บางครั้ง
มิตรภาพก็อยู่ใกล้เราเสมอ
บทที่2.1…
ห้องน้ำรวมที่มีเพียงอ่างซีเมนต์ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง
ขันพลาสติกลอยคว้างอยู่กลางอ่าง
ดูเหมือนได้ย้อนวัยสมัยเข้าค่ายลูกเสืออะไรเทือกนั้น ลู่หานถอดเสื้อออกทันที
กางเกงถูกกระชากไปพาดไว้ที่ราวไม้ และเพราะชั้นในยังไม่มีเปลี่ยนเลยต้องถอดออกด้วยเพื่อจะนำกลับมาใช้อีกหน
ทุกคนรีบจัดการกับร่างกายที่แสนจะสกปรกโสโครก ก็แน่ล่ะ
ตั้งแต่ถูกจับก็ยังไม่ได้อาบน้ำเลยสักครั้ง
กลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยวยิ่งกว่าน้ำส้มสายชู
ดีหน่อยที่มีสบู่ก้อนเล็กๆหลงเหลืออยู่ตามขอบอ่าง
มือเรียวคว้าเอาสบู่ราคาถูกมาขยี้น้ำจนเกิดฟอง ใช้สระผมแทนแชมพูส่วนหนึ่ง
ลูบไล้ไปตามร่างกายอีกส่วนหนึ่ง ทุกคนดูเร่งรีบ เพราะคำพูดทิ้งท้ายของผู้คุม
ไม่มีใครอยากโดนรุมตีน แม้แต่ไอ้ใหญ่คับห้องขังในศาลก็ตามที
แต่ลู่หานก็ยังเห็นบางคนกระมิดกระเมี้ยนเป็นสาวน้อยอยู่
กว่าจะถอดเสื้อ ถอดกางเกง หลบมุมอยู่ไกลชาวบ้านชาวช่อง
ใบหน้ากลมๆที่ซีดเซียวดันขึ้นสีขึ้นมาได้
อายอะไรวะ...ผู้ชายด้วยกันทั้งนั้น
“มองฉิบหาย”เสียงกวนตีนของจงอินดังขึ้น
มันทำหน้าทะเล้น บุ้ยใบ้หน้าไปทางมินซอกที่ยกขันขึ้นราดตัวช้าๆ
“พ่องดิสัตว์”ชูนิ้วกลางแม่งไป
ไอ้ห่านี่ไม่เลิกคิดว่าเขาจะเอาเด็กนี่ทำเมีย ก็บอกแล้วว่าผู้ชายด้วยกัน
ถึงที่นี่ไม่มีพริตตี้ฮอนด้าให้สอยมานอนกอด
ลู่หานก็คงไม่คิดจะเอาผู้ชายมาเป็นเมียหรอก อะไรอะไรก็เหมือนกัน จะทำกันยังไงวะ
แค่เห็นก็หมดอารมณ์แล้วมั้ง
“ซึนนะไอ้เหี้ย พนันเหอะสักวันมึงจะได้ไอ้เด็กติ๋มนั่นเป็นเมีย”แม่งยังไม่หยุดกวนตีน
ลู่หานโยนขันพลาสติกใส่เพื่อนแต่จงอินก็หลบวูบได้ทันท่วงที
“พล่ามไปเหอะสัด ระวังไปช้าโดนตีน
กูไปก่อนล่ะ”ไม่วายจะส่งนิ้วกลางไปอีกรอบ เดินไปหยิบชั้นในกับชุดใหม่มาใส่ ได้ยินเสียงจงอินตะโกนบอกว่าของมันก็มี
ใหญ่กว่าเยอะด้วย
...ก็ไม่เห็นแม่งจะใหญ่ตรงไหน ไซส์มาตรฐานฉิบหาย
ส่วนชุดเก่าลู่หานโยนเข้าถังขยะหน้าห้องน้ำไป
คงไม่มีโอกาสได้ใช้อีกนาน
สรุปแล้วคนที่ออกมาช้าที่สุดดันไม่ใช่มินซอก
กลายเป็นคนที่ชื่อยองฮา เห็นว่ามันเสือกลื่นหน้าห้องน้ำตอนวิ่งออกมา เด็กมินซอกเลยแซงหน้าแม่งมาได้เฉย
โง่ฉิบหาย
นึกว่าจะได้เห็นสะกรัมตีน
แต่ผู้คุมใจดีปล่อยไปบอกว่าเป็นหนแรก ใบหน้าซีดเผือดของยองฮาเลยมีสีขึ้นมาหน่อย
ผู้คุมบอกรายละเอียดเกี่ยวกับที่นอน
เด็กใหม่นอนพื้น ส่วนเตียงพวกรุ่นพี่มันจะยึดกันไปหมด
เว้นเสียแต่ว่าใครประจบสอพลอหน่อยไปเจ๊าะแจ๊ะพวกรุ่นพี่มากๆแล้วมันพอใจก็อาจมีสิทธิ์ได้ขึ้นไปนอนบนเตียง
ลู่หานบึนปาก ให้ไปประจบชาวบ้านแค่เพื่อจะนอนบนเตียงเนี่ยนะ
ไร้ศักดิ์ศรีฉิบหาย...
แต่ลู่หานคงลืมไปว่าศักดิ์ศรีของพวกเรามันหมดไปตั้งแต่เลือกเดินทางในอาชีพทุจริตแล้ว
สำหรับคนเลวๆแบบพวกเขา คำว่าศักดิ์ศรี...มันไม่จำเป็นหรอก
“เวลาอาหารเที่ยงคือสิบเอ็ดโมงครึ่ง
เวลาอาหารเย็นคือห้าโมงตรง เข้านอนสองทุ่มเป๊ะ ใครฝ่าฝืนก็กฎเดิม โดนตีน
พวกมึงเข้าใจไหม?”ผู้คุมถามเสียงเรียบ ทุกคนขานรับอย่างพร้อมเพรียง
ชีวิตในคุกนี่ยิ่งกว่าเด็กอนามัยอีกนะ สองทุ่มนอนหลับ
ไม่คิดจะมีการฉายละครหลังข่าวให้ดูมั่งหรือไง?
“ถ้ามึงเข้าใจแล้วก็แยกย้ายไป
แล้วมารวมกับพวกคนอื่นตอนมื้อเที่ยง อย่าสาย อย่าช้า ไปได้แล้ว!”ลู่หานโค้งขอบคุณผู้คุมเล็กน้อย
จงอินล็อคคอเขาให้เดินไปนั่งม้าหินอ่อนแถวนั้น
ตอนนี้ก็รอเพียงเวลาอาหารเท่านั้นสินะ เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง...
สบายไปป่ะวะ?
นี่เหรอที่เรียกว่าคุก...
“เฮ้ย...”เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง
จงอินกับลู่หานหันไปมอง ผู้ชายร่างสูงในชุดนักโทษเหมือนกัน ในมือถือห่อขนมบางอย่างเอาไว้
รอยยิ้มดูใจดีขัดกับหน้าตาที่ค่อนไปทางโหดและดุถูกส่งมาให้จงอินกับลู่หาน
“เด็กใหม่เหรอ?
กูชื่อซึงฮยอน”แนะนำตัวโดยไม่ได้ขอ แล้วยังถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามจงอินและลู่หาน
ใบหน้าของคนที่บอกว่าชื่อซึงฮยอนยังเปื้อนไปด้วยยิ้ม
แล้วมือหนาก็เลื่อนเอาถุงขนมที่ถืออยู่มาตรงหน้า
“คุ้กกี้...กูทำเอง”จงอินหันมองหน้าลู่หานอย่างงงๆ
ไม่คิดจะรับถุงคุกกี้ที่ซึงฮยอนตั้งใจส่งให้มา
“กูไม่ได้ใส่ยาใส่สลอด
แดกได้ แดกสิ”เลื่อนถุงเข้ามาใกล้กว่าเดิม
รอยยิ้มยังคงประดับบนใบหน้าที่จัดว่าโหดดุแต่ก็หล่อเหลา
จงอินยื่นมือไปรับถุงคุกกี้นั้นมา
แม้ยังงงและไม่เข้าใจว่าอยู่ดีๆทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมายื่นขนมให้ตนเองก็ตามที เมื่อเห้นว่าจงอินรับถุงขนมไปแล้วซึงฮยอนก็ยิ่งยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
ทั้งที่ตอนแรกว่าหน้าดุๆแท้ๆ
แต่พอได้ยิ้มแล้ว...ผู้ชายร่างสูงคนนี้ก็ดูเป็นมิตรนี่นา
“ขอบใจ”จงอินเอ่ยขอบคุณ
หัวทุยๆของซึงฮยอนเลยส่ายไปมา บอกว่าไม่เป็นไร
“กูดีใจที่มีเพื่อนใหม่...”
เพื่อน...งั้นเหรอ??
อืม...เพื่อนก็เพื่อน...
ซึงฮยอนนั่งคุยกับจงอินและลู่หานอยู่จนถึงเวลาอาหารเที่ยง
หมอนั่นเล่าว่าคุ้กกี้ที่เอามาให้กินเป็นฝีมือตัวเอง
ในคุกไม่ใช่ว่านักโทษเข้ามาจะนั่งนอนสบายๆไปวันๆ
ที่นี่มีตารางงานให้นักโทษแต่ละนายได้ทำ หมุนเวียนไปเรื่อยๆ ทั้งงานฝีมือ งานช่าง
หรืองานคหกรรมพวกนี้
เพื่อเป็นความรู้ประดับตัวเวลาออกจากคุกไป
จะได้ไม่ต้องทำงานทุจริตอีกครั้ง
ข้าวสวยกับผัดกิมจิเละๆถูกตักใส่ในถาดหลุม
ลู่หานมองอาหารมื้อแรกในคุกแล้วยิ้มขำ
ไอ้ที่เคยคิดเอาไว้ว่าอาหารคุกมันคงเป็นอาหารเดน เศษข้าวเละๆกับน้ำแกงใสๆนั่นมันผิดถนัด
จงอินกับลู่หานเดินหาโต๊ะว่างนั่ง
แล้วก็เห็นซึงฮยอนโบกมือหยอยๆอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง
ข้าวในถาดหลุมของซึงฮยอนพร่องลงไปแล้ว เมื่อหาที่นั่งให้ตัวเองได้
ลู่หานก็จัดการกับอาหารตรงหน้าทันที ข้าวที่กินเมื่อเช้าดูท่าจะย่อยจนหมดไปแล้ว
เสียงของซึงฮยอนยังชวนคุยอยู่อย่างต่อเนื่อง
ถ้ามองแค่หน้าของเพื่อนใหม่คนนี้คงบอกได้เลยว่าซึงฮยอนเป็นคนไม่น่าจะเข้าหาเวลาอยู่ในคุก
เหมือนนักโทษคดีฆ่าคนตายอะไรเทือกนั้นมากกว่าแค่เสพยา แต่ลองได้พูดคุยแล้ว
ซึงฮยอนเป็นคนนิสัยดี ออกจะเกินๆไปด้วยซ้ำ รอยยิ้มของร่างสูงมีประดับใบหน้าเสมอ
“อ..เอ่อ...ขอผมนั่งด้วยได้ไหม?”ลู่หานเงยหน้าจากถาดหลุมมองเด็กหน้ากลมที่ยืนถือถาดหลุมอยู่
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเป็นชเวซึงฮยอนที่กุลีกุจอเขยิบให้คนตัวเล็กมานั่งร่วมโต๊ะแถมถามไถ่ชื่อแซ่แทบจะทันที
“กูชื่อซึงฮยอน ชเวซึงฮยอน”แนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มกว้างๆเหมือนเดิม
“ฉันชื่อมินซอก...คิมมินซอก”
เมื่อเสร็จช่วงเวลามื้อกลางวัน
ผู้คุมบอกให้ลู่หานกับพวกกลุ่มเด็กใหม่ไปโรงเรือนเพาะเห็ด ทำงานจนถึงเวลาอาหารเย็น
เห็นไอ้ซึงฮยอนทำท่าเสียดมเสียดายอยากให้ไปอยู่โรงคหกรรมด้วยกัน
ลู่หานไม่เคยเห็นวิธีการเพาะเห็ดมาก่อน
อดจะสงสัยไม่ได้ว่าก้อนแท่งๆนี้สามารถให้เห็ดเจริญเติบโตได้จริงๆหรือ
แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันทำได้จริงๆ เมื่อเดินเข้าไปในโรงเรือน
มีเห็ดหลายขนิดถูกปลูกเลี้ยงอยู่ในนั้น
นักโทษรุ่นพี่ที่ดูแลส่วนโรงเรือนเพาะเห็ดใช้ให้พวกเราเก็บเห็ดนางฟ้าที่แก่ได้ที่แล้วใส่ตะกร้า
ดอกที่ได้ที่จะบานเต็มใบและยังไม่โรย ใช้มีดตัดโคนออกมาได้เลย แล้วรออีกไม่กี่วัน
เห็ดรุ่นถัดมาก็จะงอกขึ้นเป็นต้นเล็กๆ
“มินซอก...ช่วยที”ลู่หานเรียกคนตัวเล็กที่ยืนใกล้ๆให้รับตะกร้าใส่เห็ดไปถือเอาไว้
มินซอกรีบกุลีกุจอเข้ามาช่วย ถ้าสังเกตดูเด็กนี่ไม่เข้าใกล้ไอ้ใหญ่อีกเลย
คงกลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบวันเมื่อเช้าขึ้นอีก
“นี่...”
“ครับ?”เอียงคอถามอย่างสงสัย
เมื่อลู่หานเรียกอีกคน เห็ดนางฟ้าต้นอวบถูกตัดและวางลงในตะกร้า
มือเรียวของมินซอกจัดวางมันให้เข้าที่เป็นระเบียบ
“ไม่อยากเข้าใกล้ไอ้ห่ารากนั่นอีกสินะ”ลู่หานถาม
มือยังไล้ไปตามดอกเห็ดแต่ละดอก เลือกดูดอกที่ได้ที่จริงๆ มินซอกขมวดคิ้วเล็กน้อย
คงไม่เข้าใจว่าไอ้ห่ารากที่ว่าคือใคร แต่แล้วคนตัวเล็กก็เหมือนจะนึกได้
ใบหน้าน่ารักเจื่อนลงไปเล็กน้อย พึมพำเสียงเบาแต่ลู่หานก็ได้ยิน
“เขาทำผมเจ็บ”
อืม...ก็คงเจ็บจริงล่ะ ทั้งผลัก ทั้งจิกหัว
ปิดท้ายด้วยการเตะไม่เบาเลย
ที่เห็นตอนอาบน้ำยังเป็นปื้นม่วงๆอยู่ที่เนื้อขาวๆอยู่เลยด้วยซ้ำ
“ก็ถ้าไม่อยากเข้าใกล้มันก็มาอยู่กับพวกฉันก็ได้”เสียงทุ้มพูดลอยๆ
เอาจริงๆก็สงสารมินซอกอยู่ใช่เล่น ตั้งแต่โดนไอ้ใหญ่หาเรื่องในห้องขังศาลแล้ว
แถมยังอ่อนแอปวกเปียกแบบนี้อีกด้วย ถึงลู่หานจะไม่ใช่คนที่สามารถจะปกป้องใครได้
แต่ให้มินซอกมีพวกพ้องแม้จะไม่กี่คน ก็ดีกว่าอยู่คนเดียว เด็กใหม่อ่อนแอตัวคนเดียว
ไม่แคล้วคงได้ตายคาตีนรุ่นพี่ได้ง่ายๆ
“จริงเหรอครับ?”เสียงเล็กถามด้วยความไม่มั่นใจ
แต่ก็ได้เป็นการพยักหน้าตอบกลับมา เพียงเท่านั้น
รอยยิ้มเล็กๆก็จุดขึ้นที่ริมฝีปากบางซีด ลู่หานหันมองคนตัวเล็กที่ยิ้มออกมา
...คิมมินซอกดูแล้วไม่เหมือนเด็กติดยาที่เขาเคยเจอ
เด็กที่มาเป็นลูกค้าของลู่หานส่วนมากเป็นเด็กมัธยมปลาย
นิสัยออกแนวห่ามเถื่อน อีกทั้งยังก้าวร้าว บางคนขโมยเงินพ่อแม่มาซื้อยา
บางคนก็เป็นโจรลักขโมยเอาของไปขายแล้วนำเงินมาละลายกับยา
แต่ดูเด็กตรงหน้าของลู่หาน อ่อนแอ ไร้ทางสู้
ไม่มีทีท่าก้าวร้าวอีกทั้งยังดูหวาดกลัวเสียอีก
ไอ้ความแตกต่างนี่ทำให้ลู่หานนึกสงสัยอยู่ในใจ
เพราะอะไรมินซอกถึงติดยาได้นะ...
เหตุผลที่เด็กวัยรุ่นติดยาส่วนใหญ่มักเกิดจากการอยากรู้อยากลอง
และเสพตามเพื่อน
ซึ่งลู่หานมองแล้ว...เด็กอย่างมินซอกไม่น่าจะติดยาเพราะสาเหตุพวกนั้นเลยจริงๆ...
TBC.
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น