อ่อนนอกแข็งใน
จางอี้ชิง…
เสียงเพลงที่เปิดดังกระหึ่ม
บีทส์หนักๆกระแทกกระทั้นจนก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายต้องเต้นตามจังหวะ
อี้ชิงโปรยยิ้มให้กับหลายคนที่เต้นโยกขยับไปตามเพลง
ในมือของเด็กหนุ่มตัวขาวมีขวดเบียร์สามขวดและแก้วพั้นซ์อีกหนึ่งแก้ว ลูกค้าที่สั่งอยู่โซนสามติดห้องน้ำ
“โหย
ถือมาคนเดียวอีกละ เดี๋ยวก็หล่นแตกโดนหักเงิน วันหลังเรียกผมช่วยนะ”เสียงแหลมเล็กดังขึ้นด้านหลังก่อนที่ขวดเบียร์จะถูกคว้าไปถือ
หันไปมองก็เจอเด็กผู้ชายตัวเตี้ยกว่าตนเองเกือบสิบเซนต์ยืนหน้ามุ่ยพร้อมหลักฐานขวดเบียร์ในมือบอกว่าไอ้เด็กตรงหน้านี่แหล่ะที่ฉวยเอาเบียร์ไปจากมืออี้ชิง
“อีกนิดเดียวพี่ก็ถึงโต๊ะลูกค้าแล้ว”อี้ชิงบอกแล้วหยิบเอาขวดเบียร์คืนมาจากอีกคน
“ว่าแต่นายเถอะ
บอกกี่ครั้งว่าที่นี่ไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดเข้า ถึงจะเป็นลูกเจ้าของก็เถอะ
ตำรวจมาตรวจก็โดนจับนะ”อี้ชิงว่า
เดินนำออร์เดอร์ไปส่งที่โต๊ะลูกค้าโดยมีเด็กตัวเตี้ยกว่าเดินตามมาติดๆ อี้ชิงยิ้มกว้างตอนธนบัตรทิปถูกยัดใส่มือมาพร้อมสายตากะลิ้มกะเหลี่ย
แต่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดครั้งแรก
ตั้งแต่ทำงานที่นี่มาอี้ชิงเจอสารพัดรูปแบบของการลวนลามจนเคยชิน
อาจจะเพราะผิวของอี้ชิงขาว และใบหน้าค่อนไปทางสวยติดเชื้อพี่มาเต็มๆ
เลยมักจะมีลูกค้าผู้ชายคอยจะหาเรื่องแต๊ะอั๋งกันอยู่เรื่อยๆ
พี่ลู่หานกับผู้กองคริสก็คงเป็นห่วงเพราะเหตุผลนี้ เลยมักจะมารับมาส่งเสมอ
ยิ่งพี่ชายยิ่งแล้วใหญ่ ห่วงจนบอกให้เลิกทำงานอยู่ตลอดเวลา
“จะสั่งพี่เจมส์แบนไอ้ลูกค้าโต๊ะนั้นเลยคอยดู”เสียงแหลมติดขึ้นจมูกบ่นพึมพำตามอี้ชิงมา
คนตัวเตี้ยกว่าพับหน้างอเง้าแอบมองโต๊ะลูกค้าเมื่อครู่เพื่อสังเกตุรูปพรรณไปบอกการ์ดหน้าประตูเพื่อทำการแบนห้ามลูกค้าคนนี้เข้ามาใช้บริการอีก
ใหญ่จริงๆนะครับคุณคิมจงแด...
“โอ้ย! พี่ชิงชิง เขกหัวมาได้มันเจ็บรู้ป่าว!”ด้วยความหมั่นไส้เลยอดไม่ได้จะเขกหัวทุยๆนั่นไปที
ส่ายหัวระอากับพฤติกรรมไอ้เตี้ยตรงหน้าเหลือเกิน
ตัวเท่าก้อนเมี่ยงแต่กร่างใหญ่โตเพราะพ่อเป็นถึงเจ้าของผับบาร์
อายุก็แค่สิบหกไปหยกๆเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
“เลิกเรียกพี่ว่าชิงชิงเสียทีเหอะ
พี่ชื่ออี้ชิงนะ”เขาบอกแล้วเดินนำลูกชายเจ้าของร้านไปบริเวณหน้าบาร์น้ำ
คนตัวเตี้ยกว่ากระโดดผลุงขึ้นนั่งบนเก้าอี้แล้วสั่งเบียร์เสร็จสรรพ อี้ชิงต้องเอ่ยยั่งแล้วบอกว่าแค่น้ำผลไม้ก็พอ
“อายุไม่ถึงห้ามกิน”ดุเสียงนิ่งแต่ไม่เห็นว่าเด็กอย่างคิมจงแดจะสำนึก
มันยังเรียกอี้ชิงว่า ชิงชิง ชิงชิงจนเขาเริ่มจะปวดหัว
อี้ชิงเจอจงแดครั้งแรกตอนเริ่มทำงานที่นี่หลังแม่เสีย
เสี่ยคิมมักจะพาลูกชาวตัวกระจ้อยมาทำงานด้วยเสมอเพราะกลับไปบ้านก็ไม่มีใครอยู่นอกจากสาวใช้คนสองคน
ได้ยินมาว่าแม่ของจงแดมีสามีใหม่และเลิกรากับเสี่ยคิมไปแล้ว ฝั่งพ่อก็ไม่คิดจะหาแม่ใหม่ให้ลูก
อารามกลัวลูกเหงาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวก็เลยหนีบคิมจงแดมาทำงานด้วยแทบทุกวัน
เด็กนี่ก็ไม่ใช่จะไม่ชอบ
แอบกินเหล้าเบียร์สูบบุหรี่บ้างจีบเด็กเสิร์ฟหรือลูกค้าสาวๆบ้าง
หนักสุดก็จีบอี้ชิงทั้งที่ตัวเองก็แค่เด็กอายุสิบหกแท้ๆ
“พี่ชิงสวยอ่ะ
ผมเรียกชิงชิงก็ดูน่ารักดีไม่ใช่เหรอ”ไอ้เด็กตัวกะเปี้ยกเท้าคางมองอี้ชิงเสียหยาดเยิ้ม
ท่าทางเหมือนพวกเพลย์บอยกำลังหว่านเสน่ห์ให้เด็กสาวหลง แต่ขอโทษเถอะ
กับไอ้เด็กอายุสิบหก เสียงก็ยังแหลมไม่แตกเนื้อหนุ่มแบบนี้น่ะ...มันไม่เท่ห์สักนิด
“ไปกินนมให้ตัวสูงกว่านี้ก่อนเถอะเฉิน”อี้ชิงส่ายหัว
ดันแก้วน้ำผลไม้ไปด้านหน้าลูกชายเจ้าของร้านก่อนจะใช้มือขยี้หัวเด็กนั่นทีหนึ่งแล้วผละออกไปเสิร์ฟออร์เดอร์อีกครั้ง
ทิ้งให้เด็กที่นั่งหน้าบูดกับการที่อีกคนไม่รับมุขกันสักนิดเดียวมองตามไปจนสุดตา
“น้องเฉินไปกินนมก่อนดีกว่า
ฮ่าๆๆ คราวนี้ก็โดนไล่ไปกินนมอีกแล้วนะจงแด”เสียงหัวเราะของบาร์เทนเนอร์หนุ่มตรงหน้ายิ่งทำให้จงแดอารมณ์เสีย
เต๊าะพี่อี้ชิงไม่ติดแล้วยังโดนเย๊าะเย้ยอีก
“เงียบเลยนะพี่ฮยอกจิน
ไม่งั้นจะบอกป๋าให้ตัดเงิน”ขู่อีกคนเสียงแหลมเหมือนแมว อีฮยอกจินขำพรืด
ยกมือยอมแพ้บอกว่าไม่ล้อแล้วก็ได้
แต่ไม่วายแอบอมยิ้มตอนเหลือบมองเห็นจงแดสอดส่ายสายตาหาอี้ชิง นึกแล้วก็ตลกดี
อี้ชิงหน้าหวานเหมือนผู้หญิง เจ้าตัวบอกว่าหน้าติดหวานกั้นทั้งพี่ทั้งน้อง
พี่ชายของเด็กนั่นหน้าหวานกว่าเจ้าตัวเสียอีก และก็เพราะไอ้หน้าหวานๆแบบนี้นั่นล่ะ
คงไปถูกใจลูกชายเสี่ยคิมเข้าอย่างแรง ไอ้เด็กมอปลายปีหนึ่งเลยปีนเกลียวหยอดจีบอี้ชิงทุกวัน
ตัวสูงแค่หูแต่ชอบโชว์แมนป้ออีกคน ทำทีเป็นปกป้องพี่ชิงชิงได้
ฮยอกจินไม่อยากจะบอกเลยว่าคนอย่างจางอี้ชิงไม่จำเป็นต้องให้ใครมาปกป้องหรอก
โดยเฉพาะไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยกที่น่าจะถูกปกป้องเสียมากกว่าอย่างคิมจงแดน่ะ
เห็นตัวขาว หน้าหวาน
เสียงนุ่มแบบนั้นก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกตัวเองง่ายๆหรอก
เคยเห็นลูกค้าบางคนลวนลามจนเกินขอบเขตก็โดนซัดหมอบไปก็ยังมี
อี้ชิงน่ะดูแลตัวเองได้
แถมยังบ่นอยู่ตลอดว่าพี่ชายกับผู้กองอะไรสักอย่างก็เหมือนกัน
ชอบคิดว่าเจ้านั่นเป็นเด็กสาวอายุไม่บรรลุนิติภาวะต้องคอยมารับมาส่งตลอด
ค น คุ ก
อี้ชิงสะพายกระเป๋าขึ้นบ่าแล้วบอกลาพี่ๆที่ทำงานก่อนจะเดินออกทางหลังร้าน
วันนี้พี่หานโทรมาบอกว่าจะมารับ
บ่นกับพี่ฮยอกจินไปนิดหน่อยว่าวันนี้พี่ชายก็มารับอีกแล้วก็ได้แค่คำพูดของบาร์เทนเดอร์หนุ่มบอกว่าก็เพราะพี่ชายเขาเป็นห่วงนั่นล่ะถึงมาคอยรับคอยส่ง
“พี่ชิง
กลับแล้วอ่อ
เดี๋ยวผมไปส่ง”เดินออกจากประตูหลังร้านมาไม่กี่ก้าวเสียงแหลมๆของคิมจงแดก็นำมาก่อนตัว
ตามด้วยไอ้เด็กเตี้ยที่วิ่งหลุนๆมาหยุดยืนหอบตรงหน้า
แขนผอมแห้งคล้องเข้ากับแขนของอี้ชิงแล้วดึงให้เขาออกเดิน
จงแดมักจะมาส่งเขาแบบนี้เสมอ บอกว่าไม่ต้องก็ไม่ยอม
ไอ้ตัวกะเปี้ยกบอกกลัวพี่ชิงชิงจะเป็นอันตราย กลัวโดนดักฉุดไปปล้ำ
ถ้าคนมันจะบ้าคลั่งจนฉุดผู้ชายปล้ำ
อี้ชิงว่าน่าจะเป็นไอ้เปี๊ยกนี่มากกว่า ตัวก็แค่นั้น จะไปสู้อะไรใครเขาได้
เอามือค้ำหัวยันไว้ก็ป่ายมือไม่ถึงแล้ว
“พี่ชายพี่มารับแล้วนู่น
เราอ่ะ กลับร้านได้แล้วเดี๋ยวเสี่ยเป็นห่วง”อี้ชิงหันมาบอกคนที่คล้องแขนไม่ปล่อย
พยักเพยิดหน้าให้ดูลู่หานที่ยืนพิงเสาไฟฟ้ารออยู่ตรงใกล้ๆ
จงแดทำหน้าเสียดมเสียดายที่เดินมาส่งพี่ชิงชิงได้แป๊บเดียว
ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองหมอหายไปในพริบตาแค่เจอพี่ชายของคนตัวขาวยืนรออยู่
“พี่ชิงกลับดีๆนะ”บอกลาอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินกลับทางเดิมหน้างอๆ
อี้ชิงส่ายหัว เรียกอีกคนเอาไว้ก่อน
“เฉินอา!”คนถูกเรียกว่าเฉินหันกลับมามอง
หน้าที่ยู่เพราะเสียดายที่ไม่ได้เดินไปส่งพี่ชิงชิงนานกว่านี้ยิ่งหงิกเพราะอีกคนเรียกตัวเองว่าเฉินนี่ล่ะ
เรียกจงแดว่าเฉินก็เหมือนเรียกอี้ชิงว่าชิงชิงนั่นล่ะ
มันดูน่ารัก...จงแดเลยไม่ชอบ
ยิ่งมาเรียก น้องเฉิน เฉินเฉิน พี่ๆทั้งร้านพากันเรียกตามกันไปหมด
ถ้าไม่ขู่จะให้ป๋าหักเงินเดือนก็ไม่หยุดเรียก
อี้ชิงยิ้มให้ไอ้เด็กหน้าบูดเป็นเป็ด
ถึงจะเบื่อน้อยๆที่มีเด็กแก่แดดอย่างคิมจงแดมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆคอยหยอดลูกจีบใส่ทุวัน
แต่อี้ชิงก็ยอมรับว่าเอ็นดูน้องไม่น้อย หน้าบูดๆนั่นก็ตลกชะมัด
“ถึงร้านแล้วโทรหาพี่ด้วยนะเฉินเฉิน”บอกแล้วยกมือโบกบ๊ายบายอีกด้วย
คิมจงแดมองรอยยิ้มกับลักยิ้มน้อยๆบนแก้มขาวของคนที่ชอบแล้วหน้าร้อนผ่าว
คำว่าน่ารัก น่ารัก น่ารักผุดขึ้นมาเต็มหัว
“อื้อ”ตอบรับได้แค่นี้ก่อนจะหลับหูหลับตาวิ่งกลับร้าน
โอเค! มาส่งได้ระยะทางใกล้ๆแต่พี่ชิงชิงยิ้มน่ารักแบบนั้นให้จงแดจะถือว่าเจ๊ากันเนาะ!
“แฟนเหรอเรา
คนที่คุยโทรศัพท์ด้วยบ่อยๆใช่ไหม”ลู่หานถามน้องชายถึงเด็กตัวเตี้ยที่วิ่งกลับไปเมื่อกี้
เห็นอยู่หลายครั้งเหมือนกันว่าเด็กคนนี้มักเดินมาส่งอี้ชิง
แล้ววันนี้ก็ได้ยินน้องชายเรียกอีกคนด้วยชื่อที่เคยได้ยินอี้ชิงคุยโทรศัพท์ด้วย
“บ้าน่ะพี่หาน
อี้ไม่อยากจะติดคุกหรอกนะ นั่นแค่สิบหก”ก็แค่เป็นห่วง เวลาจงแดเดินมาส่งก็จะบอกเสมอให้โทรมาหาเวลาถึงร้านแล้ว
จะได้รู้ว่าอีกคนถึงร้านจริงๆไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไร
แล้วจงแดก็ชอบโทรมาหานอกเรื่องนอกราวบ่อยๆ ถามว่าจะกินอะไรดีบ้าง
หรือบอกว่าเหงาบ้าง อี้ชิงไม่ได้รังเกียจน้องไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับสายเสียหน่อย
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่
ตอนแรกเห็นไอ้เหี้ยผู้กองคริสมันเอ็นดูเรา นึกว่าจะชอบมันเสียอีก”พี่ชายเอ่ยแซว
แต่อี้ชิงกลับส่ายหน้า บอกว่าผู้กองคริสเป็นคนดี
ตัวอี้ชิงเองก็อยากเป็นตำรวจเลยชื่นชมผู้กองตัวสูง แต่ไม่มีทางจะคิดเกินเลย
อีกอย่าง ที่คริสมาดูแลกันก็เพราะรู้สึกผิดที่เป้นส่วนหนึ่งที่ทำให้แม่ของลู่หานและอี้ชิงต้องจากไป
“แต่กินเด็กก็ดีนะ
อายุยืน”ลู่หานว่าขำๆเลยโดนน้องกระโดดล็อคคอ
เอ่ยแซวว่าพี่ชายรู้ดีเพราะกินเด็กอย่างคิมมินซอกอยู่ล่ะสิ
“กินเกินบ้าไร
ยังไม่ได้กิน อ่อก! อี้!พี่หายใจไม่ออก”คนพี่แงะแขนน้องที่รัดคอแน่น ไอค่อกแค่กแต่อี้ชิงก็ไม่ยอมปล่อย
คนตัวขาวหัวเราะร่า โถมตัวกอดพี่ชายแท้ๆไว้ทั้งตัว ซบหน้าลงบนไหล่ของลู่หาน
“ไม่ได้ไปเสี่ยงอันตรายแล้วใช่ไหมฮะ?”เสียงทุ้มเอ่ยถามอู้อี้
ซบหน้าลงบนบ่าพี่ทั้งที่ขาก็ยังเดินไปข้างหน้า แลมองเหมือนลูกลิงเกาะแม่
ตอนที่รู้ว่าพี่ชายแท้จริงทำงานอะไร
อี้ชิงทั้งโกรธและน้อยใจที่ลู่หานไม่ยอมบอกความจริง
แต่เพราะผู้กองคริสอธิบายว่าโลกหลังออกมาจากคุกมันโหดร้าย
มีไม่กี่คนที่ยินดีต้อนรับคนคุกแบบลู่หาน อี้ชิงถึงเข้าใจ
และสงสารที่พี่ชายต้องมาลำบากแบบนี้
ตั้งแต่แรกๆลู่หานก็ต้องเสียสละเพื่อจุนเจือครอบครัวเสมอ
งานทุกอย่างพี่ชายไม่เคยเกี่ยง เขายอมทำเพื่อให้อี้ชิงกับแม่สบาย
นี่เป็นเหตุผลที่อี้ชิงยังคงทำงานที่เดิม มันอาจจะเปลืองตัวไปนิด และอันตรายที่ต้องกลับบ้านดึกๆ
แต่เงินดีมากจนคุ้มที่จะเสี่ยง จะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้ใคร
ลู่หานจะได้ไม่เหนื่อยมาก
“อื้อ
เดี๋ยวก็จะสอบตำรวจแล้ว
ช่วงนี้ไอ้ผู้กองก็ไม่มีงานเลย”อี้ชิงได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมา บอกว่าดีแล้ว
ไม่อยากเห็นพี่ไปเสี่ยงอันตราย
“อี้ไม่ต้องห่วงพี่หรอก
ห่วงตัวเองดีกว่า จะเรียนจบแล้ว คิดจะเรียนอะไรต่อ
จะเรียนโรงเรียนตำรวจอย่างที่บอกแม่ไว้หรือเปล่า”ลู่หานถาม คว้าคอลูกลิงให้ลงจากหลังมาเดินข้างกันดีๆ
อี้ชิงสะกิดให้แวะเข้ามินิมาร์ทซื้อของก่อน
“ไม่รู้เลย
ตอนแรกอี้ก็อยากเป็นตำรวจ แต่ตอนนี้ก็ครึ่งครึ่ง ถ้าพี่สอบติดตำรวจ
แล้วอี้ก็เรียนตำรวจ บ้านเราคงเครียดตายเลยเนอะ
วันๆคงอ่านแต่สำนวนคดี”อี้ชิงว่าขำๆ หยิบนมสดใส่ตะกร้าแล้วไปจ่ายเงิน
ลู่หานบอกกับน้องว่าช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อยากเป็นอะไร
อยากเรียนสิ่งไหนก็ต้องชั่งน้ำหนักความคิดให้ดี
“อนาคตน่ะ...มันพลิกได้เลยนะแค่ความคิดชั่ววูบที่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด”
เราอาจจะรู้ตัวว่าเดินทางผิดแล้วตัดสินใจที่จะเลิกและย้อนกลับมา...แต่เราก็จะเสียอะไรหลายๆอย่างไป
เช่นโอกาสและเวลา
สำหรับลู่หาน
การตัดสินใจที่จะขายยาเป็นความผิดพลาดที่ทำให้เสียมากกว่าโอกาสและเวลา
คือการยอมรับจากสังคม แต่ก็ทำให้ได้อะไรจากความผิดพลาดในครั้งนี้เช่นเดียวกัน
เช่นมิตรภาพในเรือนจำที่คนข้างนอกไม่มีวันจะได้สัมผัสและเข้าใจ
“อี้สนใจเรื่องวาดรูปอยู่ตอนนี้...ถ้าอี้จะลองศึกษามันดูดีไหม”คนเป็นน้องถาม
ลู่หานพยักหน้า เคยเห้นอี้ชิงวาดรูปอยู่เหมือนกัน
น้องชายของลู่หานมีฝีมือในการวาดรูปโดยใช้ปากกา
“แล้วแต่อี้สิ
ถ้าอี้ทำแล้วมีความสุข อี้ชอบ อี้ก็ลองดู”
“อื้อ”ลู่หานดึงหัวน้องมาซบไหล่ก่อนขยี้เส้นผมนิ่ม
เสียงหยอกล้อของสองพี่น้องดังตลอดทางเดินกลับบ้าน
ค น คุ ก
“มินซอกไม่ได้ทำงานร้านป้านาบีแล้วสินะ”อี้ชิงถามแฟนพี่ชายที่นั่งกินข้าวอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ
มินซอกพยักหน้ารับบอกว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือให้เต็มที่ อาทิตย์หน้าก็สอบหมอแล้ว
อี้ชิงบอกว่าให้มิสนซอกสู้ๆ
“พี่หานด้วย
จะสอบตำรวจก็สู้ๆ”บอกพี่ชายที่คีบข้าวเข้าปาก ลู่หานหัวเราะหึหึ บอกว่าผ่านฉะลุย
กำลังใจดี
“คิดถึงปั๋วเสียนนะ
ไอ้เด็กนั่น
วันอาทิตย์ทีก็มาป่วนที”ลู่หานพูดถึงเด็กเชื้อสายจีนที่ทำงานร้านป้านาบีกับมินซอก
พอมินซอกไม่ได้ทำงานที่ร้านแล้ว
ปั๋วเสียนเลยไม่ค่อยได้มากินข้าวด้วยกันที่บ้านในวันอาทิตย์ คงจะเกรงใจ
แต่ก้ยังไลน์หามินซอกอยู่บ่อยๆ บอกว่าลูกค้าบ่นหามินซอกกันใหญ่
“เดี๋ยววันอาทิตย์นี้ชวนมากินหม้อไฟกันดีไหมฮะ?”มินซอกถาม
อี้ชิงพยักหน้าสนับสนุน อยากกินหม้อไฟอยู่พอดี
ลู่หานบอกให้มินซอกหาซื้อของเตรียมไว้รอเลยแล้วกัน
แล้วอย่าลืมโทรไปชวนเจ้าเด็กนั่นด้วย
“เดี๋ยวอี้ไปรับโทรศัพท์แป๊บนะ”อี้ชิงบอกพลางชูมือถือที่โชว์สายเรียกเข้าอยู่
หน้าจอสว่างวาบเห็นชื่อที่บันทึกไว้ว่าเฉินเฉิน ลู่หานแอบขำ
ตั้งแต่ที่ได้ยินอี้ชิงคุยโทรศัพท์ จนเจอกับเด็กที่ชื่อเฉิน
เขาสงสัยว่าทำไมเด็กสัญชาติเกาหลีคนนั้นต้องมีชื่อจีน
ตอนแรกเห้นคุยโทรศัพท์กันก็นึกว่าเป็นคนจีนเสียอีก
ถามอี้ชิงน้องเลยบอกว่าที่จริงเด็ฌกคนนั้นชื่อจงแด
แต่อี้ชิงไม่อยากเรียกชื่อเกาหลีเพราะออกเสียงค่อนข้างยาก เลยเรียกเป็นชื่อจีนแทน
เฉิน...ที่แปลว่าส้ม...
น้องส้ม...คงจะเป็นส้มที่จี๊ดจ๊าดน่าดู
จากที่เห็นหน้าวันนั้นน่ะนะ
อี้ชิงกดรับโทรศัพท์ที่สั่นแต่ไร้เสียงเพราถูกปิดเอาไว้
เสียงแหลมๆจากปลายสายทักทายทันทีที่อี้ชิงพูดแค่คำว่าฮัลโล
การโทรมาหาของจงแดครั้งนี้ก็แค่ถามว่าจะกินอะไรดี
เสียงแหลมๆนั่นพูดยาวยืดไม่หยุดว่าเสี่ยคิมพาไปห้าง
คุณป๋าให้เลือกระหว่างร้านอาหารญี่ปุ่น หม้อไฟ หรือเนื้อย่างดี
“เราอยากกินอะไรก็กินอันนั้นสิ”อี้ชิงตอบ
ได้ยินเสียงเหมือนไม่พอใจคำตอบกลับมา
เสียงแง้วๆเหมือนลูกแมวบอกว่าให้อี้ชิงเลือกให้หน่อย อยากกินทุกอย่างเลย
“กินหม้อไฟกับเนื้อย่างตอนกลางวันคงจะแน่นท้อง
งั้นอาหารญี่ปุ่นก็ได้”สุดท้ายก็ตัดสินใจให้ ได้ยินจงแดหัวเราะคิกคักบอกว่าขอบคุณ
ก่อนจะวางสายก็ไม่วายบอกให้พี่ชิงชิงกินข้าวเยอะๆแล้วคืนนี้ก็มาทำงานไวๆเพราะจงแดคิดถึง
วางสายจากเด็กเตี้ยนั่นก็ต้องอมยิ้มขำ
คิมจงแดนี่เต๊าะจางอี้ชิงได้ก็เต๊าะเอาจริงๆ ไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยกเอ้ย...
ค น คุ ก
งานสุดท้ายของวัสนนี้สำหรับจุนมยอนคือการเขียนเตียงผู้ป่วยไปเก็บ
วันนี้มีคนเจ็บจากรถชนกันต่อเนื่องเข้ามารักษาหลายราย
เตียงผู้ป่วยจึงถูกนำมาใช้หลายเตียง เมื่อส่งผู้ป่วยเข้าห้องพักแล้วจึงต้องเข็นเตียงไปเก็บที่ห้อง
จองอาปัดเนื้อปัดตัวหลังจากช่วยจุนมยอนเข็นเตียงเก็บเสร็จแล้ว
หญิงสาวชูมือขึ้นบิดขี้เกียจอยากจะโห่ร้องว่างานวันนี้เสร็จสื้นเสียที
“แล้วนี่จุนมยอนจะกลับยังไง
นั่งรถเมล์หรือพ่อมารับ”หญิงสาวถามก่อนจะเดินนำจุนมยอนไปยังห้องล็อกเกอร์เก็บของของทางโรงพยาบาล
จุนมยอนบอกว่าวันนี้พ่อมารับไม่ได้ ท่านติดไปส่งของให้ลูกค้าที่ต่างจังหวัด แม่ก็เลยไปด้วยไม่อยากให้พ่อขับรถทางไกลคนเดียว
“บ้านอยู่คนละทางด้วยสิ
ไม่งั้นเราจะได้กลับด้วยกัน”จองอาบอกอย่างเสียดาย จุนมยอนส่ายหัว บอกว่าไม่เป็นไร
เดี๋ยววันนี้ไปนอนสำนักงานของผู้กองคริสก็ได้ จะไปเยี่ยมดูจงอินด้วย
ไปกลับบ้านทุกวันไม่ได้เจอจงอิน ลู่หานและคนอื่นๆเลย
“โอเค
งั้นกลับดีๆนะจุนมยอน เจอกันพรุ่งนี้”หญิงสาวบอกก่อนจะเดินแยกจากไป
ปี๊น
เสียงแตรรถดังใกล้ๆตัวตอนจุนมยอนเดินใกล้จะถึงป้ายรถเมล์
หันกลับไปดูก็เป็นผู้กองคริสที่ขับรถมาเทียบข้างๆพร้อมลดกระจกลงมาบอกให้ไปด้วยกัน
“วันนี้จะไปนอนที่สำนักงาน”จุนมยอนบอก
อีกคนบอกให้ขึ้นรถมา เดี๋ยวไปส่งเอง
คนตัวขาวเห็นว่ามีรถอีกหลายคันที่ชะงักการจราจรเพราะคริสจอดรถกลางเลนส์จึงต้องเปิดประตูขึ้นไปอย่างเสียไม่ได้
“ทำไมไปนอนสำนักงานล่ะ”คนตัวสูงเอ่ยถามทันทีที่อีกคนขึ้นมานั่งแล้ว
เท้าภายใต้คอมแบทตำรวจแตะคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
จุนมยอนบอกสั้นๆว่าพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน
“นายใส่แว่นที่ฉันเลือกให้ตลอดเลยสินะ
เมื่อวานฉันเห็นนายก็ใส่”คริสทักถึงแว่นไร้เลนส์ที่วางอยู่บนกรอบหน้าของอดีตนางพญา
จุนมยอนได้ยินแบบนั้นจึงเลื่อนมือสัมผัสแว่นเล็กน้อย คริสคิดถูกจริงๆนั่นล่ะ
รู้สึกว่าเมื่อใส่แว่นแล้ว
กระจกหนาๆนี่จะช่วยบดบังดวงตาที่แสนจะมีเสน่ห์คู่นี้ได้ในระดับหนึ่ง
เวลาเดินไปไหนมาไหนในที่สาธารณะ ผู้ชายมองมาที่เขาด้วยแววตาเจ้าชู้ลดน้อยลง
“อื้อ
ใส่แล้วโอเคดี ขอบคุณนะ”ขอบคุณเสียงเบา คริสหันมามองคนที่นั่งข้างกันแล้วยิ้มน้อยๆ
พูดว่าขอบคุณเสียงดังกว่านี้ก็ไม่ได้
“ก็ขอบคุณแล้วไงเล่า”เสียงหวานพึมพำ
สะบัดหน้ามองออกไปนอกรถ ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว
ร้านรวงตามข้างทางเริ่มเปิดไฟให้ความสว่าง จุนมยอนมองร้านขายบะหมี่หน้าเป็ดแล้วเกิดอยากกินขึ้นมา
มองคนที่ขับรถให้กันแล้วต้องกีดริมฝีปากชั่งใจว่าจะขอให้จอดได้ไหม
แต่ไม่ทันจะเอ่ยปาก มือหนาก็ตีไฟเลี้ยวเข้าจอดข้างๆร้านบะหมี่เสียแล้ว
“ถ้าอยากกินก็ลงไปซื้อสิ
เผื่อฉัน จงอินแล้วก็เซฮุนด้วย”เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมส่งเงินให้
จุนมยอนรับคำในลำคอแล้วลงไปซื้อบะหมี่ตามจำนวนที่คริสบอก
ไอร้อนของหม้อก๋วยเตี๋ยวลอยคว้าง กลิ่นน้ำซุปก็หอมดี จุนมยอนยิ้มน้อยๆ
ท้องร้องขึ้นมาดื้อๆแต่ได้สูดกลิ่นหอมๆของน้ำซุป
เหลียวมองไปยังคนที่นั่งเคาะพวงมาลัยอยู่ในรถ เห็นผู้กองคริสหยิบซองบุหรี่มาทำท่าจะสูบแต่ก็ไม่แล้ววางเก็บที่เดิม
“จะสูบบุหรี่ก็ได้นะ
ฉันไม่เหม็นหรอก”จุนมยอนเอ่ยบอกเมื่อถือถุงบะหมี่ขึ้นมาแล้ววางไว้ที่เบาะหลังรถ
คริสไม่ได้ตอบอะไรแต่ใส่เกียร์เหยียบคันเร่งไปเฉยๆ ครู่หนึ่งก็หยิบหมากฝรั่งที่วางไว้ที่คอนโซลขึ้นมาเคี้ยว
“เอาไหม?”คริสถามอีกคนที่มองเขาเคี้ยวหมากฝรั่ง
จุนมยอนส่ายหน้าบอกว่าไม่เอา ร่างสุงยักไหล่ก่อนเอากล่องหมากฝรั่งเก็บที่เดิม
“เครียดเหรอ?”จุนมยอนถามออกมา
เห็นว่าอีกคนอยากสูบบุหรี่ก็คิดถึงที่บอกว่าคริสจะสูบบุหรี่ตอนเครียดๆ
ผู้กองตัวสูงพยักหน้าน้อยๆ บอกว่าเรื่องการสอบตำรวจ ต้องจัดสรรนายตำรวจไปคุมสอบแต่ช่วงนี้แต่คนนายก็ติดงานกันทั้งนั้น
ทางผู้ใหญ่ก็เร่งมาให้ดำเนินการเร็วๆเพราะใกล้วันสอบเข้ามาเต็มที
“จงอินกับลู่หานก็สอบด้วยนี่นา
ลืมไปเลย น่าจะซื้อพวกเครื่องดื่มบำรุงมาให้เวลาหมอนั่นอ่านหนังสือดึกๆ”จุนมยอนพูด
บ่นตัวเองที่ลืมไปเสียสนิทว่าทั้งลู่หานและจงอินก็จะสอบตำรวจด้วย
“ไม่ต้องห่วงหรอก
ถ้าเป็นจงอิน เซฮุนซื้อของไปประเคนให้จนเต็มตู้
ไม่รู้จะขุนให้อ่านหนังสือหรือขุนให้อ้วนเป็นหมูกันแน่”คริสว่าน้องชายขำๆ
จุนมยอนถามว่าแล้วลู่หานเป็นยังไงบ้าง
ผู้กองตัวสูงบอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าอ่านหนังสือหนักไหม
แต่มินซอกก็อ่านหนังสือสอบหมอเหมือนกัน คงช่วยกันอ่าน
ใช้เวลาไม่นานรถก็มาจอดที่หน้าบ้าน
จุนมยอนหอบถุงบะหมี่ลงไปด้วย จงอินที่แผลหายสนิทดีแล้วนอนเอกเขนกอยู่หน้าทีวี
มีเซฮุนนั่งเขียนรายงานส่งอาจารย์อยู่ข้างๆ จุนมยอนชูถุงของกินไปตรงหน้า
หมีที่นอนเอกเขนกอยู่ถึงลุกคว้าไปหยิบถ้วยแล้วจัดแจงเทใส่ให้ด้วย
เอ่ยชมเปราะว่าจุนมยอนกลับมาทีก็มีของกินมาฝากด้วย
“สวยแล้วยังใจดีอีก”จงอินเอ่ยชมแล้วก็ต้องร้องเหวอเมื่อจุนมยอนฟาดเข้าที่หลังฐานมาชมกันว่าสวย
หมีโดนตีเลยหันไปออเซาะแฟนตัวขาวฟ้องว่าว่าที่พี่สะใภ้ของเซฮุนทำร้ายร่างกายตัวเอง
“พูดบ้าอะไร
เดี่ยวจะโดนมากกว่าฟาดด้วยมือ!”จุนมยอนชี้หน้าหมีคาดโทษ มาพูดอะไร พี่สะภ้งพี่สะใภ้
“เอ้า! แค่แซวเล่นเฉยๆหรอก เห็นผู้กองยังไม่มีคู่
นายก็ยังโสด”จงอินว่า
ดันตัวเซฮุนมาบังหน้าตัวเองเหมือนว่าคนตัวบางๆแบบนั้นจะบังตัวเองมิด จุนมยอนตวัดสายตามองเคือง
“นายจะไม่แก้ต่างตัวเองเลยหรือไง”หันไปโวยวายใส่ผู้กองที่นั่งยิ้มขำไม่คิดจะแย้งสักนิด
คริสส่ายหน้าประมาณว่าไม่ขอยุ่งด้วยแล้วกัน จุนมยอนพ่นลมหายใจออกมา
ถลันจะเข้าไปฟาดจงอินอีกสักครั้งสองครั้งแต่ก็ติดที่ไอ้หมีนั่นเอาเซฮุนมาบังตัวเองเอาไว้
“ฝากไว้ก่อนเหอะ
ถ้าพูดอีกครั้งจะเตะนายแน่ๆ”คาดโทษเอาไว้ก่อนจะคว้าชามบะหมี่มาถือแล้วไปนั่งกินคนเดียวหน้าทีวี
ค น คุ ก
เสียงเพลงยังคงดังกระหึ่มเหมือนทุกวัน
อี้ชิงวางแก้วเหล้าลงในถาดเสิร์ฟก่อนจะนำไปแจกจ่ายยังโต๊ะที่สั่ง
วันนี้จงแดไม่ได้ตามป๋าของเจ้าตัวมา เห็นเสี่ยคิมบอกว่าลูกชายป่วย
จามไม่หยุดเลยให้นอนพักอยู่บ้าน
อี้ชิงพอจะเดาได้ว่าทำไมคนตัวเตี้ยถึงไม่สบาย
ก็เล่นเดินไปส่งเขากลับบ้านทั้งที่ใส่แค่เสื้อนักเรียนตัวบางๆในวันที่อากาศลดลงจนเกือบถึงสิบห้าองศาแบบนั้น
ระหว่างรอออร์เดอร์มือขาวจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ไม่มีสายจากจงแด
คงจะนอนพักผ่อนจริงๆ
ไม่งั้นถ้าตัวเองมาไม่ได้ก็ต้องโทรมาหาบ่นงุ้งงิ้นว่าไปหาชิงชิงไม่ได้งู้นงี้แล้วล่ะ
รู้สึกผิดที่จงแดต้องมาป่วยเพราะตัวเองเป็นส่วนหนึ่ง
อี้ชิงเข้าโปรแกรมแชทกดค้นหาเพื่อนที่ถูกเมมชื่อไว้ว่าเฉินเฉินก่อนจะเข้าห้องสนทนา
เขาไม่ค่อยได้แชทกับจงแดเพราะส่วนมากอีกฝ่ายจะใช้การโทรหาเสียมากกว่า
เลยไม่รู้จะเริ่มการสนทนายังไงดี
อี้ชิงลังเลเล็กน้อย
ก่อนจะพิมพ์ประโยคสั้นๆลงไป ปิดท้ายด้วยสติ้กเกอร์ที่อยู่ในหน้าใช้ประจำสักอัน
เป็นรูปหมีบราวน์บนลูกบอล
-หายเร็วๆล่ะเฉินเฉิน-
“เสิร์ฟออร์เดอร์ด้วยอี้ชิง”ฮยอกจินเรียกให้ไปรับออร์เดอร์ที่เสร็จเรียบร้อย
อี้ชิงสอดโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วกลับไปทำงานต่อ
ได้ยินเสียงข้อความจากโปรแกรมแชทเข้าแต่ยังติดพันกับลูกค้าเลยยังเปิดอ่านไม่ได้
เมื่อเดินกลับมานั่งที่บาร์น้ำถึงได้มีโอกาสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู การตั้งค่าไม่โชว์ข้อความทำให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายส่งอะไรกลับมา
รู้แค่ว่าเป็นข้อความของจงแด
อี้ชิงกดเข้าไปอ่านแล้วต้องยิ้มออกมา
ส่ายหัวกับคิมจงแดที่ยังหยอดจีบกันได้แม้กระทั่งในไลน์
-หายเลยนะเนี่ย
พี่ชิงชิงมีมนต์แน่ๆ แค่พูดก็หายเลย-
...ไอ้เตี้ยจอมโอเวอร์เอ้ย
TBC.
รู้สึกอ้วง...
ฝาก
V
V
รักนะคะ
#พี่ลู่คนคุก
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น