วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

คนคุกจางอี้ชิง


อ่อนนอกแข็งใน

 

 

 

จางอี้ชิง

 

เสียงเพลงที่เปิดดังกระหึ่ม บีทส์หนักๆกระแทกกระทั้นจนก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายต้องเต้นตามจังหวะ อี้ชิงโปรยยิ้มให้กับหลายคนที่เต้นโยกขยับไปตามเพลง ในมือของเด็กหนุ่มตัวขาวมีขวดเบียร์สามขวดและแก้วพั้นซ์อีกหนึ่งแก้ว ลูกค้าที่สั่งอยู่โซนสามติดห้องน้ำ

“โหย ถือมาคนเดียวอีกละ เดี๋ยวก็หล่นแตกโดนหักเงิน วันหลังเรียกผมช่วยนะ”เสียงแหลมเล็กดังขึ้นด้านหลังก่อนที่ขวดเบียร์จะถูกคว้าไปถือ หันไปมองก็เจอเด็กผู้ชายตัวเตี้ยกว่าตนเองเกือบสิบเซนต์ยืนหน้ามุ่ยพร้อมหลักฐานขวดเบียร์ในมือบอกว่าไอ้เด็กตรงหน้านี่แหล่ะที่ฉวยเอาเบียร์ไปจากมืออี้ชิง

“อีกนิดเดียวพี่ก็ถึงโต๊ะลูกค้าแล้ว”อี้ชิงบอกแล้วหยิบเอาขวดเบียร์คืนมาจากอีกคน

“ว่าแต่นายเถอะ บอกกี่ครั้งว่าที่นี่ไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดเข้า ถึงจะเป็นลูกเจ้าของก็เถอะ ตำรวจมาตรวจก็โดนจับนะ”อี้ชิงว่า เดินนำออร์เดอร์ไปส่งที่โต๊ะลูกค้าโดยมีเด็กตัวเตี้ยกว่าเดินตามมาติดๆ อี้ชิงยิ้มกว้างตอนธนบัตรทิปถูกยัดใส่มือมาพร้อมสายตากะลิ้มกะเหลี่ย แต่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดครั้งแรก ตั้งแต่ทำงานที่นี่มาอี้ชิงเจอสารพัดรูปแบบของการลวนลามจนเคยชิน อาจจะเพราะผิวของอี้ชิงขาว และใบหน้าค่อนไปทางสวยติดเชื้อพี่มาเต็มๆ เลยมักจะมีลูกค้าผู้ชายคอยจะหาเรื่องแต๊ะอั๋งกันอยู่เรื่อยๆ พี่ลู่หานกับผู้กองคริสก็คงเป็นห่วงเพราะเหตุผลนี้ เลยมักจะมารับมาส่งเสมอ ยิ่งพี่ชายยิ่งแล้วใหญ่ ห่วงจนบอกให้เลิกทำงานอยู่ตลอดเวลา

“จะสั่งพี่เจมส์แบนไอ้ลูกค้าโต๊ะนั้นเลยคอยดู”เสียงแหลมติดขึ้นจมูกบ่นพึมพำตามอี้ชิงมา คนตัวเตี้ยกว่าพับหน้างอเง้าแอบมองโต๊ะลูกค้าเมื่อครู่เพื่อสังเกตุรูปพรรณไปบอกการ์ดหน้าประตูเพื่อทำการแบนห้ามลูกค้าคนนี้เข้ามาใช้บริการอีก

ใหญ่จริงๆนะครับคุณคิมจงแด...

“โอ้ย! พี่ชิงชิง เขกหัวมาได้มันเจ็บรู้ป่าว!”ด้วยความหมั่นไส้เลยอดไม่ได้จะเขกหัวทุยๆนั่นไปที ส่ายหัวระอากับพฤติกรรมไอ้เตี้ยตรงหน้าเหลือเกิน ตัวเท่าก้อนเมี่ยงแต่กร่างใหญ่โตเพราะพ่อเป็นถึงเจ้าของผับบาร์ อายุก็แค่สิบหกไปหยกๆเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

“เลิกเรียกพี่ว่าชิงชิงเสียทีเหอะ พี่ชื่ออี้ชิงนะ”เขาบอกแล้วเดินนำลูกชายเจ้าของร้านไปบริเวณหน้าบาร์น้ำ คนตัวเตี้ยกว่ากระโดดผลุงขึ้นนั่งบนเก้าอี้แล้วสั่งเบียร์เสร็จสรรพ อี้ชิงต้องเอ่ยยั่งแล้วบอกว่าแค่น้ำผลไม้ก็พอ

“อายุไม่ถึงห้ามกิน”ดุเสียงนิ่งแต่ไม่เห็นว่าเด็กอย่างคิมจงแดจะสำนึก มันยังเรียกอี้ชิงว่า ชิงชิง ชิงชิงจนเขาเริ่มจะปวดหัว

อี้ชิงเจอจงแดครั้งแรกตอนเริ่มทำงานที่นี่หลังแม่เสีย เสี่ยคิมมักจะพาลูกชาวตัวกระจ้อยมาทำงานด้วยเสมอเพราะกลับไปบ้านก็ไม่มีใครอยู่นอกจากสาวใช้คนสองคน ได้ยินมาว่าแม่ของจงแดมีสามีใหม่และเลิกรากับเสี่ยคิมไปแล้ว ฝั่งพ่อก็ไม่คิดจะหาแม่ใหม่ให้ลูก อารามกลัวลูกเหงาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวก็เลยหนีบคิมจงแดมาทำงานด้วยแทบทุกวัน เด็กนี่ก็ไม่ใช่จะไม่ชอบ แอบกินเหล้าเบียร์สูบบุหรี่บ้างจีบเด็กเสิร์ฟหรือลูกค้าสาวๆบ้าง หนักสุดก็จีบอี้ชิงทั้งที่ตัวเองก็แค่เด็กอายุสิบหกแท้ๆ

“พี่ชิงสวยอ่ะ ผมเรียกชิงชิงก็ดูน่ารักดีไม่ใช่เหรอ”ไอ้เด็กตัวกะเปี้ยกเท้าคางมองอี้ชิงเสียหยาดเยิ้ม ท่าทางเหมือนพวกเพลย์บอยกำลังหว่านเสน่ห์ให้เด็กสาวหลง แต่ขอโทษเถอะ กับไอ้เด็กอายุสิบหก เสียงก็ยังแหลมไม่แตกเนื้อหนุ่มแบบนี้น่ะ...มันไม่เท่ห์สักนิด

“ไปกินนมให้ตัวสูงกว่านี้ก่อนเถอะเฉิน”อี้ชิงส่ายหัว ดันแก้วน้ำผลไม้ไปด้านหน้าลูกชายเจ้าของร้านก่อนจะใช้มือขยี้หัวเด็กนั่นทีหนึ่งแล้วผละออกไปเสิร์ฟออร์เดอร์อีกครั้ง ทิ้งให้เด็กที่นั่งหน้าบูดกับการที่อีกคนไม่รับมุขกันสักนิดเดียวมองตามไปจนสุดตา

“น้องเฉินไปกินนมก่อนดีกว่า ฮ่าๆๆ คราวนี้ก็โดนไล่ไปกินนมอีกแล้วนะจงแด”เสียงหัวเราะของบาร์เทนเนอร์หนุ่มตรงหน้ายิ่งทำให้จงแดอารมณ์เสีย เต๊าะพี่อี้ชิงไม่ติดแล้วยังโดนเย๊าะเย้ยอีก

“เงียบเลยนะพี่ฮยอกจิน ไม่งั้นจะบอกป๋าให้ตัดเงิน”ขู่อีกคนเสียงแหลมเหมือนแมว อีฮยอกจินขำพรืด ยกมือยอมแพ้บอกว่าไม่ล้อแล้วก็ได้ แต่ไม่วายแอบอมยิ้มตอนเหลือบมองเห็นจงแดสอดส่ายสายตาหาอี้ชิง นึกแล้วก็ตลกดี อี้ชิงหน้าหวานเหมือนผู้หญิง เจ้าตัวบอกว่าหน้าติดหวานกั้นทั้งพี่ทั้งน้อง พี่ชายของเด็กนั่นหน้าหวานกว่าเจ้าตัวเสียอีก และก็เพราะไอ้หน้าหวานๆแบบนี้นั่นล่ะ คงไปถูกใจลูกชายเสี่ยคิมเข้าอย่างแรง ไอ้เด็กมอปลายปีหนึ่งเลยปีนเกลียวหยอดจีบอี้ชิงทุกวัน ตัวสูงแค่หูแต่ชอบโชว์แมนป้ออีกคน ทำทีเป็นปกป้องพี่ชิงชิงได้

ฮยอกจินไม่อยากจะบอกเลยว่าคนอย่างจางอี้ชิงไม่จำเป็นต้องให้ใครมาปกป้องหรอก โดยเฉพาะไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยกที่น่าจะถูกปกป้องเสียมากกว่าอย่างคิมจงแดน่ะ

เห็นตัวขาว หน้าหวาน เสียงนุ่มแบบนั้นก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกตัวเองง่ายๆหรอก เคยเห็นลูกค้าบางคนลวนลามจนเกินขอบเขตก็โดนซัดหมอบไปก็ยังมี อี้ชิงน่ะดูแลตัวเองได้ แถมยังบ่นอยู่ตลอดว่าพี่ชายกับผู้กองอะไรสักอย่างก็เหมือนกัน ชอบคิดว่าเจ้านั่นเป็นเด็กสาวอายุไม่บรรลุนิติภาวะต้องคอยมารับมาส่งตลอด

 

 

ค น คุ ก

 

อี้ชิงสะพายกระเป๋าขึ้นบ่าแล้วบอกลาพี่ๆที่ทำงานก่อนจะเดินออกทางหลังร้าน วันนี้พี่หานโทรมาบอกว่าจะมารับ บ่นกับพี่ฮยอกจินไปนิดหน่อยว่าวันนี้พี่ชายก็มารับอีกแล้วก็ได้แค่คำพูดของบาร์เทนเดอร์หนุ่มบอกว่าก็เพราะพี่ชายเขาเป็นห่วงนั่นล่ะถึงมาคอยรับคอยส่ง

“พี่ชิง กลับแล้วอ่อ เดี๋ยวผมไปส่ง”เดินออกจากประตูหลังร้านมาไม่กี่ก้าวเสียงแหลมๆของคิมจงแดก็นำมาก่อนตัว ตามด้วยไอ้เด็กเตี้ยที่วิ่งหลุนๆมาหยุดยืนหอบตรงหน้า แขนผอมแห้งคล้องเข้ากับแขนของอี้ชิงแล้วดึงให้เขาออกเดิน จงแดมักจะมาส่งเขาแบบนี้เสมอ บอกว่าไม่ต้องก็ไม่ยอม ไอ้ตัวกะเปี้ยกบอกกลัวพี่ชิงชิงจะเป็นอันตราย กลัวโดนดักฉุดไปปล้ำ

ถ้าคนมันจะบ้าคลั่งจนฉุดผู้ชายปล้ำ อี้ชิงว่าน่าจะเป็นไอ้เปี๊ยกนี่มากกว่า ตัวก็แค่นั้น จะไปสู้อะไรใครเขาได้ เอามือค้ำหัวยันไว้ก็ป่ายมือไม่ถึงแล้ว

“พี่ชายพี่มารับแล้วนู่น เราอ่ะ กลับร้านได้แล้วเดี๋ยวเสี่ยเป็นห่วง”อี้ชิงหันมาบอกคนที่คล้องแขนไม่ปล่อย พยักเพยิดหน้าให้ดูลู่หานที่ยืนพิงเสาไฟฟ้ารออยู่ตรงใกล้ๆ จงแดทำหน้าเสียดมเสียดายที่เดินมาส่งพี่ชิงชิงได้แป๊บเดียว ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองหมอหายไปในพริบตาแค่เจอพี่ชายของคนตัวขาวยืนรออยู่

“พี่ชิงกลับดีๆนะ”บอกลาอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินกลับทางเดิมหน้างอๆ อี้ชิงส่ายหัว เรียกอีกคนเอาไว้ก่อน

“เฉินอา!”คนถูกเรียกว่าเฉินหันกลับมามอง หน้าที่ยู่เพราะเสียดายที่ไม่ได้เดินไปส่งพี่ชิงชิงนานกว่านี้ยิ่งหงิกเพราะอีกคนเรียกตัวเองว่าเฉินนี่ล่ะ เรียกจงแดว่าเฉินก็เหมือนเรียกอี้ชิงว่าชิงชิงนั่นล่ะ

มันดูน่ารัก...จงแดเลยไม่ชอบ ยิ่งมาเรียก น้องเฉิน เฉินเฉิน พี่ๆทั้งร้านพากันเรียกตามกันไปหมด ถ้าไม่ขู่จะให้ป๋าหักเงินเดือนก็ไม่หยุดเรียก

อี้ชิงยิ้มให้ไอ้เด็กหน้าบูดเป็นเป็ด ถึงจะเบื่อน้อยๆที่มีเด็กแก่แดดอย่างคิมจงแดมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆคอยหยอดลูกจีบใส่ทุวัน แต่อี้ชิงก็ยอมรับว่าเอ็นดูน้องไม่น้อย หน้าบูดๆนั่นก็ตลกชะมัด

“ถึงร้านแล้วโทรหาพี่ด้วยนะเฉินเฉิน”บอกแล้วยกมือโบกบ๊ายบายอีกด้วย คิมจงแดมองรอยยิ้มกับลักยิ้มน้อยๆบนแก้มขาวของคนที่ชอบแล้วหน้าร้อนผ่าว คำว่าน่ารัก น่ารัก น่ารักผุดขึ้นมาเต็มหัว

“อื้อ”ตอบรับได้แค่นี้ก่อนจะหลับหูหลับตาวิ่งกลับร้าน โอเค! มาส่งได้ระยะทางใกล้ๆแต่พี่ชิงชิงยิ้มน่ารักแบบนั้นให้จงแดจะถือว่าเจ๊ากันเนาะ!

 

“แฟนเหรอเรา คนที่คุยโทรศัพท์ด้วยบ่อยๆใช่ไหม”ลู่หานถามน้องชายถึงเด็กตัวเตี้ยที่วิ่งกลับไปเมื่อกี้ เห็นอยู่หลายครั้งเหมือนกันว่าเด็กคนนี้มักเดินมาส่งอี้ชิง แล้ววันนี้ก็ได้ยินน้องชายเรียกอีกคนด้วยชื่อที่เคยได้ยินอี้ชิงคุยโทรศัพท์ด้วย

“บ้าน่ะพี่หาน อี้ไม่อยากจะติดคุกหรอกนะ นั่นแค่สิบหก”ก็แค่เป็นห่วง เวลาจงแดเดินมาส่งก็จะบอกเสมอให้โทรมาหาเวลาถึงร้านแล้ว จะได้รู้ว่าอีกคนถึงร้านจริงๆไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไร แล้วจงแดก็ชอบโทรมาหานอกเรื่องนอกราวบ่อยๆ ถามว่าจะกินอะไรดีบ้าง หรือบอกว่าเหงาบ้าง อี้ชิงไม่ได้รังเกียจน้องไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับสายเสียหน่อย

“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ตอนแรกเห็นไอ้เหี้ยผู้กองคริสมันเอ็นดูเรา นึกว่าจะชอบมันเสียอีก”พี่ชายเอ่ยแซว แต่อี้ชิงกลับส่ายหน้า บอกว่าผู้กองคริสเป็นคนดี ตัวอี้ชิงเองก็อยากเป็นตำรวจเลยชื่นชมผู้กองตัวสูง แต่ไม่มีทางจะคิดเกินเลย อีกอย่าง ที่คริสมาดูแลกันก็เพราะรู้สึกผิดที่เป้นส่วนหนึ่งที่ทำให้แม่ของลู่หานและอี้ชิงต้องจากไป

“แต่กินเด็กก็ดีนะ อายุยืน”ลู่หานว่าขำๆเลยโดนน้องกระโดดล็อคคอ เอ่ยแซวว่าพี่ชายรู้ดีเพราะกินเด็กอย่างคิมมินซอกอยู่ล่ะสิ

“กินเกินบ้าไร ยังไม่ได้กิน อ่อก! อี้!พี่หายใจไม่ออก”คนพี่แงะแขนน้องที่รัดคอแน่น ไอค่อกแค่กแต่อี้ชิงก็ไม่ยอมปล่อย คนตัวขาวหัวเราะร่า โถมตัวกอดพี่ชายแท้ๆไว้ทั้งตัว ซบหน้าลงบนไหล่ของลู่หาน

“ไม่ได้ไปเสี่ยงอันตรายแล้วใช่ไหมฮะ?”เสียงทุ้มเอ่ยถามอู้อี้ ซบหน้าลงบนบ่าพี่ทั้งที่ขาก็ยังเดินไปข้างหน้า แลมองเหมือนลูกลิงเกาะแม่ ตอนที่รู้ว่าพี่ชายแท้จริงทำงานอะไร อี้ชิงทั้งโกรธและน้อยใจที่ลู่หานไม่ยอมบอกความจริง แต่เพราะผู้กองคริสอธิบายว่าโลกหลังออกมาจากคุกมันโหดร้าย มีไม่กี่คนที่ยินดีต้อนรับคนคุกแบบลู่หาน อี้ชิงถึงเข้าใจ และสงสารที่พี่ชายต้องมาลำบากแบบนี้

ตั้งแต่แรกๆลู่หานก็ต้องเสียสละเพื่อจุนเจือครอบครัวเสมอ งานทุกอย่างพี่ชายไม่เคยเกี่ยง เขายอมทำเพื่อให้อี้ชิงกับแม่สบาย นี่เป็นเหตุผลที่อี้ชิงยังคงทำงานที่เดิม มันอาจจะเปลืองตัวไปนิด และอันตรายที่ต้องกลับบ้านดึกๆ แต่เงินดีมากจนคุ้มที่จะเสี่ยง จะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้ใคร ลู่หานจะได้ไม่เหนื่อยมาก

“อื้อ เดี๋ยวก็จะสอบตำรวจแล้ว ช่วงนี้ไอ้ผู้กองก็ไม่มีงานเลย”อี้ชิงได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมา บอกว่าดีแล้ว ไม่อยากเห็นพี่ไปเสี่ยงอันตราย

“อี้ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ห่วงตัวเองดีกว่า จะเรียนจบแล้ว คิดจะเรียนอะไรต่อ จะเรียนโรงเรียนตำรวจอย่างที่บอกแม่ไว้หรือเปล่า”ลู่หานถาม คว้าคอลูกลิงให้ลงจากหลังมาเดินข้างกันดีๆ อี้ชิงสะกิดให้แวะเข้ามินิมาร์ทซื้อของก่อน

“ไม่รู้เลย ตอนแรกอี้ก็อยากเป็นตำรวจ แต่ตอนนี้ก็ครึ่งครึ่ง ถ้าพี่สอบติดตำรวจ แล้วอี้ก็เรียนตำรวจ บ้านเราคงเครียดตายเลยเนอะ วันๆคงอ่านแต่สำนวนคดี”อี้ชิงว่าขำๆ หยิบนมสดใส่ตะกร้าแล้วไปจ่ายเงิน ลู่หานบอกกับน้องว่าช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อยากเป็นอะไร อยากเรียนสิ่งไหนก็ต้องชั่งน้ำหนักความคิดให้ดี

“อนาคตน่ะ...มันพลิกได้เลยนะแค่ความคิดชั่ววูบที่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด”

เราอาจจะรู้ตัวว่าเดินทางผิดแล้วตัดสินใจที่จะเลิกและย้อนกลับมา...แต่เราก็จะเสียอะไรหลายๆอย่างไป เช่นโอกาสและเวลา

สำหรับลู่หาน การตัดสินใจที่จะขายยาเป็นความผิดพลาดที่ทำให้เสียมากกว่าโอกาสและเวลา คือการยอมรับจากสังคม แต่ก็ทำให้ได้อะไรจากความผิดพลาดในครั้งนี้เช่นเดียวกัน เช่นมิตรภาพในเรือนจำที่คนข้างนอกไม่มีวันจะได้สัมผัสและเข้าใจ

 

“อี้สนใจเรื่องวาดรูปอยู่ตอนนี้...ถ้าอี้จะลองศึกษามันดูดีไหม”คนเป็นน้องถาม ลู่หานพยักหน้า เคยเห้นอี้ชิงวาดรูปอยู่เหมือนกัน น้องชายของลู่หานมีฝีมือในการวาดรูปโดยใช้ปากกา

“แล้วแต่อี้สิ ถ้าอี้ทำแล้วมีความสุข อี้ชอบ อี้ก็ลองดู”

“อื้อ”ลู่หานดึงหัวน้องมาซบไหล่ก่อนขยี้เส้นผมนิ่ม เสียงหยอกล้อของสองพี่น้องดังตลอดทางเดินกลับบ้าน

 

 

ค น คุ ก

 

 

“มินซอกไม่ได้ทำงานร้านป้านาบีแล้วสินะ”อี้ชิงถามแฟนพี่ชายที่นั่งกินข้าวอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ มินซอกพยักหน้ารับบอกว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือให้เต็มที่ อาทิตย์หน้าก็สอบหมอแล้ว อี้ชิงบอกว่าให้มิสนซอกสู้ๆ

“พี่หานด้วย จะสอบตำรวจก็สู้ๆ”บอกพี่ชายที่คีบข้าวเข้าปาก ลู่หานหัวเราะหึหึ บอกว่าผ่านฉะลุย กำลังใจดี

“คิดถึงปั๋วเสียนนะ ไอ้เด็กนั่น วันอาทิตย์ทีก็มาป่วนที”ลู่หานพูดถึงเด็กเชื้อสายจีนที่ทำงานร้านป้านาบีกับมินซอก พอมินซอกไม่ได้ทำงานที่ร้านแล้ว ปั๋วเสียนเลยไม่ค่อยได้มากินข้าวด้วยกันที่บ้านในวันอาทิตย์ คงจะเกรงใจ แต่ก้ยังไลน์หามินซอกอยู่บ่อยๆ บอกว่าลูกค้าบ่นหามินซอกกันใหญ่

“เดี๋ยววันอาทิตย์นี้ชวนมากินหม้อไฟกันดีไหมฮะ?”มินซอกถาม อี้ชิงพยักหน้าสนับสนุน อยากกินหม้อไฟอยู่พอดี ลู่หานบอกให้มินซอกหาซื้อของเตรียมไว้รอเลยแล้วกัน แล้วอย่าลืมโทรไปชวนเจ้าเด็กนั่นด้วย

“เดี๋ยวอี้ไปรับโทรศัพท์แป๊บนะ”อี้ชิงบอกพลางชูมือถือที่โชว์สายเรียกเข้าอยู่ หน้าจอสว่างวาบเห็นชื่อที่บันทึกไว้ว่าเฉินเฉิน ลู่หานแอบขำ ตั้งแต่ที่ได้ยินอี้ชิงคุยโทรศัพท์ จนเจอกับเด็กที่ชื่อเฉิน เขาสงสัยว่าทำไมเด็กสัญชาติเกาหลีคนนั้นต้องมีชื่อจีน ตอนแรกเห้นคุยโทรศัพท์กันก็นึกว่าเป็นคนจีนเสียอีก ถามอี้ชิงน้องเลยบอกว่าที่จริงเด็ฌกคนนั้นชื่อจงแด แต่อี้ชิงไม่อยากเรียกชื่อเกาหลีเพราะออกเสียงค่อนข้างยาก เลยเรียกเป็นชื่อจีนแทน

เฉิน...ที่แปลว่าส้ม...

น้องส้ม...คงจะเป็นส้มที่จี๊ดจ๊าดน่าดู จากที่เห็นหน้าวันนั้นน่ะนะ

 

อี้ชิงกดรับโทรศัพท์ที่สั่นแต่ไร้เสียงเพราถูกปิดเอาไว้ เสียงแหลมๆจากปลายสายทักทายทันทีที่อี้ชิงพูดแค่คำว่าฮัลโล

การโทรมาหาของจงแดครั้งนี้ก็แค่ถามว่าจะกินอะไรดี เสียงแหลมๆนั่นพูดยาวยืดไม่หยุดว่าเสี่ยคิมพาไปห้าง คุณป๋าให้เลือกระหว่างร้านอาหารญี่ปุ่น หม้อไฟ หรือเนื้อย่างดี

“เราอยากกินอะไรก็กินอันนั้นสิ”อี้ชิงตอบ ได้ยินเสียงเหมือนไม่พอใจคำตอบกลับมา เสียงแง้วๆเหมือนลูกแมวบอกว่าให้อี้ชิงเลือกให้หน่อย อยากกินทุกอย่างเลย

“กินหม้อไฟกับเนื้อย่างตอนกลางวันคงจะแน่นท้อง งั้นอาหารญี่ปุ่นก็ได้”สุดท้ายก็ตัดสินใจให้ ได้ยินจงแดหัวเราะคิกคักบอกว่าขอบคุณ ก่อนจะวางสายก็ไม่วายบอกให้พี่ชิงชิงกินข้าวเยอะๆแล้วคืนนี้ก็มาทำงานไวๆเพราะจงแดคิดถึง

วางสายจากเด็กเตี้ยนั่นก็ต้องอมยิ้มขำ คิมจงแดนี่เต๊าะจางอี้ชิงได้ก็เต๊าะเอาจริงๆ ไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยกเอ้ย...

 

ค น คุ ก

 

งานสุดท้ายของวัสนนี้สำหรับจุนมยอนคือการเขียนเตียงผู้ป่วยไปเก็บ วันนี้มีคนเจ็บจากรถชนกันต่อเนื่องเข้ามารักษาหลายราย เตียงผู้ป่วยจึงถูกนำมาใช้หลายเตียง เมื่อส่งผู้ป่วยเข้าห้องพักแล้วจึงต้องเข็นเตียงไปเก็บที่ห้อง

จองอาปัดเนื้อปัดตัวหลังจากช่วยจุนมยอนเข็นเตียงเก็บเสร็จแล้ว หญิงสาวชูมือขึ้นบิดขี้เกียจอยากจะโห่ร้องว่างานวันนี้เสร็จสื้นเสียที

“แล้วนี่จุนมยอนจะกลับยังไง นั่งรถเมล์หรือพ่อมารับ”หญิงสาวถามก่อนจะเดินนำจุนมยอนไปยังห้องล็อกเกอร์เก็บของของทางโรงพยาบาล จุนมยอนบอกว่าวันนี้พ่อมารับไม่ได้ ท่านติดไปส่งของให้ลูกค้าที่ต่างจังหวัด แม่ก็เลยไปด้วยไม่อยากให้พ่อขับรถทางไกลคนเดียว

“บ้านอยู่คนละทางด้วยสิ ไม่งั้นเราจะได้กลับด้วยกัน”จองอาบอกอย่างเสียดาย จุนมยอนส่ายหัว บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยววันนี้ไปนอนสำนักงานของผู้กองคริสก็ได้ จะไปเยี่ยมดูจงอินด้วย ไปกลับบ้านทุกวันไม่ได้เจอจงอิน ลู่หานและคนอื่นๆเลย

“โอเค งั้นกลับดีๆนะจุนมยอน เจอกันพรุ่งนี้”หญิงสาวบอกก่อนจะเดินแยกจากไป

ปี๊น

เสียงแตรรถดังใกล้ๆตัวตอนจุนมยอนเดินใกล้จะถึงป้ายรถเมล์ หันกลับไปดูก็เป็นผู้กองคริสที่ขับรถมาเทียบข้างๆพร้อมลดกระจกลงมาบอกให้ไปด้วยกัน

“วันนี้จะไปนอนที่สำนักงาน”จุนมยอนบอก อีกคนบอกให้ขึ้นรถมา เดี๋ยวไปส่งเอง คนตัวขาวเห็นว่ามีรถอีกหลายคันที่ชะงักการจราจรเพราะคริสจอดรถกลางเลนส์จึงต้องเปิดประตูขึ้นไปอย่างเสียไม่ได้

“ทำไมไปนอนสำนักงานล่ะ”คนตัวสูงเอ่ยถามทันทีที่อีกคนขึ้นมานั่งแล้ว เท้าภายใต้คอมแบทตำรวจแตะคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้า จุนมยอนบอกสั้นๆว่าพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน

“นายใส่แว่นที่ฉันเลือกให้ตลอดเลยสินะ เมื่อวานฉันเห็นนายก็ใส่”คริสทักถึงแว่นไร้เลนส์ที่วางอยู่บนกรอบหน้าของอดีตนางพญา จุนมยอนได้ยินแบบนั้นจึงเลื่อนมือสัมผัสแว่นเล็กน้อย คริสคิดถูกจริงๆนั่นล่ะ รู้สึกว่าเมื่อใส่แว่นแล้ว กระจกหนาๆนี่จะช่วยบดบังดวงตาที่แสนจะมีเสน่ห์คู่นี้ได้ในระดับหนึ่ง เวลาเดินไปไหนมาไหนในที่สาธารณะ ผู้ชายมองมาที่เขาด้วยแววตาเจ้าชู้ลดน้อยลง

“อื้อ ใส่แล้วโอเคดี ขอบคุณนะ”ขอบคุณเสียงเบา คริสหันมามองคนที่นั่งข้างกันแล้วยิ้มน้อยๆ พูดว่าขอบคุณเสียงดังกว่านี้ก็ไม่ได้

“ก็ขอบคุณแล้วไงเล่า”เสียงหวานพึมพำ สะบัดหน้ามองออกไปนอกรถ ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว ร้านรวงตามข้างทางเริ่มเปิดไฟให้ความสว่าง จุนมยอนมองร้านขายบะหมี่หน้าเป็ดแล้วเกิดอยากกินขึ้นมา มองคนที่ขับรถให้กันแล้วต้องกีดริมฝีปากชั่งใจว่าจะขอให้จอดได้ไหม แต่ไม่ทันจะเอ่ยปาก มือหนาก็ตีไฟเลี้ยวเข้าจอดข้างๆร้านบะหมี่เสียแล้ว

“ถ้าอยากกินก็ลงไปซื้อสิ เผื่อฉัน จงอินแล้วก็เซฮุนด้วย”เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมส่งเงินให้ จุนมยอนรับคำในลำคอแล้วลงไปซื้อบะหมี่ตามจำนวนที่คริสบอก ไอร้อนของหม้อก๋วยเตี๋ยวลอยคว้าง กลิ่นน้ำซุปก็หอมดี จุนมยอนยิ้มน้อยๆ ท้องร้องขึ้นมาดื้อๆแต่ได้สูดกลิ่นหอมๆของน้ำซุป เหลียวมองไปยังคนที่นั่งเคาะพวงมาลัยอยู่ในรถ เห็นผู้กองคริสหยิบซองบุหรี่มาทำท่าจะสูบแต่ก็ไม่แล้ววางเก็บที่เดิม

“จะสูบบุหรี่ก็ได้นะ ฉันไม่เหม็นหรอก”จุนมยอนเอ่ยบอกเมื่อถือถุงบะหมี่ขึ้นมาแล้ววางไว้ที่เบาะหลังรถ คริสไม่ได้ตอบอะไรแต่ใส่เกียร์เหยียบคันเร่งไปเฉยๆ ครู่หนึ่งก็หยิบหมากฝรั่งที่วางไว้ที่คอนโซลขึ้นมาเคี้ยว

“เอาไหม?”คริสถามอีกคนที่มองเขาเคี้ยวหมากฝรั่ง จุนมยอนส่ายหน้าบอกว่าไม่เอา ร่างสุงยักไหล่ก่อนเอากล่องหมากฝรั่งเก็บที่เดิม

“เครียดเหรอ?”จุนมยอนถามออกมา เห็นว่าอีกคนอยากสูบบุหรี่ก็คิดถึงที่บอกว่าคริสจะสูบบุหรี่ตอนเครียดๆ ผู้กองตัวสูงพยักหน้าน้อยๆ บอกว่าเรื่องการสอบตำรวจ ต้องจัดสรรนายตำรวจไปคุมสอบแต่ช่วงนี้แต่คนนายก็ติดงานกันทั้งนั้น ทางผู้ใหญ่ก็เร่งมาให้ดำเนินการเร็วๆเพราะใกล้วันสอบเข้ามาเต็มที

“จงอินกับลู่หานก็สอบด้วยนี่นา ลืมไปเลย น่าจะซื้อพวกเครื่องดื่มบำรุงมาให้เวลาหมอนั่นอ่านหนังสือดึกๆ”จุนมยอนพูด บ่นตัวเองที่ลืมไปเสียสนิทว่าทั้งลู่หานและจงอินก็จะสอบตำรวจด้วย

“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าเป็นจงอิน เซฮุนซื้อของไปประเคนให้จนเต็มตู้ ไม่รู้จะขุนให้อ่านหนังสือหรือขุนให้อ้วนเป็นหมูกันแน่”คริสว่าน้องชายขำๆ จุนมยอนถามว่าแล้วลู่หานเป็นยังไงบ้าง ผู้กองตัวสูงบอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าอ่านหนังสือหนักไหม แต่มินซอกก็อ่านหนังสือสอบหมอเหมือนกัน คงช่วยกันอ่าน

ใช้เวลาไม่นานรถก็มาจอดที่หน้าบ้าน จุนมยอนหอบถุงบะหมี่ลงไปด้วย จงอินที่แผลหายสนิทดีแล้วนอนเอกเขนกอยู่หน้าทีวี มีเซฮุนนั่งเขียนรายงานส่งอาจารย์อยู่ข้างๆ จุนมยอนชูถุงของกินไปตรงหน้า หมีที่นอนเอกเขนกอยู่ถึงลุกคว้าไปหยิบถ้วยแล้วจัดแจงเทใส่ให้ด้วย เอ่ยชมเปราะว่าจุนมยอนกลับมาทีก็มีของกินมาฝากด้วย

“สวยแล้วยังใจดีอีก”จงอินเอ่ยชมแล้วก็ต้องร้องเหวอเมื่อจุนมยอนฟาดเข้าที่หลังฐานมาชมกันว่าสวย หมีโดนตีเลยหันไปออเซาะแฟนตัวขาวฟ้องว่าว่าที่พี่สะใภ้ของเซฮุนทำร้ายร่างกายตัวเอง

“พูดบ้าอะไร เดี่ยวจะโดนมากกว่าฟาดด้วยมือ!”จุนมยอนชี้หน้าหมีคาดโทษ มาพูดอะไร พี่สะภ้งพี่สะใภ้

“เอ้า! แค่แซวเล่นเฉยๆหรอก เห็นผู้กองยังไม่มีคู่ นายก็ยังโสด”จงอินว่า ดันตัวเซฮุนมาบังหน้าตัวเองเหมือนว่าคนตัวบางๆแบบนั้นจะบังตัวเองมิด จุนมยอนตวัดสายตามองเคือง

“นายจะไม่แก้ต่างตัวเองเลยหรือไง”หันไปโวยวายใส่ผู้กองที่นั่งยิ้มขำไม่คิดจะแย้งสักนิด คริสส่ายหน้าประมาณว่าไม่ขอยุ่งด้วยแล้วกัน จุนมยอนพ่นลมหายใจออกมา ถลันจะเข้าไปฟาดจงอินอีกสักครั้งสองครั้งแต่ก็ติดที่ไอ้หมีนั่นเอาเซฮุนมาบังตัวเองเอาไว้

“ฝากไว้ก่อนเหอะ ถ้าพูดอีกครั้งจะเตะนายแน่ๆ”คาดโทษเอาไว้ก่อนจะคว้าชามบะหมี่มาถือแล้วไปนั่งกินคนเดียวหน้าทีวี

 

ค น คุ ก

 

เสียงเพลงยังคงดังกระหึ่มเหมือนทุกวัน อี้ชิงวางแก้วเหล้าลงในถาดเสิร์ฟก่อนจะนำไปแจกจ่ายยังโต๊ะที่สั่ง วันนี้จงแดไม่ได้ตามป๋าของเจ้าตัวมา เห็นเสี่ยคิมบอกว่าลูกชายป่วย จามไม่หยุดเลยให้นอนพักอยู่บ้าน

อี้ชิงพอจะเดาได้ว่าทำไมคนตัวเตี้ยถึงไม่สบาย ก็เล่นเดินไปส่งเขากลับบ้านทั้งที่ใส่แค่เสื้อนักเรียนตัวบางๆในวันที่อากาศลดลงจนเกือบถึงสิบห้าองศาแบบนั้น ระหว่างรอออร์เดอร์มือขาวจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ไม่มีสายจากจงแด คงจะนอนพักผ่อนจริงๆ ไม่งั้นถ้าตัวเองมาไม่ได้ก็ต้องโทรมาหาบ่นงุ้งงิ้นว่าไปหาชิงชิงไม่ได้งู้นงี้แล้วล่ะ

รู้สึกผิดที่จงแดต้องมาป่วยเพราะตัวเองเป็นส่วนหนึ่ง อี้ชิงเข้าโปรแกรมแชทกดค้นหาเพื่อนที่ถูกเมมชื่อไว้ว่าเฉินเฉินก่อนจะเข้าห้องสนทนา เขาไม่ค่อยได้แชทกับจงแดเพราะส่วนมากอีกฝ่ายจะใช้การโทรหาเสียมากกว่า เลยไม่รู้จะเริ่มการสนทนายังไงดี

อี้ชิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพิมพ์ประโยคสั้นๆลงไป ปิดท้ายด้วยสติ้กเกอร์ที่อยู่ในหน้าใช้ประจำสักอัน เป็นรูปหมีบราวน์บนลูกบอล

-หายเร็วๆล่ะเฉินเฉิน-

 

“เสิร์ฟออร์เดอร์ด้วยอี้ชิง”ฮยอกจินเรียกให้ไปรับออร์เดอร์ที่เสร็จเรียบร้อย อี้ชิงสอดโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วกลับไปทำงานต่อ ได้ยินเสียงข้อความจากโปรแกรมแชทเข้าแต่ยังติดพันกับลูกค้าเลยยังเปิดอ่านไม่ได้ เมื่อเดินกลับมานั่งที่บาร์น้ำถึงได้มีโอกาสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู การตั้งค่าไม่โชว์ข้อความทำให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายส่งอะไรกลับมา รู้แค่ว่าเป็นข้อความของจงแด

อี้ชิงกดเข้าไปอ่านแล้วต้องยิ้มออกมา ส่ายหัวกับคิมจงแดที่ยังหยอดจีบกันได้แม้กระทั่งในไลน์

-หายเลยนะเนี่ย พี่ชิงชิงมีมนต์แน่ๆ แค่พูดก็หายเลย-

 

...ไอ้เตี้ยจอมโอเวอร์เอ้ย

 

TBC.

 

 

รู้สึกอ้วง...

 

ฝาก

 

V

V

 


 

รักนะคะ

 

#พี่ลู่คนคุก

 

 

 

แมลงจี่...

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น