ซ้ำๆ
เดิมๆ
กลับไป…
ลู่หานใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่ชื้นเปียกเพราะเพิ่งจะอาบน้ำ
ทิ้งตัวนั่งลงบนฟูกนอน มองดูคนตัวเล็กที่ขะมักเขม้นอ่านหนังสือ
ช่วงนี้มินซอกอ่านหนังสือหนักมาก อีกแค่ไม่กี่วันก็จะสอบแล้ว
แค่สามวัน...สามวันเท่านั้น
“มานอนก่อนนะมินซอก
เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็อ่านต่อได้”ลู่หานเรียกแต่มินซอกก็เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงของเขาเลยสักนิด
คนตัวเล็กยังคงจับจ้องตัวหนังสือที่อ่านมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วย
มีรอยดินสอและหมึกเน้นข้อความเต็มไปหมดทั้งแผ่นกระดาษ
ผิดกับหนังสือสองตำรวจของลู่หานที่มันว่างเปล่าและสะอาดสะอ้านสิ้นดี
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อ่าน
แต่เพราะเป็นคนอ่านหนังสือที่เลอะด้วยการขีดเน้นหรือช็อตโน้ตไม่ได้
เขาถนัดอ่านหนังสือสะอาดๆมากกว่า มันสบายสายตาดี
“มินซอก...”เห็นน้องไม่ฟัง
ลู่หานจึงเรียกอีกคนซ้ำ มินซอกหันมามอง
ดวงตากลมๆกะพริบปริบๆขออนุญาตอ่านหนังสือต่ออีกสักแป๊บค่อยนอน
“ดึกมากแล้ว
เดี๋ยวสายตาเสีย ไม่ฟังพี่เหรอ?”เห็นว่าน้องดูท่าจะดื้อตาใส
เสียงของคนพี่เลยเข้มขึ้นมานิด
มินซอกบิดปากคว่ำก่อนจะดันหน้าหนังสือพับปิดลงทับปากกาลายการ์ตูนที่ใช้ต่างที่คั่นหนังสือชั่วคราว
ค่อยๆถดกายขึ้นยืนก่อนจะเดินตุบตับมาทิ้งตัวลงบนฟูกนอน
“นอนก็ได้ฮะ”คนตัวเล็กว่าพลางล้มตัวลงนอน
ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว ลู่หานขยี้ผมตัวเองอีกสองสามทีจึงปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนตาม
ช่วงแขนดึงมินซอกเข้ามากอดอย่างเคย มินซอกนอนตะแคงข้างหันหลังให้กันเปิดโอกาสให้ลู่หานได้ซุกหน้าเข้าที่ต้นคอขาว
กลิ่นสบู่หอมๆติดที่ปลายผมนิ่มเหมือนขนแมว
“รู้ไหมถ้ามินซอกพักผ่อนไม่พอ
ระบบการทำงานของสมองจะช้าลงนะ จะเป็นหมอแต่ไม่ดูแลตัวเองอย่างนี้
แล้วพี่จะไว้ใจให้มินซอกไปดูแลคนอื่นได้เหรอ?”คนเป็นพี่พูดบอก
เห็นมินซอกคว่ำริมฝีปากก็รู้ว่าคนตัวเล็กขัดใจแต่ก็ตามใจเขามานอนอย่างที่ลู่หานบอก
มินซอกส่งเสียงครางฮึมในลำคอว่ารู้
แต่ถ้าไม่อ่านหนังสือเยอะๆกลัวว่าจะสอบสู้คนอื่นไม่ได้
เตรียมตัวดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งไม่ใช่หรือ
ลู่หานหัวเราะ
มันก็จริงที่การอ่านหนังสือมากๆเป็นการเพิ่มความรู้
และการอ่านซ้ำๆคือการฝังความรู้เข้าไปสู่สมอง แต่การย้ำคิดย้ำอ่านจนเกินความพอดีก็รังแต่จะสร้างความเครียดเอาเสียมากกว่า
มือเพียวเลื่อนมาวางบนหน้าผากเนียนของคนเป็นน้อง
คลึงมันเบาๆแล้วบอกว่าเขาเชื่อว่ามินซอกทำได้
“ความรู้มันก็อยู่ในนี้แหล่ะ
อยู่ที่ว่าจะเอามันออกมาใช้ได้หรือเปล่า
พี่เชื่อว่าเราทำได้”เขาบอกแล้วดึงใบหน้าคนที่นอนหลังหลังให้พลิกกลับมา
ริมฝีปากประทับที่หน้าผากเนียน บอกว่าให้หลับตาปี๋ ถึงเวลานอนจริงๆแล้ว
“ฝันดีนะมินซอก”ลู่หานเอ่ยเบาๆพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก
เจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนขยับตัวให้ชินเล็กน้อยแล้วจึงค่อยนิ่งสนิท
ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะเสมอ
ค น คุ ก
เช้านี้ลู่หานถูกโทรปลุกจากผู้กองคริสให้ไปหาที่สำนักงาน
ร่างโปร่งบิดขี้เกียจอยู่นานกว่าจะแงะตัวเองขึ้นมาจากฟูกที่นอนได้
มินซอกตื่นไปอ่านหนังสือต่อตั้งนานแล้ว
ลู่หานปรามน้องว่าอย่ามัวแต่อ่านหนังสือจนลืมกินข้าว
ไอ้จงอินโทรมาตามอีกเป็นรอบที่สองบอกว่าผู้กองคริสไปรออยู่นานแล้ว เมื่อไหร่ไอ้เพื่อนตัวดีจะเสด็จ
ลู่หานด่าเพื่อนสนิทไปที บอกว่าถึงกับต้องโทรมาตามเร่งเพื่อนให้พี่เมียเลยหรือไง
“มึงคิดดูเอาอ่ะ
เมียกับเพื่อน เห็นๆกันอยู่ว่าใครสำคัญกว่า”
“สัด”เจริญพรอีกสักทีก่อนจะกดวางสาย
กำชับมินซอกอีกรอบว่าให้กินข้าวด้วยก่อนจะออกจากบ้าน มินซอกหัวเราะ ดันตัวคนขี้ห่วงออกจากบ้านแล้วบอกให้เดินทางดีๆก่อนจะเดินกลับเข้าห้องมานั่งประจำที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเดิม
มือเล็กเปิดพลิกหน้าหนังสือที่อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปมา
เขาจำได้ทุกรายละเอียดของเนื้อหา แต่ก็ยังกลัวความประหม่าจะทำให้หลงลืมในห้องสอบ
ยิ่งใกล้วันสอบเข้ามาแบบนี้ยิ่งอยากจะอ่านทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปมา
รู้ว่าการฝืนตัวเองอ่านหนังสือหนักๆไม่ดีต่อสุขภาพอย่างที่ลู่หานได้บอกไว้
สมองที่อ่อนล้าและไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่จะมีประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงมากกว่าครึ่ง
แต่ถึงกระนั้น ความกังวลก็ทำให้มินซอกฝืนตัวเองอ่านหนังสือต่อไปอยู่ดี
คนตัวเล็กใช้เวลาลากดินสินลงย้ำจุดเดิมที่คิดว่าเป้นเรื่องสำคัญ
รวมถึงจดรายละเอียดเนื้อหาหลักลงสมุดโน้ตเป็นครั้งที่สามอยู่ประมาณสองชั่วโมง
จนคิดว่าควรพักก่อนก็เมื่อกระเพาะอาหารส่งเสียงร้องประท้วง
มีกิมจิเหลือจากแกงเมื่อวานซืนอยู่ก้นถุง
อี้ชิงบอกว่ามันจะเปรี้ยวกว่าเดิมถ้าไม่รีบกิน
มินซอกเลยจับมาทำเมนูง่ายๆอย่างผัดกับข้าวสวย
ออกมาหน้าตาก็ประหลาดดีแค่รสชาติถือว่าไม่แย่เสียเท่าไหร่
ระหว่างตักข้าวเข้าปาก
โทรศัพท์ที่วางไว้ข้างตัวก็ส่งเสียงเรียกเข้าขึ้นมา
มินซอกกดรับทันทีที่เห็นว่าคนโทรมาคือลู่หาน อีกฝ่ายถามว่ากินข้าวแล้วใช่ไหม?
“ฮะ กินแล้ว
ได้ยินเสียงเคี้ยวไหม?”ถามพร้อมเคี้ยวข้าวเสียงดังให้อีกคนได้ยิน
ลู่หานบอกว่าดีแล้ว กินให้เยอะๆ
“กินจนจะอ้วนแล้วฮะ”ส่งเสียงตอบกลับไปงุ้งงิ้ง
บอกว่าแก้มออกเหมือนผลฟักทอง ต่อไปคงจะย้วยถึงบ่าแต่ปลายสายก็ส่งเสียกลับมาว่าให้อ้วนเป็นตุ่มก็ยังน่ารักอยู่ดีตามด้วยเสียงโก่งคออาเจียนของคนที่คิดว่าต้องเป็นพี่จงอินแน่ๆ
-อ่านหนังสืออย่าดึกมากนะ
วันนี้พี่ไม่กลับบ้าน สักสี่ทุ่มอี้ชิงก็กลับแล้ว
พี่บอกให้อี้ชิงกลับเร็วน่ะวันนี้-ลู่หานพูดบอก
เมื่อวานได้ข่าวจากแหล่งข่าวว่าวันนี้จะมีการขายยาให้รายย่อยกับพวกซื้อต่อทุนแถวชานเมืองในวันพรุ่งนี้
ผู้กองคริสจึงขอความร่วมมือของลู่หานและจงอินเข้าไปเป็นคนล่อซื้อให้อีกสักครั้งทิ้งทวนก่อนจะสอบตำรวจอาทิตย์หน้า
“ระวังตัวนะฮะ
บอกพี่จงอินด้วย”มินซอกบอกก่อนวางสาย แอบถอนหายใจพรืดเพราะคนรักต้องไปทำงานเสี่ยงอันตรายอีกแล้ว
ถึงแม้งานล่อซื้อจะไม่อันตรายเท่าการแฝงตัวเป็นสายแบบที่จงอินเคยทำก็ตามที
แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้หรอก
มินซอกโทรถามอี้ชิงเพื่อความแน่ใจว่าน้องชายคนรักจะกลับเร็วแน่นอน
อี้ชิงตอบกลับมาว่าจะเข้าร้านเอาหนังสือนิยายแนวสืบสวนชื่อดังที่ยืมจากร้านเช่าไปให้ลูกชายเจ้าของร้าน
สักสองสามทุ่มก็กลับแล้ว คงไม่ถึงสี่ทุ่ม
มินซอกบอกว่าให้ซื้อกับข้าวเข้ามาด้วยเลยเพราะที่บ้านไม่เหลืออะไรให้ทำกินเสียแล้ว
“ขอกาแฟกระป๋องให้กระป๋องนึงด้วยนะอาอี้”บอกก่อนวางสายน้องชายคนรัก
ปรกติแล้วลู่หานจะไม่ชอบให้มินซอกกินกาแฟ มีช่วงหนึ่งที่ทำรายงานหนัก
ลู่หานก็ไม่ยอมให้มินซอกใช้กาแฟเป้นตัวช่วยให้ตื่นตัว
ร่างโปร่งชงชามะลิหอมให้จิบแทน กลิ่นหอมๆของชามะลิทำให้สดชื่นขึ้นบ้าง
คนเป็นพี่บอกว่ากาแฟมีคาเฟอีน กินบ่อยๆเดี๋ยวจะติด ไม่ดีต่อร่างกาย
แต่วันนี้มินซอกขอดื้อสักวัน
ไหนๆพี่ลู่หานก็ไม่กลับมานอนที่บ้าน มินซอกคิดว่าจะอยู่อ่านหนังสือยาวๆ
พรุ่งนี้ก็พักสมองด้วยการอ่านเฉพาะจุดที่สำคัญมากๆ
เพื่อเตรียมสมองให้พร้อมกับการสอบหมอวันมะรืนที่จะถึง
คิดว่าจะได้เดินตามความฝันของตัวเองก็ตื่นเต้นไปหมดแล้ว...
ค น คุ ก
ลู่หานวงตรงที่คริสบอกว่าเป็นจุดที่นำมาออกข้อสอบทุกปีเอาไว้
เอาจริงๆการอ่านหนังสือเองที่บ้านก็น่าจะพอสำหรับการสอบ
แต่ยอมรับว่าการได้ผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมนายตำรวจแบบอู๋อี้ฟานมาแนะนำแนวข้อสอบนั้นช่วยกะเกณฑ์เนื้อหาหลักที่ต้องอ่านได้ดีขึ้นเยอะ
ดีกว่าต้องอ่านและจำทั้งหมด เปลี่ยนมาเป็นอ่านและจำในจุดที่สำคัญที่คริสเน้นให้แทน
เรื่องรายละเอียดการล่อซื้อยานั้นเขาได้คุยกันคร่าวๆแล้ว
พรุ่งนี้เช้าคริสจะให้จงอินและลู่หานไปล่อซื้อโดยใช้ธนบัตรซึ่งได้ทำตำหนิและจดบันทึกเลขธนบัตรไว้เรียบร้อยแล้ว
เซฮุนที่มานอนกลิ้งในห้องแฟนตั้งแต่เมื่อกลางวันเห็นว่านานทีพี่ชาย
แฟนและพี่ลู่หานจะมาเจอ ก็เลยอ้อนขอให้คริสแนะแนวข้อสอบให้ทั้งคู่อีกสักครั้ง
แม้ว่าคริสจะคอยบอกแนวกับจงอินเรื่อยๆแล้วก็ตาม
“เอ้า จุนมยอน
กลับมาแล้วเหรอ”ลู่หานทักจุนมยอนที่เปิดประตูบ้านเข้ามา จุนมยอนเอ่ยทักกลับเช่นกัน
ถามไถ่ว่าอีกคนสบายดีไหม ไม่เจอกันหลายวันอยู่
“ก็สบายดี
นายล่ะ
ตอนนี้กลับมาอยู่สำนักงานแล้วเหรอ”ลู่หานถามคนที่เพิ่งเจอกับครอบครัวอีกครั้งและไปกลับบ้าน-โรงพยาบาลตำรวจซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลอยู่เหมือนกันเป็นเวลาหลายวัน
พอจะหายคิดถึงบ้านและพ่อกับแม่จุนมยอนก็ขอกลับมาอยู่ที่สำนักงานเพราะสะดวกในการไปทำงานมากกว่า
วันไหนหยุดก็จะกลับไปที่บ้าน
“ไม่ต้องให้พ่อเหนื่อยขับรถมารับมาส่งน่ะ
ไว้เก็บเงินได้สักก้อนคงเอามาดาวน์รถก่อนหาเช่าห้อง”คนตัวขาวว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้
ลู่หานเลื่อนแก้วน้ำอัดลมของตัวเองให้อีกคนจุนมยอนก็รับไปดื่มอย่างไม่ได้นึกรังเกียจ
คงเพราะความกระหายด้วย
“ความจริงอ่ะ
ให้พี่คริสไปรับไปส่งก็ได้นี่นา เนาะ!”เป็นเซฮุนที่พูดขึ้นพร้อมหันไปส่งเสียง “เนาะ” กับคริส
พี่ชายเห็นน้องพูดแบบนั้นก็กระแอมกระไอถามไอ้ตัวดื้อว่าทำไมพี่จะต้องไปรับส่งจุนมยอนด้วยไม่ทราบ
คนตัวขาวที่ถูกพาดพิงก็ผสมโรงเสริมว่าไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำไมต้องไปรับส่ง
โอเซฮุนยิ้มกว้าง ขยิบตาให้แฟนตัวโตที่หัวเราะร่วน
ลู่หานพอจับทางได้กรายๆว่าไอ้จงอินกับเซฮุนกำลังจับคู่ให้คริสกับจุนมยอนแบบเป็นทางการแล้ว
“ก็รับส่งในฐานะคนรู้จักไงฮะ
พี่คริสใจดีออก ให้พี่จุนมยอนมาอยู่ด้วย ฝากงานให้ที่โรงพยาบาล
แค่ไปรับไปส่งทำไมจะไม่ได้อ่ะ”น้อยชายยังพูดเสียงแจ๋ว คริสดีดหน้าผากแคบๆนั่นไปที
อยากจะดีดปากแดงๆของเจ้าตัวด้วยแต่เซฮุนก็รู้ทันหุบปากฉับแล้ววิ่งแน่บเข้าห้องจงอินไปเลย
จุนมยอนถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องตัวเองไปบ้าง
พออยู่กันแค่สามคน
คิมจงอินที่เคยหัวเราะร่วนเมื่อครู่ก็เงียบกริบ
มีแอบยิ้มหน่อยๆเวลามองหน้าผู้กองคริส
ใบหน้าหล่อคมนั่นมีแววของอาการตกใจปนอายน้อยๆอยู่
แอบเห็นตอนเซฮุนล้อเรื่องไปรับไปส่ง ผู้กองเองก็ดูกระอักกระอ่วนชอบกล
จงอินดูลู่หานออก จงอินก็ดูคนทั้งโลกออก และคิมจงอินก็มองผู้กองคริสกับจุนมยอนออก
มันอาจจะยังไม่ใช่ความรักในตอนนี้
อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกดีเล็กๆน้อยๆที่เพิ่งเริ่มก่อตัว
คนอย่างจุนมยอนคงไม่เปิดใจรับผู้ชายสักคนง่ายๆในตอนนี้ และคนอย่างคริสก็คงยังไม่ปล่อยวางเรื่องเซฮุนจนกว่าจะเห็นน้องชายเติบโตมากกว่านี้
คงต้องให้เวลากับทั้งคู่
แต่จงอินเชื่อว่าความรู้สึกดีๆเพียงเล็กน้อย สักวันก็จะมากขึ้นเรื่อยๆจนล้นใจ
ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงอยากให้ผู้กองคริสกับจุนมยอนลงเอยกัน คงเพราะผู้กองเป็นคนดี
และจุนมยอนก็เจอคนเลวๆมามากเกินไปก็เท่านั้นเอง
ค น คุ ก
มินซอกยกกระป๋องกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก
รสชาติขมของมันติดอยู่ที่ปลายลิ้น แต่ก็ช่วยให้ตื่นตัวได้ดี
คนตัวเล็กอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษในดิกชันนารี่ที่ตัวเองใช้กระดาษโต้ตคั่นเอาไว้อีกครั้ง
เป็นคำศัพท์ทั่วไปที่คิดว่าน่าจะออกในข้อสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษ
อี้ชิงกลับมาตอนสองทุ่มครึ่งพร้อมกับข้าวและกาแฟกระป๋องที่มินซอกฝากซื้อ
ตอนนี้น้องชายตัวขาวของลู่หานเข้าห้องไปนอนเรียบร้อยแล้ว
เห็นว่าพรุ่งนี้จะไปงานเปิดบ้านของมหาวิทยาลัยใกล้ๆนี้ ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยแพทย์ที่มินซอกจะสอบเข้าสักเท่าไหร่
คนตัวเล็กมองปลายดินสอที่เริ่มทู่ลงแล้วก่อนขมวดคิ้ว
มินซอกใช้ดินสอไม้เพราะจับถนัดมือมากกว่า และลู่หานก็จะเป็นคนเหลาให้เสมอ
แต่วันนี้คนรักไม่อยู่ จะใช้แท่งนี้เขียนต่อก็ไม่ชอบใจให้ความทู่ของมัน
แอบจำได้ว่าลู่หานเก็บคัตเตอร์เหลาดินสอไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่นของเจ้าตัว
มินซอกขยับหนังสือที่วางบนโต๊ะญี่ปุ่นของลู่หานเพื่อหามีดคัตเตอร์
แอบส่ายหัวกับหนังสือแต่ละเล่มที่สะอาดสะอ้าน
รู้ว่าอีกคนอ่านแต่ก็น่าจะช็อตโน้ตเอาไว้บ้าง
มือเล็กวางหนังสือแต่ละเล่มซ้อนกันไว้ก่อนจะลองหามีดคัตเตอร์ในกล่องใส่ปากกาที่วางอยู่ข้างกัน
ทว่าคิ้วเล็กก็ต้องเลิ่กขึ้นอย่างฉงนใจเมื่อเปิดกล่องปากกาออกนอกจากมีมีดเตอร์แล้วยังมีซองยาใบเล็กบรรจุผงสีขาวบางอย่างเอาไว้
ไม่ต้องทายก็รู้ว่ามันต้องเป็นยาเสพติด
อาจจะเป็นของกลางในคดีที่ลู่หานยังไม่ส่งคืนตำรวจ ลักษณะเป็นเกล็ดผงสีขาวก็พอดูออกว่ามันคือสารเสพติดประเภทไอซ์
มินซอกพิจารณาซองยาในมือตัวเอง
เพราะตั้งใจว่าคืนนี้ต้องการอ่านหนังสือยาวๆ
แต่ดูท่าว่าแค่กาแฟคงจะช่วยให้มินซอกตื่นอยู่ได้ไม่นาน มองซองยาอย่างชั่งใจ
กัดปากตัวเองเพราะคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างที่คิดดีไหม?
ยาไอซ์เป็นสารแอมเฟตามีนเช่นเดียวกับยาบ้า
ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท
ถ้าหากว่าใช้ในปริมาณน้อยอาจจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวได้
ตอนที่มินซอกใช้ยาบ้า เขาเริ่มใช้จากปริมาณเล็กน้อย
แต่เพราะติดจึงทำให้เสพในปริมาณที่มากขึ้น
มือเล็กแกะซองบรรจุยาไอซ์ออกก่อนจะดึกกระดาษโน้ตบนโต๊ะญี่ปุ่นของลู่หานมารองเอาผงยาไอซ์ที่เทออกจากซองยามาเล็กน้อย
มินซอกมองผงสีขาวด้วยความคิดที่ตีพันกันในหัว
เคยมาแล้วครั้งหนึ่ง...กับเหตุผลเล็กๆแค่ต้องการอ่านหนังสือ ทำให้ทดลอง
จนติดงอมแงม เสียผู้เสียคน เสียอนาคตเพราะมัน...
มินซอกกลัว...ว่าจะเป็นแบบเดิม
แต่ถ้าใช้แค่ครั้งเดียวแล้วเลิกเลยคงไม่เป็นไร...
...แต่ถ้าพี่ลู่หานรู้ล่ะ
พี่ลู่หานต้องโกรธแน่ๆถ้ามินซอกคิดจะใช้ยาอีกครั้ง
จะเอาอะไรมาอ้างก็ตามที มันไม่ใช่เหตุผลที่ต้องใช้ยาเสพติดเลยสักนิด
ยิ่งรู้ว่ามินซอกดื้อที่จะอ่านหนังสือ...พี่ลู่หานต้องโกรธมินซอกมากๆ มากจริงๆ
วางกระดาษที่มียาไอซ์อยู่ลงบนโต๊ะ
เขกหัวตัวเองแรงๆ อยากเป็นหมอแต่กลับยังมีความคิดโง่ๆที่จะใช้ยาเสพติด
มินซอกซบหน้าตัวเองลงกับฝ่ามือ
สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อตั้งสติก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ
เขาขยำกระดาษที่มียาไอซ์อยู่แผ่นนั้นก่อนจะปามันทิ้งลงถังขยะใกล้ๆ ร้องฮึ่บ!ออกมาดังๆเพื่อให้กำลังใจตัวเองก่อนจะกลับไปสนใจอ่านหนังสือต่อ
มีแค่กาแฟกระป๋องแค่นี้ก็คงพอ ถ้าไม่ไหวก็นอนพัก ยังมีเวลาพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน
รู้แล้วว่าผลของการใช้ยาเสพติดมันเป็นยังไง
มินซอกต้องไม่กลับไปเป็นแบบเดิมอีกครั้งอีกอย่าง พี่ลู่หานอุตส่าห์ให้ชีวิตที่ได้เริ่มใหม่กับมินซอก...จะทำให้คนรักผิดหวังไม่ได้
ไม่ได้เด็ดขาด...
ค น คุ ก
อี้ชิงเดินปิดปากหาวออกมาจากห้องนอนตอนตีสามเพื่อมาเข้าห้องน้ำ
แปลกใจน้อยๆที่เห็นว่าห้องพี่ชายยังคงเปิดไฟอยู่ มินซอกยังไม่หลับอีกเหรอ?
เดินขยี้หัวไปเปิดประตูห้องของพี่ชายดู
แล้วก็ต้องส่ายหัวเบาๆเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กอายุไล่เลี่ยกันนั้นฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก
ใช้หนังสือเล่มหนาต่างหมอนใบนุ่ม
อี้ชิงสะกิดมินซอกให้ไปนอนดีๆที่ที่นอนแต่เหมือนคนตัวเล็กจะหลับสนิทเสียแล้ว
อี้ชิงพ่นลมหายใจออกมา
บอกว่าช่วยไม่ได้ คงต้องอุ้มเอามินซอกไปนอนที่ฟูก
คนตัวขาวถลกช้อนแขนพาดที่หลังของมินซอกก่อนเอนตัวอีกคนให้หงายหลังมาก่อนจะใช้แขนอีกข้างสอดเข้าที่ขาพับยกแฟนพี่ชายตัวลอยจากพื้นไปวางลงบนฟูกที่นอน
จัดแจงห่มผ้าห่มให้มินซอกถึงคอ นี่ถ้าพี่ลู่หานรู้คงกริ้วน่าดูที่ไอ้ตัวเล็กของตัวเองนอนดึกมัวแต่อ่านหนังสือจนหลับตาโต๊ะแบบนี้
อี้ชิงปิดไฟก่อนจะปิดประตูแล้วเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวก่อนจะกลับเข้าไปนอนอีกครั้ง
มินซอกบิดตัวน้อยๆก่อนจะค่อยๆลืมตา
กระพริบเปลือกตางงๆว่ามานอนอยู่ที่เตียงได้ยังไง
ป้องปากหาวจนตายิบหยีก่อนจะดันตัวขึ้นนั่ง ได้ยินเสียงกุกกักดังด้านนอกคงเป็นอี้ชิงที่ตื่นแล้ว
คนตัวเล็กลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเปิดประตูห้องไปทักทายน้องชายคนรักที่กำลังวุ่นกับการผูกเชือกรองเท้า
ดูจะเป็นรองเท้าคู่ไหม ยี่ห้อดี ราคาคงจะแพงอยู่
แต่ซื้อเป็นของขวัญให้ชีวิตสักคู่ก็ไม่เสียหายอะไร
มินซอกถามอีกคนว่าเป็นคนพาตนเองไปนอนที่ที่นอนเหรอ
อี้ชิงพยักหน้า บอกว่าถ้าไม่ใช่ตัวเอง
ให้คนอื่นมาอุ้มมินซอกไปนอนที่นอนพี่ชายรู้คงไล่เตะอี้ชิงไปทั่วบ้าน
“อี้ไม่เสี่ยงหรอก
ฮ่ะๆ”มินซอกหัวเราะตามน้อยๆ ถามว่าอี้ชิงจะไปงานเปิดบ้านมหาวิทยาลัยแล้วเหรอ
“อืม
ไปแต่เช้าดีกว่า กลัวคนเยอะ มินซอกก็ไม่ต้องโหมอ่านหนังสือนะ พรุ่งนี้สอบ
วันนี้ต้องสบายๆ”น้องชายของคนรักบอกพร้อมยิ้มให้จนลักยิ้มขึ้นข้างแก้ม
มินซอกโบกมือให้อี้ชิงที่เดินออกจากบ้านไปก่อนที่ตัวเองจะกลับเข้าห้องอีกครั้งแล้วไปทรุดตัวลงนอนที่ที่นอนอีก
คงเพราะกินกาแฟ เลยรู้สึกเพลียน้อยๆ เหมือนนอนไม่พอ มินซอกคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุม
เลือกที่จะนอนต่ออีกสักหน่อย
คงจะจริงอย่างที่อี้ชิงว่า
พรุ่งนี้สอบ วันนี้เราควรทำตัวผ่อนคลายเพื่อเตรียมสมองไว้ใช้ในวันพรุ่งนี้
ไม่รู้ว่าการนอนต่ออีกสักหน่อยของมินซอกนานแค่ไหน
ลืมตามาอีกทีก็ปาไปเกือบจะเที่ยงแล้ว คนตัวเล็กหลับยาวจนลืมตื่นมาอ่านหนังสือ
เห็นโทรศัพท์ที่อยู่ข้างหมอนหน้าจอมีไฟกระพริบจากการแจ้งเตือน
เมื่อหยิบมาดูจึงรู้ว่าเป้สนสายไม่ได้รับสามสายจากเบอร์เดียวกันคือเบอร์ของลู่หาน
เลื่อนนิ้วกดโทรกลับไป
รอไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย ได้ยินเสียงบ่นมาก่อนอะไรว่าทำไมถึงไม่รับสายกัน
รู้หรือเปล่าว่าเป็นห่วงขนาดไหน มินซอกยิ้มกว้างทั้งที่ตายังปรือเพราะเพิ่งตื่น
บอกเสียงงัวเงียว่าเมื่อคืนนอนดึกนิดหน่อยเลยตื่นสาย
แล้วก็นอนเอาแรงไว้สอบวันพรุ่งนี้อยู่ยังไงล่ะ
แต่ถึงกระนั้นคนขี้ห่วงก็ยังบ่นว่านอนกลางวัน กลางคืนก็ไม่หลับ แล้วก็จะไปง่วงวันพรุ่งนี้อีกแทน
-ไม่ต้องนอนแล้วนะ
เข้าใจไหม พี่กำลังกลับ เดี๋ยวซื้อขนมไปฝากด้วย-
ได้ยินเสียงจงอินแทรกเข้ามาว่าให้ซื้อข้าวกินก่อนเถอะ
หิวจนไส้จะขาด มินซอกเลยอดถามไม่ได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเหรอ
คำตอบที่ได้คือซุ่มดูและสังเกตการณ์คนจำหน่ายอยู่ตั้งแต่ช่วงเช้าจนเข้าล่อซื้อและบุกจับกุมช่วงสิบโมงเช้า
กว่าจะดำเนินการควบคุมนักโทษและพาเคลื่อนย้ายก็ปาไปเกือบเที่ยง
ตอนนี้ก็กำลังนั่งรถกลับเลยยังไม่ได้กินข้าว
“บอกผมให้กินข้าวแต่ฮยองก็ไม่กินนะฮะ”ดุอีกคนที่ชอบห่วงกลัวมินซอกไม่กินข้าว
แล้วดูตัวเองสิ ข้าวเช้าก็ไม่กิน ข้าวกลางวันก็ยังไม่กินอีก
“กลับมากินบ้านเลยมั๊ยฮะ
ให้ผมไปมาร์ทซื้อของมาทำกับข้าวรอไหม หรือจะซื้อเข้ามา”
-กินกับมินซอก
กินกับข้าวมินซอก-
ปลายสายตอบกลับคำถามเสียงอ่อน
มินซอกหัวเราะเพราะได้ยินพี่จงอินด่าอีกคนดังลั่น เสียงอ้วกลอดเข้ามาในสาย
“รีบกลับนะฮะ”มินซอกกดวางสายก่อนจะสำรวจตัวเอง
หน้าตาบวมเปล่งเพราะนอนมากเกินไป ผมเผ้าฟูไม่เป็นทรง
คงต้องอาบน้ำอาบท่าก่อนไปมาร์ทหาซื้ออะไรมาทำอาหาร
มินซอกถนัดทำขนมมากกว่าของคาว
แค่ขนมบางอย่างก็ใช้กินเป็นของคาวได้
อย่างเช่นข้าวโพดชุบแป้งทอดที่ลู่หานเคยทำตอนอยู่ในคุกนั่น มินซอกไม่รู้จะทำอะไรดี
แต่เห็นเส้นสปาเก็ตตี้เลยอยากจะลองทำ แล้วก็ซื้อแป้งข้าวโพดกับเผือกมาด้วย
คิดจะทำเผือกทอด เป็นเผือกกระทง เอาเผือกมาขูดฝอยชุดแป้งแล้วทอด
ใช้กระบวยช่วยตอนทอด ประคองรูปร่างให้คล้ายกระทง
กินคู่น้ำจิ้มหวานหรือน้ำจิ้มบ๊วยอร่อยดี
แต่ก่อนอื่นคงต้องเริ่มทำสปาเก็ตตี้ก่อน
มินซอกชอบกินอาหารมีรสชาติ ลู่หานก็ด้วย
เพราะฉะนั้นจึงเมินสปาเก็ตตี้ซอสครีมหรือซอสมะเขือเทสไปได้เลย
คนตัวเล็กลวกเส้นสปาเก็ตตี้เตรียมไว้ก่อนจะเอากระทะขึ้นตั้ง เทน้ำมันเล็กน้อย
บุพริกไทยกับหอมหัวใหญ่ลงไปคั่วให้หอม เต็มน้ำเล็กน้อยให้ขลุกขลิกแล้วหั่นเห็ดฟางใส่ตามลงไป
มือเล็กหยิบห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาฉีกแล้วเลือกเอาแต่ห่อเครื่องปรุงออกมาฉีกใส่ลงผสมกับทุกอย่างในกระทะ
เมื่อเข้ากันได้ที่ก็ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไปผัด คลุกเคล้าให้เข้ากัน
ลองชิมดูรสชาติเผ็ดน้อยๆและหอมพริกไทย ขาดรสเค็มก็เหยาะซอสปรุงรสนิดหน่อยก็ใช้ได้
เมื่อสปาเก็ตตี้เสร็จก็ทำเผือกทอดต่อ
ผสมแป้งไม่นาน ขูดเผือกจนเป็นเส้นอีกแป๊บเดียว ตั้งกระทะจนร้อนได้ที
อาจจะต้องใช้น้ำมันเยอะนิดหน่อยแต่หลังการทอดก็เก็บไว้ใช้ทำอาหารอื่นได้
แต่ไม่ควรเก็บนานเพราะไม่ดีต่อสุขภาพถ้าหากกินเข้าไป
ไม่นานเผือกทอดทอมๆก็มาอยู่ในจาน
มินซอกเทน้ำจิ้มบ๊วยที่ซื้อมาลงถ้วยใบเล็กเป็นการปิดท้ายแล้วยกจานสปาเก็ตตี้กับเผือกทอดไปรอลู่หานที่หน้าทีวี
ครึ่งชั่วโมงหลังทำอาหารเสร็จ
รถของผู้กองคริสก็มาจอดที่หน้าบ้าน
มินซอกออกไปรับลู่หานที่หน้าบ้านแล้วชวนพี่จงอินกับผู้กองคริสให้อยู่กินข้าวด้วยกันแต่อีกสองคนก็ขอปฏิเสธเพราะต้องตามรถตำรวจซึ่งบรรทุกนักโทษไปที่สถานี
เห็นว่าลู่หานมีคนรอกินข้าวด้วยเลยแวะมาส่งก่อน
“กลับดีๆนะฮะ”มินซอกบอกพร้อมยกมือบ๊ายบายจงอิน
พ่อหมีก็โบกมือบ๊ายบายลูกชายกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
ลู่หานกอดคอน้องแล้วบอกให้เข้าบ้านได้แล้ว
“หิวจะแย่”บ่นว่าหิวแต่กลับคว้าตัวมินซอกไปกอดแน่น
“หิวหรือคิดถึงผมฮะ?”คนตัวเล็กถามทะเล้น
ลู่หานบอกว่าทั้งสองอย่าง แต่อาการรวมๆแล้วคงเป็นหิวมินซอกมากกว่า
“กินมินซอกแทนได่ไหม?”ถามเสียงเจ้าเล่ห์ทำเอาคนฟังเขินหน้าแดง
มินซอกตีเข้าที่แขนอีกถาม บอกว่าถ้าไม่รีบกินจะเอาไปทิ้งให้หมด ไหนว่าหิวหนักหนา
“กินข้าวก็ได้
ฮ่ะๆ เขินพี่เหรอยัยแก้มแดง”ยังไม่วายจะเอ่ยแซวแก้มแดงๆของมินซอกเป็นการปิดท้าย
มินซอกย่นหน้าเดินไปนั่งหน้าทีวีแล้วคว้าจานของตัวเองมาตักกินไม่รออีกคนทำให้ลู่หานต้องตามมาคว้าจานตัวเองกินบ้าง
ลู่หานชมเปราะว่าอาหารของมินซอกอร่อย
คนตัวเล็กก้มหน้ากินส่วนของตัวเองซ่อนแก้มที่ร้อนผ่าวเอาไว้
บ่นงืมงำว่าอีกคนชอบทำให้เขิน แต่ลู่หานกลับยิ้มร่า
“ก็มินซอกน่ารักนี่นา”
TBC.
มันแปลกๆไหมไม่แน่ใจ
คือหายไปนานมากกว่าจะรวบรวมลมปราณกลับมาได้ เหนื่อยจริงๆค่ะ ;___;
มันอาจจะแปลกๆหรือมีจุดผิดพลาดที่ไม่ต้องเนื่อง
คำที่เราเคยใช้อย่างนึงแต่เปลี่ยนมาเป็นอย่างนึง ซึ่งบอกเราได้เลยนะ
เราไม่ได้อ่านทวนมากนักเพราะไม่มีเวลา จะอ่านอีกทีต้องพรูฟค่ะ ใครเห้นจุดไหนใช้อวัยวะส่วนใดๆบนร่างกายสะกิดเราได้หมด
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
รักนะ
แอบนอกใจไปละรู้ป่าว (นอกใจไปหาซีรี่ส์ฝรั่งค่ะ ติดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก)
#พี่ลู่คนคุก
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น