น้ำใจคือสิงที่จะเป็น
บทที่1.1…
พลั่ก!
ร่างของลู่หานถูกผลักเข้าห้องขังไปรวมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
ไอ้หมอนั่นทำเพียงปรายตามองแล้วกลับไปสนใจหนังสือพิมพ์ในมืออีกครั้ง
“พรุ่งนี้ขึ้นศาลเลย
เตรียมขาเพรียวๆของมึงไว้ใส่ตรวนด้วยนะไอ้ลูกหมา”ไอ้เหี้ยผู้กองคริสเห่าหน้าลูกกรอง
พ่นควันบุหรี่ผลุยๆก่อนจะเดินออกไป
เท่ตายห่าล่ะไอ้ฉิบหาย
ไอ้ผู้กองนี่เป็นคนที่ตามจับลู่หานมาตลอด
แม่งคงสะใจมากที่จับเขาได้สำเร็จ
ลู่หานถอนหายใจ
เดินไปทิ้งตัวนั่งอีกฝั่งตรงข้ามสมาชิกเดิมของห้องขังนี้
ไม่รู้ว่าตอนนี้แม่รู้เรื่องนี้หรือยัง...ก็คงไม่พลาดหรอก
ผู้กองเหี้ยคริสคงให้คนไปบอกแล้วล่ะ
ไม่ได้หวังหรอกให้แม่มาประกันตัว
ยื่นหลังซ้งหลักทรัพย์อะไร...
...แค่กลัวว่าเมื่อแม่รู้ว่าเขาทำอะไร...แม่จะเสียใจ
แม่ไม่เคยรู้หรอกว่าเงินที่หาได้มันมาจากงานอะไร
ลู่หานโกหกตลอดว่าทำงานเสริฟอาหารจีน
ก็ไม่อยากจะให้แม่เป็นกังวลนี่หว่า
ถ้าแม่รู้ก็คงไม่ได้ทำหรอก ไอ้งานขายยาเนี่ย
มีแม่คนไหนวะอยากให้ลูกตัวเองทำอาชีพทุจริต
...แล้วมันมีทางเลือกหรือไง...
เงินเดือนค่าจ้างพนักงานทำวามสะอาดของแม่มันไม่พอยาไส้คนในครอบครัวหรอก
ไหนจะไอ้อี้ชิงที่ต้องเรียนหนังสืออีก
งานง่ายๆเงินดีๆมันก็มีไม่กี่งานใช่ไหมล่ะ?
“ขายหรือเสพวะ”เสียงถามดังมาจากอีกฝั่ง
เพื่อนร่วมห้องขังลดหนังสือพิมพ์ลง ใบหน้าเรียบของชายหนุ่มมองมาที่ลู่หาน
“ขาย”
“อ่อ
กูก็ขาย”บอกแค่นั้นก็ยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
ลู่หานไม่ได้สนใจเพื่อนร่วมห้องอีกครั้ง ล้มตัวลงนอนกับพื้นซีเมนต์เย็นเฉียบ
ที่คิ้วยังเจ็บแปลบๆแต่ไม่ได้ทำแผล ความเหนื่อยล้าจากการวิ่งหนีตำรวจบวกกับพิษของบาดแผลทำให้เปลือกตาค่อยๆปิดลงช้าๆ
ทิ้งทุกอย่างให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้เถอะนะ...
รุ่งเช้าลู่หานถูกพาตัวออกจากห้องขังตั้งแต่ตะวันยังไม่จ้า
ออกมาพร้อมกับสมาชิกร่วมห้องที่ยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ
ขึ้นรถตำรวจคันเดิมที่พาเขามาที่นี่หลังจากจับตัวได้แล้ว
กุญแจมือที่เคยเห็นคนร้ายใส่กันในหนังไม่คิดว่ามันจะหนักเอาการขนาดนี้...
ไอ้เหี้ยผู้กองคริสหันมาบอกว่าถูกลานประหารของเขาแล้ว
ศาล...
ถูกลากลงจากรถไปยัดเอาไว้ในห้องขังอีกครั้ง
คราวนี้ห้องใหญ่กว่าเดิม ดูสะดวกสบายแต่ก็ไม่ได้น่าอยู่ข้างในนักหรอก
ลู่หานถูกขังในลูกกรองชั้นใน มีชั้นนอกอีกชั้นไว้ให้ตำรวจผู้คุมเดิมไปมา
ญาติที่มารอการตัดสินสามารถยืนมองได้จากนอกลูกกรองชั้นนอก
เพื่อนร่วมห้องจากมีแค่คนเดียวก็เพิ่มมาเป็นหลายคน
นับดูก็ราวๆสิบได้มั้ง แต่ละคนมีพันธนาการเป็นกุญแจมือส่องประกายล้อแดดวาววับ
ผู้ต้องหาคดียาเสพติดทั้งนั้น...
เพราะยังเช้าอยู่
อีกนานกว่าที่ศาลจะเปิดทำการ ท้องของลู่หานร้องตั้งแต่เมื่อคืน
แต่ก็ต้องกัดฟันทนเอา
ตำรวจมันไม่ได้ใจดีขนาดซื้อข้าวเลี้ยงผู้ต้องหานี่หว่า
ถ้าไม่มีญาติซื้อมาให้ก็ต้องอดไป
หรือทำตัวนอบน้อมขอร้องหน่อยก็อาจได้กินเศษอาหารกล่องจากตำรวจพวกนั้น...เหมือนไอ้เด็กคนนั้นที่กำลังตะกรุมตะกรามโกยเศษอาหารเหลือเข้าปาก
ใบหน้ากลมแต่แก้มซีดตอบ
เบ้าตาลึกโบ๋ ดูก็รู้ว่าเป็นเด็กติดยา อายุก็คงน้อยกว่าลู่หานไม่กี่ปี
อาจจะหนึ่งหรือสองเท่านั้น
“มึง...มากินข้าวกับกูไหม?”เพื่อนร่วมห้องเมื่อคืนถาม
มันเพิ่งเดินไปรับถุงกล่องข้าวจากตำรวจผู้คุม
เห็นเป็นเด็กหนุ่มเกาะลูกกรงชั้นนอกอยู่ เด็กคนนั้นอายุรายๆสิบหก ตัวขาว
สูงร่างผอมสูง
“นั่นน้องกู”
น้อง?
ลู่หานไม่เห็นว่าจะมีเค้าโครงความเป็นพี่น้องจากสองคนนี้เลยสักนิด
คนตรงหน้าเขาผิวสีคร้านแดด รูปร่างใหญ่โตเป็นหมีควาย ใบหน้าคมสัน
แต่เด็กคนนั้นบอบบาง ตัวก็ขาวจั๊วะเหมือนไม่เคยเจอแดด
ถึงกระนั้นลู่หานก็ไม่ได้คิดจะถาม
รับกล่องข้าวมาจากอีกคนก่อนจะเปิดฝาออก
ไม่มีช้อน...
แม้แต่ช้อนพลาสติกก็ตามที
“มันกลัวเอามาใช้เป็นอาวุธน่ะ
ความคิดควายๆ มือก็ใส่กุญแจ ช้อนก็เป็นพลาสติก คิดมาได้”เจ้าของกล่องข้าวเอ่ยบอก
ลู่หานคงทำหน้าแปลกใจออกไป ชายหนุ่มหักเอามุมกล่องออกมาใช้ตักข้าวแทนช้อน
ลู่หานจึงทำตามมั่ง
มีเพียงเสียงโฟมเสียดสีกันเวลาตักข้าวเข้าปากเท่านั้น
ลู่หานหิวเกินกว่าจะสนทนาอะไรกับอีกคน จนเมื่อข้าวพร่องไปเรื่อยๆและหมดในที่สุด
“ขอบใจนะ...”เอ่ยคำขอบคุณ
รวบกล่องข้าวที่กินหมดแล้วใส่ถุงเดิมไปกองไว้ตรงประตูลูกกรงเหมือนคนอื่น
“กูชื่อจงอิน”เจ้าของกล่องข้าวผู้มีน้ำใจแบ่งปันบอกชื่อตัวเองออกมาก่อนจะเดินไปทิ้งตัวที่มุมหนึ่งของลูกกรง
สายตาองไปยังเด็กตัวขาวที่ยังเกาะลูกกรงอยู่ด้านนอก
ลู่หานเดินไปนั่งข้างๆมัน
พิงหัวกับซี่เหล็กหนาเย็นชืด
.
.
“กูชื่อลู่หาน”
“คนจีนเหรอวะ”จงอินถามเมื่อชื่อของลู่หานมันไม่น่าจะใช่ชื่อคนเกาหลี
“เออ”มีแค่คำตอบสั้นๆจากลู่หาน
มีผู้ต้องหาหลายรายเริ่มถูกเรียกตัวไป “ขึ้นศาล” ถึงกระนั้น
ตอนนี้ลู่หานก็ยังไม่เห็นว่าแม่จะมา
“คิมมินซอก
ออกมา”เสียงตำรวจผู้คุมเรียกชื่อผู้ต้องหารายต่อไป
เด็กหน้ากลมที่เห็นขอเศษอาหารจากตำรวจกินนั่นลุกขึ้น ร่างกายดูผ่ายผอมตามสไตล์เด็กติดยาทั่วไป
ลู่หานมองจนเด็กนั่นเดินออกจากห้องขังแล้วหายเข้าประตูที่เชื่อมกับห้องอะไรสักอย่างที่คาดว่างจะเป็นศาล
“สนใจสิมึง
ถ้าอยู่แดนเดียวกันจับทำเมียเลยไหมล่ะ?”คนที่นั่งข้างกันพูดขึ้นมา ลู่หานขมวดคิ้ว
ริมฝีปากเบะออก
“นั่นผู้ชาย”ถึงใบหน้าเครื่องเคราจะดูน่ารัก
ตัวเล็กๆเหมือนเด็กผู้หญิง แต่ยังไงนั่นก็คือผู้ชาย
เขาเองก็ผู้ชายไม่ใช่เกย์เสียหน่อย จงอินไหวไหล่
“ก็ไม่รู้สิวะ
เวลาอยู่ในคุกน่ะ ถ้ามึงเสี้ยนอยากเอาใครจะหาพริตตี้ฮอนด้าตามโชว์รูมได้ไหมล่ะ
ทางเลือกไม่ช่วยตัวเองก็เอาผู้ชายด้วยกัน”
“...”
“เตรียมใจไว้บ้างก็ดี
อาจเป็นมึงที่ถูกเอาก็ได้”
...ตีนเหอะ
ลู่หานยกนิ้วกลางใส่หน้าคนที่เรียกว่า”เพื่อน”คงได้ในยามนี้
จงอินหัวเราะเบาๆ
ไม่นานนักตำรวจผู้คุมคนเดิมก็เดินเข้ามาเรียกชื่อคนที่นั่งข้างลู่หานไป
ก่อนจะเดินเข้าประตูไป จงอินหันมายิ้มบางเบาให้กับคนตัวขาวที่ยังเกาะลูกกรงชั้นนอกอยู่
ลู่หานคงตาไม่ฝาดที่เห็นเด็กนั่นร้องไห้
พี่น้องที่ไม่น่าจะใช่พี่น้องกันคู่นี้คงพูกพันกันน่าดู
อดจะนึกถึงน้องชายไม่ได้...
อี้ชิงเป็นเด็กน่ารัก
เด็กนั่นค่อนข้างติดแม่ ชอบเรียกร้องเอาความอบอุ่นจากแม่...แต่ก็ดี
เพราะต่อไปที่เขาไม่สามารถดูแลแม่ได้จะได้มีอี้ชิงคอยดูแลแม่แทน...
ลู่หานมองไปยังกลุ่มคนที่ยืนเกาะลูกกรงชั้นนอกอยู่
มันเริ่มบางตาตามผู้ต้องหาที่ถูกเรียกตัวไป...แต่แม่ก็ยังไม่มา
หากลู่หานเดินก้าวเข้าประตูนั่นไปแล้ว
จะมีโอกาสได้เจอแม่อีกไหมก็ไม่รู้ เขาจะถูกส่งตัวไปขังไว้ที่ไหน คุกอะไรไม่อาจรู้ได้เลย
แค่อยากเห็นหน้าแม่...กับอี้ชิง
ครั้งสุดท้ายก็ยังดี
แล้วจากนี้จะไม่มาเยี่ยมมาดูลูกเลวๆคนนี้อีกก็จะไม่ว่าเลย...
ตำรวจผู้คุมเดินกลับมาอีกแล้ว
ก้มมองรายชื่อในแผ่นกระดาษที่อยู่ในมือก่อนจะเอ่ยเรียกผู้ต้องหาคนต่อไป...
“ลู่หาน
ออกมา”
TBC.
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น