คนที่ท้อ
แค่จับมือเขาแล้วบีบเบาๆก็พอแล้ว
อู๋อี้ฟาน…
เพราะจงอินถูกยิงจนต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
สำนักงานเลยค่อนข้างจะเงียบเหงา
เพราะเหลือเพียงคิมจุนมยอนกับลู่หานที่แวะมาไม่บ่อยนักในช่วงนี้ จุนมยอนแกะห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ชามและกดน้ำร้อนลงไปจนท่วม
ขี้เกียจจะต้มให้เปลืองเวลา กินแบบนี้เส้นก็นิ่มเหมือนกัน
หลายสัปดาห์แล้วตั้งแต่ลาออกจากการทำงานที่ร้านต๊อก
จุนมยอนก็ยังไม่ได้ไปสมัครงานที่ไหน
เบื่อจะต้องเจอการลวนลามจากเจ้านายบ้างลูกค้าบ้าง คงเป็นเพราะการที่ได้หลับนอนกับผู้ชายด้วยกัน
จุนมยอนคิดว่าเหตุผลนี้ทำให้เขา “น่ามอง” มากขึ้นในสายตาผู้ชายด้วยกันเอง
สะโพกเขาผายขึ้น และผิวเนื้อก็นิ่มมากขึ้นจากการถูกบีบเคล้นเวลามีอะไรกับคิมกอนโม
ไม่ได้น่าอภิรมย์เลยสักนิดกับการที่ถูกผู้ชายด้วยกันลวนลามจับนู่นนี่
มากกว่านั้นก็ถึงขั้นขอนอนด้วยแลกกับเงินก้อนใหญ่ พวกนั้นเห็นจุนมยอนเป็นอะไร?
คนพวกนั้น...มองเขาเป็นตัวอะไร
เสียงเปิดประตูดังขึ้นเมื่อจุนมยอนวางชามบะหมี่ลงบนโต๊ะหน้าทีวี
ร่างสูงโปร่งของเจ้าของบ้านเดินเข้ามาพร้อมกับถุงมากมายในมือ
มีอาหารแห้งและของสดหลายอย่างรวมถึงจำพวกผัก
กล่องอะไรสักอย่างถูกวางลงตรงหน้าจุนมยอน
ข้างๆชามบะหมี่โดยที่คริสไม่ได้พูดอะไรแต่กลับเดินเอาของไปเก็บในตู้เย็นแทน
จุนมยอนก็ไม่คิดจะดูว่ากล่องตรงหน้าคืออะไร
เขาเลือกที่จะจัดการบะหมี่ในถ้วยของตัวเองสลับกับการมองดูจอทีวี
ช่วงเวลาที่จงอินไม่อยู่
จวบจนถึงหมอนั่นถูกยิงนอนโรงพยาบาลเป็นหมีเจ็บ จุนมยอนเลยต้องอยู่ที่นี่คนเดียว
บางวันลู่หานก็จะแวะเข้ามาเอาเอกสารบ้าง แต่ไม่บ่อยเพราะช่วงนี้ไม่มีงาน
นอกจากลู่หานก็มีผู้กองคริสที่แวะมาถี่ๆ และทุกครั้งที่มาก็จะขนข้าวของมาด้วยเสมอ
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่กำลังใกล้อืดในชามของจุนมยอนก็เป็นของที่ผู้กองคริสซื้อมาเช่นกัน
“ของสดก็มีในตู้เย็นนะ
จะเอามาทำอาหารก็ได้”เสียงทุ้มเอ่ยบอกแล้วทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ใกล้ๆกับจุนมยอน ผู้กองตัวสูงคว้ากล่องที่นำมาวางไว้ก่อนหน้านี้มาเปิดออก
พอฝากล่องเผยอขึ้นกลิ่นหอมก็ลอยออกมาทำให้จุนมยอนรู้ทันทีว่างข้างในคืออะไร
ย้ำความถูกต้องด้วยต๊อกบ๊กกีหน้าตาน่ากิน
“กินสิ”เสียงทุ้มว่าพร้อมผลักกล่องบรรจุอาหารมาตรงหน้า
จุนมยอนเลิกคิ้วมองมันสลับกับคนที่ซื้อมาก่อนจะใช้ตะเกียบคีบชิ้นแป้งมาใส่ปาก
รสชาติกำลังพอดี ไม่เลี่ยนเกินไปทำให้ต้องคีบชิ้นที่สองมากินต่อ คริสเอนหลังกับเก้าอี้แล้วหลับตาลงเล็กน้อย
งานวันนี้สูบพลังไปอยู่เหมือนกัน
เพราะต้องไปไล่กวดพวกทะเลาะวิวาทที่ดันมาก่อเหตุใกล้กับบริเวณที่เขากำลังลงตรวจพื้นที่พอดี
จุนมยอนถือตะเกียบไม้ค้างเอาไว้
มองคนที่หลับตาลงแล้วปล่อยลมหายใจออกมาอย่างสม่ำเสมอ รู้สึกอึดอัดคล้ายกับครั้งก่อนๆที่ต้องอยู่ลำพังกับผู้กองตัวสูงคนนี้
ไม่มีใครทำใจไม่นึกถึงอดีตได้ จุนมยอนเองก็เช่นกัน
ถึงแม้คำพูดของจงอินในวันนั้นจะทำให้เขาคิดได้
ว่าที่จริงแล้วชีวิตที่มันเลวร้ายของตัวเองเกิดขึ้นก็เพราะทำตัวเอง อย่าได้โทษใคร
แต่สุดท้ายแล้ว...เขาก็ไม่อาจจะทำตัวเองให้สนิทใจกับคริสได้
“ถ้าเหนื่อยแล้วทำไมไม่กลับไปนอนบ้านล่ะ”วางชามบะหมี่ลงกับโต๊ะแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม
ถามคนที่ยังนอนหลับตาอยู่ คริสครางฮึมในลำคอ บอกว่าเอาของกินมาให้ก่อน
เห็นไม่ได้ออกไปไหน งานก็เพิ่งจะลาออกแถมยังไม่ได้หางานใหม่ คำพูดของผู้กองก็แค่พูดออกมาด้วยความหวังดีกลัวคนที่เขาให้การพึ่งพาที่อยู่อาศัยจะอดอยากแต่คนฟังฟังแล้วต้องกัดปากแน่น
...ภาระที่แสนน่าดูถูก...
อาศัยซุกหัวอยู่ในที่ของเขา
กินใช้ของของเขา...
ไหนล่ะคนที่บอกว่าออกจากคุกมาจะหางานทำแล้วยืนด้วยขาของตัวเอง
เป็นแบบนี้จะมีหน้ากลับไปหาพ่อได้เหรอ?
พ่อคงจะให้อภัยไอ้สารเลวชีวิตเหลวแหลกที่แม้แต่ตัวเองยังพึ่งพาตัวเองไม่ได้
...รู้สึกไร้ค่าชะมัด...
“ถ้าคิดว่าฉันจะอดตายก็คิดผิดนะ...บะหมี่เหลืออีกเยอะ
ถ้าหางานได้แล้วจะคืนเงินให้ด้วยไม่ต้องห่วง”อ้อมแอ้มพูดบอกออกไปก่อนคว้าชามบะหมี่ขึ้นมากินอีกครั้ง
จุนมยอนรู้สึกขอบตามันร้อนผ่าว
ก้มลงจัดการกับบะหมี่ที่เหลือจนหมอแล้วลุกเอาชามไปเก็บ
ไม่ได้แตะต๊อกบ๊กกีที่เหลือในกล่องอีกสักชิ้น
ไม่อยากกลายเป็นภาระ...
กลับมาที่หน้าทีวีหลังจากเก็บชามเสร็จ
คนที่นอนพักสายตาก็ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว จุนมยอนถามอีกคนว่าจะดูทีวีต่อไหม ถ้าไม่เขาจะได้ปิดมันเสีย
“ทำไมไม่กินต๊อกล่ะ”แทนที่จะตอบ
คริสกลับถามอีกคนแทน จุนมยอนส่ายหน้าบอกว่ากินเองเถอะ เขากินบะหมี่อิ่มแล้ว
“กินแต่บะหมี่
นายจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปใช้ชีวิต ไหนบอกจะหางานทำไง
งานอะไรที่ไม่ใช้แรงกัน”เขาถาม จุนมยอนเสหน้าไปทางอื่น พูดว่าถ้าไม่ดูงั้นปิดทีวีเลยแล้วกัน
คนตัวขาวกดปิดโทรทัศน์แล้วเดินเลี่ยงเข้าห้องของตัวเองไป
คริสมองตามคนที่เข้าห้องไปแล้วก่อนจะส่ายหัว
รู้สึกว่าช่องว่างระหว่างเขาและจุนมยอนเริ่มขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น
แต่ก็ยังมีรอยโหว่รอยใหญ่ที่เรียกว่าความอคติกั้นอยู่
คริสเข้าใจดีกว่าจุนมยอนคงจะไม่ได้รู้สึกยินดีที่ต้องมาพึ่งพาเขา
จุนมยอนยังคงมีอคติในใจ แม้มันจะลดลงจากช่วงแรกๆแล้วก็ตามที
ใครจะสนิทใจกับคนที่ส่งให้ตัวเองไปนอนกับคนอื่นแลกอิสระได้ล่ะ
ข้อนี้คริสก็เข้าใจมันดี เขาไม่กังขาและให้เวลาจุนมยอน เพราะเขาเองก็ผิด...
ทางเลือกของจุนมยอนไม่ใช่ว่าจะไม่มี
การจะเค้นชื่อแบ๊คอัพจากกอนโมมีอีกมากมายหลายวิธี
แต่คริสขีดเส้นวิธีนี้ให้กับจุนมยอนเอง...ยิ่งพอออกจากคุกมา
เห็นคนที่พูดว่าจะออกมาหางานทำเริ่มชีวิตใหม่กับหญิงสาวสักคนนั้นมีชีวิตจริงๆเป็นยังไงเขายิ่งรู้สึกสงสารจุนมยอนและคิดเสมอว่าการเลือกทางเดินให้จุนมยอนช่างเป็นความคิดที่เลวร้าย
คริสเหมือนทำลายชีวิตคนๆหนึ่งไป...
จุนมยอนสวย...ยิ่งมีอะไรกับกอนโมก็ยิ่งสวยมากขึ้น
จงอินบอกบ่อยๆว่าจุนมยอนมักจะถูกลวนลามจากเจ้านายหรือลูกค้าที่ทำงาน
ดวงตาแสนสวยนั้นดึงดูดผู้ชายเข้ามาหาร่างบางมากกว่าเดิมจนในที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องออกจากงานมาอยู่บ้านเฉยๆสักพัก
คริสไม่ได้อยากจะสมเพชถึงได้ซื้อข้าวของมาให้ในช่วงอีกคนตกงาน
แต่เพราะเขาเองก็รู้สึกผิด บานประตูห้องของจุนมยอนปิดสนิทตั้งแต่อีกคนเดินเข้าไป
คริสปิดฝากล่องต๊อกบ๊กกีให้สนิทแล้วนำไปแช่ไว้ในตู้เย็น เขียนโน้ตเล็กบอกกับคนที่อยู่ในห้องว่าต๊อกบ๊กกียังเหลือ
ให้นำว่าเวฟกินได้
ผู้กองตัวสูงถอนหายใจก่อนกลับไปรับเซฮุนที่โรงพยาบาลตำรวจเพื่อกลับบ้าน
เมื่อเสียงรถค่อยๆห่างออกไป คนที่อยู่ในห้องของตัวจงค่อยๆแง้มประตูออกมา
ใบหน้าขาวจัดมองออกทางหน้าต่างเห็นไฟท้ายรถคริสไกลๆ จุนมยอนล็อกบ้านให้แน่นหนาแล้วเดินไปหยิบโน้ตที่คริสทิ้งไว้ที่ตู้เย็นมาอ่าน
เปิดดูในตู้เย็นยังเต็มแน่นไปด้วยข้าวของเหมือนทุกครั้งที่คริสแวะมา
ค น คุ ก
ลู่หานพามินซอกมาสำนักงานด้วยวันนี้
เขาแค่แวะมาเอาเอกสารแล้วจะพาเด็กน้อยไปดูหนังเป็นกำลังใจในการอ่านหนังสือ
อีกอย่างก็จะมาเอาหนังสือสอบตำรวจของไอ้จงอินสักเล่มสองเล่มไปลองอ่านดูด้วย
จุนมยอนนั่งดูทีวีอยู่ ลู่หานทักทายคนตัวขาวน้อยๆ
มินซอกเห็นจุนมยอนก็เดินไปนั่งคุยรอระหว่างลู่หานไปเอาของ
เห็นน้องชายที่รู้สึกเอ็นดูยิ้มมีความสุข
จุนมยอนอดจะแซวไม่ได้ว่าความรักของเจ้าตัวเบ่งบานน่าดู
“แต่มินซอกอ้วนขึ้นหรือเปล่า
แก้มยุ้ยกว่าเดิมอีก
ลู่หานต้องเลี้ยงมินซอกดีแน่ๆ”ได้ยินอดีตนางพญาเอ่ยแซวคนตัวเล็กเลยพองแก้มเถียงว่าเปล่าอ้วนขึ้นเสียหน่อย
“พี่จุนมยอนยังหางานทำไม่ได้ใช่ไหมฮะ?
ให้ผมช่วยไหม? ร้านลุงจุงซอบขาดเด็กเสิร์ฟพอดี ผมพอจะคุยให้ได้นะ”มินซอกถามอีกคน
เห็นลู่หานบอกว่าจุนมยอนลาออกจากงานเดิมและยังหางานไม่ได้
แต่คนเป็นพี่กลับส่ายหน้า บอกว่ายังก่อนดีกว่า
ถึงอยากจะทำงานแต่ก็กลัวจะซ้ำรอยเดิม
งานเด็กเสิร์ฟเป็นงานที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับจุนมยอนเพราะต้องเจอคนเยอะและหลายแบบ
ยิ่งงานในผับบาร์ยิ่งแล้วใหญ่ เลิกคิดจะทำไปได้เลย
แต่จะให้ไปทำงานหนักๆใช้แรงงาน...ร่างกายก็ไม่อำนวยเสียเลย
ไม่มีงานไหนที่เหมาะกับคนอย่างเขาเลยหรือไง..
ถ้าจะมีคงเป็นงานที่สบายที่สุดอย่างนอนเฉยๆให้ผู้ชายบ้าตัณหาสอดแทรกเข้ามาในร่างนั่นล่ะ...
“มินซอกเองเถอะ
จะสอบหมอแล้วใช่ไหม? อ่านหนังสือหนักหรือเปล่า”จุนมยอนถามและยกมือจับใบหน้ากลมๆของอีกคน
ถึงแก้มจะกลมใสแต่ก็มีร่องรอยใต้ตาเพราะการพักผ่อนที่น้อยลง
มินซอกยิ้มตาหยีบอกว่าอ่านหนังสือหนักมาก
แล้ววันนี้ลู่หานฮยองก็จะพาไปดูหนังเป็นรางวัล จุนมยอนบอกว่าดีแล้ว
พอได้รางวัลแบบนี้ก็ตั้งใจขึ้นไปอีกนะ
“ถ้ามินซอกได้เป็นหมอพี่จะได้รักษาฟรีหรือเปล่าเนี่ย”ถามกับคนตัวเล็ก
มินซอกหัวเราะแล้วส่ายหน้า บอกว่าถึงจะเป็นพี่น้องกันก็ต้องจ่าย
“ยิ่งถ้าเป็นพี่จงอินป่วยมานะ
ผมจะเขียนใบสั่งยาเยอะๆเลย ฮะๆ”จุนมยอนหัวเราะตามน้อง
ก่อนที่มินซอกจะถูกเรียกโดยลู่หานที่หอบเอาหนังสือสองสามเล่มออกมาจากห้องของจงอิน
จุนมยอนเห็นว่าเป็นหนังสือสอบตำรวจที่อยู่ในมือลู่หาน
อีกคนก็บอกเหมือนกันว่าจงอินชวนสอบตำรวจดู
“ลู่หานเอาจริงสินะเรื่องสอบตำรวจ
เราเป็นกำลังใจให้นะ”บอกกับอีกคนพร้อมรอยยิ้ม
ลู่หานขอบใจอีกคนก่อนจะชวนมินซอกไปห้างได้แล้ว
เดี๋ยวจะไม่ทันรอบหนังที่เจ้าตัวเล็กอยากดู จุนมยอนโบกมือลาเจ้าตัวเล็ก
ท้องที่ไม่ได้รับอาหารเลยตั้งแต่เช้าเริ่มส่งเสียงประท้วงจนคนตัวขาวต้องเดินไปหยิบซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาถือเอาไว้
กำลังจะฉีกซองเทลงใส่ชามสายตาก็พลันมองเห็นกระดาษโน้ตแผ่นเล็กที่ตู้เย็นเสียก่อน
ริมฝีปากบางเม้มใช้ความคิดไม่นานก็เก็บบะหมี่เข้าชั้นวางเหมือนเดิมแล้วเลือกจะหยิบกล่องต๊อกที่คริสซื้อมาเมื่อวานออกมาจากตู้เย็นแทน
ถึงจะผ่านมาเกือบวันแต่หน้าตาของมันก็ยังน่ากินอยู่
ติดที่มันเย็นเจี๊ยบเพราะนอนอยู่ในตู้เย็นตลอดเวลา จุนมยอนเทต๊อกบ๊กกีลงกล่องพลาสติกสำหรับไมโครเวฟแล้วเอามันเข้าไปอุ่น
กลิ่นหอมลอยออกมาทันทีที่มันเริ่มร้อน
เมื่อเสียงติ๊งบอกเวลาของไมโครเวฟดังขึ้นก็ได้ต๊อกร้อนๆเป็นมื้อแรกของวันสำหรับจุนมยอน
โทรทัศน์ช่วงนี้เป็นรายการเพลง
จุนมยอนเป่าไล่ความร้อนออกจากชิ้นแป้งก่อนจะส่งมันเข้าปาก รสชาติดรอปลงเล็กน้อยเพราะถูกอุ่นอต่ก็ยังอร่อยอยู่
กินไปได้กึ่งหนึ่งโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น
ส่วนมากมักจะเป็นคริสหรือตำรวจคนอื่นที่ติดต่อมา
“ครับ?”จุนมยอนยกหูโทรศัพท์ขึ้นรับ
เสียงจากปลายสายบอกได้ว่าคือคริส
ผู้กองตัวสูงบอกให้จุนมยอนแต่งตัวแล้วออกไปหาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“ไปทำไม”อดจะถามกลับไม่ได้
คนปลายสายไม่บอกว่าจะให้ไปหาทำไม ผู้กองตัวสูงบอกแค่ให้รีบไปก่อนที่สายจะถูกตัดลง
จุนมยอนขมวดคิ้วกระแทกหูโทรศัพท์ลงบ้าง บ่นงึมงำว่าคนบ้าอำนาจ
มองต๊อกบ๊กกีที่ยังไม่หมดแต่ไม่อยากกินต่อเสียแล้ว
จุนมยอนเก็บส่วนที่เหลือกลับเข้าตู้เย็น
อยากจะไม่ไปตามที่คริสบอกแต่สถานะที่ยังพึ่งพาชายหนุ่มทั้งเรื่องที่อยู่อาศัยและเรื่องกินอยู่ก็ทำให้ต้องไป
ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายพูดว่าเป็นบุญคุณให้ตัวเองดูน่าสมเพชไปกว่านี้
คริสไม่ได้บอกว่าให้ไปเจอที่ส่วนไหนของห้าง
แต่เพียงแค่เดินเข้าประตูห้างก็ต้องสะดุดตากับรูปร่างสูงเพรียวของผู้กองหนุ่มแล้ว คริสไม่ได้อยู่ในชุดเครื่องแบบ
แต่เป็นชุดลำลองสบายๆแทน
รูปร่างสูงเพรียวเหมือนนายแบบอยู่ภายใต้เสื้อผ้าสมัยนิยมทั่วไปเลยดูดีเอาเสียมากๆ
“มีอะไร
ทำไมต้องให้มาที่นี่ด้วย”ทันทีที่ก้าวไปหยุดตรงหน้าจุนมยอนก็ถามอีกคน
คริสละสายตาจากการมองผู้คนเดินไปมาเพื่อมองคนตัวเล็กกว่าในชุดกางเกงยีนรัดรูปและเสื้อยืดธรรมดา
ตั้งแต่จุนมยอนออกจากคุกมาก็ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าเพิ่มมากมาย
เงินที่หาได้จากการทำงานแค่ซื้อของใช้ส่วนตัวก็หมดไปเดือนต่อเดือน
ยิ่งเปลี่ยนงานบ่อยภาวะการเงินก็ยิ่งไม่คงที่
“ไปซื้อของกัน”บอกแล้วเดินนำอีกคนไปไม่รอ
จุนมยอนอ้าปากค้างน้อยๆแล้วต้องรีบสาวเท้าตามให้ทันเพราะไม่เคยมาเดินห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เหมือนกัน
อย่างมากก็เพียงนั่งรถผ่านตอนยังเรียนอยู่ คริสเดินไปตามทางมองดูเสื้อผ้าหลายร้านที่แขวนโชว์อยู่ในห้องกระจก
ราคาของมันคงจะแพกหูฉีกน่าดู แต่ระดับผู้กองอู๋อี้ฟานก็คงจ่ายได้สบาย
“เด็กคนนั้น...มินซอกน่ะ
คิดว่าจะเหมาะกับเสื้อแบบไหน?”คนตัวสูงถามพลางไล้มือไปตามเสื้อยืดลายเก๋ที่แขวนอยู่
“นายจะซื้อให้มินซอก?”
“อืม
ของขวัญที่เด็กนั่นขยันเรียนจบ แล้วยังจะสอบเข้าแพทย์อีก”จุนมยอนร้องอ๋อในใจ
เขาพลิกป้ายราคาดูพบว่าราคาของเสื้อยืดที่จับสูงจริงดังคาด
กี่ตัวก็ราคาใกล้เคียงกันไปหมด ถึงจะราคาแพงแต่คุณภาพก็คงดีมากๆ
การออกแบบและตัดเย็บก็เหมาะกับราคา
“มินซอกเป็นเด็กน่ารัก
น่าจะใส่เสื้อผ้าที่สดใสหน่อย
อย่างพวกเอี๊ยม...น้องใส่แล้วคงน่าเอ็นดู”จุนมยอนช่วยออกความคิดเห็น
เดินออกจากร้านเดิมมองดูร้านไหนที่ขายพวกเอี๊ยมยีน คริสเดินตามคนตัวเล็กมาเงียบๆ
นึกชมว่าจุนมยอนความคิดดี มินซอกคงจะน่ารักมากถ้าใส่ชุดเอี๊ยม คงจะดูเด็กลงอีกเยอะ
“จะซื้อให้ทั้งชุดเลยหรือเปล่า?”คนตัวขาวหันมาถามทั้งที่ยังจับดูเอี๊ยมยีนที่แขวนโชว์บนราว
คริสพยักหน้าบอกว่าถ้าเห็นว่าเข้ากันดีก็ซื้อไปเถอะ
คำพูดของผู้กองหนุ่มทำเอาจุนมยอนอดจะเบ้ปากกับความสปอร์ตของอีกคนไม่ได้เลยจริงๆ
คริสมองเสี้ยวหน้าของคนที่เลือกเสื้อยืดไว้ใส่กับเอี๊ยมให้มินซอก
จุนมยอนเป็นผู้ชายที่สวยมากจริงๆ ผิวขาวจัด ปากแดงสด
เวลาตั้งใจกับอะไรสักอย่างคิ้วเรียวสวยจะขมวดน้อยๆ
ยิ่งดวงตานั้นแสนจะน่าหลงใหลและมีเสน่ห์
“เลือกให้ตัวเองสักตัวสองตัวสิ
กางเกงด้วย”ผู้กองหนุ่มบอกคนที่ตัดใจไม่ได้ระหว่างเสื้อยืดสองตัว จุนมยอนเลิกคิ้วมองคนที่เพิ่งบอกให้เขาเลือกเสื้อผ้าให้ตัวเอง
“ไม่เป็นไร
ฉันไม่อยากให้เป็นบุญคุณ”เอ่ยปฏิเสธแล้วหันกลับมาสนใจเสื้อสองตัวในมืออีกครั้ง
ลองเอามาทาบตัวเองเพราะรูปร่างใกล้เคียงกับน้องแต่ก็ยังไม่เห็นภาพเลยขอลองใส่ดู
พนักงานสาวผายมือเชิญไปยังห้องลองชุดที่อยู่อีกด้านพร้อมรอยยิ้ม
คริสมองคนที่เดินถือเสื้อยืดสองตัวไปลองใส่แทนมินซอกแล้วหยิบเสื้อสองสามตัวกับกางเกงอีกสามตัวกะไซส์พอดีเอวจุนมยอนก่อนจะเดินตามไปด้วย
“เข้ามาทำไมล่ะ
ออกไปสิ”คนตัวขาวขมวดคิ้วยุ่งเมื่อผู้กองตัวสูงสาวเท้ามาทันก่อนบานประตูห้องลองเสื้อจะปิดลง
มือใหญ่รั้งบานประตูอ้าออกก่อนจะแทรกตัวเข้าไปแล้วกดลงกลอน
“เอาไปลองด้วย
ไม่ต้องถือเป็นบุญคุณหรอก
ถ้าฉันจะทวงมันนายคงใช้ไม่มีหมด”คริสว่าพลางยื่นเสื้อผ้าให้
จุนมยอนกัดริมฝีปากกับประโยคของผู้กองตัวสูง
ใช้ไม่หมด...ใช่สินะ
ทั้งที่ซุกหัวนอน การใช้จ่ายกินอยู่ พึ่งพามาทุกอย่าง งานก็ยังหาไม่ได้
จะเอาเงินที่ไหนมาชดใช้คืนให้
ใบหน้าขาวจัดก้มลงมองพื้น
กัดริมฝีปากจนมันแดงจัด ขอบตาร้อนผ่าวอย่างสมเพชตัวเองเต็มขั้น
“ใช่...คงใช้ไม่หมด
หาเงินมาใช้คืนไม่ได้หรอก”
“...”
“ถ้า...ถ้าไม่มีเงิน
งั้นก็แลกด้วยอย่างอื่นแล้วกัน...มันคงเป็นสิ่งที่ฉันทำได้ดีที่สุด”เสียงหวานเอ่ยก่อนเคลื่อนตัวมาชิด
มือบางที่ถือเสื้ออยู่เมื่อครู่ปล่อยเสื้อยืดสองตัวลงบนม้านั่งลองเสื้อแล้วจับหมับที่กลางกายของร่างสูง
คริสเบิกตากับการกระทำของอีกคน มือหนาดันคนตัวเล็กกว่าออกทันที
“ทำอะไรของนาย!”ตะคอกถามเสียงดัง แต่จุนมยอนกลับไม่ได้สนใจ
คนตัวเล็กทรุดลงตรงหว่างขาแล้วใช้มือคลึงเค้นกลางกายคริสก่อนจะรูดซิปกางเกงยีนด้วยความรวดเร็ว
คนที่ตกใจอยู่คว้าแขนเพรียวกระชากขึ้นมาแทบจะไม่ทัน
ซิปถูกรูดลงจนสุดเหลือนแค่ปลดตะขอเหล็ก
ปั่ก
ร่างทั้งร่างถูกกระแทกติดกับผนังห้องลองชุด
คริสจับใบหน้าของจุนมยอนให้มาสบสายตา
เตรียมจะด่าการกระทำของอีกฝ่ายแต่ทว่าเพียงแค่ใบหน้าขาวจัดนั้นเงยสบ
หัวใจของผู้กองหนุ่มก็กระตุกรัว..อาจจะเป็นเพราะหยดน้ำใสที่คลอหน่วยล้อมเป็นกรอบตา
หรือปากสีแดงสดที่ถูกกัดแน่นจนมันบวมเห่อ จมูกของจุนมยอนแดงจัด
และเพียงอึดใจเดียวน้ำตาที่คลออยู่ก็ร่วงรินลงมาเป็นสาย
วูบโหวงไปทั้งร่าง
คริสคลายมือออกจากแขนของอีกคนโดยไม่รู้ตัว เสียงสะอื้นของคนตัวขาวดังขึ้น
และเริ่มดังขึ้นอีก จุนมยอนปล่อยน้ำตาและเสียงสะอื้นออกมา
ยกมือปิดหน้าตัวเองแล้วทรุดลงไปกองกับพื้น
“คนอย่างฉันมันทำได้ดีก็เรื่องนี้นั่นล่ะ! ค่าของฉันมันก็แค่นี้ไม่ใช่หรือไง!!”
“...”
“ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็อยากได้ฉันทั้งนั้น
นายไม่อยากหรือไง? ค่าเช่าบ้าน ค่าของกิน ค่าเสื้อผ้าพวกนี้
ฉันจะจ่ายเป็นร่างกายตัวเองนี่ไง!”
“...”
“เอากับผู้ชายแลกอิสรภาพมาแล้ว...จะเอากับนายแลกของพวกนั้นมันก็ไม่ได้ต่างกันหรอก”
.
.
ค น คุ ก
คริส...สร้างรอยแผลไว้ให้อีกคนถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เขาส่งบัตรเครดิตให้พนักงานรูดก่อนจะคว้าแขนคนที่ยืนตาแดงก่ำให้ออกจากร้านไปด้วยกัน
ถุงจากร้านเสื้อผ้ามีสามถุง เป็นของมินซอกหนึ่งถุงและของจุนมยอนสองถุง
คริสไม่ได้ให้จุนมยอนลองด้วยซ้ำ เขาคาดว่าอีกคนจะใส่ได้ก็เอาไปจ่ายเลย
กว่าที่จุนมยอนจะหยุดร้องไห้เหลือแต่ตาที่แดงก่ำแบบนี้ก็นานใช่เล่น
คริสไม่ได้ปลอบเพราะเขาไม่รู้จัต้องปลอบยังไงได้แต่ปล่อยให้อีกคนร้องออกมาให้พอก็เท่านั้น
“กินไอติมมั้ย”ถามคนที่เดินตามแรงจูงมาเงียบๆ
จุนมยอนไม่ได้ตอบอะไร คริสพาคนตัวเล็กกว่าไปนั่งมุมติดกระจกของร้านไอศกรีมชื่อดัง
พนักงานสาวแต่งตัวน่ารักเข้ากับโทนสีชมพูของร้านยื่นรเมนูมาให้ จุนมยอนไม่ได้รับไป
คนตัวเล็กยังก้มหน้าก้มตาซ่อนดวงตาแดงๆของตัวเองเอาไว้
เป็นคริสที่สั่งเมนูไอศกรีมถ้วยใหญ่มาให้อีกคนและเลือกเครื่องดื่มอย่างสตรอเบอร์รี่เฟรปเปร้ให้ตัวเอง
“ขอช็อกโกแลตเย็นอีกแก้วด้วยนะครับ”สั่งเมนูสุดท้ายให้จุนมยอนแล้วส่งเมนูคืนพนักงาน
เธอทวนรายการอีกครั้งก่อนจะนำรายการสั่งไปให้ที่เค้าท์เตอร์
เมื่อพนักงานสาวเดินจากไปแล้ว
ทั้งโต๊ะเหลือเพียงความเงียบ คริสมองออกไปนอกกระจก
ภาพที่จุนมยอนทรุดลงพร้อมปล่อยโฮออกมมาเขายังจำได้ดี และคำพูดของอีกคนด้วย...
“จุนมยอน...”เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายแต่จุนมยอนก็ไม่ได้หันมามอง
คริสหันหน้ากลับมามองคนที่ก้มหน้าอยู่ คิมจุนมยอนตอนนี้ช่างดูอ่อนแอและบอบบางไปหมด
หัวใจดวงเล็กที่บอบบางเหมือนแก้มนั้นแบกความรู้สึกแย่ๆกับการที่ต้องนอนกับผู้ชายแลกอิสรภาพของตัวเองเอาไว้
คริสยิ่งรู้สึกผิดเมื่อคิดได้ว่าอีกคนรู้สึกแย่มากขึ้นขนาดไหนเมื่ออกจากคุกมาแล้วก็ยังต้องเผชิญกับการถูกลวนลามและฝักใฝ่เรื่องเพศจากผู้ชายคนอื่นอีกครั้ง
“ขอโทษนะ”เสียงทุ้มเอ่ยออกมาแผ่วเบา
“...”
“ตอนนั้นก็แค่คิดอยากจะให้งานมันสำเร็จด้วยดีถึงได้เลือกให้นายทำอะไรแบบนั้น”
“...”
“ไม่คิด...ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้นายมากมายขนาดนี้”
จุนมยอนเหยียดปากกับคำพูดของคนตรงหน้า
หัวเราะเบาๆกับตัวเอง พอดีกับไอศกรีมที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ
ถ้วยไอศกรีมรวมรสถ้วยใหญ่ถูกวางลงตรงหน้าจุนมยอนพร้อมช็อกโกแลตเย็น
มือบางยังไม่หยิบช้อนที่วางข้างๆถ้วยมาตัดเนื้อเนียนของไอศกรีมเข้าปากแต่กลับมองสบกับตาของคริสที่นั่งอยู่อีกฝั่ง
“ถ้าจะผิดตั้งแต่เริ่ม...คงผิดที่ฉันเลวเอง”ถ้าเพียงไม่สนใจแล้วตั้งใจเรียนไปเรื่อยๆ
จบมาหางานทำเหมือนคนทั่วไป ชีวิตของจุนมยอนก็คงไม่เป็นแบบนี้
จะโทษใครนอกจากตัวเอง...
“จุนมยอน...ทุกคนก็ผิดด้วยกันทั้งนั้น
ไม่มีใครทำถูกไปทุกอย่างหรอก”ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วไม่เคยก้าวไปในทางที่ผิดเลยสักครั้ง
กว่าเราจะรู้ว่าต้องเลือกเดินทางไหน ต้องทำอะไรจึงจะถูกต้อง
บางครั้งเราก็ต้องผิดพลาดและล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน
“เก็บมันไว้เป็นบทเรียนแล้วเรามาเริ่มกันใหม่ไหม?”
“...”
“ฉันกลับไปแก้อดีตไม่ได้
นายก็เหมือนกัน”
“...”
“เริ่มใหม่นะ...ถ้ามันหนักหนาเกินไป...”
.
.
.
“ฉันจะช่วยนายเอง”
มือหนาเอื้อมหยิบมือของจุนมยอนมากุมเอาไว้แล้วบีบเบาๆ
ดวงตาแสนสวยมองสบกับดวงตาของคริส
น้ำตาที่แห้งแล้วกลับมาคลออีกครั้งก่อนที่มันจะทิ้งตัวลงบนแก้มขาว
“กินไอติมสิ”เสียงทุ้มเอ่ยบอกแล้วหยิบช้อนส่งให้
จุนมยอนรับช้อนเหล็กของร้านมาถือแล้วค่อยๆตักกเนื้อไอศกรีมเข้าปาก
รสชาติหวานลิ้นแผ่ซ่านกระจายไปทั่ว คนอ่อนแอได้แต่ตักไอศกรีมเข้าปากคำแล้วคำเล่า
ไม่นานหยดน้ำตาก็หมดลงเหลือแต่ดวงตาที่แดงช้ำมากกว่าเดิม
ค น คุ ก
“นายก็มารับฉันเหรอเนี่ยจุนมยอน”เสียงหมีที่เปลี่ยนจากชุดโรงพยาบาลเป้นชุดลำลองแล้วเอ่ยกับจุนมยอนที่เดินตามคริสเข้ามาในห้องพัก
เพราะตั้งแต่จงอินมาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยมาเยี่ยมเลยสักครั้งแต่พอไอ้คนหน้าหมีจะออกกลับเจอจุนมยอนมารับเสียได้
“ฉันพาจุนมยอนมาสมัครงานด้วยน่ะ”เป็นคริสที่พูดตอบ
จงอินถามว่าสมัครงานอะไรกัน
“เห็นทำงานข้างนอกแล้วมีปัญหา
ที่นี่อยู่ในความดูแลของตำรวจ ไม่มีไอ้บ้ากามมาทำอะไรจุนมยอนแน่ๆ ก็เลยจะฝากให้เป็นบุรุษผู้ช่วยพยาบาล”คริสตอบ
จงอินได้ยินแบบนั้นก็ดีดนิ้ว ทำไมเขาไม่คิดได้บ้าง
แทนที่จะให้จุนมยอนไปหางานเองก็ให้ทำงานเกี่ยวข้องกับพวกเขาก็ได้นี่นะ
“ดีจังฮะ
ทำงานใกล้ๆกัน อบอุ่นดี”มินซอกพูดพร้อมรอยยิ้ม จุนมยอนพยักหน้า ร้องอืมในลำคอ วาดแขนออกหามินซอกให้คนตัวเองเข้ามากอด
“มึงจัดการเรื่องพาจงอินออกแล้วกัน
ค่ารักษาพยาบาลกูเคลียร์หมดแล้ว
ไปรับยาได้เลย”คริสบอกกับลู่หานแล้วขอแยกตัวพาจุนมยอนไปฝากทำงานกับฝ่ายบุคคลก่อน
ตอนแรกฝ่ายบุคคลก็ไม่อยากจะรับเพราะนอกจากจุนมยอนจะมีวุฒิแค่มัธยมปลายแล้ว
หลักฐานแสดงผลการศึกษาก็ไม่มีอีกด้วย
แต่เพราะผู้กองคริสขอร้องนางพยาบาลร่างอวบจึงผ่อนปรนยอมรับจุนมยอนเข้าทำงาน
“แรกๆก็ช่วยเรื่องเข็นเตียง
เข็นวีลแชร์กับช่วยนางพยาบาลขนผ้าปูเตียงก่อนะคะ”หล่อนบอกกับผู้กองตัวสูงแล้วหันมาถามจุนมยอนว่าทำได้ใช่ไหม?
ร่างบางพยักหน้าตอบว่าได้ ไม่ได้ลำบากเลยสักนิด
“ฉันชื่อฮายอง
เป็นฝ่ายบุคคลแล้วก็เป็นพยาบาลแก่ๆของที่นี่ด้วย
มีอะไรก็ปรึกษาฉันได้นะ”หล่อนพูดบอก ผู้กองตัวสูงหัวเราะกับคำว่าพยาบาลแก่ๆ
เขาเย้านางพยาบาลร่างอสบว่าก็ยังไม่แก่เสียหน่อย
“ไม่ต้องปากหวานหรอกค่ะผู้กอง
ฉันแก่แล้วไม่หลงคารมหรอกนะ”
“ฮ่ะๆ
ยังไงก็ขอบคุณที่รับจุนมยอนเข้าทำงานนะครับ”เขาขอบคุณอีกครั้ง
ฮายองยิ้มว่าไม่เป็นไร วันเริ่มงานก็ขอเป็นต้นเดือนเลยก็ได้
และชุดยูนิฟอร์มผู้ช่วยพยาบาลก็ซื้อได้ที่สวัสดิการของโรงพยาบาล
“ขอบคุณ...”จุนมยอนพูดขึ้นหลังเดินออกจากห้องฝ่ายบุคคลไม่กี่ก้าว
คริสพูดปัดว่าไม่เป็นไรแต่จุนมยอนก็พูดขอบคุณซ้ำอีกครั้ง
“ฉันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นายต้องเจออะไรแบบนี้
ถือเสียว่าเป็นความรับผิดชอบจากฉันก็ได้”ชายหนุ่มพูด
“แต่ถึงอย่างนั้น
ฉันก็ต้องขอบคุณ...”
“...”
“ขอบคุณนะฮะ...พี่คริส”
TBC.
เหนื่อย
#พี่ลู่คนคุก
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น