ความใกล้ชิดพัฒนาได้เป็นคำว่าสนิทสนม
บทที่3.1…
วันที่5เข้าไปแล้วที่ลู่หานใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำแห่งนี้
ดวงตากลมโตทอดมองเพื่อนตัวโตกำลังตวัดปลายปากกายุกยิกลงบนกระดาษ
เนื้อความที่มันเขียนก็คงไม่พ้นคิดถึงน้องชาย แล้วก็บอกตบท้ายว่าพรุ่งนี้จะมีคำสั่งออกมาแล้วว่าต้องย้ายไปที่ไหน
นั่นสินะ...อยู่มาจะครบอาทิตย์แล้ว
คราวนี้ก็ถึงเวลาย้ายไป “บ้าน” หลังใหม่ได้แล้ว
“จงอิน...ช่วยผมหน่อย”เสียงเล็กๆเรียกดังอยู่ตรงราวตากผ้า
ด้วยความน่ารักสุดจะขาดใจบวกกับอาการหงอกลัวทุกอย่างที่ขวางหน้า
คิมมินซอกเลยโดนโยนขี้หน้าที่ซักผ้าห่มของพวกรุ่นพี่มาให้
เด็กน้อยทำท่าจะเก็บผ้าห่มที่ตากจนแห้งสนิทแต่มันก็มากผืนจนจะท่วมหัว
เรือนนอนหนึ่งมีหลายสิบคน ก็หลายสิบผืน
คนตัวเล็กๆคนเดียวจะไปหอบไหวได้ยังไง
ลู่หานลุกขึ้นไปช่วยเด็กมินซอกแทนไอ้จงอินที่ยังขะมักเขม้นเขียนจดหมายถึงน้องตัวขาวอยู่
ความจริงลู่หานควรจะลงลายมือเขียนขอบคุณน้องชายไอ้จงอินด้วย
เพราะถ้าไม่มีน้องมันมาฝากเงินให้ เขากับมินซอกก็คงต้องทำงานแลกของจนกล้ามเนื้อระบมกันแน่ๆ
ถึงจะบอกว่าตัวเองทำงานหนักๆไหวก็ตามทีล่ะนะ
พอรู้ว่าสหกรณ์ที่ว่านอกจากจะซื้อของใช้ส่วนตัวได้แล้วยังซื้อของกินพวกขนมที่มีอยู่ในรายการใบออร์เดอร์ได้ด้วยเท่านั้นล่ะ
ตวัดมือขีดสั่งขนมแบบไม่ได้ตริตรองเลยทีเดียว
ตอนแรกที่รู้ก็ดีใจที่จะได้กินอะไรหวานๆเสียบ้างจนเผลอสั่งไปซะเยอะ
แล้วราคานี่ก็อัพโหดจากข้างนอกเสียเกือบเท่าตัว ลู่หานกับไอ้จงอิน
พ่วงด้วยเด็กมินซอกเลยเป็นหนี้หัวโต ดีที่น้องตัวขาวมาเยี่ยมได้ทันท่วงที
แค่ไอ้จงอินเอ่ยปากว่าฝากเงินให้มากหน่อยน้องมันก็รับคำไม่อิดออดอะไร...อันนี้ไอ้จงอินมันเล่าน่ะนะ
เพราะตอนน้องมันมาเยี่ยมน่ะ ลู่หานเองไม่มีสิทธิ์ไปเสนอหน้าอยู่ด้วยอยู่แล้ว
ลำพังแค่ไอ้จงอินยังมีปัญญาแค่คุยกับน้องผ่านโทรศัพท์เครื่องเก่าๆ2เครื่องที่ต่อสายเข้าหากันเลย
...มองเห็นหน้า ได้ยินเสียง มีเพียงกระจกกั้น...
...แต่สัมผัสไม่ได้...
ลู่หานโยนผ้าห่มไปกองที่เตียงแต่ละเตียง
อีกสี่ห้าผืนก็เป็นของไอ้พวกมาก่อนที่นอนข้างล่าง
ส่วนมากก็ไม่ได้ใช้ห่มอะไรมักจะใช้รองนอนกันเสียมากกว่า
มองคนตัวเล็กที่เดินเอาผ้าห่มไปวางตามเตียงอีกฝั่ง
ใบหน้าที่เคยซูบตอบเริ่มเปล่งปลั่งขึ้นมาบ้าง
ไอ้อาการฟ้องว่าเด็กคนนี้เคยติดยามันเริ่มน้อยลง ใบหน้ากลมนวลเนียน
ดวงตาลึกโหลก็กลับแวววับเป็นประกาย
ยอมรับจากใจว่าคิมมินซอกน่ารักดี
และเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่ลู่หานบอกกับตัวเองว่าเด็กคนนี้ไม่ควรมาอยู่ที่แหงนี้เลย
อยากรู้...ว่าทำไมเด็กนี่ถึงติดยา เคยลองแย๊บถามไปเมื่อวันก่อน
มินซอกก็เอาแต่เงียบ ริมฝีปากเม้มแน่น ในตาระริกคล้ายจะร้องไห้รอมร่อ
ลู่หานเลยเลิกจะค้านคั้นเอาความ
“ลู่หาน อยู่นี่เอง
กูตามหาให้ทั่ว”เสียงมันดังมาก่อนตัว ไอ้ซึงฮยอนเดินยิ้มร่าขึ้นเรือนนอนมา
ในมือมีขนมสองถุงคราวนี้เป็นขนมปังชิ้นเล็กๆ มันคงไปลงงานกับพวกคหกรรมอีกแล้ว
ไอ้นี่นอกจากนิสัยจะขัดกับหน้าตาแล้วความสามารถมันยังขัดกันอย่างสุดขั้วอีกด้วย
เพิ่งรู้ว่ามันชอบทำขนม
อีกอย่างที่เพิ่งรู้เกี่ยวกับเพื่อนคนนี้คือที่มันมีสิทธิ์นอนบนเตียงไม่ใช่เพียงเพราะมันมาก่อน
สมาชิกร่วมเรือนนอนพูดกันสนุกปากว่ามันเป็น “เด็กนางพญา” ก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่คงคล้ายๆพวกเด็กเจ๊
เด็กกก เด็กอภิสิทธิ์อะไรเทือกนั้น คำสั่งมาจากแดนห้าโดย“นางพญา”
ของเรือนจำว่าชเวซึงฮยอนต้องได้นอนบนที่นอน และห้ามมีใครหาเรื่องซึงฮยอนเด็ดขาด
ลู่หานอยากรู้จริงๆว่านางพญาที่ว่านั่นหน้าตาเป็นยังไง
แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ชาย ...ก็คงเป็นผู้ชายที่สวยมากทีเดียว
“มีอะไรวะ”โยนผ้าห่มผืนสุดท้ายลงบนพื้นแล้วหันมาถามอีกคน
ร่างสูงใหญ่ส่ายหัวแล้วชูถุงขนมปังขึ้น “กูทำมาให้” บอกพร้อมยิ้มกว้างเช่นเคย
ลู่หานรับถุงขนมนั้นมาถือไว้ โยนให้เด็กมินซอกไปถุงหนึ่ง
อีกถุงก็แกะกินเสียตรงนั้น เนื้อขนมปังนิ่มและยืดออกเพราะอานุภาพของยีสต์
ข้างในมีไส้แอบอยู่ กัดไปคำแรกก็รู้ว่ามันคือสตอเบอร์รี่
“ทำไมไม่ไปให้คนอื่นกินบ้างวะ”ลู่หานถาม
โยนขนมปังชิ้นเล็กเข้าปากอีก คราวนี้ข้างในเป็นไส้ครีมวานิลลาหอมกรุ่น
ซึงฮยอนส่ายหัวอีกครั้ง ยิ้มกว้างๆนั้นเจื่อนลงเล็กน้อย
“เขาไม่กินของกูกันหรอก...แต่ไม่เป็นไร
กูมีพวกมึงช่วยกินแล้วนี่ไง
กูให้เพื่อนกูกินก็ได้”พูดด้วยเสียงเศร้าในตอนแรกแล้วเปลี่ยนมายิ้มกว้างได้อีกครั้ง
เพื่อนเหรอ?? จริงสินะ ตั้งแต่อยู่มาได้5วัน
ลู่หานไม่เห็นว่าซึงฮยอนจะสนิทกับใครเลยนอกลู่หาน จงอิน และมินซอก
อาจจะมีบ้างที่ไปคุยกับพวกไอ้แทฮา ยองฮา หรือไอ้จุนฮี
ลู่หานก็พอจะเดาได้ว่าที่ไม่มีใครคบกับมันก็เพราะเหตุผลนั้น...ที่มันเป็นเด็กนางพญา
“กูไม่อยากให้มึงไปไหนเลยว่ะลู่หาน...จงอินด้วย
แล้วก็มินซอกด้วย”อยู่ๆไอ้ซึงฮยอนก็พูดออกมา มันหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงหลังหนึ่ง
สายตาทอดมาที่ลู่หานก่อนเลยไปหามินซอก แววตาที่ช่างว่างเปล่า แต่ระริกไหว
5วันที่ผ่านมาบอกลู่หานได้ว่าชเวซึงฮยอนไม่ใช่คนเข้มแข็งเหมือนภายนอก
ลู่หานรู้ดีว่าในใจของเพื่อนตัวโตกำลังรู้สึกอย่างไร
แขนเพรียวเอื้อมไปกอดคอเพื่อนตัวสูงใหญ่เอาไว้
ตบที่บ่ากว้างๆ
“ถึงกูย้ายไปอยู่ที่ใหม่ แต่ยังไงกูก็ยังเป็นเพื่อนมึงนะ”
ไม่ได้กะว่าจะเท่ห่าอะไรหรอก
ลู่หานตบบ่าเพื่อนอีกครั้ง
แล้วหันไปเรียกมินซอกลงจากเรือนนอนก่อนผู้คุมจะมาแผ่นกบาล
ไม่ลืมฉุดข้อมือเพื่อร่างสูงให้ลงมาด้วย
“กูจะเอาจดหมายไปฝากผู้คุม
มึงไม่คิดจะส่งจดหมายหาครอบครัวมึงบ้างเหรอวะ? หืมไอ้เด็กติ๋ม
ไม่เขียนไปบอกที่บ้านหน่อย”ไอ้จงอินถาม กระแซะมินซอกพร้อมยื่นกระดาษปากกาให้ด้วย
ซองจดหมายสีหวานเลี่ยนของมัน ด้านหลังซองมีการเขียนด้วยคำน่าอ้วกอย่าง
“พี่คิดถึงน้องที่สุด” เอาไว้
มินซอกส่ายหน้าหวือ เด็กนั่นก้มหน้าลงจนคางติดอก
มือที่ยังถือถุงขนมปังบีบแน่นทำให้เนื้อขนมปังเละเทะ ไส้ด้านในทะลักออกมา
ลู่หานวางมือลงบนบ่าเล็ก ลูบเบาๆเป็นการปลอบ
หันไปยกนิ้วกลางใส่ไอ้เพื่อนตัวดีที่ทำหน้าเหวอเพราะไม่รู้ตัวเองทำอะไรผิด
ก็แค่จะให้เขียนจดหมายกลับไปที่บ้านบ้างก็เท่านั้น
“ผม...ไม่มีใครให้ต้องเขียนจดหมายกลับไปหาหรอกครับ”
เสียงเล็กๆพูดอู้อี้ ตัวของเด็กนี่เริ่มสั่น
ลู่หานทำอะไรไม่ถูก...เด็กนี่กำลังร้องไห้
แขนเพรียวทำได้แต่วางมือลงบนบ่าแล้วลูบซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น
หมายความว่ายังไงกัน
ไม่มีใครให้เขียนกลับไปหา...ครอบครัวของนาย...ไม่มีงั้นเหรอคิมมินซอก
ทำไมลู่หานคิดว่าตัวตนของเด็กคนนี้ช่างลึกลับ
มินซอกมีเรื่องมากมายที่ไม่บอกให้พวกเขาได้รู้
“ไม่เป็นไร ไม่มีก็ไม่ต้องเขียน
อย่าตุ๊ดร้องไห้เชียวนะมึง”ลู่หานพูด ผลักหัวเล็กๆนั่นไปทีแล้วขยี้ผมนิ่มๆนั่นด้วย
ซึงฮยอนก็เข้ามาลูบหัวลูบหางปลอบคนตัวเล็กด้วยอีก ดูเหมือนพ่อปลอบขวัญลูกสาวตอนหกล้มอย่างไรอย่างนั้น
ลู่หานเบนความสนใจจากมินซอกและซึงฮยอน ดวงตาคู่โตมองกระดาษที่ยังอยู่ในมือของจงอิน
อยู่ในคุกเราไม่สามารถติดต่อกับคนภายนอกได้ผ่านโทรศัพท์
ทางเลือกเดียวที่มีคือการเขียนจดหมาย
ถ้าเขียนจดหมายกลับไป...แม่จะเปิดอ่านมันไหม??
.
.
.
“เอากระดาษกับซองให้กูสักชุดดิ่จงอิน”
ไม่รู้ว่าลู่หานจะหวังได้ไหมว่าแม่จะเปิดมันอ่าน
กลัวว่าเพียงแค่เห็นชื่อที่หราอยู่ที่หน้าซอง
แม่อาจจะฉีกมันทิ้งแล้วเผามันไปเสีย...เพราะมันเป็นชื่อของลูกเลวๆคนนี้
ลู่หานจรดปลายปากการลงที่บรรทัดแรกของกระดาษ...จะเขียนว่าอะไรดีนะ...
คงมีหลายคนที่เป็นเหมือนกัน...ไม่รู้...จะเริ่มต้นว่ายังไง
... ‘แม่...นี่ผมเองนะ’ ...
ถอนหายใจออกมาเมื่อตัดสินใจเขียนมันลงไปจนได้
ลู่หานยกปากกาขึ้นมากัดก่อนจะจ่อมันลงบนเนื้อกระดาษสีขาวอีกครั้ง
ลมหายใจพรั่งพรูออกมา ตอนตัดสินใจจะขายยายังไม่หนักใจเท่านี้เลยจริงๆ
“เขียนไปตามความรู้สึกมึงเถอะ...”ไอ้ซึงฮยอนบอก...
ความรู้สึกงั้นเหรอ
ตอนนี้...ลู่หานรู้สึกยังไง...
คิดถึงแม่...
นั่นสินะ...ลู่หานในตอนนี้...คิดถึงแม่มากๆ...
‘ไม่รู้ว่าแม่จะโกรธจะเกลียดลูกคนนี้หรือเปล่า แม่ไม่ได้มาเยี่ยม ไม่ได้มาฟังศาลตัดสิน
ลู่หานคิดเอาเองว่าแม่คงโกรธคงเกลียดลูกคนนี้มาก
ลูกคนนี้ที่เลว
เลือกทางเดินผิดๆ...
ลู่หานอยากขอโทษ...ลูกคนนี้ไม่ได้ตั้งใจ...แค่อยากให้แม่กับอี้ชิงสบาย...
แค่ไม่ต้องการให้แม่เหนื่อย
อยากให้อี้ชิงได้เรียนสูงๆ...
ลู่หานแล้วแต่แม่นะ...แม่จะเกลียดลู่หานก็ได้...
แต่ลู่หานรักแม่กับอี้ชิงนะ...
ลู่หานจะเขียนมาอีก...พรุ่งนี้จะประกาศย้ายเรือนจำแล้ว
พอไปเรือนจำใหม่ลู่หานจะรีบเขียนมาหาแม่...
รักแม่นะ....ลู่หาน’
TBC.
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น