วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

คนคุกชีวิตใหม่


การเริ่มต้นใหม่ เราอาจะเดินมาถึงทางแยกเดิมที่เคยเดินผิด

จากนี้เราจะเลือกเดินทางไหน

 

 

 

ชีวิตใหม่

 

มินซอกพลิกหน้ากระดาษในมือไปมา มองหน้ากระดาษที่อุดมด้วยตัวอักษรจากหมึกพิมพ์แล้วส่ายหัวเบาๆ เพราะตัวเองเป็นคนชอบจดชอบโน้ต มองหนังสือสอบตำรวจของคนรักที่โล่งสะอาดเลยรู้สึกแปลกๆ

มองนาฬิกาที่โทรศัพท์มือถือของตัวเอง ลู่หานฮยองกับพี่จงอินสอบอยู่ในห้องชั้นบนสุดของตึก ซึ่งมินซอกไม่สามารถขึ้นไปได้ มีคุณตำรวจหลายนายเฝ้าเพื่อกันการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้น

“อ่ะ น้ำกับขนมปัง”อี้ชิงวางถุงร้านสะดวกซื้อลงบนโต๊ะพร้อมกับหย่อนตัวนั่ง ตามด้วยผู้กองคริสที่เดินไปซื้อของกินเป็นเพื่อนอี้ชิง ผู้กองหนุ่มอุตส่าห์มานั่งรอลูกน้องทั้งคู่สอบเป็นเพื่อนมินซอกกับอี้ชิง มินซอกยิ้มก่อนจะหยิบขนมปังมาแกะกิน ถามผู้กองตัวสูงกับน้องชายคนรักด้วยว่ากินด้วยกันไหมแต่อีกสองคนก็ปฏิเสธบอกว่าจัดการเรียบร้อยตั้งแต่หน้าร้านสะดวกซื้อแล้ว

“สอบเสร็จก็คงบ่ายแก่ๆ มินซอกอยากจะกินอะไรไหม? ฉันว่าจะพาคนเก่งไปเลี้ยงที่สอบหมอสักหน่อย”คริสเอ่ยถามคนที่เคี้ยวขนมปังแก้มพอง มินซอกส่ายหน้าบกว่ายังไม่ประกาศผลเสียหน่อย แล้ววันนั้นก็กินเนื้อย่างจนพุงกางฉลองไปแล้ว มาฉลองบ่อยๆมันจะเป็นลางไม่ดีเอาเสียมากกว่า

“ถ้างั้นก็ถือซะว่าเลี้ยงฉลองการสอบที่ผ่านไปได้ด้วยดีของจงอินกับลู่หานเป็นไง?”ผู้กองหนุ่มยังคงตั้งใจจะเลี้ยงให้ เห็นมินซอกปฏิเสธก็ยกสองคนที่ยังอยู่ในห้องสอบมาอ้างเอา อี้ชิงขำน้อยๆบอกว่าแน่ใจได้ยังไงว่าการสอบนั้นผ่านไปได้ด้วยดี เห็นเมื่อเช้าพี่ลู่หานยังบ่นอยู่เลยว่าลืมข้อสอบที่ผู้กองติวให้ไปหลายข้อแล้ว

“ว่าแต่เราเถอะอี้ เลิกทำงานที่นั่นได้หรือยัง ช่วงนี้พี่ก็ไม่ค่อยว่างไปรับ ไอ้เด็กนั่นมาส่งเราเหมือนเดิมหรือเปล่า”ผู้กองคริสเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น เห็นเด็กมินซอกนี่ตั้งท่าจะปฏิเสธการเลี้ยงฉลองจากเขา อี้ชิงส่ายหัวเป็นการตอบ บอกว่ายังทำอยู่

“จงแดมาส่งตลอดล่ะฮะ ห้ามได้ที่ไหนกัน”พูดถึงไอ้เด็กจอมแสบที่ออกมาส่งอี้ชิงกลับบ้านแทบทุกวัน บอกว่ากลัวเขาโดนฉุด คริสได้ฟังก็หัวเราะ เคยเห็นเด็กคิมจงแดบ่อยครั้ง แรกๆที่เจอหน้ากันไอ้เด็กนั่นตั้งท่ารังเกียจเขาด้วยซ้ำ คิดว่าเขาเป็นแฟนกับอี้ชิง พอรู้ว่าเขาเอ็นดูคนตัวขาวเหมือนน้องชาย คิมจงแดก็ค่อยคลายความมึนตึงเวลาเห็นหน้ากันลงหน่อย

“เลิกทำได้แล้วนะ ถ้าขัดสนเรื่องเงินก็บอกกัน พี่ช่วยได้ก็จะช่วย แล้วดูมหาวิทยาลัยไว้หรือยัง?”บอกกับอีกคน อี้ชิงยิ้มอ่อนๆบอกว่าสมัครสอบมหาวิทยาลัยหนึ่งไว้แล้ว เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านศิลปะ คริสบอกว่าดีแล้ว เขาไม่อยากให้อี้ชิงเรียนตำรวจเหมือนกัน เพราะรู้ว่ากว่าจะเป็นตำรวจได้ต้องฝึกหนักขนาดไหน

“ถ้าสอบติดก็คิดไว้ว่าจะเลิกทำงานกลางคืนเหมือนกัน อี้ก็ไม่อยากให้พี่กับผู้กองมาห่วงเท่าไหร่”ผู้กองตัวสูงได้ยินคนอ่อนกว่าพูดแบบนั้นก็ยิ้มเอ็นดูแล้วขยี้หัวอี้ชิงเบาๆ อวยพรว่าให้สอบติด รวมทั้งมินซอกด้วย

“ให้พี่จงอินกับพี่หานติดด้วย”อี้ชิงพูดต่อแล้วยิ้ม

“ให้สอบติดกันทุกคนเลยแล้วกัน”มินซอกว่าแล้วยิ้มกว้าง แอบอธิฐานในใจให้สอบได้กันทุกคน เพราะตั้งใจกันขนาดนี้แล้ว พระเจ้าคงไม่ใจร้ายกับพวกเรามากจนเกินไปแน่ๆ

 

ค น คุ ก

 

สภาพตอนที่ลู่หานและจงอินลงจากตึกที่สอบมาก็คล้ายกับมินซอกตอนออกจากห้องสอบ คุณพ่อหมีบ่นน้อยๆว่าข้ามไปข้อสองข้อ ยอมรับเลยว่าข้อสอบคัดคนเข้าทำงานราชการเทือกนี้นี่ยากจริงๆ โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความซื่อสัตย์สุจริตและยุติธรรมสูง ส่วนลู่หานลงจากตึกมาก็เงียบไปพักใหญ่คงเบลอๆ

“ที่มึงเจอยังน้อยๆ”คริสหัวเราะเยาะไอ้คนที่ไม่ตอบโต้อะไรกลับมา มินซอกเองก็ขำพรืด คนรักเหมือนซอมบี้ไร้วิญญาณจริงๆ ผู้กองตบหลังจงอินเป็นกำลังใจก่อนจะถามว่าจะไปฉลองสอบเสร็จกันที่ไหนดี งานนี้รุ่นพี่ว่าที่ตำรวจอาสาจะออกค่าของกินให้ไม่อั้น

“พ่อพระฉิบหาย”เหมือนไอ้คนมึนเพราะข้อสอบมันจะเริ่มดึงสติกลับมาได้ หมาในปากเลยเริ่มทำงานตามปรกติ คริสยักไหล่ถามย้ำว่าจะให้เลี้ยงที่ไหนดี แต่คงต้องรอเซฮุนเลิกเรียนก่อน

“ถ้าอย่างนั้นเรากินกันที่บ้านดีไหมฮะ? จะได้นั่งได้ยาวๆด้วย พรุ่งนี้ผู้กองมีเข้าเวรหรือเปล่า?”มินซอกเสนอและดูเหมือนหลายคนจะเห็นด้วย จงอินยิ้มร่าบอกถ้ากินที่บ้านก็ดวดเบียร์ได้ไม่อั้นด้วยหรือเปล่า กินให้เมาแล้วคลานเข้าห้องง่ายดี

“ไม่หรอก ช่วงนี้คดีไม่เยอะ”คงเป็นเพราะหลังจากล่อซื้อและจับพวกค้ายารายใหญ่ๆได้ รายอื่นก็เลยเก็บตัวไม่เพ่นพ่านกันสักเท่าไหร่

“ถ้างั้นก็ดีเลย งั้นไปกินกันที่สำนักงานเลย จุนมยอนจะได้มาฉลองกับเราด้วย ผู้กองกระเป๋าแบนแน่ๆเลยงานนี้ ฮะๆ”จงอินเสนอแล้วยังจัดแจงโทรถามเวลาออกเวรของจุนมยอนที่โรงพยาบาลตำรวจเรียบร้อย ฝากพยาบาลเวรบอกว่าถ้าเลิกงานให้รีบกลับเลย

“มีเตาย่างกับหม้อสุกี้อยู่ในห้องเก็บของ ใครจะไปซื้อของก็มากับฉันแล้วกัน ส่วนพวกที่เหลือก็ไปรอที่สำนักงาน”ผู้กองคริสบอก เลยได้อี้ชิงที่ขันอาสาจะไปช่วยซื้อของเอง ตอนแรกมินซอกจะไปด้วยแต่อี้ชิงก็ไล่ให้พาจงอินกับลู่หานกลับสำนักงานดีกว่า แค่ของทำสุกี้กับปิ้งย่างแค่นี้ อี้ชิงกับผู้กองซื้อได้

“อย่าลืมเบียร์นะครับผู้กอง”จงอินไม่ว่าพูดย้ำพร้อมรอยยิ้มเผล่ คริสไล่ให้ทั้งสามคนขึ้นรถแท็กซี่ไปเสียทีเถอะ เขากับอี้ชิงจะได้ไปหาซื้อของเสียที

 

ค น คุ ก

 

จุนมยอนแปลกใจที่พี่จีวอนบอกกับเขาว่ามีคนชื่อจงอินโทรมาบอกให้รีบกลับบ้านถ้าเลิกงานแล้ว คนตัวขาวโทรกลับหาอีกคนก็ได้คำตอบว่าผู้กองคริสเลี้ยงฉลองการสอบตำรวจของลู่หานกับจงอิน งานนี้กินฟรีไม่อั้นเพราะฉะนั้นให้จุนมยอนรีบๆกลับมาเลย

“ฉันกะจะแวะร้านดูหนังสือสักหน่อยน่ะ กินกันไปเลยก็ได้”เขาบอก ตั้งใจจะหาซื้อหนังสือประวัติศาสตร์สักเล่มมาอ่านก่อนนอนเพราะช่วงนี้มักจะนอนไม่ค่อยหลับเสียเท่าไหร่ อาจจะมาจากการเหนื่อยล้าในการทำงาน เพราะช่วงนี้โรงพยาบาลตำรวจได้สั่งเวชภัณฑ์มาจำนวนมาก ในฐานะที่เป็นผู้ชายไม่กี่คนซึ่งไม่ใช่แพทย์ จุนมยอนเลยถูกไหว้วานไปช่วยขนย้ายและเก็บเข้าห้องเก็บของ

จงอินบอกผ่านสายโทรศัพท์ว่ายังไงก็รีบกลับแล้วกัน จะเหลือของกินกับเบียร์ไว้ให้ จุนมยอนบอกอีกคนว่าเชิญตามสบายเถอะ ถ้าดื่มเบียร์คืนนี้ พรุ่งนี้มีหวังไปนั่งปวดหัวตอนทำงานกันพอดี

“ถ้าจะเอาอะไรให้ฉันซื้อเข้าไปก็โทรมานะ”บอกก่อนจะวางสายจากจงอิน จุนมยอนเอ่ยลาทุกคนแล้วสะพายกระเป๋าขึ้นบ่า เพราะเตรียมมาใส่หนังสือกลับเลยเลือกจะสะพายกระเป๋าเป้มาด้วย หนังสือประวิศาสตร์ไม่ใช่แนวที่จุนมยอนชอบเท่าไหร่ แต่ตัวหนังสือยึกยืออัดแน่นเต็มแผ่นกระดาษนั้นคงทำให้ง่วงนอนได้บ้าง

หยิบจับหนังสือที่ชั้นวางอยู่หลายเล่มกว่าจะได้เล่มที่ถูกใจ เป็นประวัติศาตร์การช่วงชิงอำนาจในประเทศจีน เรื่องราวยาวนานถูกสรุปรวมให้อยู่ในหนังสือที่มีจำนวนหน้าไม่ต่ำกว่าสี่ร้อยหน้า จุนมยอนใส่หนังสือลงในเป้ เพิ่งจะหยิบโทรศัพท์มือถือมากดดูเวลาเลยเพิ่งจะรู้ว่าเลือกหนังสืออยู่กว่าสองชั่วโมงแล้ว

ลืมไปเสียสนิทว่าจงอินบอกให้รีบกลับไปร่วมฉลองด้วยกัน ป่านนี้ไม่กระดกเบียร์กันจนเลื้อยแล้วใช่ไหม?

“อ้าวพี่จุนมยอน มาพอดีเลย”เปิดประตูเข้าไปคนที่ทักคนแรกคือมินซอก จุนมยอนยกมือขยี้ผมอีกคนอย่างเอ็นดู ถามว่าเห็นไปสอบหมอมาเป็นยังไงบ้าง

“ก็ดีฮะ แต่กว่าผลจะออกก็เดือนหน้านู่น”จุนมยอนยิ้มน้อยๆ บอกว่ายังไงมินซอกก็ทำได้อยู่แล้ว เพราะมินซอกเก่ง คนตัวเล็กยิ้มร่าบอกว่าใครๆก็พูดแบบนี้จนตัวเองชักจะเหลิงกันไปใหญ่ ถ้าสอบไม่ได้นี่ผิดหวังแบบสุดๆแน่เลย

“แล้วกินอะไรมาหรือยังฮะ? พี่มาช้า เลยเหลือแค่สุกี้ พวกปิ้งย่างหมดแล้ว”มินซอกถาม จูงแขนอีกคนไปนั่งลงที่หน้าทีวีซึ่งเคลื่อนโซฟาออกนั่งเป็นวงล้อมหม้อสุกี้ ขวดเบียร์ตั้งเป็นแถวอยู่ไม่ไกล

“เมาแล้วป่ะเนี่ย?”ถามลู่หานที่นั่งพิงโซฟาอยู่ อีกคนยิ้มร่าบอกว่าไม่ได้เมาอีกทั้งยังตักสุกี้ใส่ถ้วยให้จุนมยอนด้วย มือขาวรับถ้วยมาคีบผักใส่ปาก ชมว่าอร่อยดีเลยรู้ว่าสุกี้หม้อนี้จงอินเป็นคนปรุง

“แล้วจงอินไปไหนล่ะ? เห็นอี้ชิงกับผู้กองก็มาไม่ใช่เหรอ?”ถามถึงคนที่โทรไปชวนเขา ลู่หานบุ้ยปากไปทางห้องนอนเจ้าตัว บอกเบียร์ที่เห็นนี่ฝีมือเพื่อนหมีทั้งนั้น มันกะจะเอากระเป๋าไอ้เหี้ยผู้กองคริสแบนจริงๆ พอหมดก็ออกไปซื้อมาเพิ่ม ไปไปมามาเลยซัดไปเป็นสิบ

“เซฮุนเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อยู่น่ะฮะ ไม่ต้องเป็นห่วง”จุนมยอนขำบอกว่าไม่ได้เป็นห่วงเลยสักนิด ดีเหมือนกันที่เซฮุนอยู่ เพราะถ้ามีแค่เขากับจงอินอยู่ในบ้านเหมือนทุกๆวันก็อย่าหวังว่าจุนมยอนจะไปช่วยเช็ดตัวคนเมาเชียว เมาเองก็เหนอะหนะตัวเองไปเถอะ

“แล้วอี้ชิงกับผู้กองล่ะ?”ถามถึงอีกสองคน ลู่หานบอกว่าผู้กองคริสไปส่งอี้ชิงทำงาน วันนี้น้องชายของลู่หานขอเข้างานสายเพื่อมาฉลองกับพี่โดยเฉพาะเลยทีเดียว พอพูดถึงน้องชานลู่หานก็สงสัยว่าไอ้ผู้กองตัวสูงมันหายไปไหนหลังจากที่ส่งอี้ชิงถึงร้านแล้วหรือเปล่า เพราะมันไปส่งน้องตั้งแต่ไอ้จงอินยังไม่เรื้อนนู่น

“กลับบ้านไปแล้วหรือเปล่า”จุนมยอนออกความเห็น ลู่หานก็แย้งว่าเซฮุนยังอยู่ที่นี่ เมื่อวันก่อนก็มาค้างที่นี่แล้ว วันนี้พี่ชายขี้หวงอย่างไอ้เหี้ยผู้กองคงไม่ปล่อยให้เซฮุนนอนที่นี่หรอก

“เดี๋ยวก็คงมาล่ะมั้ง ถ้าบอกว่ายังไงก็ต้องมารับเซฮุนกลับ นายรีบกลับบ้านหรือเปล่า เดี๋ยวเรากินเสร็จแล้วเก็บของเองก็ได้นะ”จุนมยอนพูดบอก เห็นว่าบ้านของลู่หานไม่มีคนอยู่ อีกอย่างก็เริ่มดึกมากแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวจะกลับกันลำบาก ลู่หานส่ายหัวบอกไม่ได้ห่วงอะไรที่บ้าน ห่วงอย่างเดียวคือคนตัวเล็กที่ตักนู่นตักนี่จากหม้อสุกี้ใส่ชามจุนมยอนมากกว่า เพราะเห็นน้องตาปรือน้อยๆแล้ว

ต้องตื่นแต่เช้าแล้วไปนั่งรอเขาสอบทั้งวัน คงอยากจะนอนแล้ว

“ไม่เป็นไรฮะ ไม่ง่วงเท่าไหร่ เดี๋ยวช่วยล้างจานก่อนก็ได้”ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ไม่กี่อึดใจต่อมาปากจุ๋มจิ๋มก็หาววอด จุนมยอนยิ้มขำ บอกว่าไม่ต้องช่วยหรอก กลับบ้านไปนอนดีกว่า ถ้าผู้กองคริสกลับมาเดี๋ยวก็มีลูกมือช่วยเก็บข้าวของและล้างจานอยู่ดี อีกทั้งยังมีเซฮุนอีกคนหนึ่งด้วย

“งั้นพาเด็กน้อยไปนอนก่อนแล้วกัน นายเองก็อย่านอนดึกมากล่ะ พรุ่งนี้ต้องทำงานอีกนิ่”ลู่หานบอก สะกิดมินซอกให้กลับบ้านได้แล้ว คนตัวเล็กอิดออดอยากช่วยจุนมยอนทำความสะอาดก่อนแต่คนตัวขาวยืนยันจะให้กลับเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากโบกมือหยอยๆแล้วเดินตามลู่หานออกไป

จุนมยอนตักสุกี้ที่เหลือใส่ชามแล้วยกหม้อกับเตาย่างไปแช่ไว้ในชิ้งค์ล้าง เวลาขัดจะได้ออกง่ายๆ แล้วกลับมานั่งกินสุกี้ที่ในชามต่อ เปิดทีวีดูละครไปด้วย ทว่าสักพักเสียงรถยนต์ก็ดังและเงียบลงตรงหน้าบ้าน ให้เดาคงเป็นผู้กองคริสที่กลับมาจากการไปส่งอี้ชิง

ร่างสูงทักทายจุนมยอนน้อยๆก่อนจะบ่นว่าหิวเพราะดูเหมือนปิ้งย่างที่กินแค่นิดหน่อยก่อนไปส่งอี้ชิงจะย่อยหมดแล้ว

“เหลือแค่สุกี้ชามเดียว ถ้าไม่รังเกียจก็กินได้นะ”บอกพร้อมยื่นไปตรงหน้า ไม่คิดหรอกว่าอีกคนจะกินจริงๆแต่ก็ต้องตกใจเมื่อคริสคว้าชามสุกี้ไปแล้วคีบกินจริงๆ

“เห้ย! ฉันแค่ล้อเล่น”ร้องเสียหลง จะแย่งชามกลับก็ไม่ทันแล้วเมื่อผู้กองตัวสูงโกยเอาโกยเอา ไม่ทันจะได้หายใจก็หมดชามเสียแล้ว จุนมยอนอ้าปากค้างมองดูชามที่ว่างเปล่าของตัวเองสลับกับคนที่นั่งลูบท้องไปมา

แล้วก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหัวช้าๆ ท่าทางจะหิวจริงๆ

“ถ้าอิ่มแล้วก็มาช่วยกันล้างจานด้วยนะ ลู่หานกับมินซอกกลับไปแล้ว เหลือแค่นายกับฉันแล้วก็เซฮุน”ว่าพลางลุกขึ้นเอาชามไปกองรวมกับใบอื่นๆที่ต้องล้าง คริสบอกให้รอก่อน ขอไปดูเซฮุนก่อนแต่จุนมยอนก็ไม่ได้สนใจ มือขาวเนียนจับชามล้างน้ำก่อนเพื่อชะเศษอาหารก่อนเอาแช่ในกะละมังขนาดกลางที่บรรจุน้ำผสมน้ำยาล้างจาน

 

ค น คุ ก

 

ภาพตรงหน้าทำเอาคิ้วเส้นหนาขมวดพรึ่บ ใต้ตากระตุกถี่ๆ บอกตัวเองว่านั่นคือคนรักของน้องชายแต่ไอ้อาการหวงน้องก็ไม่หายเลยหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคิมจงอินกำลังนอนกอดกับเซฮุนอยู่

อีกคนเมา แต่อีกคนไม่ได้กินเบียร์เลยสักหยด คริสไม่ได้ห้ามแต่เป็นจงอินต่างหาก เห็นบอกไม่อยากให้เซฮุนเมา แต่ถึงไม่ได้เมา ไอ้ตัวดื้อก็คงหลับไปเพราะความอิ่ม เล่นกินสุกี้เข้าไปเต็มท้องแบบนั้น เห็นเป็นฝีมือคนรักตัวเองทำเลยกินไปยิ้มไป มีความสุขจนแก้มนุ่มๆนั่นอูมเปล่งเพราะปากวาดรอยยิ้มตลอดเวลา

คริสยิ้มให้กับน้องชายที่อยู่ในอ้อมกอดของอีกคน...เขาตัดสินใจไม่ผิดจริงๆสินะ

 

ถอยฉากออกมาและงับประตูห้องปิดเหมือนเดิม คิดว่าวันนี้คงต้องปล่อยให้เซฮุนนอนที่นี่อีกสักคืน ปลุกขึ้นมาคงบ่นหงุงหงิงหน้าบูดเป็นตูดลิงแน่ๆ

“เซฮุนล่ะ?”จุนมยอนถามคนที่บอกว่าจะไปดูเซฮุนแต่ดันกลับมาคนเดียว คริสบอกว่าน้องชายหลับไปแล้ว คงต้องปล่อยให้นอนที่นี่อีกคืน จุนมยอนพยักหน้าเข้าใจ ส่งชามที่เพิ่งใช้ฟองน้ำถูจนฟองจับให้กับผู้กองร่างสูงไปล้างน้ำสะอาดแล้วคว่ำตาก

“ถ้านายจะนอนที่นี่ก็ได้นะ เช้าก็พาเซฮุนกลับไปด้วยได้เลย นี่ก็ดึกแล้วเหมือนกัน”คนตัวขาวพูด เห็นว่าอีกคนก็ดื่มไปพอสมควร ทั้งยังไม่มีใครนั่งรถกลับเป็นเพื่อนกลัวจะเกิดอุบัติเหตุเอาได้

“จะให้นอนที่ไหนล่ะ? อย่าบอกนะที่โซฟา...”ถามอีกคนแล้วแค่นหัวเราะเมื่อจุนมยอนมีสีหน้าแปลกๆ คงจะคิดให้นอนที่โซฟาจริงๆ คนตัวขาวกัดปากตัวเอง หันมามองหน้ากันแล้วบอกให้ไปนอนในห้องก็ได้ เดี๋ยวตัวเองจะมานอนโซฟาเอง เพราะเป็นแค่คนอาศัย

“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ก็นอนเตียงเดียวกันนั่นล่ะ ฉันเองก็มึนๆอยู่ ตอนขับรถไปส่งอี้ชิงต้องแวะพักอยู่นานสองนาน”ได้ยินอีกคนพูดแบบนี้ จุนมยอนรีบปฏิเสธว่าไม่เป็นไร เขารู้สึกไม่อยากนอนติดกับผู้ชายคนอื่น โดยเฉพาะคนที่รูปร่างสูงใหญ่เหมือนคริส แม้จะรู้ว่าอีกคนไม่คิดจะทำอะไรแต่ก็ไม่วายระแวงกลัว

“โอเค โอเค ฉันเข้าใจ ถ้างั้นนายก็นอนในห้องไปเถอะ เดี๋ยวฉันมานอนโซฟาเอง ฉันยกห้องนั้นให้นายไปแล้ว นายก็เป็นเจ้าของ”คริสยอมแพ้ คิดว่าทำไมอีกคนถึงไม่นอนกับตัวเองก็เข้าใจดี

หม้อสุกี้ถูกคว่ำตากเป็นอย่างสุดท้าย คริสจำได้ว่ามีเสื้อผ้าเอาไว้ค้างคืนตามโรงแรมเวลาออกทำงานนอกสถานที่อยู่ในรถ เขาบอกให้จุนมยอนอาบน้ำก่อนได้เลย จะออกไปเอาเสื้อผ้าก่อน เมื่อกลับมาก็ยังไม่เห็นว่าคนตัวขาวจะเข้าไปอาบน้ำ แต่อีกคนกำลังเก็บขวดเบียร์ใส่ถุงอยู่

“มีเหลืออีกสี่ขวดน่ะ ให้แช่ในตู้ไหม?”ถามแล้วชี้ไปยังขวดที่ยังไม่ได้เปิดสี่ขวดซึ่งจับแยกเอาไว้ คริสส่ายหน้าบอกว่ากินให้หมดไปเลยดีกว่า เบียร์ยี่ห้อนี้เป็นเบียร์หมักพื้นบ้าน ถ้าวันหลังไม่มีใครเอาออกมากินมันจะเสียรส

“แต่ฉันไม่กินนะ พรุ่งนี้ยังต้องทำงาน”ปฏิเสธทันทีเลยได้ยินอีกคนพูดเบาๆว่าดีแล้วที่ขยันทำงาน ไม่เสียแรงที่ฝากให้

“เดี๋ยวฉันกินเอง นายไปอาบน้ำเถอะ ขวดแค่นี้แป๊บเดียวก็หมดแล้ว”บอกให้อีกคนไปอาบน้ำอีกครั้งก่อนจะงัดฝาขวดเบียร์ออกทุกขวด ดีที่เบียร์เกาหลียี่ห้อนี้เป็นเบียร์ขวดเล็กๆ กระดกแค่สามอึกก็หมดขวดอย่างง่ายดาย แต่ถึงจะน้อย ทว่าปริมาณที่ได้รับก่อนหน้า แต่ปริมาณสี่ขวดที่เติมเข้าไปก็เล่นเอาคริสมึนไม่หยอก รู้สึกหัวเต้นตุบๆทันทีที่วางขวดสุดท้ายลง

หัวดูจะหนักขึ้นจนร่างสูงต้องพิงตัวเองและเอนหัวทาบไปกับโซฟา อยากนอนเต็มแก่แล้วตอนนี้ ได้ยินเสียงใครที่ดังบอกให้ไปใช้ห้องน้ำในห้องต่อได้แล้ว คริสเพ่งตามองก็เห็นจุนมยอนยื่นผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มาให้

“ไปอาบน้ำสิ”ได้ยินเสียงอีกคนบอก คริสสะบัดหัว ไปอาบน้ำคงจะสร่างขึ้น ครีมอาบน้ำของจุนมยอนเป็นกลิ่นเมนทอล เขาแอบหัวเราะเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะใช้กลิ่นผู้ชายขนาดนี้ เนื้อตัวขาวๆนิ่มๆติดกลิ่นพีชหรือแอบเปิ้ลคงจะเข้ากันมากกว่า

เมื่อาบน้ำเสร็จ ความมึนเมาที่มีก็ลดระดับลงจริงๆ คริสบิดประตูห้องน้ำ เดินใช้ผ้าขนหนูขยี้ผมที่กรุ่นกลิ่นแชมพูของจุนมยอน มองที่เตียงนอนพบร่างคนที่เป็นเจ้าของห้องตอนนี้ทอดกายอยู่ บนหน้าอกที่หนังสือเล่มหนาวางไว้ คงหลับไปตอนอ่านหนังสือเล่มนั้น คริสเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นออกจากตัวของจุนมยอนก่อนจะวางไว้ที่หัวเตียง เห็นอีกคนหลับตาสนิท ผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ริมฝีปากบางสีสดเผยอยื่นขึ้นน่ามอง

...จนเผลอมองอยู่ครู่หนึ่ง...

จุนมยอนสวยจริงๆ การที่ใส่แว่นกรอบหนาบดบังแววตาทรงเสน่ห์นั้นอาจจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อถอดแว่นตาออก จุนมยอนก็ยังคงมีเสน่ห์น่าหลงใหลและดึงดูดเพศเดียวกันได้อย่างมาก คริสหัวเราะเพราะความคิดบางอย่างเกิดขึ้นในสมอง...

เขาชื่นชมในความสวยของจุนมยอน แต่ไม่เคยเลยที่จะรู้สึกว่าตัวเองหลงใหลในความสวยงามของคนๆนี้

ริมฝีปากที่เผยออยู่ตรงหน้ากับความคิดที่บ้าบอทำให้คริสตัดสินใจโน้มกายลงหาคนที่นอนหลับอยู่ กลีบปากหยักลึกกดแผ่วเบาลงกับความนุ่นนิ่มสีสด

อึ่ก...

เสียงกลืนน้ำลายลงในคอดังจนคริสยังต้องตกใจตัวเอง ความนิ่มเย้ายวนให้ต้องกดแนบริมฝีปากลงไปอีก มือหนาเลื่อนแตะปลายคาย รั้งให้จุนมยอนเผยอริมฝีปากมากกว่าเดิมก่อนจะส่งเกลียวลิ้นเข้าไปด้านในโพรงปากซึ่งขังเอ่อด้วยน้ำบ่อน้อย

“อือ”เหมือนคนที่โดนขโมยจูบยามนิทราจะรู้สึกตัว คริสละปากออกมาอย่างเสียดาย ข้างในโพรงปากตนเองยังเต็มไปด้วยรสมิ้นต์จากยาสีฟันที่จุนมยอนใช้แปรง ความระแวงจุนมยอนจะตื่น ผู้กองตัวสูงสาวเท้าออกจากห้องนอนของจุนมยอนทันที แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเรือนร่างขาวผ่องที่บิดพลิกตัว ปลีขาขาวขยับย้ายชันขึ้นจนกางเกงนอนขาสั้นร่นลง

คริสลอบกลืนน้ำลายอีกครั้ง...

เขาพิสูจน์แล้วว่าตัวเองก็ไม่ต่างจากคนอื่น อาจจะเพราะไม่ได้สนใจ เพียงมองว่าจุนมยอนนั้นสวย...หารู้ไม่ว่าพอลองได้สัมผัส...

...คิดว่าคงต้องการอย่างไม่รู้จักพอ...

 

ค น คุ ก

 

จุนมยอนพลิกตัวเมื่อรู้สึกว่านอนไม่สบาย อึดอัดมาสักพักใหญ่ เหมือนถูกโอบล้อมแต่ก็เปล่า ลืมตาขึ้นเชื่องช้า มองไปรอบกายพบว่าทั้งห้องเปิดไฟสว่างจ้า หนังสือประวัติศาสตร์ที่อ่านช่างเป็นตัวช่วยที่ดี แค่ไล่สายตาอ่านไม่กี่บรรทัดก็หลับแล้ว

จุนมยอนลุกไปเข้าห้องน้ำเพราะปวดฉี่ แต่คอที่แห้งก็สั่งให้ต้องเดินออกไปหาน้ำดื่มแก้กระหายด้วยในคราวเดียวแล้วค่อยมานอนต่อ ทว่าเพียงย่างก้าวออกจากห้องนอนมา ดวงตากลมโตก็เบิกน้อยๆด้วยความตกใจ เกือบจะอุทานออกไปกับเงาร่างสูงใหญ่ที่ยังนั่งอยู่บนโซฟาและหันหลังให้กัน คิดว่าไปนอนแล้วเสียอีก

“ฮา...”เสียงแปลกๆดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิดและเงียบสนิท จุนมยอนตัวแข็งอยู่กับที่ ก้าวขาไม่ออก แค่ฟังก็รู้ว่าเสียงอะไร คนตัวขาวหน้าชาวาบไปหมด ไม่คิดว่าจะออกมาเห็นผู้กองคริสช่วยตัวเองอยู่บนโซฟาหน้าทีวี

ตั้งใจจะเดินเลี่ยงกลับเข้าห้องนอนอีกครั้ง เข้าใจว่าเวลาดึกๆบางทีก็อารมณ์เปลี่ยวได้ง่าย เขาเองก็ผู้ชายเหมือนกันเลยรู้ อีกอย่างนี่ก็บ้านผู้กองเอง จะทำอะไรยังไงก็เชิญตามแต่สะดวกสบายจะดีกว่า ถอยหลังเข้าห้อง คิดจะปิดประตูให้เบาทีสุด แต่เพราะความมืดเลยมองไม่เห็น แผ่นหลังบางเลยชนกับขอบประตูดังปึ่ก จุนมยอนเบิกตาขึ้นแต่ไม่เท่ากับใครที่นั่งอยู่บนโซฟา

เสียงกระเส่าน้อยๆที่ดังขึ้นต้องหยุดกึก แผ่นมือใหญ่ที่กำลังกอบกุมรอบความใหญ่โตแล้วสาวรั้งกระตุกจนพาเอากลางกายจุกไปด้วย คริสหันขวับมามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังแทบจะทันที แสงไฟจากในห้องส่องสว่างทาบแผ่นหลังและทำให้มองเห็นหน้าอีกคนได้ชัดเจน

คิมจุนมยอน!

รีบเก็บส่วนน่าอาบกลับเข้ากางเกง คริสหน้าชาดิก ลุกพรวดขึ้นยืนแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ นั่นเองทำให้จุนมยอนรู้สึกตัวหลังจากตกใจที่ทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในห้วงกามารมณ์รู้ตัวว่ามีเขามองเห็นอยู่ตรงนี้ จุนมยอนเรียกชื่ออีกคนเสียงดังบอกว่าไม่ต้องอายหรอก เชิญทำธุระตามสบาย เขาแค่ออกมาหาน้ำกินเท่านั้นเอง แต่คนที่อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนคงไม่ได้ฟัง คริสหายเข้าไปในห้องน้ำพักใหญ่ถึงออกมา คิดว่าคนตัวขาวจะกลับเข้าห้องนอนตัวเองไปแล้ว

...แต่ก็เปล่า คิมจุนมยอนยังยืนอยู่ข้างนอกท่ามกลางความมืดสนิท

“ฉันทำให้นายหมดอารมณ์หรือเปล่า”ถามด้วยความสงสัย เห็นอีกคนหน้านิ่งเพราะความกระดากอายที่ถูกพบตอนช่วยตัวเองยิ่งรู้สึกผิดน้อยๆ

“ให้ช่วยก็ได้นะ ปั่นมาตั้งนาน หดกลับไปแบบนั้นคงรู้สึกแย่”พูดเสียงค่อย แต่ก็แอบขำในใจที่เห็นสีหน้าซีดเผือดของผู้กองคริส

“ไม่เป็นไร”กว่าจะควานหาเสียงได้ก็นิ่งเงียบเสียนาน คริสรู้สึกว่าหน้าร้อนวูบ ทั้งที่ความจริงการช่วยตัวเองสำหรับผู้ชายด้วยกันมันไม่ได้น่าอับอายสักนิด แต่ที่ตกใจสุดขีดคงเพราะคนที่มาเห็นตอนเขากำลังนำพาตัวเองขึ้นแตะสวรรค์...เป็นคนเดียวกับในจินตนาการ...

ยอมรับอย่างหน้าไม่อายว่าเขากำลังช่วยตัวเองและนึกภาพจุนมยอนไปด้วย! รสจุบหอมหวานจากริมฝีปากนิ่มกวนใจคริสตลอดเวลา ความต้องการจะจูบอีกคนพุ่งทะยาน หนักกว่านั้นคืออยากจะจับต้องส่วนอื่น เนื้อเนียนขาว ปลีขาอ่อน...อยากสัมผัสไปหมด

ราวกับต้องมนต์...

“ให้ช่วยเถอะ...ถือเสียว่าเป็นการขอโทษที่ออกจากห้องมาไม่ดูเวล่ำเวลาแล้วกัน”พูดแล้วสาวเท้าเข้าหาร่างสูงที่ยังยืนนิ่ง คริสยกมือห้ามบอกไม่ต้อง เขาไม่เป็นอะไร กลัวว่ายิ่งใกล้ จะยิ่งต้องการจุนมยอนมากกว่าเดิม...จนห้ามตัวเองไม่ได้

“ไม่อยากกลับไปทำอย่างว่ากับผู้ชายไม่ใช่หรือไง”ลั่นคำถามที่ทำให้จุนมยอนชะงักเท้าได้ แต่แล้วไหล่บางก็ไหวขึ้น บอกว่าไม่เป็นไร แค่ใช้มือให้ ไม่ได้สอดใส่เข้ามา คิดเสียว่าช่วยให้คริสเสร็จๆไปเพราะรู้สึกผิด อุตส่าห์รูดรั้งจนมันใกล้จะระเบิดกลับต้องอารมณ์สะดุด เป็นเขาคงหงุดหงิดน่าดู แล้วจะปลุกปั่นมันขึ้นมาอีกด้วยตัวเองก็ยากอยู่

“นั่งอยู่เฉยๆ เดี๋ยวทำให้”คว้ามืออีกคนให้มานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม จุนมยอนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถึงจะบอกว่าแค่ช่วยให้อีกคนเสร็จไปแต่เอาเข้าจริง การที่มือนิ่มได้กอบกุมแกนกายผู้ชายอื่นอีกครั้ง จุนมยอนก็รู้สึกผะอืดผะอมเสียแล้ว หลับตาลง รูดกางเกงผู้กองตัวสูงไปกองที่ข้อเท้า เสียงทุ้มลั่นจะห้ามแต่เพียงนิ้วเรียวยาวแตะสัมผัสเสียงร้องห้ามก็เงียบหาย จุนมยอนเงยหน้ามองใบหน้าคมเข้ม คริสหลับตาเอนหลังไปกับโซฟา ริมฝีปากหยักสวยถูกฟันซี่คมขบ

อารมณ์หวามที่หดกลับไปแล่นปราดอย่างรวดเร็ว คริสกัดปากแน่น มือของจุมยอนนิ่มมาก มากจนเขาไม่อาจจะต่อต้านได้ เพราะความต้องการมันตรึงร่างเขาให้แข็งสนิท แม้กระทั่งถูกจูงมือมานั่งแล้วรูดกางเกงลงก็ยอมโดยดี

“จุนมยอน”ครางเรียกชื่ออีกคนเพราะมือเล็กๆนั้นกอปรอบความใหญ่โตที่เริ่มขยายพองขึ้นมาอีกหน ปลายเล็บข่วนเบาๆไม่ได้เจ็บแต่กลับจุกแน่น คริสกำลังคิดว่าเขากำลังจะตาย แค่มือของจุนมยอนจับต้องก็แทบจะแตกระเบิดออกมา

“ปาก...ใช้ปาก”เสียงพร่าสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ต้องการอะไรที่มากกว่ามือ อะไรก็ตามที่นุ่มนิ่มกว่านั้น สติขาดผึ้ง ความชขั่วดีแยกแยะไม่ได้ ที่เคยเห็นใจว่าจุนมยอนจะรู้สึกแย่ขนาดไหนที่ต้องมีเซ็กส์กับผู้ชายด้วยกันนั้นลบเลือนไปหมดแล้ว มีแต่ความต้องการ

อยาก...จะให้ความอุ่นร้อนทั้งยังนิ่มนวลโอบรอบ...

จุนมยอนผงะออกเมื่อได้ยินแบบนั้น ส่ายหน้าดิกบอกว่าไม่เอา แค่มือก็พอแล้ว อดจะตกใจไม่ได้ที่แกนกายอีกฝ่ายขยายพองเร็วขนาดนี้แค่จับรูดไม่กี่ครั้ง

“ไม่เอา!”ร้องลั่นถอยกรูดหนีมือใหญ่ที่คว้าหัวเอาไว้ คิดผิดที่จะช่วยให้อีกคนปลดปล่อย ลืมไปว่าตัวเองมีแรงดึงดูดกับเพศเดียวกันขนาดไหน เพราะคริสไม่ได้มองตัวเองเชิงนั้นเลยคิดว่าคงไม่เป็นไร จุนมยอนจะหวีดร้องแต่ท่อนเนื้อยาวกลับสอดเข้ามาในโพรงปากโดนไม่ทันตั้งตัว ความยาวของมันทำให้ให้ปลายเข้าไปกระแทกที่ผนังลำคอ ขนาดที่ใหญ่โตทำให้ปากคับแน่น เรือนกายขาวถูกผลักลงไปนอนกับพื้น คริสโผจากโซฟาลงมาคร่อมอีกคนเอาไว้ ตรึงแขนขาวที่ป่ายจะหนีให้นิ่งสนิทกระแทกกายลงเน้นยังให้จุนมยอนสำลักไอ ใบหน้าหวานเป็นสีแดงจัด ดิ้นจะให้หลุดให้ได้ น้ำตาไหลลงมาเพราะทั้งเจ็บที่ตัวและเจ็บที่ใจ ไว้ใจว่าคริสจะต่างออกไป สุดท้ายก็เหมือนกับคนอื่น

...ที่มองเขาเป็นแค่ตัวอะไรเอาไว้ปลดเปลื้อง...

“แตกแล้ว”เสียงทุ้มครางสั่น สาวกายเข้ามาอีกแค่ทีเดียวก็กระตุกสั่นคายน้ำขาวขุ่นออกมาเต็มในปากของจุนมยอน บางส่วนไหลลงคอไปอย่างรวดเร็วไม่ทันได้ตั้งตัว กลิ่นคาวน่าคลื่นเหียนชวนอาเจียน จุนมยอนปล่อยน้ำตาให้รินไหล ไอค่อกแค่กเมื่อคริสถอนตัวออกไป

กายขาวขดเข้าหากันก่อนจะปล่อยเสียงโฮออกมาลั่น ความรู้สึกแตกพังเหมือนแก้วที่ถูกปาลงที่พื้น ภาพที่ตัวเองตกอยู่ใต้ร่างผู้ชายแต่ละคนวนเวียนตีรื้นมาเป็นฉากๆ ทั้งที่หลังจากออกจากคุกมาก็เริ่มจะลืมเลือนมันไปบ้างแล้วแท้ๆ

ตั้งใจจะเริ่มใหม่และทิ้งความทรงจำเลวร้ายนั้นไป...

“เก็บมันไว้เป็นบทเรียนแล้วเรามาเริ่มกันใหม่ไหม? ...ฉันกลับไปแก้อดีตไม่ได้ นายก็เหมือนกัน ...เริ่มใหม่นะ...ถ้ามันหนักหนาเกินไป...”

.

.

 “ฉันจะช่วยนายเอง”

 

 

ไม่มีใครช่วยจุนมยอนได้...

ไม่มี...

 

 

 

 

 

TBC.

 

ดราม่าสิ...

ไม่ดราม่าหรอก รอตอนต่อไปแล้วกัน...

 

ใกล้จะจบแล้วจะมาดราม่าได้ไง ว้อะ 555555555555555555555555555555

 

 

#พี่ลู่คนคุก

 

 

 

แมลงจี่...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น