ไม่มีหรอกคำว่าตลอดไป
มีแต่คำว่าปัจจุบัน
โอเซฮุน.2…
“อาการโดยทั่วไปก็ดีขึ้น แผลไม่ค่อยอักเสบแล้ว
อีกไม่นานก็คงกลับบ้านได้แล้วล่ะ”เสียงทุ้มต่ำของปาร์คชานยอลเอ่ยบอก
จงอินแอบเบ้ปากเวลาหมอปาร์คพูด
ปาร์คชานยอลเป็นหมอ
แน่นอนว่าเป็นหมอที่โรงพยาบาลตำรวจนี่ล่ะ
เพราะฉะนั้นจึงได้รับหน้าที่ให้เข้าไปตามเรื่องเมื่อตอนอยู่ในคุกจากผู้กองคริส
อันที่จริงหมอปาร์คจบจากมหาวิทยาลัยด้วยเกียติรนิยม มีโรงพยาบาลมากมายต้องการแพทย์หนุ่มไปประจำในโรงพยาบาล
แต่คนที่พรั่งพร้อมด้วยรูปทรัพย์อยู่แล้วเลือกที่จะทำงานกับเพื่อนสนิทอย่างคริสมากกว่าราคาค่าตัวที่สูงลิบจากโรงพยาบาลอื่น
เพราะโรงพยาบาลตำรวจนั้นอยู่ได้โดยงบของรัฐ
จึงมีแพทย์น้อยรายที่ต้องการประจำอยู่ที่นี่
โรงพยาบาลของรัฐแต่ละแห่งมักจะขาดแพทย์ฝีมือดีเสมอเพราะแต่ละคนถูกโรงพยาบาลใหญ่ๆซื้อตัวไปหมดแล้ว
“พี่หมอใกล้จะเลิกกะหรือยัง
ผมจะชวนไปกินข้าว”เซฮุนที่วันนี้ก็มาเยี่ยมจงอินอีกครั้งถามเพื่อนพี่ชายที่ขีดเขียนอาการของคนที่นอนบนเตียงลงบนแผ่นชาร์ต
หมอปาร์คยกนาฬิกาขึ้นดูบอกว่าอีกแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
อยากกินอะไรก็ให้เจ้าตัวแสบคิดเมนูได้เลย พี่หมอจะพาไปเลี้ยงเอง
“เยส! ผมอยากกินหม้อไฟ เราไปห้างกันนะ”เซฮุนยิ้มร่าด้วยความพอใจ
พี่ชานยอลของเจ้าตัวไม่เคยขัดใจอะไรโอเซฮุนเลยจริงๆ
“ชวนพี่ซอนฮวาไปด้วยกันเนาะ
ผมไม่เจอพี่เขามานานแล้วเหมือนกันนะเนี่ย
พี่ซอนฮวาเข้ากะดึกตลอดเลย”คนตัวบางพูดถึงฮันซอนฮวา หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างเล็กบาง
คุณพยาบาลใจดีของโรงพยาบาลตำรวจแห่งนี้และที่สำคัญยังเป็นแฟนกับคุณหมอปาร์คคนดีอีกด้วย
หญิงสาวมักจะอยู่เวรเข้ากะดึกช่วงนี้จึงไม่ค่อยได้เจอกันเสียเท่าไหร่นัก
เห็นพี่หมอบอกว่าวันนี้หญิงสาวมาทำงานกะเช้าเลยอยากจะชวนคุยให้หายคิดถึง
จงอินขมุบขมิบปากพูดตามเซฮุนอย่างนึกหมั่นไส้
ยัยตัวขาวลืมไปหรือเปล่าว่ามีคิมจงอินนอนเป็นหมีอยู่ตรงนี้ คุยกันหนุงหนิงหนุงหนิง
น่าหมั่นไส้!!
ลืมหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นแฟนใครน่ะโอเซฮุน!!!
เออ
ก็ยังไม่ได้เป็นทางการหรอก แต่วันนั้นที่ส่งข้อความไป
ถ้าไม่ตอบกลับก็แสดงว่าตกลงใช่ไหมล่ะ คนอย่างคิมจงอินไม่ได้โมเม แต่มีหลักฐานยืนยัน
ถึงเซฮุนจะเถียงหน้าดำหน้าแดงวันต่อมาว่าเผลอนั่งทับมือถือต่างหากไม่ได้ตั้งใจเปิดอ่านข้อความแต่จงอินถือว่าข้อความถูกอ่านแล้ว
“ซอนฮวานี่ใช่คุณพยาบาลที่น่ารักๆคนนั้นหรือเปล่าครับหมอ
ผมว่าจะลองจีบเธออยู่เหมือนกันคนอะไร๊ข๊าวขาว ผมชอบคนขาวๆ”คนนอนเจ็บเบื่อจะฟังบทสนทนาของชานยอลกับเซฮุนขอร่วมพูดถึงฮันซอนฮวาบ้าง
พอจะจำได้ว่าเธอเป็นผู้ชายน่ารัก ผิวขาวจัดเหมือนเซฮุนนี่ล่ะ
เซฮุนได้ยินไอ้หมีโง่พูดถึงว่าที่พี่สะใภ้แล้วรู้สึกคิ้วกระตุก
หมายความว่าอะไรที่บอกจะจีบพี่ซอนฮวา? แล้วไอ้น้ำเสียงที่เน้นย้ำคำว่าชอบคนตัวขาวนั่นน่ะ
อย่ามาพูดพร้อมสายตาวิบวับหน่อยเลย
“ต้องเสียใจแทนนายด้วยนะจงอิน
พอดีซอนฮวาเธอมีเจ้าของแล้วน่ะ แถมจะขี้หวงเสียด้วย”ชานยอลยิ้มๆกับคำพูดของตัวเอง
ไม่ได้รู้สึกหึงหวงที่จงอินพูดถึงซอนฮวาเชิงจะจีบ
เพราะรู้ว่าอีกคนพูดออกมาโดยไม่ได้คิดจริงจัง คงแค่อยากจะเรียกร้องความสนใจจากไอ้เจ้าตัวแสบตรงหน้าเสียมากกว่า
“จริงเหรอ
ใครได้เป็นแฟนเธอคงจะโชคดี”ไอ้คนตัวโตเป็นหมีพูดออกมา
เซฮุนยู่ปากใส่อีกคนแล้วบอกว่าโชคดีแบบสุดๆ
แถมคนๆนั้นยังเพอร์เฟคมากจนจงอินเทียบไม่ติด
ปาร์คชานยอลขยี้ผมน้องชายเพื่อนปรามว่าอย่าพูดแบบนั้นไป
ไอ้ตัวดื้อก็ได้แต่ยู่ปาก บอกเสียงเบาว่าก็ให้ดูไอ้หมีนั่นสิ
คิดจะจีบพี่ซอนฮวาคนสวยของโอเซฮุน ช้าไปสิบปี! ชานยอลหัวเราะน้อยๆ
อยากถามว่าที่ไม่พอใจนี่เพราะแฟนของเขาจะถูกจีบหรือคนจีบเป็นคิมจงอินกันแน่
ชานยอลบอกให้จงอินนอนพักก่อนจะออกจากห้องพักผู้ป่วยมาแต่ไอ้ตัวดื้อก็ไม่ได้ออกมาด้วย
ยืนหน้าหงิกปากเบะอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยนั่นล่ะ
หมอหนุ่มส่งยิ้มให้กับพยาบาลที่เดินสวนกันมา
เขาถามไถ่เล็กน้อยถึงแฟนสาวที่วันนี้เข้ากะเช้าก็ได้ความว่าฮันซอนฮวาดูแลผู้ป่วยอยู่อีกชั้นหนึ่ง
ชานยอลกับซอนฮวาคบหากันมาหลายปีแล้ว อยู่ด้วยกันแรกเริ่มในฐานะเพื่อนที่เข้าใจกัน
สุดท้ายก็พัฒนากลายเป็นความรัก ชานยอลไม่เคยพูดบอกใครว่าซอนฮวาคือคนรัก
รู้กันเฉพาะคนที่สนิทว่าหัวใจของหมอหนุ่มมีเจ้าของแล้ว
ไม่แปลกเลยที่จงอินจะไม่รู้ว่าคู่แข่งที่ตัวเองบอกว่าน่ากลัวนั้นไม่ได้คิดกับเซฮุนมากกว่าน้องชายจอมดื้อเลยสักนิด
ทั้งคริสและชานยอลรู้ว่าจงอินและเซฮุนรู้สึกยังไงต่อกัน
แต่เพื่อนของเขาก็เป็นห่วงน้องมากเกินไป จนเมื่อจงอินอยากจะสอบเข้าตำรวจนั่นล่ะ
อู๋อี้ฟานถึงอ่อนลง ชานยอลเองก็เข้าใจความคิดของเพื่อน
เขาเองก็รักเซฮุนเหมือนน้องแท้ๆ ถ้าจะฝากชีวิตของน้องชายไว้ที่ใครสักคน คนนั้นก็ต้องดูแลน้องชายของเขาได้
และจากการประเมิน...คิมจงอินสอบผ่านในสายตาของชานยอล
ค น คุ ก
“หน้างอกว่าตะขอเบ็ด”เสียงทุ้มเอ่ยรวนคนที่นั่งหน้างุ้มมองนาฬิกาว่าถึงเวลาออกกะของพี่หมอกับแฟนสาวหรือยัง
โอเซฮุนมองคนที่นอนบนเตียงครั้งหนึ่งแล้วสนใจเข็มนาฬิกาที่กำลังเดินวนอีกครั้ง
“ตัว”คนเจ็บเห็นว่าอีกคนไม่สนใจก็เรียกอีกครั้ง
ผลก็ยังเหมือนเดิม คนตัวขาวหันตัวหนีกันอีกเสียด้วยซ้ำ
“ตัว...”ลองเรียกอีกครั้ง
ผลก็ยังเหมือนเดิม เซฮุนหันหลังให้จงอิน ปากบางเฉียบเบ้บึนยู่ยี่
“ตัว...หันมาหน่อยดิ่”เสียงทุ้มยังคงร้องเรียก
เซฮุนย่นหัวคิ้วก่อนจะหันไปถามว่าจะเรียกทำไมนัก ก็เห็นคนที่นอนเจ็บยิ้มน้อยๆ
“เรียกแฟนไม่ได้เหรอ?”ถามคำถามที่ทำให้เซฮุนหน้าร้อน
คนตัวขาวเถียงกลับว่าไม่ได้เป็นแฟนกันสียหน่อย
ก็บอกอยู่ว่านั่งทับมือถือเลยทำให้ข้อความถูกเปิดอ่านไม่รู้ตัว
ไอ้ที่ไม่พอใจที่ไอ้หมีโง่คิดจะจีบพี่ซอนฮวาหายหมดเหลือแต่หน้าร้อนๆ
ที่บอกว่านั่งทับมือถือนั่นโกหกสิ้นดี
เซฮุนเปิดอ่านมันด้วยตัวเอง และที่ไม่ได้ตอบกลับมาก็เพราะมัวแต่เขินตัวบิด
“ไม่อยากเป็นแฟนเค้าก็บอกมาดิ่”จงอินพูดอย่างประชด
และคงสะกิดใจคนฟังได้ดี โอเซฮุนเลยเบิกตาขึ้นน้อยๆ
“ก็ไม่ได้บอกว่าไม่อยากเป็นแฟนตัวนิ่”เสียงหวานตอบกลับ
พร้อมกับหน้าที่ค่อยๆเข้มสีแดงขึ้น คนตัวขาวหันหน้าหนีอีกคนอีกรอบ ก้มหน้างุดๆ
รู้สึกว่าฝ่ามือชื้นเหงื่อขึ้นมาทันทีที่พูดออกไป
อยากจะตีปากตัวเองเพราะคำพูดมันออกมาโดยไม่ทันได้คิด
แค่ได้ยินอีกคนประชดก็เลยพูดแย้งออกมาตามที่ใจคิด
ไม่ได้คิดก่อนว่าจะทำให้ไอ้หมีโง่มันนอนยิ้มเผล่ด้วยความสมใจ
“ตัว...”เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้ง
คราวนี้เซฮุนไม่หันไปเด็ดขาด คนตัวขาวเขิยบเข้าหาโซฟาที่วางกระเป๋าไว้
อยากจะเดินเลี่ยงออกไปเลยตอนนี้ แต่เสียงทุ้มก็ยังเรียกกันต่อเนื่อง
“ตัว...เซฮุนอา”คราวนี้มาเป็นชื่อ
เซฮุนครางหงิงในลำคอ ร้องงื่อๆ
คว้ากระเป๋าได้ก็แทบจะวิ่งออกไปจากห้องแต่ติดที่คนบนเตียงก็ยังเรียกกันเอาไว้อีกครั้ง
แถมยังหยุดขาของเซฮุนได้อย่างดีเสียด้วย
“เค้าชอบตัวนะ
ถ้าไม่ชอบกันก็บอก”เซฮุนหันไปมองคนที่นอนบนเตียงอีกครั้ง
ใบหน้าของจงอินเหมือนจะดูซีเรียสกับคำพูดของตัวเอง
แต่เซฮุนก็รู้ว่ามันแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
...อยากให้เขาพูดมันออกมา...
ปากบางถูกขบด้วยฟันซี่เล็ก
ไอ้หมีบ้าเอ้ย!
เซฮุนหันหน้าหนี
กระชับกระเป๋าสะพายในมือ หน้าร้อนและแดงสุกจนอยู่ในห้องนี้ต่อไม่ได้แล้ว
“ก็ถ้าเค้าไม่ชอบแล้วจะมาอยู่ดูแลตัวทำไมล่ะไอ้โง่!!”
ปัง!
สิ้นเสียงพูดตะโกนบานประตูห้องก็ถูกกระชากเปิดและปิดเสียงดัง
คนตัวขาววิ่งหนีออกไปนอกห้องพร้อมหน้าที่แดงจัดกับคำพูดของตัวเอง
ร้องครางงื่อๆเหมือนลูกหมา แทบจะชนกับหมอปาร์คที่เดินขนาบข้างกับหญิงสาวร่างเล็กบางอีกคน
เพื่อนพี่ชายที่เพิ่งไปรับแฟนสาวจากอีกชั้นกำลังจะมาตามเจ้าตัวแสบไปกินข้าวอดจะยิ้มไม่ได้กับใบหน้าที่สีเหมือนลูกเชอร์รี่
ฮันซอนฮวาก็ด้วยอีกคน หญิงสาวทาบมือลงกับแก้มเซฮุนของเซฮุน
เอ่ยแซวเสียงใสว่าผู้ป่วยถูกยิงคนนั้นแกล้งอะไรน้องชายของเธอกันนะถึงหน้าแดงแบบนี้
“พี่ซอนฮวาง่า”เสียงหวานเง้างอด
บอกว่าไม่คุยแล้ว ไปหาของกินดีกว่า
เซฮุนพูดชื่อร้านหม้อไฟตลอดทางเดินกลบเกลื่อนไอ้หน้าแดงๆของตัวเอง
เสียงข้อความโปรแกรมแชทดังขึ้น
เซฮุนปล่อยแขนที่ควงพี่หมอไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งก็ควงแขนที่สาวคนสวย
มือบางล้วงเข้าไปหยิบเอาเจ้าเครื่องมือสื่อสารขึ้นมา
แล้วก็อยากจะระเบิดตัวเองออกเป็นเสี่ยงๆเมื่อกดอ่านข้อความนั้น
-จะถามอีกครั้งก็ได้
ถ้าวันนั้นไม่ได้เปิดดูจริงๆ-
-เป็นแฟนเค้านะ-
สติ้กเกอร์รูปหมีพร้อมจดหมายปิดผนึกด้วยหัวใจถูกส่งมาจากเบอร์คนที่นอนอยู่บนเตียงในห้องพักผู้ป่วย
เซฮุนลูบนิ้วลงบนหน้าจอทัชสกรีนที่ข้อความนั้นที่บอกว่า ...เป็นแฟนเค้านะ
แตะลงบนช่องที่ใช้สำหรับพิมพ์ข้อความแล้วแป้นพิมพ์ก็เด้งขึ้นมา
อ.อ่างถูกพิมพ์ลงไปตัวแรก และสระอือก็ตามมา แล้วก็ต้องกดลบข้อความออก
เซฮุนส่ายหัวจนหญิงสาวที่เดินข้างกันแปลกใจ
ฮันซอนฮวาหยุดเดินพาเอาคนรักอย่างชานยอลหยุดเดินด้วย
และก็เห็นเจ้าตัวดื้อจดจ่ออยู่กับมือถือแบบนั้น
ชานยอลวางมือลงบนกลุ่มผมสีเข้มแล้วขยี้มันเล็กน้อยเรียกให้เซฮุนเงยหน้ามามอง
ใบหน้าที่ขาวจัดนั้นแดงก่ำกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ เจ้าตัวอาจจะยังไม่รู้
ริมฝีปากก็ถูกขบจนปวมขึ้นมา
“มีอะไรในโทรศัพท์ล่ะหืม”เขาถามน้อง
เซฮุนบอกเปล่า
จะเก็บมือถือที่ยังไม่ได้กดพิมพ์ข้อความตอบกลับลงสู่กระเป๋าเหมือนเดิม
แต่มือใหญ่ๆกลับคว้ามันเอาไว้เสียก่อน
“พี่หมอ
ไม่เอานะ”เสียงหวานร้องท้วงเมื่อคุณหมอปาร์คกดปลดล็อคหน้าจอขึ้นมา
ป็อปอัพหน้าต่างโปรแกรมแชทยังถูกเปิดค้าง
เซฮุนหน้าร้อนฉ่าที่พี่หมออ่านข้อความนั้น ฮันซอนฮวาก็เห็นมันเช่นกัน
เธอหัวเราะคิกและยิ้ม คว้าตัวเซฮุนมากอดและโยกไปมา
“ให้พี่พิมพ์ตอบให้ไหม?”ปาร์คชานยอลไม่ได้เอ่ยถามความคิดเห็น
แต่นิ้วมือของหมอหนุ่มแตะลงที่ช่อพิมพ์ข้อความแล้ว
เซฮุนจะแย่งมือถือของตัวเองกลับแต่พี่ชายก็ชูมันสูงขึ้น
ถึงจะไม่ได้เตี้ยแต่คนตัวขาวก็เอื้อมไม่ถึงมือพี่อยู่ดี
ปาร์คชานยอลยิ้ม
วางมือลงบนหัวน้อง
“อย่าลีลาเลยเซฮุน
เราก็ชอบเขานี่นา”พี่หมอบอก เซฮุนร้องครางเครือ มันก็ใช่ที่เซฮุนชอบจงอิน
หลงรักมาตั้งนาน แต่...จะให้พูดเลยก็กระไรอยู่
ก็มันอาย...
รับโทรศัพท์ที่พี่หมอส่งกลับมาถือเอาไว้
หมอปาร์คพยักหน้าให้เจ้าตัวแสบพิมพ์ข้อความตอบกลับไปได้แล้ว เซฮุนหันไปมองซอนฮวา
เธอยิ้มและลูบบ่าน้อง เพราะรู้เช่นกันว่าเซฮุนและจงอินคิดต่อกันยังไงตามคำพูดเล่าเรื่อยๆจากชานยอล
เซฮุนก้มหน้างุดกับจอมือถือ
ในใจมันเต้นแรงมากจริงๆที่ต้องแตะลงบนกล่องพิมพ์ข้อความนั้น
คำพยางค์สั้นถูกพิมพ์ลงไป
นิ้วเรียวแตะที่ปุ่มส่งก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋าอย่างรวดเร็วๆ
คล้องแขนพี่หมอและคนรักของพี่หมอไปหาร้านหม้อไฟอีกครั้งด้วยใจที่เต้นระส่ำกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพิมพ์ตอบกลับไป
จงอินลูบหน้าจอที่มีข้อความของเขาส่งหาเบอร์ของตัวขาว
มันถูกอ่านแล้ว หนุ่มร่างโตยิ้มและรอ...ข้อความตอบกลับจากอีกคน
หัวใจดวงเท่ากำปั้นใตหน้าอกแผ่นหน้าเต้นถี่ขึ้น
เสียงเตือนข้อความดังขึ้นพร้อมใจที่กระตุกวูบ
จงอินไม่รอที่จะเปิดอ่าน นอยยิ้มของพ่อหมีปรากฏกว้าง
ยิ้มให้หน้าจอมือถือเหมือนคนบ้า
ก็แค่ข้อความของเซฮุน...
-อืม
เค้าก็ชอบตัว-
-เป็นแฟนกันนะ-
ค น คุ ก
“โอ้ยไอ้เหี้ย
อย่างมึงนี่คงไม่ตายง่ายๆเพราะโดนยิง แต่จะตายเพราะเบาหวานแดกเสียมากกว่า
มดนี่ก็ตอมกูยั๊วะเยี๊ยะไปหมด ไอ้สัด! เอาไบก้อนมาฉีดหน่อย!!”น้ำเสียงกวนส้นตีนแบบนี้คงเป็นใครไม่ได้นอกจากลู่หาน
ติดอยู่ที่จงอินไม่สามารถจะลุกไปเตะมันให้คว่ำได้เลยได้แต่นอนส่งนิ้วกลางให้มันแบบนี้
ไม่น่าเล่าให้แม่งฟังหรอกว่าเขาและเซฮุนตกลงคบกันแล้ว
ไอ้ปากหมาหน้าหวานนี่เลยล้อสนุกปาก จะว่าไปก็เหมือนกรรมตามสนอง
เห็นลางๆว่าเคยทำแบบนี้กับมันในอดีต
“เงียบปากเสียทีเหอะมึงน่ะ
ตัวไปเรียนเหอะ
เดี๋ยวไอ้เหี้ยลู่หานก็เฝ้าเค้า”ด่าเพื่อนเสียงขรมก่อนจะหันไปบอกคนตัวขาวที่ขยับจากน้องชายเจ้านายมาเป็นแฟนแบบหมาดๆ
เซฮุนพยักหน้าก่อนจะคว้ากระเป๋าไปเรียน วันนี้มีเรียนบ่าย
ช่วงเช้าก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อนคนเจ็บเสียก่อน ช่วงสายๆก็มีไอ้เพื่อนตัวดีมาเยี่ยม
มันหอบเอาเสื้อผ้ามาให้ด้วยเพราะใกล้จะได้ออกจากโรงพยาบาลเต็มที
แผลที่ถูกยิงเริ่มสมานกัน ไม่มีการอักเสบและติดเชื้อเพิ่ม
รอให้แห้งสนิทกว่านี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้
“มึงไม่รู้สึกอยากอ้วกมั่งเหรอเวลาเรียกแทนตัวเองว่า ‘เค้า’ นี่กูแค่ได้ยินยังคันหูยิบๆ”ลู่หานถาม มันก็ออกจะคิขุเกินไปหน่อยที่ไอ้คนตัวโตเป็นหมีควายเรียกแทนตัวเองว่าเค้าอย่างโน้นเค้าอย่างนี้
ลู่หานยังไม่เคยแทนตัวเองด้วยชื่ออาโนเนะแบบนั้นกับมินซอกเลย
รู้สึกคลื่นไส้ยังไงชอบกล
“ไม่เสือกครับเพื่อน”คำตอบก็ไม่ต้องอธิบายอะไรดี
ลู่หานขมุบขมิบปากตามดัดเสียงล้อคำพูดเพื่อนแล้วแจกอวัยวะเพศให้อีกดอก
“แล้วนี่มึงจะหายทันสอบตำรวจกับเขาหรือเปล่า
ได้ข่าวว่าอีกเดือนเดียวนี่ ช่วงเดียวกับมินซอกสอบหมอพอดี
แล้วมึงนอนเป็นมะเขียวยาวเผาไฟอยู่แบบนี้
สมองน้อยขดของมึงจะสู้คนอื่นได้เรอะ”ลู่หานถามถึงการสอบตำรวจที่จงอินจะสอบด้วย
จงอินฟังข้ามคำค่อนแคะเรื่องความฉลาดของตัวเองไปแล้วบอกว่าคงหายทัน
“กูสอบข้อเขียน
ยังไม่ได้ทดสอบร่างกาย
กูไม่ได้เอาชายโครงไปจับปากกานี่ไอ้ควาย”ถือว่าจบกับคำถามนี่
ลู่หานยกเท้าเตะเตียงที่เพื่อนนอนอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเปิดตู้เย็นเอาผลไม้ที่เซฮุนปอกแช่เย็นเอาไว้มากิน
“มึงก็ดูมินซอกหน่อยละกัน
อย่าให้น้องมันโหมอ่านหนังสือหนัก เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”จงอินบอกเพื่อน ลู่หานเองก็ห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
เพราะตอนนี้งานของลู่หานหลังจากจับกุมปีเตอร์ปาร์คก็ยังไม่มีงานอื่นเข้ามาเลย
เลยได้ใช้เวลาอยู่กับมินซอกมากขึ้น แต่เจ้าตัวเล็กกลับขลุกอยู่กับหนังสือมากกว่า
เลิกงานร้านป้านาบี เจ้าปั๋วเสียนมาส่งบ้านก็พุ่งเข้าหาหนังสือก่อนเพื่อน
“น้องเรียนถึงวันไหนนะ
เห็นบอกจะจบมอปลายแล้ว”จงอินถามเพื่อนอีกครั้ง
เห็นลู่หานเปรยๆว่ามินซอกจะเรียนเทียบจบแล้ว
“เหลือเรียนอีกอาทิตย์เดียว
เสร็จแล้วก็รับใบรับรองได้เลย กูว่าจะให้น้องเลิกทำงาน
อยากสอบหมอก็ให้ทุ่มเทด้านนี้ไปเลย ทำงานไปด้วยเตรียมสอบไปด้วย
เดี๋ยวจะน็อค”จงอินบอกว่าก็ดีแล้ว
อีกทั้งยังบอกด้วยว่าควรจะให้อี้ชิงเลิกทำงานที่บาร์ด้วย
น้องชายลู่หานก็ใกล้จะเรียนจบแล้วเหมือนกัน ได้ยินว่าอยากเป็นตำรวจ
ควรจะเริ่มอ่านหนังสือเสียตั้งแต่ตอนนี้ เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ
“ขัดไม่ได้หรอกรายนั้น
กูนะห่วงแทบตาย น้องกูดื้อเงียบ”เห็นน่ารักขี้อ้อนแม่เป็นเด็กดีมาตลอดแต่บางเรื่องก็ดื้อรั้นได้ใจ
เหมือนจะมีแฟนด้วยล่ะมั้ง เห็นคุยโทรศัพท์บ่อยๆครั้ง
ได้ยินเรียกชื่ออีกฝ่ายเป็นภาษาจีน ไม่รู้ไปถูกใจยัยหมวยที่ไหนเข้า
“แล้วมึงเองล่ะ
ไม่คิดจะสอบตำรวจเหรอ? มึงคงไม่คิดจะทำงานเป็นสายให้ผู้กองไปตลอดหรอกใช่ไหม?”จงอินถาม
ลู่หานถอนหายใจออกมาเมื่อพูดถึงงาน แน่นอนเขาไม่ต้องการทำอาชีพนี้ไปตลอดชีวิตหรอก
แต่เพราะเขาหางานไม่ได้ ประวัติที่ด่างพร้อยไปแล้วทำให้น้อยคนจะหยิบยื่นโอกาสให้
ก็บอกแล้วว่าเขาไม่ได้โชคดีเจอคนดีๆที่ยอมรับเรื่องแบบนี้ได้เหมือนกับมินซอก
“กูไม่เอาชีวิตกูมาเสี่ยงแบบนี้ตลอดไปหรอก
ถ้ามีโอกาสที่ดีกว่ากูก็จะไป”ใครอยากจะเอาชีวิตมาแขวนไว้บนเส้นด้าย
งานของสายตำรวจบางครั้งก็ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงเหมือนที่จงอินทำ
เขาเป็นห่วงน้องกับมินซอก เมื่อไหร่ที่หางานใหม่ได้ เขาก็จะเลิก
“ยังไงมึงก็เอาเรื่องสอบตำรวจไปคิดแล้วกัน
วุฒิมึงก็มีจนมอปลาย สอบได้ก็ดี จะทำไม่ทำนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง”จงอินพูดบอก
ลู่หานเก็บเอาคำเพื่อนมาคิด มันก็ดีเหมือนกัน
ลองสอบดูเพื่อวัดความรู้ความสามารถของตัวเองก็ไม่ผิด
ค น คุ ก
ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก
ร่างสูงของผู้กองคริสแทรกตัวเข้ามาก่อนจะงับประตูปิดเหมือนเดิม
เซฮุนโทรมาบอกว่าให้มารอที่ห้องพักของจงอิน เพื่อจะกลับบ้านพร้อมกัน
คริสทักคนที่นอนดูทีวีอยู่ถามไถ่ถึงอาการโดยรวมก็ได้คำตอบว่าอีกสักพักก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
“พอนายเจ็บ
น้องชายฉันเลยมาที่นี่เสียบ่อยเชียว เห็นทุกทีเวลาให้มารอกลับบ้านที่นี่ล่ะบ่นอุบว่าเบื่อกลิ่นยาฆ่าเชื้อ”คริสยิ้มขำๆ
นึกถึงหน้ายู่ๆเวลาบอกว่าต้องมาสอบปากคำคนที่ถูกทำร้ายร่างกายและถูกส่งตัวเข้ามาในโรงพยาบาล
ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลไหนไอ้ดื้อก็จะบ่นว่าเหมือนยาฆ่าเชื้อตลอด
จงอินยิ้มแหยๆ
บอกว่าเพราะรู้จักกันมานาน เซฮุนก็อาจจะห่วงตนเองเลยมาเยี่ยมบ่อยครั้ง
ผู้กองคริสส่ายหัวกับคำพูดของลูกน้อง
“ฉันไม่ได้โง่
แล้วหลายคนก็มองออกว่านายกับเซฮุนคิดยังไงต่อกัน
ได้ข่าวว่าเป็นแฟนกันแล้วด้วยไม่ใช่เหรอ?
นี่พี่ชายของเซฮุนอย่างฉันยังไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ยถ้าไอ้หมอมันไม่บอก”น้ำเสียงเหมือนจะขำ
แต่เพราะรู้ว่าคริสห่วงน้องชายอย่างกับอะไร
คนที่เพิ่งเป็นแฟนกับน้องชายผู้กองตัวสูงเลยเสียววูบวาบ พึมพำว่าขอโทษที่ไม่ได้บอก
“ผมไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอะไร
แต่ก็ใช่ที่ผมชอบเซฮุน...ผมรักน้องชายผู้กอง และเซฮุนเองก็มีใจเหมือนกับผม”
“...”
“ผมรู้ว่าผู้กองหวงเซฮุน
ไม่ไว้ใจใครนอกจากหมอปาร์ค...แต่ผมคิดว่าผมจะดูแลเซฮุนได้”
“...”
“ให้ผมดูแลเซฮุนเถอะนะครับ”
น้ำเสียงของจงอินไม่ดูเหมือนเล่นอยู่สักนิด
แต่ละคำที่พูดออกมาดูหนักแน่น ผู้กองตัวสูงมองคนที่ทำงานให้กันมานาน
“นายแน่ใจนะว่าจะดูแลน้องชายของฉันได้ดี
แน่ใจใช่ไหมว่าจะรักเซฮุนได้เหมือนที่ฉันรักและดูแลเขามา”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม
คนเจ็บขยับตัวน้อยๆก่อนจะขยับตัวขึ้นนั่งเอนหลังพิงกับตัวเตียงน้อยๆ
จงอินมองเข้าไปในดวงตาของผู้กองคริสแล้วยืนยันหนักแน่น
“ผมจะดูแลให้ดีกว่าที่ผู้กองเคยทำ”
คริสระบายยิ้มออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น
พี่ชายขี้หวงตบบ่าของลูกน้องตัวโตก่อนจะบีบแน่นๆเหมือนต้องการให้จงอินฟังคำพูดของตนให้ดีๆ
“คิมจงอิน...”
“...”
“ฉันฝากน้องชายให้นายดูแลด้วยนะ”
TBC.
#พี่ลู่คนคุก
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น