไม้ชนิดนี้
แต่พอรู้ว่ามันเป็นไม้อายุสั้นแค่หนึ่งปี ออกดอกไม่เท่าไหร่ก็ตาย
มินซอกก็เลิกซื้อมันมาปลูกเพราะเปลืองเงินเปล่าๆ
“ชอบ...ชอบฟอร์เก็ตมีน็อตกับดาวกระจาย”ดาวกระจายเป้นอีกดอกที่มินซอกชอบ
ไม่ใช่ดาวกระจายบ้านสีส้มๆที่ขึ้นตามข้างถนน แต่หมายถึงดาวกระจายฝรั่ง
พันธุ์ส่วนมากของดาวกระจายชนิดนี้มักถูกปรับปรุงให้เป็นเมล็ดพันธุ์ลูกผสมซึ่งมีราคาสูงแต่ให้ดอกที่สวย
มีหลายสีสัน แต่ก็ไม่สามารถเก็บไว้ปลูกทำพันธุ์ได้
“งั้นเดี๋ยวปลูกให้
เคป้ะ?”อูฮยอนถามแล้วยิ้มทะเล้น มินซอกมองดวงหน้าที่ไม่ได้หล่อเหลาทว่ามีเสน่ห์อยู่ในที
มินซอกยังไม่ได้บอกเลยว่าอยากให้ปลูกนี่นา
“ไม่ต้องหรอก”บอกปัดไปแล้วจัดการเอาเสียมขึ้นมาพรวนดินเบาๆ
พุ้ยให้ดินฟูขึ้น รากของพืชจะได้ชอนไชได้มากขึ้น
“ไม่เป็นไร
กำลังไม่รู้จะปลูกอะไรพอดี ขอบใจนะมินซอก”อูฮยอนว่าพร้อมยกมืออีกข้างที่ไม่ได้สวมถุงมือขึ้นขยี้ผมคนตัวเล็กกว่า
มินซอกชะงักมือที่กำลังโรยปุ๋ยอีกรอบ
รอยยิ้มของเพื่อนร่วมแดนดูจริงใจ...เหมือนรอยยิ้มของซึงฮยอนไม่มีผิด
คิมมินซอกไม่คิดว่าในคุกจะหาคำว่าเพื่อนได้...ไม่ได้คิดเลยจริงๆ
วันแรกที่เขาถูกจับ...เขาถูกซ้อมโดยตำรวจพวกนั้น
ถูกจับยัดลูกกรงเหมือนสัตว์ เขาอดข้าว อดน้ำ แต่ตำรวจพวกนั้นก็ไม่นึกสงสาร
จนวันที่ขึ้นศาลเขาแทบจะกราบกรานผู้ชายใส่เครื่องแบบพวกนั้นให้เมตตาโยนเศษข้าวเหลือๆมาให้บ้าง
ถึงได้เศษข้าวติดกล่องมากิน...
แล้ววันเดียวกันเขาก็ถูกซ้อมอีกครั้ง
แทฮา...คนๆนั้นไม่พอใจที่มินซอกนั่งบนที่นั่ง เขาโดนตบหน้า โดนจิกหัว
แม้จะเจ็บจนร้องไห้ มองไปรอบด้านอย่างหวาดกลัวแกมขอร้องให้คนอื่นช่วยเหลือ
แต่ก็ไม่มีใครช่วยเลยสักคน...
มินซอกถึงคิด...ว่าคงไม่มีหรอกมิตรภาพในคุก...คนอ่อนแอแบบเขาสมควรแล้วที่จะโดนเหยียบย่ำให้จมลงไป...
..
.
.
จนเมื่อเขาได้รู้จักกับลู่หานและจงอิน...
“มีดอกไม้อะไรที่ชอบอีกป่าว
พวกต้นใหญ่ๆก็ได้นะ ผู้คุมบอกต้นอะไรก็ได้ ได้หมดเลย”อูฮยอนถามอีกครั้ง
มินซอกมุ่นคิ้วนึก...มีต้นไม้บางอย่างที่เขาอยากได้...ไม่ใช่ต้นไม้ที่เขาชอบหรอก
อีกอย่าง...มันคงไม่มีทางออกดอกให้ได้เห็นเพราะอากาศที่ไม่เป็นใจให้การออกดอกของมัน
“คูนน่ะ
ปลูกคูนได้ไหม?”
TBC.
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น