วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

คนคุกกลับไป


ซ้ำๆ เดิมๆ

 

 

 

กลับไป

 

ลู่หานใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่ชื้นเปียกเพราะเพิ่งจะอาบน้ำ ทิ้งตัวนั่งลงบนฟูกนอน มองดูคนตัวเล็กที่ขะมักเขม้นอ่านหนังสือ ช่วงนี้มินซอกอ่านหนังสือหนักมาก อีกแค่ไม่กี่วันก็จะสอบแล้ว แค่สามวัน...สามวันเท่านั้น

“มานอนก่อนนะมินซอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็อ่านต่อได้”ลู่หานเรียกแต่มินซอกก็เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงของเขาเลยสักนิด คนตัวเล็กยังคงจับจ้องตัวหนังสือที่อ่านมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วย มีรอยดินสอและหมึกเน้นข้อความเต็มไปหมดทั้งแผ่นกระดาษ ผิดกับหนังสือสองตำรวจของลู่หานที่มันว่างเปล่าและสะอาดสะอ้านสิ้นดี

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อ่าน แต่เพราะเป็นคนอ่านหนังสือที่เลอะด้วยการขีดเน้นหรือช็อตโน้ตไม่ได้ เขาถนัดอ่านหนังสือสะอาดๆมากกว่า มันสบายสายตาดี

“มินซอก...”เห็นน้องไม่ฟัง ลู่หานจึงเรียกอีกคนซ้ำ มินซอกหันมามอง ดวงตากลมๆกะพริบปริบๆขออนุญาตอ่านหนังสือต่ออีกสักแป๊บค่อยนอน

“ดึกมากแล้ว เดี๋ยวสายตาเสีย ไม่ฟังพี่เหรอ?”เห็นว่าน้องดูท่าจะดื้อตาใส เสียงของคนพี่เลยเข้มขึ้นมานิด มินซอกบิดปากคว่ำก่อนจะดันหน้าหนังสือพับปิดลงทับปากกาลายการ์ตูนที่ใช้ต่างที่คั่นหนังสือชั่วคราว ค่อยๆถดกายขึ้นยืนก่อนจะเดินตุบตับมาทิ้งตัวลงบนฟูกนอน

“นอนก็ได้ฮะ”คนตัวเล็กว่าพลางล้มตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว ลู่หานขยี้ผมตัวเองอีกสองสามทีจึงปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนตาม ช่วงแขนดึงมินซอกเข้ามากอดอย่างเคย มินซอกนอนตะแคงข้างหันหลังให้กันเปิดโอกาสให้ลู่หานได้ซุกหน้าเข้าที่ต้นคอขาว กลิ่นสบู่หอมๆติดที่ปลายผมนิ่มเหมือนขนแมว

“รู้ไหมถ้ามินซอกพักผ่อนไม่พอ ระบบการทำงานของสมองจะช้าลงนะ จะเป็นหมอแต่ไม่ดูแลตัวเองอย่างนี้ แล้วพี่จะไว้ใจให้มินซอกไปดูแลคนอื่นได้เหรอ?”คนเป็นพี่พูดบอก เห็นมินซอกคว่ำริมฝีปากก็รู้ว่าคนตัวเล็กขัดใจแต่ก็ตามใจเขามานอนอย่างที่ลู่หานบอก มินซอกส่งเสียงครางฮึมในลำคอว่ารู้ แต่ถ้าไม่อ่านหนังสือเยอะๆกลัวว่าจะสอบสู้คนอื่นไม่ได้ เตรียมตัวดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งไม่ใช่หรือ

ลู่หานหัวเราะ มันก็จริงที่การอ่านหนังสือมากๆเป็นการเพิ่มความรู้ และการอ่านซ้ำๆคือการฝังความรู้เข้าไปสู่สมอง แต่การย้ำคิดย้ำอ่านจนเกินความพอดีก็รังแต่จะสร้างความเครียดเอาเสียมากกว่า มือเพียวเลื่อนมาวางบนหน้าผากเนียนของคนเป็นน้อง คลึงมันเบาๆแล้วบอกว่าเขาเชื่อว่ามินซอกทำได้

“ความรู้มันก็อยู่ในนี้แหล่ะ อยู่ที่ว่าจะเอามันออกมาใช้ได้หรือเปล่า พี่เชื่อว่าเราทำได้”เขาบอกแล้วดึงใบหน้าคนที่นอนหลังหลังให้พลิกกลับมา ริมฝีปากประทับที่หน้าผากเนียน บอกว่าให้หลับตาปี๋ ถึงเวลานอนจริงๆแล้ว

“ฝันดีนะมินซอก”ลู่หานเอ่ยเบาๆพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก เจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนขยับตัวให้ชินเล็กน้อยแล้วจึงค่อยนิ่งสนิท ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะเสมอ

 

ค น คุ ก

 

เช้านี้ลู่หานถูกโทรปลุกจากผู้กองคริสให้ไปหาที่สำนักงาน ร่างโปร่งบิดขี้เกียจอยู่นานกว่าจะแงะตัวเองขึ้นมาจากฟูกที่นอนได้ มินซอกตื่นไปอ่านหนังสือต่อตั้งนานแล้ว ลู่หานปรามน้องว่าอย่ามัวแต่อ่านหนังสือจนลืมกินข้าว ไอ้จงอินโทรมาตามอีกเป็นรอบที่สองบอกว่าผู้กองคริสไปรออยู่นานแล้ว เมื่อไหร่ไอ้เพื่อนตัวดีจะเสด็จ ลู่หานด่าเพื่อนสนิทไปที บอกว่าถึงกับต้องโทรมาตามเร่งเพื่อนให้พี่เมียเลยหรือไง

“มึงคิดดูเอาอ่ะ เมียกับเพื่อน เห็นๆกันอยู่ว่าใครสำคัญกว่า”

“สัด”เจริญพรอีกสักทีก่อนจะกดวางสาย กำชับมินซอกอีกรอบว่าให้กินข้าวด้วยก่อนจะออกจากบ้าน มินซอกหัวเราะ ดันตัวคนขี้ห่วงออกจากบ้านแล้วบอกให้เดินทางดีๆก่อนจะเดินกลับเข้าห้องมานั่งประจำที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเดิม มือเล็กเปิดพลิกหน้าหนังสือที่อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปมา เขาจำได้ทุกรายละเอียดของเนื้อหา แต่ก็ยังกลัวความประหม่าจะทำให้หลงลืมในห้องสอบ

ยิ่งใกล้วันสอบเข้ามาแบบนี้ยิ่งอยากจะอ่านทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปมา รู้ว่าการฝืนตัวเองอ่านหนังสือหนักๆไม่ดีต่อสุขภาพอย่างที่ลู่หานได้บอกไว้ สมองที่อ่อนล้าและไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่จะมีประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงมากกว่าครึ่ง แต่ถึงกระนั้น ความกังวลก็ทำให้มินซอกฝืนตัวเองอ่านหนังสือต่อไปอยู่ดี

คนตัวเล็กใช้เวลาลากดินสินลงย้ำจุดเดิมที่คิดว่าเป้นเรื่องสำคัญ รวมถึงจดรายละเอียดเนื้อหาหลักลงสมุดโน้ตเป็นครั้งที่สามอยู่ประมาณสองชั่วโมง จนคิดว่าควรพักก่อนก็เมื่อกระเพาะอาหารส่งเสียงร้องประท้วง มีกิมจิเหลือจากแกงเมื่อวานซืนอยู่ก้นถุง อี้ชิงบอกว่ามันจะเปรี้ยวกว่าเดิมถ้าไม่รีบกิน มินซอกเลยจับมาทำเมนูง่ายๆอย่างผัดกับข้าวสวย ออกมาหน้าตาก็ประหลาดดีแค่รสชาติถือว่าไม่แย่เสียเท่าไหร่

ระหว่างตักข้าวเข้าปาก โทรศัพท์ที่วางไว้ข้างตัวก็ส่งเสียงเรียกเข้าขึ้นมา มินซอกกดรับทันทีที่เห็นว่าคนโทรมาคือลู่หาน อีกฝ่ายถามว่ากินข้าวแล้วใช่ไหม?

“ฮะ กินแล้ว ได้ยินเสียงเคี้ยวไหม?”ถามพร้อมเคี้ยวข้าวเสียงดังให้อีกคนได้ยิน ลู่หานบอกว่าดีแล้ว กินให้เยอะๆ

“กินจนจะอ้วนแล้วฮะ”ส่งเสียงตอบกลับไปงุ้งงิ้ง บอกว่าแก้มออกเหมือนผลฟักทอง ต่อไปคงจะย้วยถึงบ่าแต่ปลายสายก็ส่งเสียกลับมาว่าให้อ้วนเป็นตุ่มก็ยังน่ารักอยู่ดีตามด้วยเสียงโก่งคออาเจียนของคนที่คิดว่าต้องเป็นพี่จงอินแน่ๆ

-อ่านหนังสืออย่าดึกมากนะ วันนี้พี่ไม่กลับบ้าน สักสี่ทุ่มอี้ชิงก็กลับแล้ว พี่บอกให้อี้ชิงกลับเร็วน่ะวันนี้-ลู่หานพูดบอก เมื่อวานได้ข่าวจากแหล่งข่าวว่าวันนี้จะมีการขายยาให้รายย่อยกับพวกซื้อต่อทุนแถวชานเมืองในวันพรุ่งนี้ ผู้กองคริสจึงขอความร่วมมือของลู่หานและจงอินเข้าไปเป็นคนล่อซื้อให้อีกสักครั้งทิ้งทวนก่อนจะสอบตำรวจอาทิตย์หน้า

“ระวังตัวนะฮะ บอกพี่จงอินด้วย”มินซอกบอกก่อนวางสาย แอบถอนหายใจพรืดเพราะคนรักต้องไปทำงานเสี่ยงอันตรายอีกแล้ว ถึงแม้งานล่อซื้อจะไม่อันตรายเท่าการแฝงตัวเป็นสายแบบที่จงอินเคยทำก็ตามที แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้หรอก

มินซอกโทรถามอี้ชิงเพื่อความแน่ใจว่าน้องชายคนรักจะกลับเร็วแน่นอน อี้ชิงตอบกลับมาว่าจะเข้าร้านเอาหนังสือนิยายแนวสืบสวนชื่อดังที่ยืมจากร้านเช่าไปให้ลูกชายเจ้าของร้าน สักสองสามทุ่มก็กลับแล้ว คงไม่ถึงสี่ทุ่ม มินซอกบอกว่าให้ซื้อกับข้าวเข้ามาด้วยเลยเพราะที่บ้านไม่เหลืออะไรให้ทำกินเสียแล้ว

“ขอกาแฟกระป๋องให้กระป๋องนึงด้วยนะอาอี้”บอกก่อนวางสายน้องชายคนรัก ปรกติแล้วลู่หานจะไม่ชอบให้มินซอกกินกาแฟ มีช่วงหนึ่งที่ทำรายงานหนัก ลู่หานก็ไม่ยอมให้มินซอกใช้กาแฟเป้นตัวช่วยให้ตื่นตัว ร่างโปร่งชงชามะลิหอมให้จิบแทน กลิ่นหอมๆของชามะลิทำให้สดชื่นขึ้นบ้าง คนเป็นพี่บอกว่ากาแฟมีคาเฟอีน กินบ่อยๆเดี๋ยวจะติด ไม่ดีต่อร่างกาย

แต่วันนี้มินซอกขอดื้อสักวัน ไหนๆพี่ลู่หานก็ไม่กลับมานอนที่บ้าน มินซอกคิดว่าจะอยู่อ่านหนังสือยาวๆ พรุ่งนี้ก็พักสมองด้วยการอ่านเฉพาะจุดที่สำคัญมากๆ เพื่อเตรียมสมองให้พร้อมกับการสอบหมอวันมะรืนที่จะถึง

คิดว่าจะได้เดินตามความฝันของตัวเองก็ตื่นเต้นไปหมดแล้ว...

 

ค น คุ ก

 

ลู่หานวงตรงที่คริสบอกว่าเป็นจุดที่นำมาออกข้อสอบทุกปีเอาไว้ เอาจริงๆการอ่านหนังสือเองที่บ้านก็น่าจะพอสำหรับการสอบ แต่ยอมรับว่าการได้ผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมนายตำรวจแบบอู๋อี้ฟานมาแนะนำแนวข้อสอบนั้นช่วยกะเกณฑ์เนื้อหาหลักที่ต้องอ่านได้ดีขึ้นเยอะ ดีกว่าต้องอ่านและจำทั้งหมด เปลี่ยนมาเป็นอ่านและจำในจุดที่สำคัญที่คริสเน้นให้แทน

เรื่องรายละเอียดการล่อซื้อยานั้นเขาได้คุยกันคร่าวๆแล้ว พรุ่งนี้เช้าคริสจะให้จงอินและลู่หานไปล่อซื้อโดยใช้ธนบัตรซึ่งได้ทำตำหนิและจดบันทึกเลขธนบัตรไว้เรียบร้อยแล้ว เซฮุนที่มานอนกลิ้งในห้องแฟนตั้งแต่เมื่อกลางวันเห็นว่านานทีพี่ชาย แฟนและพี่ลู่หานจะมาเจอ ก็เลยอ้อนขอให้คริสแนะแนวข้อสอบให้ทั้งคู่อีกสักครั้ง แม้ว่าคริสจะคอยบอกแนวกับจงอินเรื่อยๆแล้วก็ตาม

 

“เอ้า จุนมยอน กลับมาแล้วเหรอ”ลู่หานทักจุนมยอนที่เปิดประตูบ้านเข้ามา จุนมยอนเอ่ยทักกลับเช่นกัน ถามไถ่ว่าอีกคนสบายดีไหม ไม่เจอกันหลายวันอยู่

“ก็สบายดี นายล่ะ ตอนนี้กลับมาอยู่สำนักงานแล้วเหรอ”ลู่หานถามคนที่เพิ่งเจอกับครอบครัวอีกครั้งและไปกลับบ้าน-โรงพยาบาลตำรวจซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลอยู่เหมือนกันเป็นเวลาหลายวัน พอจะหายคิดถึงบ้านและพ่อกับแม่จุนมยอนก็ขอกลับมาอยู่ที่สำนักงานเพราะสะดวกในการไปทำงานมากกว่า วันไหนหยุดก็จะกลับไปที่บ้าน

“ไม่ต้องให้พ่อเหนื่อยขับรถมารับมาส่งน่ะ ไว้เก็บเงินได้สักก้อนคงเอามาดาวน์รถก่อนหาเช่าห้อง”คนตัวขาวว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ลู่หานเลื่อนแก้วน้ำอัดลมของตัวเองให้อีกคนจุนมยอนก็รับไปดื่มอย่างไม่ได้นึกรังเกียจ คงเพราะความกระหายด้วย

“ความจริงอ่ะ ให้พี่คริสไปรับไปส่งก็ได้นี่นา เนาะ!”เป็นเซฮุนที่พูดขึ้นพร้อมหันไปส่งเสียง “เนาะ” กับคริส พี่ชายเห็นน้องพูดแบบนั้นก็กระแอมกระไอถามไอ้ตัวดื้อว่าทำไมพี่จะต้องไปรับส่งจุนมยอนด้วยไม่ทราบ คนตัวขาวที่ถูกพาดพิงก็ผสมโรงเสริมว่าไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำไมต้องไปรับส่ง โอเซฮุนยิ้มกว้าง ขยิบตาให้แฟนตัวโตที่หัวเราะร่วน ลู่หานพอจับทางได้กรายๆว่าไอ้จงอินกับเซฮุนกำลังจับคู่ให้คริสกับจุนมยอนแบบเป็นทางการแล้ว

“ก็รับส่งในฐานะคนรู้จักไงฮะ พี่คริสใจดีออก ให้พี่จุนมยอนมาอยู่ด้วย ฝากงานให้ที่โรงพยาบาล แค่ไปรับไปส่งทำไมจะไม่ได้อ่ะ”น้อยชายยังพูดเสียงแจ๋ว คริสดีดหน้าผากแคบๆนั่นไปที อยากจะดีดปากแดงๆของเจ้าตัวด้วยแต่เซฮุนก็รู้ทันหุบปากฉับแล้ววิ่งแน่บเข้าห้องจงอินไปเลย จุนมยอนถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องตัวเองไปบ้าง

พออยู่กันแค่สามคน คิมจงอินที่เคยหัวเราะร่วนเมื่อครู่ก็เงียบกริบ มีแอบยิ้มหน่อยๆเวลามองหน้าผู้กองคริส ใบหน้าหล่อคมนั่นมีแววของอาการตกใจปนอายน้อยๆอยู่ แอบเห็นตอนเซฮุนล้อเรื่องไปรับไปส่ง ผู้กองเองก็ดูกระอักกระอ่วนชอบกล จงอินดูลู่หานออก จงอินก็ดูคนทั้งโลกออก และคิมจงอินก็มองผู้กองคริสกับจุนมยอนออก

มันอาจจะยังไม่ใช่ความรักในตอนนี้ อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกดีเล็กๆน้อยๆที่เพิ่งเริ่มก่อตัว คนอย่างจุนมยอนคงไม่เปิดใจรับผู้ชายสักคนง่ายๆในตอนนี้ และคนอย่างคริสก็คงยังไม่ปล่อยวางเรื่องเซฮุนจนกว่าจะเห็นน้องชายเติบโตมากกว่านี้

คงต้องให้เวลากับทั้งคู่ แต่จงอินเชื่อว่าความรู้สึกดีๆเพียงเล็กน้อย สักวันก็จะมากขึ้นเรื่อยๆจนล้นใจ ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงอยากให้ผู้กองคริสกับจุนมยอนลงเอยกัน คงเพราะผู้กองเป็นคนดี และจุนมยอนก็เจอคนเลวๆมามากเกินไปก็เท่านั้นเอง

 

ค น คุ ก

 

 

มินซอกยกกระป๋องกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก รสชาติขมของมันติดอยู่ที่ปลายลิ้น แต่ก็ช่วยให้ตื่นตัวได้ดี คนตัวเล็กอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษในดิกชันนารี่ที่ตัวเองใช้กระดาษโต้ตคั่นเอาไว้อีกครั้ง เป็นคำศัพท์ทั่วไปที่คิดว่าน่าจะออกในข้อสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษ อี้ชิงกลับมาตอนสองทุ่มครึ่งพร้อมกับข้าวและกาแฟกระป๋องที่มินซอกฝากซื้อ ตอนนี้น้องชายตัวขาวของลู่หานเข้าห้องไปนอนเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพรุ่งนี้จะไปงานเปิดบ้านของมหาวิทยาลัยใกล้ๆนี้ ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยแพทย์ที่มินซอกจะสอบเข้าสักเท่าไหร่

คนตัวเล็กมองปลายดินสอที่เริ่มทู่ลงแล้วก่อนขมวดคิ้ว มินซอกใช้ดินสอไม้เพราะจับถนัดมือมากกว่า และลู่หานก็จะเป็นคนเหลาให้เสมอ แต่วันนี้คนรักไม่อยู่ จะใช้แท่งนี้เขียนต่อก็ไม่ชอบใจให้ความทู่ของมัน แอบจำได้ว่าลู่หานเก็บคัตเตอร์เหลาดินสอไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่นของเจ้าตัว

มินซอกขยับหนังสือที่วางบนโต๊ะญี่ปุ่นของลู่หานเพื่อหามีดคัตเตอร์ แอบส่ายหัวกับหนังสือแต่ละเล่มที่สะอาดสะอ้าน รู้ว่าอีกคนอ่านแต่ก็น่าจะช็อตโน้ตเอาไว้บ้าง มือเล็กวางหนังสือแต่ละเล่มซ้อนกันไว้ก่อนจะลองหามีดคัตเตอร์ในกล่องใส่ปากกาที่วางอยู่ข้างกัน ทว่าคิ้วเล็กก็ต้องเลิ่กขึ้นอย่างฉงนใจเมื่อเปิดกล่องปากกาออกนอกจากมีมีดเตอร์แล้วยังมีซองยาใบเล็กบรรจุผงสีขาวบางอย่างเอาไว้

ไม่ต้องทายก็รู้ว่ามันต้องเป็นยาเสพติด อาจจะเป็นของกลางในคดีที่ลู่หานยังไม่ส่งคืนตำรวจ ลักษณะเป็นเกล็ดผงสีขาวก็พอดูออกว่ามันคือสารเสพติดประเภทไอซ์

มินซอกพิจารณาซองยาในมือตัวเอง เพราะตั้งใจว่าคืนนี้ต้องการอ่านหนังสือยาวๆ แต่ดูท่าว่าแค่กาแฟคงจะช่วยให้มินซอกตื่นอยู่ได้ไม่นาน มองซองยาอย่างชั่งใจ กัดปากตัวเองเพราะคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างที่คิดดีไหม?

ยาไอซ์เป็นสารแอมเฟตามีนเช่นเดียวกับยาบ้า ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ถ้าหากว่าใช้ในปริมาณน้อยอาจจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวได้ ตอนที่มินซอกใช้ยาบ้า เขาเริ่มใช้จากปริมาณเล็กน้อย แต่เพราะติดจึงทำให้เสพในปริมาณที่มากขึ้น มือเล็กแกะซองบรรจุยาไอซ์ออกก่อนจะดึกกระดาษโน้ตบนโต๊ะญี่ปุ่นของลู่หานมารองเอาผงยาไอซ์ที่เทออกจากซองยามาเล็กน้อย

มินซอกมองผงสีขาวด้วยความคิดที่ตีพันกันในหัว เคยมาแล้วครั้งหนึ่ง...กับเหตุผลเล็กๆแค่ต้องการอ่านหนังสือ ทำให้ทดลอง จนติดงอมแงม เสียผู้เสียคน เสียอนาคตเพราะมัน...

มินซอกกลัว...ว่าจะเป็นแบบเดิม

แต่ถ้าใช้แค่ครั้งเดียวแล้วเลิกเลยคงไม่เป็นไร...

...แต่ถ้าพี่ลู่หานรู้ล่ะ

พี่ลู่หานต้องโกรธแน่ๆถ้ามินซอกคิดจะใช้ยาอีกครั้ง จะเอาอะไรมาอ้างก็ตามที มันไม่ใช่เหตุผลที่ต้องใช้ยาเสพติดเลยสักนิด ยิ่งรู้ว่ามินซอกดื้อที่จะอ่านหนังสือ...พี่ลู่หานต้องโกรธมินซอกมากๆ มากจริงๆ

วางกระดาษที่มียาไอซ์อยู่ลงบนโต๊ะ เขกหัวตัวเองแรงๆ อยากเป็นหมอแต่กลับยังมีความคิดโง่ๆที่จะใช้ยาเสพติด มินซอกซบหน้าตัวเองลงกับฝ่ามือ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อตั้งสติก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ เขาขยำกระดาษที่มียาไอซ์อยู่แผ่นนั้นก่อนจะปามันทิ้งลงถังขยะใกล้ๆ ร้องฮึ่บ!ออกมาดังๆเพื่อให้กำลังใจตัวเองก่อนจะกลับไปสนใจอ่านหนังสือต่อ มีแค่กาแฟกระป๋องแค่นี้ก็คงพอ ถ้าไม่ไหวก็นอนพัก ยังมีเวลาพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน

รู้แล้วว่าผลของการใช้ยาเสพติดมันเป็นยังไง มินซอกต้องไม่กลับไปเป็นแบบเดิมอีกครั้งอีกอย่าง พี่ลู่หานอุตส่าห์ให้ชีวิตที่ได้เริ่มใหม่กับมินซอก...จะทำให้คนรักผิดหวังไม่ได้

ไม่ได้เด็ดขาด...

 

ค น คุ ก

 

อี้ชิงเดินปิดปากหาวออกมาจากห้องนอนตอนตีสามเพื่อมาเข้าห้องน้ำ แปลกใจน้อยๆที่เห็นว่าห้องพี่ชายยังคงเปิดไฟอยู่ มินซอกยังไม่หลับอีกเหรอ?

เดินขยี้หัวไปเปิดประตูห้องของพี่ชายดู แล้วก็ต้องส่ายหัวเบาๆเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กอายุไล่เลี่ยกันนั้นฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก ใช้หนังสือเล่มหนาต่างหมอนใบนุ่ม อี้ชิงสะกิดมินซอกให้ไปนอนดีๆที่ที่นอนแต่เหมือนคนตัวเล็กจะหลับสนิทเสียแล้ว

อี้ชิงพ่นลมหายใจออกมา บอกว่าช่วยไม่ได้ คงต้องอุ้มเอามินซอกไปนอนที่ฟูก คนตัวขาวถลกช้อนแขนพาดที่หลังของมินซอกก่อนเอนตัวอีกคนให้หงายหลังมาก่อนจะใช้แขนอีกข้างสอดเข้าที่ขาพับยกแฟนพี่ชายตัวลอยจากพื้นไปวางลงบนฟูกที่นอน จัดแจงห่มผ้าห่มให้มินซอกถึงคอ นี่ถ้าพี่ลู่หานรู้คงกริ้วน่าดูที่ไอ้ตัวเล็กของตัวเองนอนดึกมัวแต่อ่านหนังสือจนหลับตาโต๊ะแบบนี้

อี้ชิงปิดไฟก่อนจะปิดประตูแล้วเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวก่อนจะกลับเข้าไปนอนอีกครั้ง

 

มินซอกบิดตัวน้อยๆก่อนจะค่อยๆลืมตา กระพริบเปลือกตางงๆว่ามานอนอยู่ที่เตียงได้ยังไง ป้องปากหาวจนตายิบหยีก่อนจะดันตัวขึ้นนั่ง ได้ยินเสียงกุกกักดังด้านนอกคงเป็นอี้ชิงที่ตื่นแล้ว คนตัวเล็กลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเปิดประตูห้องไปทักทายน้องชายคนรักที่กำลังวุ่นกับการผูกเชือกรองเท้า ดูจะเป็นรองเท้าคู่ไหม ยี่ห้อดี ราคาคงจะแพงอยู่ แต่ซื้อเป็นของขวัญให้ชีวิตสักคู่ก็ไม่เสียหายอะไร

มินซอกถามอีกคนว่าเป็นคนพาตนเองไปนอนที่ที่นอนเหรอ อี้ชิงพยักหน้า บอกว่าถ้าไม่ใช่ตัวเอง ให้คนอื่นมาอุ้มมินซอกไปนอนที่นอนพี่ชายรู้คงไล่เตะอี้ชิงไปทั่วบ้าน

“อี้ไม่เสี่ยงหรอก ฮ่ะๆ”มินซอกหัวเราะตามน้อยๆ ถามว่าอี้ชิงจะไปงานเปิดบ้านมหาวิทยาลัยแล้วเหรอ

“อืม ไปแต่เช้าดีกว่า กลัวคนเยอะ มินซอกก็ไม่ต้องโหมอ่านหนังสือนะ พรุ่งนี้สอบ วันนี้ต้องสบายๆ”น้องชายของคนรักบอกพร้อมยิ้มให้จนลักยิ้มขึ้นข้างแก้ม มินซอกโบกมือให้อี้ชิงที่เดินออกจากบ้านไปก่อนที่ตัวเองจะกลับเข้าห้องอีกครั้งแล้วไปทรุดตัวลงนอนที่ที่นอนอีก คงเพราะกินกาแฟ เลยรู้สึกเพลียน้อยๆ เหมือนนอนไม่พอ มินซอกคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุม เลือกที่จะนอนต่ออีกสักหน่อย

คงจะจริงอย่างที่อี้ชิงว่า พรุ่งนี้สอบ วันนี้เราควรทำตัวผ่อนคลายเพื่อเตรียมสมองไว้ใช้ในวันพรุ่งนี้

 

ไม่รู้ว่าการนอนต่ออีกสักหน่อยของมินซอกนานแค่ไหน ลืมตามาอีกทีก็ปาไปเกือบจะเที่ยงแล้ว คนตัวเล็กหลับยาวจนลืมตื่นมาอ่านหนังสือ เห็นโทรศัพท์ที่อยู่ข้างหมอนหน้าจอมีไฟกระพริบจากการแจ้งเตือน เมื่อหยิบมาดูจึงรู้ว่าเป้สนสายไม่ได้รับสามสายจากเบอร์เดียวกันคือเบอร์ของลู่หาน

เลื่อนนิ้วกดโทรกลับไป รอไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย ได้ยินเสียงบ่นมาก่อนอะไรว่าทำไมถึงไม่รับสายกัน รู้หรือเปล่าว่าเป็นห่วงขนาดไหน มินซอกยิ้มกว้างทั้งที่ตายังปรือเพราะเพิ่งตื่น บอกเสียงงัวเงียว่าเมื่อคืนนอนดึกนิดหน่อยเลยตื่นสาย แล้วก็นอนเอาแรงไว้สอบวันพรุ่งนี้อยู่ยังไงล่ะ แต่ถึงกระนั้นคนขี้ห่วงก็ยังบ่นว่านอนกลางวัน กลางคืนก็ไม่หลับ แล้วก็จะไปง่วงวันพรุ่งนี้อีกแทน

-ไม่ต้องนอนแล้วนะ เข้าใจไหม พี่กำลังกลับ เดี๋ยวซื้อขนมไปฝากด้วย-

ได้ยินเสียงจงอินแทรกเข้ามาว่าให้ซื้อข้าวกินก่อนเถอะ หิวจนไส้จะขาด มินซอกเลยอดถามไม่ได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเหรอ คำตอบที่ได้คือซุ่มดูและสังเกตการณ์คนจำหน่ายอยู่ตั้งแต่ช่วงเช้าจนเข้าล่อซื้อและบุกจับกุมช่วงสิบโมงเช้า กว่าจะดำเนินการควบคุมนักโทษและพาเคลื่อนย้ายก็ปาไปเกือบเที่ยง ตอนนี้ก็กำลังนั่งรถกลับเลยยังไม่ได้กินข้าว

“บอกผมให้กินข้าวแต่ฮยองก็ไม่กินนะฮะ”ดุอีกคนที่ชอบห่วงกลัวมินซอกไม่กินข้าว แล้วดูตัวเองสิ ข้าวเช้าก็ไม่กิน ข้าวกลางวันก็ยังไม่กินอีก

“กลับมากินบ้านเลยมั๊ยฮะ ให้ผมไปมาร์ทซื้อของมาทำกับข้าวรอไหม หรือจะซื้อเข้ามา”

-กินกับมินซอก กินกับข้าวมินซอก-

ปลายสายตอบกลับคำถามเสียงอ่อน มินซอกหัวเราะเพราะได้ยินพี่จงอินด่าอีกคนดังลั่น เสียงอ้วกลอดเข้ามาในสาย

“รีบกลับนะฮะ”มินซอกกดวางสายก่อนจะสำรวจตัวเอง หน้าตาบวมเปล่งเพราะนอนมากเกินไป ผมเผ้าฟูไม่เป็นทรง คงต้องอาบน้ำอาบท่าก่อนไปมาร์ทหาซื้ออะไรมาทำอาหาร

 

มินซอกถนัดทำขนมมากกว่าของคาว แค่ขนมบางอย่างก็ใช้กินเป็นของคาวได้ อย่างเช่นข้าวโพดชุบแป้งทอดที่ลู่หานเคยทำตอนอยู่ในคุกนั่น มินซอกไม่รู้จะทำอะไรดี แต่เห็นเส้นสปาเก็ตตี้เลยอยากจะลองทำ แล้วก็ซื้อแป้งข้าวโพดกับเผือกมาด้วย คิดจะทำเผือกทอด เป็นเผือกกระทง เอาเผือกมาขูดฝอยชุดแป้งแล้วทอด ใช้กระบวยช่วยตอนทอด ประคองรูปร่างให้คล้ายกระทง กินคู่น้ำจิ้มหวานหรือน้ำจิ้มบ๊วยอร่อยดี

แต่ก่อนอื่นคงต้องเริ่มทำสปาเก็ตตี้ก่อน มินซอกชอบกินอาหารมีรสชาติ ลู่หานก็ด้วย เพราะฉะนั้นจึงเมินสปาเก็ตตี้ซอสครีมหรือซอสมะเขือเทสไปได้เลย คนตัวเล็กลวกเส้นสปาเก็ตตี้เตรียมไว้ก่อนจะเอากระทะขึ้นตั้ง เทน้ำมันเล็กน้อย บุพริกไทยกับหอมหัวใหญ่ลงไปคั่วให้หอม เต็มน้ำเล็กน้อยให้ขลุกขลิกแล้วหั่นเห็ดฟางใส่ตามลงไป

มือเล็กหยิบห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาฉีกแล้วเลือกเอาแต่ห่อเครื่องปรุงออกมาฉีกใส่ลงผสมกับทุกอย่างในกระทะ เมื่อเข้ากันได้ที่ก็ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไปผัด คลุกเคล้าให้เข้ากัน ลองชิมดูรสชาติเผ็ดน้อยๆและหอมพริกไทย ขาดรสเค็มก็เหยาะซอสปรุงรสนิดหน่อยก็ใช้ได้

 

เมื่อสปาเก็ตตี้เสร็จก็ทำเผือกทอดต่อ ผสมแป้งไม่นาน ขูดเผือกจนเป็นเส้นอีกแป๊บเดียว ตั้งกระทะจนร้อนได้ที อาจจะต้องใช้น้ำมันเยอะนิดหน่อยแต่หลังการทอดก็เก็บไว้ใช้ทำอาหารอื่นได้ แต่ไม่ควรเก็บนานเพราะไม่ดีต่อสุขภาพถ้าหากกินเข้าไป

ไม่นานเผือกทอดทอมๆก็มาอยู่ในจาน มินซอกเทน้ำจิ้มบ๊วยที่ซื้อมาลงถ้วยใบเล็กเป็นการปิดท้ายแล้วยกจานสปาเก็ตตี้กับเผือกทอดไปรอลู่หานที่หน้าทีวี

 

ครึ่งชั่วโมงหลังทำอาหารเสร็จ รถของผู้กองคริสก็มาจอดที่หน้าบ้าน มินซอกออกไปรับลู่หานที่หน้าบ้านแล้วชวนพี่จงอินกับผู้กองคริสให้อยู่กินข้าวด้วยกันแต่อีกสองคนก็ขอปฏิเสธเพราะต้องตามรถตำรวจซึ่งบรรทุกนักโทษไปที่สถานี เห็นว่าลู่หานมีคนรอกินข้าวด้วยเลยแวะมาส่งก่อน

“กลับดีๆนะฮะ”มินซอกบอกพร้อมยกมือบ๊ายบายจงอิน พ่อหมีก็โบกมือบ๊ายบายลูกชายกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ลู่หานกอดคอน้องแล้วบอกให้เข้าบ้านได้แล้ว

“หิวจะแย่”บ่นว่าหิวแต่กลับคว้าตัวมินซอกไปกอดแน่น

“หิวหรือคิดถึงผมฮะ?”คนตัวเล็กถามทะเล้น ลู่หานบอกว่าทั้งสองอย่าง แต่อาการรวมๆแล้วคงเป็นหิวมินซอกมากกว่า

“กินมินซอกแทนได่ไหม?”ถามเสียงเจ้าเล่ห์ทำเอาคนฟังเขินหน้าแดง มินซอกตีเข้าที่แขนอีกถาม บอกว่าถ้าไม่รีบกินจะเอาไปทิ้งให้หมด ไหนว่าหิวหนักหนา

“กินข้าวก็ได้ ฮ่ะๆ เขินพี่เหรอยัยแก้มแดง”ยังไม่วายจะเอ่ยแซวแก้มแดงๆของมินซอกเป็นการปิดท้าย มินซอกย่นหน้าเดินไปนั่งหน้าทีวีแล้วคว้าจานของตัวเองมาตักกินไม่รออีกคนทำให้ลู่หานต้องตามมาคว้าจานตัวเองกินบ้าง

ลู่หานชมเปราะว่าอาหารของมินซอกอร่อย คนตัวเล็กก้มหน้ากินส่วนของตัวเองซ่อนแก้มที่ร้อนผ่าวเอาไว้ บ่นงืมงำว่าอีกคนชอบทำให้เขิน แต่ลู่หานกลับยิ้มร่า

 

“ก็มินซอกน่ารักนี่นา”

 

 

 

 

TBC.

 

 

 

 

มันแปลกๆไหมไม่แน่ใจ คือหายไปนานมากกว่าจะรวบรวมลมปราณกลับมาได้ เหนื่อยจริงๆค่ะ ;___;

มันอาจจะแปลกๆหรือมีจุดผิดพลาดที่ไม่ต้องเนื่อง คำที่เราเคยใช้อย่างนึงแต่เปลี่ยนมาเป็นอย่างนึง ซึ่งบอกเราได้เลยนะ เราไม่ได้อ่านทวนมากนักเพราะไม่มีเวลา จะอ่านอีกทีต้องพรูฟค่ะ ใครเห้นจุดไหนใช้อวัยวะส่วนใดๆบนร่างกายสะกิดเราได้หมด ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 

 

รักนะ แอบนอกใจไปละรู้ป่าว (นอกใจไปหาซีรี่ส์ฝรั่งค่ะ ติดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก)

 

 

ฝาก ถึงมีนานะ >> เปิดโอนพี่ลู่คนคุก

 

 

 

#พี่ลู่คนคุก

 

 

 

แมลงจี่...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น