หน้าที่ที่ต้องแบกรับ...แค่ได้ยินก็รู้สึกหนักไปทั้งตัว
บทที่6.1…
คิมมินซอกยังคงนั่งตาโหลเขี่ยข้าวในถาดไปมา
พอได้ร้องออกมานึกว่าจะดีขึ้นแต่ก็เปล่า เด็กนั่นเอาแต่เหม่อลอย ขอบตาช้ำไปหมด
พวกที่เห็นเหตุการณ์ไม่มีใครคิดจะถาม มันคงไม่อยากให้คนตัวเล็กร้องไห้โฮกันอีกกระมัง
ก็เมื่อคืนลู่หานยังได้ยินคนตัวเล็กนอนร้องไห้กระซิกเบาๆอยู่เลย
เขาเองทำอะไรไม่ได้
ให้มินซอกเล่าเด็กนั่นก็รูดซิปปากสนิท
เอาแต่ร้องไห้แล้วส่ายหัวไปมา...ก็เลยทำได้แค่ให้ไอ้จงอินลูบหลังเด็กนั่นจนหลับไป
“ลู่หาน จดหมายตอบกลับมึงมาหรือยัง?
สรุปบ้านมึงจะไม่เข้าเยี่ยมใกล้ชิดเหรอ?”ไอ้อูฮยอนถามตอนพุ้ยข้าวเข้าปาก
เหลือเวลาอีกแค่สองวันที่จะหมดเขคตอบกลับเรื่องเยี่ยมญาติใกล้ชิด
ลู่หานยังไม่ได้รับจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงเขาเองสักฉบับ...หรือบางทีอาจจะถูกส่งไปส่วนกลาง
คงต้องถามผู้คุมดู
แต่ไม่ใช่กับจางอินซูแน่ๆ
พูดถึงจางอินซูแล้ว
พักนี้เริ่มมีอะไรแปลกๆ ลู่หานเห็นผู้คุมจางเรียกไอ้จงอินไปคุยบ่อยมากเชียว
ถามเพื่อนร่างหมีมันก็บอกไม่มีห่าไร เรียกไปดึงหัวแล้วบอกให้ไปไถผมออก
ลู่หานได้แต่งง ก็ผมไอ้จงอินมันยังไม่ยาวขึ้นมาสักกะเซ็นต์ ผิดจากของลู่หานเองที่ยาวมามากแล้ว
“ไอ้จงอิน
เดี๋ยวแดกข้าวเสร็จไปเจอกับกูด้วย”ทุกคนในโต๊ะเงยหน้ามองผู้คุมจางอินซูที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆก่อนจะเอยคำสั่ง
สายตาของผู้คุมคนนี้ยังคงเหมือนเดิม
มองกราดเหล่านักโทษเหมือนจะหาความผิดทำเอาทุกคนหลบวูบ แต่ไม่ใช่กับไอ้จงอิน เหี้ยนี่ยังคงเส้นคงวาอ้อนตีนผู้คุมเหมือนเดิม
ลู่หานนึกสงสัยว่าแม่งคงเคียดแค้นมาตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้า
...ที่โดนตีนวันนั้นแหล่ะ
“ผู้คุมคิม
ผู้คุมครับครับ
ผมมีเรื่องจะถามหน่อย”ลู่หานตะโกนเรียกผู้คุมตัวสูงที่เดินผ่านมาพอดี
ผู้คุมคิมหันมายิ้มให้แล้วถามว่ามีอะไรเหรอ?
ผู้คุมคนนี้ที่ไอ้ชินอูเอาข้าวโพดชุบแป้งทอดไปให้วันนั้น
หลังจากวันนั้นลู่หานก็เริ่มพูดคุยกับผู้คุมคิมบ่อยขึ้น
ผู้คุมตัวสูงคนนี้เป็นคนดีมากทีเดียว ทำตามหน้าที่ดูแลกฎ
แต่ไม่ได้กร่างเอาสิทธิ์ความเป็นผู้คุมมาใช้แบบผู้คุมอินซู
“ช่วยดูกองกลางให้ทีได้ไหมครับ?
ว่ามีรายชื่อเยี่ยมญาติใกล้ชิดของผมหรือเปล่า?”เขาไหว้วาน
ผู้คุมคิมรับปากว่าจะดูให้
ลู่หานจึงกลับมาช่วยเพื่อนเอาลวดดัดวางครอบชาฮกเกี้ยนเหมือนเดิม
เพราะงานหนักเช่นพวกขุดและลงต้นไม้ใหญ่หมดแล้ว
ตอนนี้เลยเหลือแค่กลุ่มที่เวียนมาลงงานเกษตรกรรมเท่านั้น ลวดดัดพวกนี้ก็มาจากฝีมือนักทาเอง
ได้ข่าวว่าพวกเรือนนอนหงส์เป็นคนทำเสียส่วนใหญ่ มีรูปสิงสาราสัตว์มากมาย
ที่ดูจะเยอะก็เป็นพวกช้างกับกระต่ายเพราะดัดง่ายกว่าพวก
“อันไหนนางพญาเป็นคนทำวะ?”ไอ้ชินอูถามพลางยกลวดดัดแต่ละอันขึ้นดู
บางอันก็เบี้ยวๆบูดๆตามประสาคนเพิ่งหัดทำ
“ใครจะไปรู้ล่ะไอ้สัด
หน้าตาของก็คงเหมือนหน้าตาคนทำแหล่ะ ..แต่กูก็ไม่เคยเห็นหน้านางพญาสักที”ไอ้มินโฮกลั้วหัวเราะ
ถึงจะอยู่แดนเดียวกัน
แต่นางพญาคนงามที่เป็นที่กล่าวขานก็ไม่เคยโผล่มาให้ได้เห็นหรอก
พวกเรือนนอนหงส์ก็เป็นพวกสิทธิ์เยอะเพราะอยู่มานานอยู่แล้ว มักจะไปลงงานกันในช็อปง่ายๆ
แถมลู่หานยังได้ยินมาว่านางพญานี่สุขสบายขนาดไม่ต้องทำงานก็ได้เลยทีเดียว
“เออแม่ง
กูก็อยากจะเห็นหน้านางเหมือนกันนะ นางเคยอยู่แดนอื่นมาก่อน
กูเลยไม่เคยเห็นเหมือนกัน วันนั้นถามไอ้ซอกจงเรือนนอนหงส์มันบอกก็ไม่สวยเท่าไหร่
แต่มองแล้วหลง เหี้ยไรขอแงม่ง”ไอ้อูฮยอนบ่อยๆ
เอาลวดเหล็กเส้นหนาตอกยึดฐานของลวดดัดให้ติดกับพื้นดิน เสียงสรวลเฮฮานินทานางพญาของเรือนจำยังมีต่อเนื่อง
จนเมื่อร่างสูงใหญ่ของคิมจงอินโผล่เข้ามานั่นล่ะ
ทุกคนถึงกับต้องทำหน้าเหรอหราเพราะเพื่อนหน้าหมีคว้าจอบได้ก็ฟันดินไม่มีเลี้ยง
สีหน้าอย่างกับจะฆ่าใคร เหี้ย มึงเพลาๆก็ได้ไหม?
“จงอินเป็นอะไรอ่า”มินซอกใจกล้าเข้าไปถาม
ไอ้จงอินหันมามองคนตัวเล็ก สบถหยาบๆแล้วเขวี้ยงจอบทิ้งอย่างไม่สบอารมณ์
บ่นห่าอะไรที่ลู่หานไม่เข้าใจมันสักนิด
“ไอ้เหี้ย
อย่าให้กูออกไปจากนี่ได้นะปาร์คชานยอล!!!”
ค น คุ ก
เสียงน้ำสาดใส่ตัวดังไปทุกมุมของห้องอาบน้ำ
ลู่หานสะบัดหัวที่เปียกชื้นไปมา หยิบสบู่ก้อนมาถูตามตัว เหนียวเหนอะไปหมด
เห็นไอ้อูฮยอนเอาน้ำสาดใส่ไอ้จงอินแล้วปลงจิต แม่งเป็นเด็กกันหรือไง?
“เห้ย
เดี๋ยวกูไปขี้แป๊บ”ลู่หานบอกไอ้จงอินที่มีฟองแชมพูอยู่เต็มหัว ห้องน้ำเหลือว่างอยู่เจ็ดจากสิบ
ห้องหนึ่งถูกจองโดยมินซอกที่ขนเสื้อผ้าเข้าไปอาบไปผลัดในห้องน้ำตามคำบอกของทุกคน
เจ้าตัวเล็กนั่นเลยไม่ต้องมาบิดม้วนไปม้วนมาให้คนอื่นมอง
ส่วนอีกห้องไอ้ดงอุนเพิ่งวิ่งเข้าไปก่อนลู่หานครู่เดียว
แต่อีกห้องลู่หานเห็นมันปิดมาตั้งแต่เข้ามาอาบน้ำแล้ว ไม่รู้ใครเข้า
สงสัยตาห่าคาคอห่าไปแล้วมั้ง
เพราะอาการมวนท้องที่เกิดขึ้นฉับพลันทำให้รีบเข้าห้องน้ำไปทันที
เลือกเข้าห้องที่ปิดตั้งแต่เดินเข้ามานั่นล่ะ มันใกล้ที่สุด
หย่อนกายลงนั่งได้เลยเพราะล่อจ้อนอยู่แล้ว
ทำธุระไปก็ฟังเสียงโวยวายของใครที่น่าจะเป็นไอ้ทงอี
มันคงโดนแกล้งเพราะมันตัวเล็กกว่าเขา แต่ก็โตกว่ามินซอก
“ฮื่อ...”
ลู่หานชะงักมือที่ตักน้ำราดสิ่งปฏิกูลของตัวเองเมื่อเสียงอะไรมันดังลอดจากผนังกั้นบางๆของห้องน้ำ
ข้างๆนี้...ห้องที่ลู่หายสันนิษฐานว่าตายห่าคาส้วมไปแล้ว
ลู่หานไม่ใช่คนที่ชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน
แต่เห้นห้องมันปิดมานานแล้ว
ถ้าอาบน้ำควรเสร็จแล้วหรือถ้าทำธุระส่วนตัวก็ไม่ควรนานขนาดนี้...หรือจะเป็นอะไรไปจริงๆ
อาจจะเป็นนักโทษอายุลุงของหอหงส์?
มือเรียวยกเคาะเบาๆที่ผนังกั้น
ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แกลับไม่มีเสียงตอบกลับมา ด้านบนก็เป็นผนังกั้นยาวถึงเพดานไม่สารถปีนข้ามไปมองได้
ลู่หานกำลังจะเปิดประตูไปเคาะเรียกหน้าห้องทว่ารูเล็กๆที่ไม่ทับกันสนิทของผนังห้องน้ำทำให้ร่างโปร่งย่อตัวให้สุงเท่ากับรู้นั้นแล้วสอดสายตาเข้าไปแทนเสียก่อน
“ฮา...”เสียงห่ารากนั้นดังอีกครั้ง
แผ่วเบา ไม่ตั้งใจฟังใกล้ๆมันจะถูกกลบด้วยเสียงอาบน้ำของด้านนอก ลู่หานใจไม่ดี...
...ไม่ใช่ตายห่าคาส้วมแล้วมั้ง...
เสยงมันกระเส่าพิกล
ลู่หานเองก็ไม่ใช่ผู้ชายหน่อมแน้มบริสุทธิ์ผุดผ่องถึงจะไม่เข้าใจ
พอดีกับดวงตาที่แอบมองลอดช่องว่างนั้นไปสบกับแผ่นหลังใต้เสื้อยืดนักโทษของใรบางคน
ทาบทับกับร่างของอีกคนที่เกือบจมหายไปกับลำตัวโตๆของคนด้านบน
เหลือเพียงเรียวขาสีขาวที่แยกออกกว้าง รัดพันเอวสอบของอีกคนเอาไว้ มองเลื่อนลงต่ำ
กางเกงขาสั้นสีดำถูกร่นไปอยู่ครึ่งสะโพกที่ไม่หยุดขยับเขยื้อน...
...เหี้ย...
ลู่หานผละถอยออกมาทันทีที่ตั้งสติได้
รู้ว่ามีจริงแน่ๆที่ผู้ชายในคุกต้องเอากันเอง...อย่างไอ้จงอินว่า
แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเห็นคาตาแบบนี้...
ใครกัน??
เรือนนอนสิงห์ทั้งหมดอาบน้ำอยู่ด้านนอก ต้องเป็นคนจากเรือนนอนอื่น
ลู่หานแนบหน้ากับผนังอีกครั้ง มองเลยผ่านส่วนที่ขยับโยก คนที่หันหลังซุกใบหน้าลงกับซอกคอของคนที่รองับอยู่ด้านล่าง
เสียงครางครึมในคอดังผะแผ่ว อีกคนที่ถูกทาบทับเบ้หน้าหันสะบัด
มือเล็กๆยกขึ้นสอดเข้าไปในปากกัดไว้กั้นเสียงเล็ดลอด
ตอนนั้นเองที่ดวงตาเรียวสวยกับแพขนตาหนายาวนั้นค่อยๆลืมขึ้นจากการปิดสนิท...
ลู่หานไม่รู้จัก...ไม่เคยเห็นหน้า
รู้แค่เพียงดวงตานั้นเหมือนมีมนต์สะกด...
ชายหนุ่มผละออกมาอีกครั้ง
เปิดประตูห้องน้ำแล้วคว้าขันราดน้ำใส่ตัวอีกหลายครั้งก่อนจะรีบผลัดผ้าแล้วออกจากห้องอาบน้ำไปทันที
...ใบหน้าของคนๆนั้นยังอยู่ในสมองเพราะเพิ่งเห็นเมื่อนาทีที่แล้ว...
คนที่มีแรงดึงดูดแค่มองที่ดวงตา...รูปร่างที่ดูเล็กบาง...
นางพญางั้นหรือ??...
ค น คุ ก
ลู่หานไม่ได้เล่าให้ใครฟังเรื่องฉากวาบหวิวที่เห็นในห้องน้ำ
ไอ้พวกไม่รู้เรื่องราวพออาบน้ำเสร็จก็เฮตะโลกันออกมาไม่ได้สนใจห้องที่ยังถูกปิดประตูอยู่เลยสักนิด
ลู่หานแอบเลียริมฝีปากเมื่อนึกถึงดวงตาคู่นั้นที่ปรือปรอยลืมขึ้น...เขาไม่อาจฟันธงว่านั่นคือนางพญา
เพราะแทบไม่มีคนได้เห็นตัวจริงของนางพญานอกจากพวกเรือนนอนหงส์ที่นอนด้วยกัน
แต่บางอย่างที่ดูมีเสน่ห์จากดวงตานั้นทำให้เขาอดคิดไม่ได้...
“เห้ยอาลู่”ลู่หานหันไปหาผู้คุมคิมที่เรียกเอาไว้ก่อนจะขึ้นเรือนนอน
ผู้คุมคิมบอกว่าเช็ครายชื่อเยี่ยมฐาติใกล้ชิดให้แล้ว
ลู่หานใจเต้นตุบๆ...รีบบอกผู้คุมว่าอย่าเพิ่งบอกได้ไหม? ขอเขาทำใจเสียก่อน
เขากลัวว่าจะไม่มี...ไม่มีชื่อแม่หรืออี้ชิง...
ผู้คุมคิมได้แต่หัวเราะ
มือกว้างๆตบบ่านักโทษในความดูแลบอกว่าไม่ต้องกังวลไป
ใบหน้าของผู้คุมที่ลู่หานสนิทด้วยไม่นานนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เป็นผู้คุมมานานก็เข้าใจความรู้สึกกังวลได้ดี
ยิ่งกับคนที่ญาติไม่เคยมาเยี่ยมแบบนี้...
เวลารอจดหมายตอบรับ...มันทรมานเหมือนจะขาดใจ
ครั้งก่อนๆที่เคยจัดเยี่ยมญาติใกล้ชิด บางคนทางบ้านไม่ตอบรับกลับมาก็ซึมเศร้าจนกินข้าวกินปลาไม่ลงเลยก็มี
...การเยี่ยมญาติใกล้ชิดมันเป็นโอกาสเดียวในรอบหลายเดือน
อาจจะเป็นปี ที่นักโทษจะได้อยู่ใกล้กับครอบครัวมากที่สุด...
“เอาล่ะครับ
ผมพร้อมฟังแล้ว”ลู่หานสูดหายใจก่อนจะบอก แม้ในใจจะไม่มีความหวังเลยสักนิด...ไม่เคยได้รับจดหมายจากบ้าน
ไม่เคยมีใครมาเยี่ยม ลู่หานกลัวว่าแม่จะตัดเขาแล้วด้วยซ้ำ...
..
.
“ฟังให้ดีนะไอ้หมา...ถ้าน้องชายมึงชื่อจางอี้ชิงล่ะก็ยิ้มได้เลย”
TBC.
เบลอๆ
นอนทั้งวันเลย สงกรานต์ก็ไม่ได้เที่ยว มันร้อนเค่อะ ร้อนจัดมากมายยยยยยย
มาทิ้งปมห่าเหวไว้อีกเยอะเลย
กรั๊กๆๆๆๆๆ
เราดูไว้แล้วว่าฟิคเรื่องนี้จะยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ถ้ามีความขยันมันจะดำเนินเรื่องได้เร็ว (แต่ว่ามีแต่ความขี้เกียจนี่สิ - -)
คอมเม้นก็ถือเป็นแรงผลักดันในการแต่งนะคะ
รวมถึงแท็กในทวิตเตอร์เช่นกัน ครุคริ
#พี่ลู่คนคุก นะจ๊ะนะ
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น