วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

คนคุกอู๋อี้ฟาน


คนที่ท้อ แค่จับมือเขาแล้วบีบเบาๆก็พอแล้ว

 

 

 

อู๋อี้ฟาน

 

เพราะจงอินถูกยิงจนต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล สำนักงานเลยค่อนข้างจะเงียบเหงา เพราะเหลือเพียงคิมจุนมยอนกับลู่หานที่แวะมาไม่บ่อยนักในช่วงนี้ จุนมยอนแกะห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ชามและกดน้ำร้อนลงไปจนท่วม ขี้เกียจจะต้มให้เปลืองเวลา กินแบบนี้เส้นก็นิ่มเหมือนกัน

หลายสัปดาห์แล้วตั้งแต่ลาออกจากการทำงานที่ร้านต๊อก จุนมยอนก็ยังไม่ได้ไปสมัครงานที่ไหน เบื่อจะต้องเจอการลวนลามจากเจ้านายบ้างลูกค้าบ้าง คงเป็นเพราะการที่ได้หลับนอนกับผู้ชายด้วยกัน จุนมยอนคิดว่าเหตุผลนี้ทำให้เขา “น่ามอง” มากขึ้นในสายตาผู้ชายด้วยกันเอง สะโพกเขาผายขึ้น และผิวเนื้อก็นิ่มมากขึ้นจากการถูกบีบเคล้นเวลามีอะไรกับคิมกอนโม

ไม่ได้น่าอภิรมย์เลยสักนิดกับการที่ถูกผู้ชายด้วยกันลวนลามจับนู่นนี่ มากกว่านั้นก็ถึงขั้นขอนอนด้วยแลกกับเงินก้อนใหญ่ พวกนั้นเห็นจุนมยอนเป็นอะไร? คนพวกนั้น...มองเขาเป็นตัวอะไร

 

เสียงเปิดประตูดังขึ้นเมื่อจุนมยอนวางชามบะหมี่ลงบนโต๊ะหน้าทีวี ร่างสูงโปร่งของเจ้าของบ้านเดินเข้ามาพร้อมกับถุงมากมายในมือ มีอาหารแห้งและของสดหลายอย่างรวมถึงจำพวกผัก กล่องอะไรสักอย่างถูกวางลงตรงหน้าจุนมยอน ข้างๆชามบะหมี่โดยที่คริสไม่ได้พูดอะไรแต่กลับเดินเอาของไปเก็บในตู้เย็นแทน จุนมยอนก็ไม่คิดจะดูว่ากล่องตรงหน้าคืออะไร เขาเลือกที่จะจัดการบะหมี่ในถ้วยของตัวเองสลับกับการมองดูจอทีวี

ช่วงเวลาที่จงอินไม่อยู่ จวบจนถึงหมอนั่นถูกยิงนอนโรงพยาบาลเป็นหมีเจ็บ จุนมยอนเลยต้องอยู่ที่นี่คนเดียว บางวันลู่หานก็จะแวะเข้ามาเอาเอกสารบ้าง แต่ไม่บ่อยเพราะช่วงนี้ไม่มีงาน นอกจากลู่หานก็มีผู้กองคริสที่แวะมาถี่ๆ และทุกครั้งที่มาก็จะขนข้าวของมาด้วยเสมอ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่กำลังใกล้อืดในชามของจุนมยอนก็เป็นของที่ผู้กองคริสซื้อมาเช่นกัน

“ของสดก็มีในตู้เย็นนะ จะเอามาทำอาหารก็ได้”เสียงทุ้มเอ่ยบอกแล้วทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ใกล้ๆกับจุนมยอน ผู้กองตัวสูงคว้ากล่องที่นำมาวางไว้ก่อนหน้านี้มาเปิดออก พอฝากล่องเผยอขึ้นกลิ่นหอมก็ลอยออกมาทำให้จุนมยอนรู้ทันทีว่างข้างในคืออะไร ย้ำความถูกต้องด้วยต๊อกบ๊กกีหน้าตาน่ากิน

“กินสิ”เสียงทุ้มว่าพร้อมผลักกล่องบรรจุอาหารมาตรงหน้า จุนมยอนเลิกคิ้วมองมันสลับกับคนที่ซื้อมาก่อนจะใช้ตะเกียบคีบชิ้นแป้งมาใส่ปาก รสชาติกำลังพอดี ไม่เลี่ยนเกินไปทำให้ต้องคีบชิ้นที่สองมากินต่อ คริสเอนหลังกับเก้าอี้แล้วหลับตาลงเล็กน้อย งานวันนี้สูบพลังไปอยู่เหมือนกัน เพราะต้องไปไล่กวดพวกทะเลาะวิวาทที่ดันมาก่อเหตุใกล้กับบริเวณที่เขากำลังลงตรวจพื้นที่พอดี

จุนมยอนถือตะเกียบไม้ค้างเอาไว้ มองคนที่หลับตาลงแล้วปล่อยลมหายใจออกมาอย่างสม่ำเสมอ รู้สึกอึดอัดคล้ายกับครั้งก่อนๆที่ต้องอยู่ลำพังกับผู้กองตัวสูงคนนี้ ไม่มีใครทำใจไม่นึกถึงอดีตได้ จุนมยอนเองก็เช่นกัน ถึงแม้คำพูดของจงอินในวันนั้นจะทำให้เขาคิดได้ ว่าที่จริงแล้วชีวิตที่มันเลวร้ายของตัวเองเกิดขึ้นก็เพราะทำตัวเอง อย่าได้โทษใคร แต่สุดท้ายแล้ว...เขาก็ไม่อาจจะทำตัวเองให้สนิทใจกับคริสได้

“ถ้าเหนื่อยแล้วทำไมไม่กลับไปนอนบ้านล่ะ”วางชามบะหมี่ลงกับโต๊ะแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม ถามคนที่ยังนอนหลับตาอยู่ คริสครางฮึมในลำคอ บอกว่าเอาของกินมาให้ก่อน เห็นไม่ได้ออกไปไหน งานก็เพิ่งจะลาออกแถมยังไม่ได้หางานใหม่ คำพูดของผู้กองก็แค่พูดออกมาด้วยความหวังดีกลัวคนที่เขาให้การพึ่งพาที่อยู่อาศัยจะอดอยากแต่คนฟังฟังแล้วต้องกัดปากแน่น

...ภาระที่แสนน่าดูถูก...

อาศัยซุกหัวอยู่ในที่ของเขา กินใช้ของของเขา...

ไหนล่ะคนที่บอกว่าออกจากคุกมาจะหางานทำแล้วยืนด้วยขาของตัวเอง เป็นแบบนี้จะมีหน้ากลับไปหาพ่อได้เหรอ? พ่อคงจะให้อภัยไอ้สารเลวชีวิตเหลวแหลกที่แม้แต่ตัวเองยังพึ่งพาตัวเองไม่ได้

...รู้สึกไร้ค่าชะมัด...

“ถ้าคิดว่าฉันจะอดตายก็คิดผิดนะ...บะหมี่เหลืออีกเยอะ ถ้าหางานได้แล้วจะคืนเงินให้ด้วยไม่ต้องห่วง”อ้อมแอ้มพูดบอกออกไปก่อนคว้าชามบะหมี่ขึ้นมากินอีกครั้ง จุนมยอนรู้สึกขอบตามันร้อนผ่าว ก้มลงจัดการกับบะหมี่ที่เหลือจนหมอแล้วลุกเอาชามไปเก็บ ไม่ได้แตะต๊อกบ๊กกีที่เหลือในกล่องอีกสักชิ้น

ไม่อยากกลายเป็นภาระ...

กลับมาที่หน้าทีวีหลังจากเก็บชามเสร็จ คนที่นอนพักสายตาก็ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว จุนมยอนถามอีกคนว่าจะดูทีวีต่อไหม ถ้าไม่เขาจะได้ปิดมันเสีย

“ทำไมไม่กินต๊อกล่ะ”แทนที่จะตอบ คริสกลับถามอีกคนแทน จุนมยอนส่ายหน้าบอกว่ากินเองเถอะ เขากินบะหมี่อิ่มแล้ว

“กินแต่บะหมี่ นายจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปใช้ชีวิต ไหนบอกจะหางานทำไง งานอะไรที่ไม่ใช้แรงกัน”เขาถาม จุนมยอนเสหน้าไปทางอื่น พูดว่าถ้าไม่ดูงั้นปิดทีวีเลยแล้วกัน คนตัวขาวกดปิดโทรทัศน์แล้วเดินเลี่ยงเข้าห้องของตัวเองไป คริสมองตามคนที่เข้าห้องไปแล้วก่อนจะส่ายหัว รู้สึกว่าช่องว่างระหว่างเขาและจุนมยอนเริ่มขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น แต่ก็ยังมีรอยโหว่รอยใหญ่ที่เรียกว่าความอคติกั้นอยู่

คริสเข้าใจดีกว่าจุนมยอนคงจะไม่ได้รู้สึกยินดีที่ต้องมาพึ่งพาเขา จุนมยอนยังคงมีอคติในใจ แม้มันจะลดลงจากช่วงแรกๆแล้วก็ตามที

ใครจะสนิทใจกับคนที่ส่งให้ตัวเองไปนอนกับคนอื่นแลกอิสระได้ล่ะ ข้อนี้คริสก็เข้าใจมันดี เขาไม่กังขาและให้เวลาจุนมยอน เพราะเขาเองก็ผิด...

ทางเลือกของจุนมยอนไม่ใช่ว่าจะไม่มี การจะเค้นชื่อแบ๊คอัพจากกอนโมมีอีกมากมายหลายวิธี แต่คริสขีดเส้นวิธีนี้ให้กับจุนมยอนเอง...ยิ่งพอออกจากคุกมา เห็นคนที่พูดว่าจะออกมาหางานทำเริ่มชีวิตใหม่กับหญิงสาวสักคนนั้นมีชีวิตจริงๆเป็นยังไงเขายิ่งรู้สึกสงสารจุนมยอนและคิดเสมอว่าการเลือกทางเดินให้จุนมยอนช่างเป็นความคิดที่เลวร้าย

คริสเหมือนทำลายชีวิตคนๆหนึ่งไป...

จุนมยอนสวย...ยิ่งมีอะไรกับกอนโมก็ยิ่งสวยมากขึ้น จงอินบอกบ่อยๆว่าจุนมยอนมักจะถูกลวนลามจากเจ้านายหรือลูกค้าที่ทำงาน ดวงตาแสนสวยนั้นดึงดูดผู้ชายเข้ามาหาร่างบางมากกว่าเดิมจนในที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องออกจากงานมาอยู่บ้านเฉยๆสักพัก คริสไม่ได้อยากจะสมเพชถึงได้ซื้อข้าวของมาให้ในช่วงอีกคนตกงาน แต่เพราะเขาเองก็รู้สึกผิด บานประตูห้องของจุนมยอนปิดสนิทตั้งแต่อีกคนเดินเข้าไป คริสปิดฝากล่องต๊อกบ๊กกีให้สนิทแล้วนำไปแช่ไว้ในตู้เย็น เขียนโน้ตเล็กบอกกับคนที่อยู่ในห้องว่าต๊อกบ๊กกียังเหลือ ให้นำว่าเวฟกินได้

ผู้กองตัวสูงถอนหายใจก่อนกลับไปรับเซฮุนที่โรงพยาบาลตำรวจเพื่อกลับบ้าน เมื่อเสียงรถค่อยๆห่างออกไป คนที่อยู่ในห้องของตัวจงค่อยๆแง้มประตูออกมา ใบหน้าขาวจัดมองออกทางหน้าต่างเห็นไฟท้ายรถคริสไกลๆ จุนมยอนล็อกบ้านให้แน่นหนาแล้วเดินไปหยิบโน้ตที่คริสทิ้งไว้ที่ตู้เย็นมาอ่าน เปิดดูในตู้เย็นยังเต็มแน่นไปด้วยข้าวของเหมือนทุกครั้งที่คริสแวะมา

 

 

ค น คุ ก

 

ลู่หานพามินซอกมาสำนักงานด้วยวันนี้ เขาแค่แวะมาเอาเอกสารแล้วจะพาเด็กน้อยไปดูหนังเป็นกำลังใจในการอ่านหนังสือ อีกอย่างก็จะมาเอาหนังสือสอบตำรวจของไอ้จงอินสักเล่มสองเล่มไปลองอ่านดูด้วย จุนมยอนนั่งดูทีวีอยู่ ลู่หานทักทายคนตัวขาวน้อยๆ มินซอกเห็นจุนมยอนก็เดินไปนั่งคุยรอระหว่างลู่หานไปเอาของ

เห็นน้องชายที่รู้สึกเอ็นดูยิ้มมีความสุข จุนมยอนอดจะแซวไม่ได้ว่าความรักของเจ้าตัวเบ่งบานน่าดู

“แต่มินซอกอ้วนขึ้นหรือเปล่า แก้มยุ้ยกว่าเดิมอีก ลู่หานต้องเลี้ยงมินซอกดีแน่ๆ”ได้ยินอดีตนางพญาเอ่ยแซวคนตัวเล็กเลยพองแก้มเถียงว่าเปล่าอ้วนขึ้นเสียหน่อย

“พี่จุนมยอนยังหางานทำไม่ได้ใช่ไหมฮะ? ให้ผมช่วยไหม? ร้านลุงจุงซอบขาดเด็กเสิร์ฟพอดี ผมพอจะคุยให้ได้นะ”มินซอกถามอีกคน เห็นลู่หานบอกว่าจุนมยอนลาออกจากงานเดิมและยังหางานไม่ได้ แต่คนเป็นพี่กลับส่ายหน้า บอกว่ายังก่อนดีกว่า ถึงอยากจะทำงานแต่ก็กลัวจะซ้ำรอยเดิม งานเด็กเสิร์ฟเป็นงานที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับจุนมยอนเพราะต้องเจอคนเยอะและหลายแบบ ยิ่งงานในผับบาร์ยิ่งแล้วใหญ่ เลิกคิดจะทำไปได้เลย แต่จะให้ไปทำงานหนักๆใช้แรงงาน...ร่างกายก็ไม่อำนวยเสียเลย

ไม่มีงานไหนที่เหมาะกับคนอย่างเขาเลยหรือไง..

ถ้าจะมีคงเป็นงานที่สบายที่สุดอย่างนอนเฉยๆให้ผู้ชายบ้าตัณหาสอดแทรกเข้ามาในร่างนั่นล่ะ...

“มินซอกเองเถอะ จะสอบหมอแล้วใช่ไหม? อ่านหนังสือหนักหรือเปล่า”จุนมยอนถามและยกมือจับใบหน้ากลมๆของอีกคน ถึงแก้มจะกลมใสแต่ก็มีร่องรอยใต้ตาเพราะการพักผ่อนที่น้อยลง มินซอกยิ้มตาหยีบอกว่าอ่านหนังสือหนักมาก แล้ววันนี้ลู่หานฮยองก็จะพาไปดูหนังเป็นรางวัล จุนมยอนบอกว่าดีแล้ว พอได้รางวัลแบบนี้ก็ตั้งใจขึ้นไปอีกนะ

“ถ้ามินซอกได้เป็นหมอพี่จะได้รักษาฟรีหรือเปล่าเนี่ย”ถามกับคนตัวเล็ก มินซอกหัวเราะแล้วส่ายหน้า บอกว่าถึงจะเป็นพี่น้องกันก็ต้องจ่าย

“ยิ่งถ้าเป็นพี่จงอินป่วยมานะ ผมจะเขียนใบสั่งยาเยอะๆเลย ฮะๆ”จุนมยอนหัวเราะตามน้อง ก่อนที่มินซอกจะถูกเรียกโดยลู่หานที่หอบเอาหนังสือสองสามเล่มออกมาจากห้องของจงอิน จุนมยอนเห็นว่าเป็นหนังสือสอบตำรวจที่อยู่ในมือลู่หาน อีกคนก็บอกเหมือนกันว่าจงอินชวนสอบตำรวจดู

“ลู่หานเอาจริงสินะเรื่องสอบตำรวจ เราเป็นกำลังใจให้นะ”บอกกับอีกคนพร้อมรอยยิ้ม ลู่หานขอบใจอีกคนก่อนจะชวนมินซอกไปห้างได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันรอบหนังที่เจ้าตัวเล็กอยากดู จุนมยอนโบกมือลาเจ้าตัวเล็ก ท้องที่ไม่ได้รับอาหารเลยตั้งแต่เช้าเริ่มส่งเสียงประท้วงจนคนตัวขาวต้องเดินไปหยิบซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาถือเอาไว้ กำลังจะฉีกซองเทลงใส่ชามสายตาก็พลันมองเห็นกระดาษโน้ตแผ่นเล็กที่ตู้เย็นเสียก่อน ริมฝีปากบางเม้มใช้ความคิดไม่นานก็เก็บบะหมี่เข้าชั้นวางเหมือนเดิมแล้วเลือกจะหยิบกล่องต๊อกที่คริสซื้อมาเมื่อวานออกมาจากตู้เย็นแทน

ถึงจะผ่านมาเกือบวันแต่หน้าตาของมันก็ยังน่ากินอยู่ ติดที่มันเย็นเจี๊ยบเพราะนอนอยู่ในตู้เย็นตลอดเวลา จุนมยอนเทต๊อกบ๊กกีลงกล่องพลาสติกสำหรับไมโครเวฟแล้วเอามันเข้าไปอุ่น กลิ่นหอมลอยออกมาทันทีที่มันเริ่มร้อน เมื่อเสียงติ๊งบอกเวลาของไมโครเวฟดังขึ้นก็ได้ต๊อกร้อนๆเป็นมื้อแรกของวันสำหรับจุนมยอน

โทรทัศน์ช่วงนี้เป็นรายการเพลง จุนมยอนเป่าไล่ความร้อนออกจากชิ้นแป้งก่อนจะส่งมันเข้าปาก รสชาติดรอปลงเล็กน้อยเพราะถูกอุ่นอต่ก็ยังอร่อยอยู่ กินไปได้กึ่งหนึ่งโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น ส่วนมากมักจะเป็นคริสหรือตำรวจคนอื่นที่ติดต่อมา

“ครับ?”จุนมยอนยกหูโทรศัพท์ขึ้นรับ เสียงจากปลายสายบอกได้ว่าคือคริส ผู้กองตัวสูงบอกให้จุนมยอนแต่งตัวแล้วออกไปหาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

“ไปทำไม”อดจะถามกลับไม่ได้ คนปลายสายไม่บอกว่าจะให้ไปหาทำไม ผู้กองตัวสูงบอกแค่ให้รีบไปก่อนที่สายจะถูกตัดลง จุนมยอนขมวดคิ้วกระแทกหูโทรศัพท์ลงบ้าง บ่นงึมงำว่าคนบ้าอำนาจ มองต๊อกบ๊กกีที่ยังไม่หมดแต่ไม่อยากกินต่อเสียแล้ว จุนมยอนเก็บส่วนที่เหลือกลับเข้าตู้เย็น อยากจะไม่ไปตามที่คริสบอกแต่สถานะที่ยังพึ่งพาชายหนุ่มทั้งเรื่องที่อยู่อาศัยและเรื่องกินอยู่ก็ทำให้ต้องไป ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายพูดว่าเป็นบุญคุณให้ตัวเองดูน่าสมเพชไปกว่านี้

 

คริสไม่ได้บอกว่าให้ไปเจอที่ส่วนไหนของห้าง แต่เพียงแค่เดินเข้าประตูห้างก็ต้องสะดุดตากับรูปร่างสูงเพรียวของผู้กองหนุ่มแล้ว คริสไม่ได้อยู่ในชุดเครื่องแบบ แต่เป็นชุดลำลองสบายๆแทน รูปร่างสูงเพรียวเหมือนนายแบบอยู่ภายใต้เสื้อผ้าสมัยนิยมทั่วไปเลยดูดีเอาเสียมากๆ

“มีอะไร ทำไมต้องให้มาที่นี่ด้วย”ทันทีที่ก้าวไปหยุดตรงหน้าจุนมยอนก็ถามอีกคน คริสละสายตาจากการมองผู้คนเดินไปมาเพื่อมองคนตัวเล็กกว่าในชุดกางเกงยีนรัดรูปและเสื้อยืดธรรมดา ตั้งแต่จุนมยอนออกจากคุกมาก็ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าเพิ่มมากมาย เงินที่หาได้จากการทำงานแค่ซื้อของใช้ส่วนตัวก็หมดไปเดือนต่อเดือน ยิ่งเปลี่ยนงานบ่อยภาวะการเงินก็ยิ่งไม่คงที่

“ไปซื้อของกัน”บอกแล้วเดินนำอีกคนไปไม่รอ จุนมยอนอ้าปากค้างน้อยๆแล้วต้องรีบสาวเท้าตามให้ทันเพราะไม่เคยมาเดินห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เหมือนกัน อย่างมากก็เพียงนั่งรถผ่านตอนยังเรียนอยู่ คริสเดินไปตามทางมองดูเสื้อผ้าหลายร้านที่แขวนโชว์อยู่ในห้องกระจก ราคาของมันคงจะแพกหูฉีกน่าดู แต่ระดับผู้กองอู๋อี้ฟานก็คงจ่ายได้สบาย

“เด็กคนนั้น...มินซอกน่ะ คิดว่าจะเหมาะกับเสื้อแบบไหน?”คนตัวสูงถามพลางไล้มือไปตามเสื้อยืดลายเก๋ที่แขวนอยู่

“นายจะซื้อให้มินซอก?”

“อืม ของขวัญที่เด็กนั่นขยันเรียนจบ แล้วยังจะสอบเข้าแพทย์อีก”จุนมยอนร้องอ๋อในใจ เขาพลิกป้ายราคาดูพบว่าราคาของเสื้อยืดที่จับสูงจริงดังคาด กี่ตัวก็ราคาใกล้เคียงกันไปหมด ถึงจะราคาแพงแต่คุณภาพก็คงดีมากๆ การออกแบบและตัดเย็บก็เหมาะกับราคา

“มินซอกเป็นเด็กน่ารัก น่าจะใส่เสื้อผ้าที่สดใสหน่อย อย่างพวกเอี๊ยม...น้องใส่แล้วคงน่าเอ็นดู”จุนมยอนช่วยออกความคิดเห็น เดินออกจากร้านเดิมมองดูร้านไหนที่ขายพวกเอี๊ยมยีน คริสเดินตามคนตัวเล็กมาเงียบๆ นึกชมว่าจุนมยอนความคิดดี มินซอกคงจะน่ารักมากถ้าใส่ชุดเอี๊ยม คงจะดูเด็กลงอีกเยอะ

“จะซื้อให้ทั้งชุดเลยหรือเปล่า?”คนตัวขาวหันมาถามทั้งที่ยังจับดูเอี๊ยมยีนที่แขวนโชว์บนราว คริสพยักหน้าบอกว่าถ้าเห็นว่าเข้ากันดีก็ซื้อไปเถอะ คำพูดของผู้กองหนุ่มทำเอาจุนมยอนอดจะเบ้ปากกับความสปอร์ตของอีกคนไม่ได้เลยจริงๆ

คริสมองเสี้ยวหน้าของคนที่เลือกเสื้อยืดไว้ใส่กับเอี๊ยมให้มินซอก จุนมยอนเป็นผู้ชายที่สวยมากจริงๆ ผิวขาวจัด ปากแดงสด เวลาตั้งใจกับอะไรสักอย่างคิ้วเรียวสวยจะขมวดน้อยๆ ยิ่งดวงตานั้นแสนจะน่าหลงใหลและมีเสน่ห์

“เลือกให้ตัวเองสักตัวสองตัวสิ กางเกงด้วย”ผู้กองหนุ่มบอกคนที่ตัดใจไม่ได้ระหว่างเสื้อยืดสองตัว จุนมยอนเลิกคิ้วมองคนที่เพิ่งบอกให้เขาเลือกเสื้อผ้าให้ตัวเอง

“ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากให้เป็นบุญคุณ”เอ่ยปฏิเสธแล้วหันกลับมาสนใจเสื้อสองตัวในมืออีกครั้ง ลองเอามาทาบตัวเองเพราะรูปร่างใกล้เคียงกับน้องแต่ก็ยังไม่เห็นภาพเลยขอลองใส่ดู พนักงานสาวผายมือเชิญไปยังห้องลองชุดที่อยู่อีกด้านพร้อมรอยยิ้ม คริสมองคนที่เดินถือเสื้อยืดสองตัวไปลองใส่แทนมินซอกแล้วหยิบเสื้อสองสามตัวกับกางเกงอีกสามตัวกะไซส์พอดีเอวจุนมยอนก่อนจะเดินตามไปด้วย

“เข้ามาทำไมล่ะ ออกไปสิ”คนตัวขาวขมวดคิ้วยุ่งเมื่อผู้กองตัวสูงสาวเท้ามาทันก่อนบานประตูห้องลองเสื้อจะปิดลง มือใหญ่รั้งบานประตูอ้าออกก่อนจะแทรกตัวเข้าไปแล้วกดลงกลอน

“เอาไปลองด้วย ไม่ต้องถือเป็นบุญคุณหรอก ถ้าฉันจะทวงมันนายคงใช้ไม่มีหมด”คริสว่าพลางยื่นเสื้อผ้าให้ จุนมยอนกัดริมฝีปากกับประโยคของผู้กองตัวสูง

ใช้ไม่หมด...ใช่สินะ ทั้งที่ซุกหัวนอน การใช้จ่ายกินอยู่ พึ่งพามาทุกอย่าง งานก็ยังหาไม่ได้ จะเอาเงินที่ไหนมาชดใช้คืนให้

ใบหน้าขาวจัดก้มลงมองพื้น กัดริมฝีปากจนมันแดงจัด ขอบตาร้อนผ่าวอย่างสมเพชตัวเองเต็มขั้น

“ใช่...คงใช้ไม่หมด หาเงินมาใช้คืนไม่ได้หรอก”

“...”

“ถ้า...ถ้าไม่มีเงิน งั้นก็แลกด้วยอย่างอื่นแล้วกัน...มันคงเป็นสิ่งที่ฉันทำได้ดีที่สุด”เสียงหวานเอ่ยก่อนเคลื่อนตัวมาชิด มือบางที่ถือเสื้ออยู่เมื่อครู่ปล่อยเสื้อยืดสองตัวลงบนม้านั่งลองเสื้อแล้วจับหมับที่กลางกายของร่างสูง คริสเบิกตากับการกระทำของอีกคน มือหนาดันคนตัวเล็กกว่าออกทันที

“ทำอะไรของนาย!”ตะคอกถามเสียงดัง แต่จุนมยอนกลับไม่ได้สนใจ คนตัวเล็กทรุดลงตรงหว่างขาแล้วใช้มือคลึงเค้นกลางกายคริสก่อนจะรูดซิปกางเกงยีนด้วยความรวดเร็ว คนที่ตกใจอยู่คว้าแขนเพรียวกระชากขึ้นมาแทบจะไม่ทัน ซิปถูกรูดลงจนสุดเหลือนแค่ปลดตะขอเหล็ก

ปั่ก

ร่างทั้งร่างถูกกระแทกติดกับผนังห้องลองชุด คริสจับใบหน้าของจุนมยอนให้มาสบสายตา เตรียมจะด่าการกระทำของอีกฝ่ายแต่ทว่าเพียงแค่ใบหน้าขาวจัดนั้นเงยสบ หัวใจของผู้กองหนุ่มก็กระตุกรัว..อาจจะเป็นเพราะหยดน้ำใสที่คลอหน่วยล้อมเป็นกรอบตา หรือปากสีแดงสดที่ถูกกัดแน่นจนมันบวมเห่อ จมูกของจุนมยอนแดงจัด และเพียงอึดใจเดียวน้ำตาที่คลออยู่ก็ร่วงรินลงมาเป็นสาย

วูบโหวงไปทั้งร่าง คริสคลายมือออกจากแขนของอีกคนโดยไม่รู้ตัว เสียงสะอื้นของคนตัวขาวดังขึ้น และเริ่มดังขึ้นอีก จุนมยอนปล่อยน้ำตาและเสียงสะอื้นออกมา ยกมือปิดหน้าตัวเองแล้วทรุดลงไปกองกับพื้น

“คนอย่างฉันมันทำได้ดีก็เรื่องนี้นั่นล่ะ! ค่าของฉันมันก็แค่นี้ไม่ใช่หรือไง!!

“...”

“ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็อยากได้ฉันทั้งนั้น นายไม่อยากหรือไง? ค่าเช่าบ้าน ค่าของกิน ค่าเสื้อผ้าพวกนี้ ฉันจะจ่ายเป็นร่างกายตัวเองนี่ไง!

“...”

“เอากับผู้ชายแลกอิสรภาพมาแล้ว...จะเอากับนายแลกของพวกนั้นมันก็ไม่ได้ต่างกันหรอก”

 

.

.

 

ค น คุ ก

 

 

คริส...สร้างรอยแผลไว้ให้อีกคนถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

เขาส่งบัตรเครดิตให้พนักงานรูดก่อนจะคว้าแขนคนที่ยืนตาแดงก่ำให้ออกจากร้านไปด้วยกัน ถุงจากร้านเสื้อผ้ามีสามถุง เป็นของมินซอกหนึ่งถุงและของจุนมยอนสองถุง คริสไม่ได้ให้จุนมยอนลองด้วยซ้ำ เขาคาดว่าอีกคนจะใส่ได้ก็เอาไปจ่ายเลย กว่าที่จุนมยอนจะหยุดร้องไห้เหลือแต่ตาที่แดงก่ำแบบนี้ก็นานใช่เล่น คริสไม่ได้ปลอบเพราะเขาไม่รู้จัต้องปลอบยังไงได้แต่ปล่อยให้อีกคนร้องออกมาให้พอก็เท่านั้น

“กินไอติมมั้ย”ถามคนที่เดินตามแรงจูงมาเงียบๆ จุนมยอนไม่ได้ตอบอะไร คริสพาคนตัวเล็กกว่าไปนั่งมุมติดกระจกของร้านไอศกรีมชื่อดัง พนักงานสาวแต่งตัวน่ารักเข้ากับโทนสีชมพูของร้านยื่นรเมนูมาให้ จุนมยอนไม่ได้รับไป คนตัวเล็กยังก้มหน้าก้มตาซ่อนดวงตาแดงๆของตัวเองเอาไว้ เป็นคริสที่สั่งเมนูไอศกรีมถ้วยใหญ่มาให้อีกคนและเลือกเครื่องดื่มอย่างสตรอเบอร์รี่เฟรปเปร้ให้ตัวเอง

“ขอช็อกโกแลตเย็นอีกแก้วด้วยนะครับ”สั่งเมนูสุดท้ายให้จุนมยอนแล้วส่งเมนูคืนพนักงาน เธอทวนรายการอีกครั้งก่อนจะนำรายการสั่งไปให้ที่เค้าท์เตอร์

เมื่อพนักงานสาวเดินจากไปแล้ว ทั้งโต๊ะเหลือเพียงความเงียบ คริสมองออกไปนอกกระจก ภาพที่จุนมยอนทรุดลงพร้อมปล่อยโฮออกมมาเขายังจำได้ดี และคำพูดของอีกคนด้วย...

“จุนมยอน...”เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายแต่จุนมยอนก็ไม่ได้หันมามอง คริสหันหน้ากลับมามองคนที่ก้มหน้าอยู่ คิมจุนมยอนตอนนี้ช่างดูอ่อนแอและบอบบางไปหมด หัวใจดวงเล็กที่บอบบางเหมือนแก้มนั้นแบกความรู้สึกแย่ๆกับการที่ต้องนอนกับผู้ชายแลกอิสรภาพของตัวเองเอาไว้ คริสยิ่งรู้สึกผิดเมื่อคิดได้ว่าอีกคนรู้สึกแย่มากขึ้นขนาดไหนเมื่ออกจากคุกมาแล้วก็ยังต้องเผชิญกับการถูกลวนลามและฝักใฝ่เรื่องเพศจากผู้ชายคนอื่นอีกครั้ง

“ขอโทษนะ”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาแผ่วเบา

“...”

“ตอนนั้นก็แค่คิดอยากจะให้งานมันสำเร็จด้วยดีถึงได้เลือกให้นายทำอะไรแบบนั้น”

“...”

“ไม่คิด...ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้นายมากมายขนาดนี้”

 

จุนมยอนเหยียดปากกับคำพูดของคนตรงหน้า หัวเราะเบาๆกับตัวเอง พอดีกับไอศกรีมที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ ถ้วยไอศกรีมรวมรสถ้วยใหญ่ถูกวางลงตรงหน้าจุนมยอนพร้อมช็อกโกแลตเย็น มือบางยังไม่หยิบช้อนที่วางข้างๆถ้วยมาตัดเนื้อเนียนของไอศกรีมเข้าปากแต่กลับมองสบกับตาของคริสที่นั่งอยู่อีกฝั่ง

“ถ้าจะผิดตั้งแต่เริ่ม...คงผิดที่ฉันเลวเอง”ถ้าเพียงไม่สนใจแล้วตั้งใจเรียนไปเรื่อยๆ จบมาหางานทำเหมือนคนทั่วไป ชีวิตของจุนมยอนก็คงไม่เป็นแบบนี้ จะโทษใครนอกจากตัวเอง...

“จุนมยอน...ทุกคนก็ผิดด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครทำถูกไปทุกอย่างหรอก”ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วไม่เคยก้าวไปในทางที่ผิดเลยสักครั้ง กว่าเราจะรู้ว่าต้องเลือกเดินทางไหน ต้องทำอะไรจึงจะถูกต้อง บางครั้งเราก็ต้องผิดพลาดและล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน

“เก็บมันไว้เป็นบทเรียนแล้วเรามาเริ่มกันใหม่ไหม?”

“...”

“ฉันกลับไปแก้อดีตไม่ได้ นายก็เหมือนกัน”

“...”

“เริ่มใหม่นะ...ถ้ามันหนักหนาเกินไป...”

 

.

.

.

“ฉันจะช่วยนายเอง”

 

มือหนาเอื้อมหยิบมือของจุนมยอนมากุมเอาไว้แล้วบีบเบาๆ ดวงตาแสนสวยมองสบกับดวงตาของคริส น้ำตาที่แห้งแล้วกลับมาคลออีกครั้งก่อนที่มันจะทิ้งตัวลงบนแก้มขาว

“กินไอติมสิ”เสียงทุ้มเอ่ยบอกแล้วหยิบช้อนส่งให้ จุนมยอนรับช้อนเหล็กของร้านมาถือแล้วค่อยๆตักกเนื้อไอศกรีมเข้าปาก รสชาติหวานลิ้นแผ่ซ่านกระจายไปทั่ว คนอ่อนแอได้แต่ตักไอศกรีมเข้าปากคำแล้วคำเล่า ไม่นานหยดน้ำตาก็หมดลงเหลือแต่ดวงตาที่แดงช้ำมากกว่าเดิม

 

ค น คุ ก

 

“นายก็มารับฉันเหรอเนี่ยจุนมยอน”เสียงหมีที่เปลี่ยนจากชุดโรงพยาบาลเป้นชุดลำลองแล้วเอ่ยกับจุนมยอนที่เดินตามคริสเข้ามาในห้องพัก เพราะตั้งแต่จงอินมาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยมาเยี่ยมเลยสักครั้งแต่พอไอ้คนหน้าหมีจะออกกลับเจอจุนมยอนมารับเสียได้

“ฉันพาจุนมยอนมาสมัครงานด้วยน่ะ”เป็นคริสที่พูดตอบ จงอินถามว่าสมัครงานอะไรกัน

“เห็นทำงานข้างนอกแล้วมีปัญหา ที่นี่อยู่ในความดูแลของตำรวจ ไม่มีไอ้บ้ากามมาทำอะไรจุนมยอนแน่ๆ ก็เลยจะฝากให้เป็นบุรุษผู้ช่วยพยาบาล”คริสตอบ จงอินได้ยินแบบนั้นก็ดีดนิ้ว ทำไมเขาไม่คิดได้บ้าง แทนที่จะให้จุนมยอนไปหางานเองก็ให้ทำงานเกี่ยวข้องกับพวกเขาก็ได้นี่นะ

“ดีจังฮะ ทำงานใกล้ๆกัน อบอุ่นดี”มินซอกพูดพร้อมรอยยิ้ม จุนมยอนพยักหน้า ร้องอืมในลำคอ วาดแขนออกหามินซอกให้คนตัวเองเข้ามากอด

“มึงจัดการเรื่องพาจงอินออกแล้วกัน ค่ารักษาพยาบาลกูเคลียร์หมดแล้ว ไปรับยาได้เลย”คริสบอกกับลู่หานแล้วขอแยกตัวพาจุนมยอนไปฝากทำงานกับฝ่ายบุคคลก่อน ตอนแรกฝ่ายบุคคลก็ไม่อยากจะรับเพราะนอกจากจุนมยอนจะมีวุฒิแค่มัธยมปลายแล้ว หลักฐานแสดงผลการศึกษาก็ไม่มีอีกด้วย แต่เพราะผู้กองคริสขอร้องนางพยาบาลร่างอวบจึงผ่อนปรนยอมรับจุนมยอนเข้าทำงาน

“แรกๆก็ช่วยเรื่องเข็นเตียง เข็นวีลแชร์กับช่วยนางพยาบาลขนผ้าปูเตียงก่อนะคะ”หล่อนบอกกับผู้กองตัวสูงแล้วหันมาถามจุนมยอนว่าทำได้ใช่ไหม? ร่างบางพยักหน้าตอบว่าได้ ไม่ได้ลำบากเลยสักนิด

“ฉันชื่อฮายอง เป็นฝ่ายบุคคลแล้วก็เป็นพยาบาลแก่ๆของที่นี่ด้วย มีอะไรก็ปรึกษาฉันได้นะ”หล่อนพูดบอก ผู้กองตัวสูงหัวเราะกับคำว่าพยาบาลแก่ๆ เขาเย้านางพยาบาลร่างอสบว่าก็ยังไม่แก่เสียหน่อย

“ไม่ต้องปากหวานหรอกค่ะผู้กอง ฉันแก่แล้วไม่หลงคารมหรอกนะ”

“ฮ่ะๆ ยังไงก็ขอบคุณที่รับจุนมยอนเข้าทำงานนะครับ”เขาขอบคุณอีกครั้ง ฮายองยิ้มว่าไม่เป็นไร วันเริ่มงานก็ขอเป็นต้นเดือนเลยก็ได้ และชุดยูนิฟอร์มผู้ช่วยพยาบาลก็ซื้อได้ที่สวัสดิการของโรงพยาบาล

 

“ขอบคุณ...”จุนมยอนพูดขึ้นหลังเดินออกจากห้องฝ่ายบุคคลไม่กี่ก้าว คริสพูดปัดว่าไม่เป็นไรแต่จุนมยอนก็พูดขอบคุณซ้ำอีกครั้ง

“ฉันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นายต้องเจออะไรแบบนี้ ถือเสียว่าเป็นความรับผิดชอบจากฉันก็ได้”ชายหนุ่มพูด

“แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ต้องขอบคุณ...”

“...”

“ขอบคุณนะฮะ...พี่คริส”

 

 

 

TBC.

 

 

 

 

 

 

เหนื่อย

 

#พี่ลู่คนคุก

 

 

 

แมลงจี่...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น