ถ้าแก้วมันแตกแล้วย่อมไม่สามารถต่อมันกลับได้
ยกเว้นว่าจะหลอมมันใหม่เสีย
จางอินซู…
คริสหอบโยน
หูที่อื้ออึงเพราะขาดสติเริ่มกลับมาให้การได้
เพราะฉะนั้นถึงได้ยินเสียงร้องไห้ลั่นจากจุนมยอนที่นอนขดตัวอยู่ไม่ห่าง
พลันสติของผู้กองตัวสูงถึงได้กลับมา
“เหี้ยเอ้ย!”สบถออกมาก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับ
ความรู้สึกผิดแล่นปราดไปทั่วร่าง หัวใจเต้นหนึบกับเสียงร้องไห้ของจุนมยอน
เอื้อมมือไปแตะตัวอีกคนแต่จุนมยอนกลับถดตัวหนี
ใบหน้าเปื้อนน้ำตาทั้งริมฝีปากสีสดยังเปรอะคราบขาวขุ่น
“ฉันขอโทษ”พูดได้แค่นี้
คริสดึงเนื้อตัวขาวเนียนเข้ามาสู่อ้อมแขน
แม้อีกคนจะดิ้นรนแต่แขนที่ยาวกว่าก็รั้งเอาไว้จนได้
มือหนาปาดคราบน้ำรักออกจากริมฝีปากจุนมยอน กลิ่นคาวคละคลุ้งน่าคลื่นเหียน
ผู้กองหนุ่มใส่กางเกงกลับให้ตัวเอง
มองทางบานประตูห้องนอนจงอินไม่พบความผิดปรกติแสดงว่าสองคนในนั้นไม่ได้ตื่นจากเสียงอะไรๆที่เกิดขึ้น
“อย่างน้อยก็ไปล้างหน้าล้างปากก่อน
อย่าเพิ่งดิ้น”ช้อนตัวอีกคนให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะพยุงร่างที่อ่อนเปลี้ยให้ยืนขึ้น
จุนมยอนผละจะออกจากอ้อมกอดของอีกคนแต่ก็ไม่มีแรงมากพอ
สุดท้ายเลยต้องให้ผู้กองคริสกึ่งลากกึ่งพยุงเข้าไปในห้องนอน มือหนาเปิดประตูห้องน้ำแล้ววางร่างคนที่ไม่หยุดร้องไห้ลงกับโถสุขภัณฑ์
ปลดฝักบัวลงมาเปิดล้างใบหน้าที่เปรอะเปื้อน
“หลับตา”สั่งเพื่อไม่ให้น้ำเข้าตาแต่จุนมยอนไม่ทำตาม
ดวงตากลมโตมองมาที่คริส เห็นแววตาตัดพ้ออยู่ในนั้น
ระคนผิดหวังในตัวผู้กองหนุ่มอย่างเหลือแสน คริสมองตอบ
มีเพียงคำว่าขอโทษที่ดังซ้ำๆในความคิด มือหนารั้งหัวอีกคนมาซบที่หน้าท้อง
พูดย้ำเพียงคำเดิม
“ขอโทษ”
ค น คุ ก
วันนี้แดดร้อนจัด
พวกที่ลงงานกองเกษตรกรรมเลยทำงานไปพักไป กว่าจะฟันดินเสร็จก็กินเวลาไปถึงบ่าย
แผนที่ว่าจะโรยเมล็ดผักต่อเลยต้องพับไปให้เรือนนอนไอยราที่จะมาลงงานต่อพรุ่งนี้ทำ
จางอินซูกระดิกเท้ามองนักโทษแต่ละคนนอนแผ่เพราะอากาศร้อน
เขาโยนผ้าเย็นไปให้พวกมันคนละผืนบอกว่าสมนาคุณจากผู้คุม
อันที่จริงก็เก็บมาจากโต๊ะจีนงานแต่งเพื่อนเมื่อสามสี่วันที่แล้ว
เห็นว่าอากาศช่วงกลางวันค่อนข้างร้อนตลอด คนมาร่วมงานไม่ใช้ก็เลยนึกถึงไอ้พวกใช้แรงงานในเรือนจำ
ได้ผ้าเย็นหอมๆคงคลายร้อนได้หน่อย
“สมนาคุณจากงานแต่งผู้คุมอีใช่ป่ะเนี่ย”อีมินฮยอกถามขึ้นมา
แต่ก็แกะห่อผ้าเย็นมาเช็ดหน้าเช็ดตา
แช่อยู่ในกระติกน้ำเลยทำให้ผืนผ้านั้นเย็นสมชื่อ
“บ่นจริงนะมึง
จะเอาไม่เอา วันหลังกูจะได้ไม่เก็บมาให้อีก”เขาถาม มันถึงได้สงบปากสงบคำ
พูดมุบมิบว่าเอาสิ ร้อนจะตายชัก
สมาชิกเรือนนอนหงส์เพิ่งจะลดลงไปหลายอัตราในเวลาไม่นานมานี้
จุนมยอน มินกิ และแทคอุนต่างก็ได้พ้นโทษ
และจะมีอีกหลายคนที่กำลังจะตามออกไป จองแทคอุนกลับมาเยี่ยมเพื่อนๆที่อยู่ด้วยกันมานานบ่อยครั้ง
แต่ละครั้งก็ฝากเงินให้พวกที่ญาติไม่มาเยี่ยมและฝากขนมให้ทุกคนได้กินเสมอ
เห็นว่าได้งานทำเป็นพนักงานร้านอาหาร
เจ้าของร้านเป็นคนอังกฤษเลยไม่ได้สนใจปูมหลังของจองแทคอุนมากนัก
เพื่อนร่วมงานก็เป็นชาวต่างชาติเสียส่วนใหญ่ เลยทำงานง่าย เงินก็ดีอีกต่างหาก
เก็บเงินไม่นานคงได้เงินลงทุนสักก้อนเปิดร้านเบเกอรี่อย่างที่ตั้งใจ
เห็นว่าพักกันจนหายร้อนแล้ว
อินซูเลยไล่นักโทษแต่ละนายไปทำงานเสียให้เสร็จ ฟันดินพักเอาไว้ก็พอสำหรับวันนี้
เสร็จแล้วใครจะไปพักกันก็ตามสบาย ได้ยินพวกแก่ๆร้องดีใจจะไปดูฟุตบอลที่ทางเรือนจำใจดีให้เปิดถ่ายทอดสดดูได้เพราะเป็นศึกระหว่างเกาหลีกับญี่ปุ่น
ผู้คุมหนุ่มเดินผละจากแปลงเกษตรกรรมเพื่อกลับเข้าห้องพักผู้คุม
เขาต้องเคลียเอกสารความประพฤติของนักโทษแต่ละรายในแดนหนึ่งที่ผู้คุมแต่ละนายจะบันทึกแล้วส่งให้เขาเขียนรายงานต่อผู้บังคับบัญชา
จิ๊ปากเมื่ออ่านพฤติกรรมของไอ้พวกเรือนนอนสิงห์ ไม่มีความประพฤติแย่เลย การทำงานขยันขันแข็งดีคราวนี้ก็เลยหาเรื่องพวกมันไม่ได้
ที่จริงก็ไม่ได้อยากจะหาเรื่องพวกมันเท่าไหร่หรอก
เวลากระทืบนักโทษทีก็เหนื่อยเหมือนกัน
เกิดบาดเจ็บติดเชื้อขึ้นมาก็ต้องรักษาอีกให้วุ่นวาย แต่การเป็นผู้คุม
คอยควบคุมให้นักโทษอยู่ในกฎระเบียบนั้นก็ต้องทำให้พวกนักโทษเชื่อฟังได้
วิธีมีไม่มาก นอกจากกระทืบพวกมันให้เข็ดก็ไม่มีวิธีอื่น
ให้มาพูดเหตุผลดีๆก็มีแค่ไม่กี่พวกที่ยอมรับฟังแล้วปฏิบัติตาม
ผู้คุมในคุกถึงต้องแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก
คือพูดหนักกระทืบแรงกับพูดค่อยและเป็นมิตร และจางอินซูก็อยู่ในพวกแรกเสียด้วย
ถึงจะโดนเกลียดจากพวกนักโทษก็ต้องยอม
เพราะมันคือหน้าที่...
พลิกหน้ากระดาษเพื่อนอ่าพฤติกรรมของคนอื่นๆต่อแต่ก็ต้องสะดุดเพราะเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ
อินซูรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนอย่างจงอิน
ประโยคแรกที่ทักทายคือเพื่อนห่ารากนี่มันหายหัวไปเลยตั้งแต่ออกจากคุก
ได้ข่าวว่าตกลงคบกับเซฮุนแล้ว
“แล้วสอบเป็นไงมั่ง”ถามถึงการสอบที่ผ่านมา
จงอินบอกเพื่อนว่าไม่แย่สักเท่าไหร่ ดีที่มีผู้กองคริสช่วยติวให้
อินซูถามถึงลู่หาน มินซอก
และจุนมยอนก็ได้รู้ว่าลู่หานสมัครสอบตำรวจด้วยส่วนมินซอกตั้งใจเรียนแพทย์
และจุนมยอนทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ เห็นคนที่ออกจากที่นี่ไปมีงานมีการทำ
มีทางเดินไปสู่อนาคตที่ดีเขาเองก็อดจะดีใจด้วยไม่ได้
“แต่ผลสอบตำรวจมันจะออกแล้วนี่
ตอนกูสอบเข้าราชทัณฑ์แค่ห้าวันก็รู้ผลแล้ว”อินซูบอก
ได้ยินมาเหมือนกันว่าอาจจะประกาศผลสอบตำรวจอีกสองวัน ช่วงนี้ก็ให้จงอินติดตามข่าวไว้หน่อยเพราะการประกาศผลสอบไม่ได้แจ้งให้ทราบต้องเข้าไปดูในเวปไซต์
-กูก็ดูอยู่บ่อยๆนี่ล่ะ-
“ถ้าติดก็มาเลี้ยงเหล้ากูมั่งแล้วกันคุณว่าที่นายตำรวจ”อินซูพูดเย้า
จงอินขำดังบอกว่าถ้าติดจริงๆให้จางอินซูออกจากเรือนจำมาทวงเหล้าที่สำนักงานได้เลยก่อนที่การสนทนาของทั้งสองคนจะต้องหยุดลงเพราะเซฮุนเลิกเรียนแล้ว
คนตัวขาวเรียนบ่ายถึงบ่ายสาม เลิกเรียนไวจงอินเลยจะพาไปเที่ยวที่สวนสาธารณะ
เห็นว่าอีกคนอยากจะปั่นจักรยานเล่น
“หวานกันฉิบหาย”ว่าอย่างหมั่นไส้หลังวางสายไปแล้ว
ผู้คุมหนุ่มส่ายหัวน้อยๆก่อนจะกลับมาสนใจรายงานความประพฤติของนักโทษแต่ละคนอีกครั้ง
เขาก็อยากจะมีคนให้พาไปเที่ยวแบบนี้บ้างจริงๆ
ติดที่หน้าที่ของเขานั้นใช้ชีวิตร่วมกับนักโทษในคุกแทบจะตลอดเวลา
ไม่มีเวลาไปหามองผู้หญิงเสียเท่าไหร่
แม้แต่ผู้คุมสูงอายุคนอื่นๆก็ต้องหอบลูกหอบเมียมาอยู่ด้วยในหอพักที่ทางเรือนจำจัดไว้ให้
หยุดพักคราวหน้าสงสัยอินซูต้องใช้เวลาในการนอนทั้งวี่ทั้งวันไปพบปะสาวๆบ้างแล้วกระมัง
ไม่งั้นคงมีเมียเป็นนักโทษชายสวยๆเหมือนผู้คุมอีกหลายๆคนแน่ๆ
ค น คุ ก
คิมจงอินคว้ามือของเซฮุนมากุมก่อนจะลากให้ไปขึ้นรถเมล์ได้แล้ว
เห็นเจ้าตัวทำดื้ออยากจะกินน้ำปั่นหน้ามหาวิทยาลัยให้ได้ทั้งที่ยังเจ็บคอจากวิชาการเปล่งเสียงที่เพิ่งจะเรียนมาหยกๆ
“ตัวไม่ตามใจเค้า
เค้ากลับไปอยู่กะพี่คริสดีกว่าป่ะ ฮึ่ย”ส่งเสียงแหบๆแบบกระเง้ากระงอด
จงอินดีดหน้าผากมนไปที บอกย้ำว่าเสียงเซฮุนน่ะแหบจนจะยิ่งกว่าคุณโดนัลแล้ว
ขืนปล่อยให้กินน้ำเย็นมีหวังคอพังแน่ๆ พ่อว่าที่นักแสดง
ถ้ามันหายแล้วจะกินได้ใช่ไหมล่ะ?”ยังไม่วายจะถามต่อ
จงอินบอกให้หายก่อนเถอะค่อยมาถาม ยัยตัวขาวเลยบู้หน้าตลอดทางไปสวนสาธารณะ
งอนหน้าบูดเป็นตูดไอ้เชี่ยหานเลย
“ว่าแต่เมื่อเช้าตัวเห็นพี่คริสไหมอ่ะ
เค้าตื่นมาไม่เจอทั้งพี่คริสทั้งพี่จุนมยอนเลย เขาไปทำงานกันหมดแล้วเหรอ
เค้าว่าเค้าไม่ได้ตื่นสายนะ”เซฮุนถามถึงพี่ชาย
จะบอกว่าพี่คริสกลับไปนอนบ้านก็ไม่น่าจะใช่
เพราะลู่หานโทรมาถามจงอินแต่เช้าว่าทุกอย่างเรียบร้อยไหม
เมื่อคืนปล่อยให้จุนมยอนกับผู้กองเก็บทำความสะอาดกันสองคน
“คงงั้นอ่ะมั้ง
ตัวง่วงมั๊ย เมื่อคืนกว่าจะนอน หลับก่อนเดี๋ยวถึงแล้วจะปลุก”ดันหัวคนรักมาซบที่บ่า
เซฮุนบ่นงึมงำว่ากว่าจะได้นอนต้องเช็ดตัวไอ้หมี่โง่ตั้งสองรอบเพราะจงอินบ่นร้อนตลอดเวลา
คิมจงอินยกยิ้ม หันไปกดจูบลงบนกลุ่มผมที่เคลียอยู่ที่คอของตัวเอง ยกมือขึ้นลูบหัวเซฮุนซ้ำไปซ้ำมา
บอกให้ไอ้ดื้อนอนซะ
จงอินยังไม่ได้หยุดลูบหัวคนรักแม้ว่าเซฮุนดูท่าจะหลับไปแล้ว
ยิ้มอ่อนๆในใบหน้าเมื่อคิดถึงเมื่อคืนที่คนตัวขาวคงเหนื่อยน่าดูกับการลากเขาไปนอนแล้วยังต้องมานั่งเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กลัวจะเหนอะหนะไม่สบายตัว
ดูแลคนเมาคงเหนื่อย เซฮุนเลยหลับลึกพอที่จะไม่ได้ยินว่าอะไรเกิดขึ้นด้านนอกห้องนอน
แต่จงอินรู้และได้ยินทั้งหมด...
ตั้งแต่ผู้กองเริ่มช่วยตัวเอง
จนถึงเสร็จคาปากจุนมยอน เสียงร้องไห้ดังลอดมาจนจงอินรู้สึกสงสารแต่ก็ไม่คิดจะออกไป
คิดว่าคงยิ่งแย่ถ้ามีคนมารู้เข้า เขาเชื่อว่าผู้กองคงจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้
และหวังว่าจุนมยอนจะเปิดใจให้ผู้กองคริสบ้าง...
แม้มันจะยากเย็นมากก็ตามที...
ค น คุ ก
คริสยิ้มให้กับจองอาที่นำน้ำมาเสริฟให้
เธอบอกว่าให้รอจุนมยอนสักพัก หมอนั่นกำลังเปลี่ยนชุด เธอบ่นเสียดมเสียดายที่ไม่สามารถไปกินข้าวกลางวันกับผู้กองหนุ่มและเพื่อนร่วมงานได้เพราะเพื่อนเก่าแก่สมัยมัธยมปลายมาหาถึงโรงพยาบาล
“เดี๋ยววันหลังผมพาไปอีกก็ได้”เสียงทุ้มเอ่ยบอก
จองอายิ้มร่าบอกว่าผู้กองพูดแล้วห้ามคืนคำด้วย ก่อนที่พยาบาลสาวจะขอตัวไปหาเพื่อนตัวเอง
“จุนมยอน”เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนที่เพิ่งเดินออกมาจากส่วนพนักงาน
จุนมยอนมีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนตอนที่คริสขับรถมาส่งอีกฝ่ายทำงานเมื่อเช้าไม่มีผิด
และมันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่อีกคนหยุดร้องไห้ เรียบ นิ่ง
เหมือนไม่มีความรู้สึกต่อกัน ยิ่งทำให้คริสรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง
เขาก็ไม่คิดว่าการที่ได้สัมผัสกับจุนมยอนจะทำให้ต้องการได้ขนาดนั้น
บวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ่งทำให้สติขาดผึง
ถ้าเปรียบจุนมยอนเป็นแก้วใบหนึ่ง
มันคงมีรอยร้าวตั้งแต่ผู้ชายหลายคนมองคนตัวขาวในทางชู้สาว มันร้าวยาวเป็นทางตอนที่ถูกข่มขืนยับคาคุก
และร้าวจะปริแตกเมื่อเขาสั่งให้อีกคนไปนอนกับผู้ชายอีกครั้งแลกกับอิสรภาพ...
และตอนนี้มันแตกละเอียดเพราะเขาอีกครั้ง...
เขาที่บอกให้อีกคนเริ่มใหม่แล้วลืมเรื่องร้ายๆไว้ในอดีต
เป็นเขาเองที่รื้อฟื้นขึ้นมาและทำให้จุนมยอนต้องจมกับเรื่องแบบนี้อีกครั้ง
ถ้าจุนมยอนเป็นแก้วจริงๆ...ตอนนี้คงแหลกเกินจะประกอบมันขึ้นมาได้อีกแล้ว...
“ฉันไม่ไปนะ
จะไปร้านสะดวกซื้อแถวนี้”เสียงหวานเอ่ยบอกทันทีที่เห็นหน้า
ในตอนแรกผู้กองมาชวนเขากับจองอาไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน
ยัยนั่นดีใจใหญ่ที่จะได้ไปกินข้าวกับผู้กองรูปหล่อ สุดท้ายก็ติดนัดกับเพื่อนเลยให้จุนมยอนไปกันสองคนกับผู้กองแทน
ใครจะไปกัน...
“ได้
จะไปที่ไหนล่ะ ฉันไปด้วย”คริสไม่ได้รั้นจะให้จุนมยอนไปกับตน เขาโอนอ่อนตาม
แต่คนตัวขาวจัดก็บอกไม่เป็นไร ผู้กองหนุ่มก็ไปกินข้าวกับพวกตำรวจด้วยกันเถอะ
แต่คราวนี้คริสไม่ได้ยอมทำตามที่อีกคนพูด
เขายังดึงดันเดินตามจุนมยอนจนไปถึงร้านสะดวกซื้อชื่อดัง
คนตัวขาวคว้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากดน้ำแล้วไปจ่ายเงิน
ผู้กองหนุ่มก็ทำเช่นนั้นด้วยก่อนที่ทั้งคู่จะไปจับจองม้านั่งด้านในที่มีไว้บริการ
เกิดความเงียบระหว่างคนทั้งสอง
จุนมยอนใช้ส้อมพลาสติกตักเส้นบะหมี่ที่นิ่มแล้วมาใส่ปาก
ไม่ได้สนใจผู้กองตัวสูงที่เหมือนจะพยายามพูดบางอย่างกับเขา
คงไม่พ้นคำว่าขอโทษที่อีกคนพร่ำบอกมาแทบทั้งคืนและเมื่อเช้ากับยังพูดคำเดิม
ขอโทษแล้วมันได้อะไรกัน...
“ไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้นหรอก...แค่นั้นมันน้อยกว่าที่เคยเจอมาอีก...แค่ไม่คิดว่านายจะเป็น...เหมือนคนอื่น”ไม่คิด...ว่าสุดท้ายก็มองคิมจุนมยอนเป็นเหมือนวัตถุทางเพศ
เห็นเขาแล้วต้องเกิดอารมณ์อย่างว่า
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ”พูดได้แค่นี้
จุนมยอนส่ายหัวช้าๆ บอกให้ลืมมันไปเถอะ แล้วระหว่างเราก็ควรออกห่างกันเสีย
“ฉันไม่ได้เกลียดชายรักชาย
ฉันไม่ได้อยากกลัวการใกล้ชิดผู้ชายคนอื่น
แต่การที่ถูกมองเป็นตัวประหลาดทำให้พวกนายมีอารมณ์ได้...สำหรับฉันมันไม่โอเค”
จุนมยอนพูดพร้อมรอยยิ้มขื่น
รู้สึกว่าขอบตาร้อนขึ้นมา มือขาวจับแว่นกรอบหนาออกแล้วป่ายมือเช็ดน้ำตาที่รื้นขึ้น
ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้ผู้กองคริสรู้สึกสงสารและรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
อยากจะช่วยเหลือ...
อยากจะประกอบแก้วใบนี้ที่แตกเป็นผุยผงให้กลับมาเป็นรูปร่างอีกครั้ง...
มือหนาเอื้อมไปกุมมือขาวจัดเอาไว้
ปลดแว่นกรอบหนาจากมือจุนมยอนแล้วสวมลงบนใบหน้าเนียนกระจ่าง
เขากระซิบคำเดิมว่าขอโทษแม้ว่าจุนมยอนจะไม่ได้อยากจะฟัง
“ฉันจะช่วยนายเอง...ครั้งนี้ฉันพูดจริงๆ
มันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนอีก...ฉันจะไม่มองนายเป็นแค่วัตถุทางเพศ”
“...”
“และจะไม่ให้คนอื่นมองนายอย่างนั้น”
“...”
“เรามาเริ่มใหม่กันอีกครั้งนะ...”สิ้นเสียงทุ้มของผู้กองหนุ่ม
ส้อมที่จุนมยอนจับไว้ก็ถูกปล่อยลงในถ้วยบะหมี่
คนตัวขาวฟุบหน้าลงกับฝ่ามือปล่อยให้ไหล่ถูกโอบกอดเอาไว้
คริสดันหัวอีกคนมาซบบอกว่าไม่เป็นไร ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา จากนี้เรามาเริ่มใหม่กันอีกครั้งหนึ่งก็ยังไม่สาย
ค น คุ ก
เย็นวันนั้นคริสก็ยังมารอรับจุนมยอนกลับสำนักงานพร้อมกัน
แม้คนตัวขาวจะอึกอักแต่สุดท้ายก็ยอมนั่งรถกลับด้วย
จงอินยังไม่กลับมาเห็นเซฮุนโทรมาบอกพี่ชายว่าแฟนหมีของเจ้าตัวพาปั่นจักรยานจนเย็นแล้วจะไปเดินตลาดนัดกลางคืนใกล้ๆนี่อีก
ให้พี่ชายไม่ต้องเป็นห่วง พอเดินตลาดเสร็จจงอินจะไปส่งถึงหน้าบ้านเลย
“จะกินข้าวเลยไหม?”คริสถามคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเอง
จุนมยอนตอบอืมเบาๆ รับข้าวกล่องที่ผู้กองคริสแวะซื้อระหว่างกลับบ้านมาเปิดกิน
แอบลอบมองใบหน้าของร่างสูงพลันก็คิดถึงคำพูดของอีกคน
ที่บอกว่าจะช่วยให้เขาเริ่มใหม่อีกครั้ง
เขาจะไว้ใจได้อีกเหรอ?
เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้จุนมยอนไม่คิดจะไว้ใจ แม้กระทั่งคนที่วางใจแล้ว
สุดท้ายก็เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ
“พูดจริงหรือเปล่า...ที่บอกจะไม่มองฉันแบบนั้น”ถามออกมากับความคิดที่คาใจ
คริสตีคิ้วงงน้อยๆจุนมยอนจึงเสริมว่าที่พูดเมื่อกลางวันน่ะ จริงหรือเปล่า
เขา...จะไว้ใจคริสได้อีกใช่ไหม?
ร่างสูงวางกล่องข้าวลงแล้วหันมาเผชิญหน้ากับจุนมยอน
มองในดวงตาที่ไม่มีกรอบแว่นปิดบัง รู้สึกว่าเหมือนจะถูกดึงดูดด้วยสายตานั้น
เขายิ้มบางๆ บอกว่าห้ามความคิดตัวเองไม่ได้ คนที่อยบู่ตรงหน้าของเขามีความสวย
มีเสน่ห์ มีความดึงดูด...และแน่นอนว่าเมื่อเขาได้ลองลิ้มชิมรส
เขาก็อยากจะได้อีกเหมือนคนอื่นๆ
“แต่จะพยายาม...จะไม่ให้มันเกิดขึ้น
นอกเสียแต่ว่านายจะพร้อมใจ”พร้อมใจที่ไม่ใช่แค่การยอมทอดกายให้คนอื่นแต่หมายถึง...ยอมเพราะมีความรู้สึกดีๆ
“ไม่มีวันนั้นหรอก”แหวแทรกขึ้นมาเสียงสูงจนคริสหัวเราะ
ยกมือยอมแพ้ ไม่มีวันนั้นก็ไม่มี จุนมยอนตักข้าวกินต่อ
อดจะถามไม่ได้ว่าทำไมเมื่อคืนคริสถึงห้ามตัวเองไม่ได้
จุนมยอนไม่คิดว่าตัวเองจะมีแรงดึงดูดขนาดแค่จับน้องชายใครคนนั้นจะสติขาดผึงแบบนั้น
หรือคริสอัดอั้นมานาน
“ให้ฉันสารภาพไหม?”ถามจุนมยอนว่าถ้าเขาบอกออกไปอีกคนจะไม่โกรธใช่ไหม
จุนมยอนขมวดคิ้วน้อยๆถามว่าแล้วมันคืออะไรล่ะ คริสกระแอมกระไอ
เหมือนเป็นทำความผิดแล้วไม่กล้าพูด ก่อนจะค่อยๆเอ่ยออกมา
ว่าแอบล้อมลิ้มริมฝรปากของจุนมยอนตอนที่อีกคนหลับ
“ไม่แปลกใจว่าทำไมคิมกอนโมถึงหลงใหลนายขนาดนี้...ถึงนายจะไม่ชอบคำนี้
แต่นายสวยและหอมหวานไปทั้งตัวเลยรู้ไหมจุนมยอน”
น้ำเสียงทุ้มลึกเอ่ยออกมาพร้อมแววตาที่บอกว่าทุกคำเป็นจริงขนาดไหน
จุนมยอนกระพริบตาปริบ รู้สึกข้างแก้มนั้นร้อนผ่าว
ทั้งที่ควรจะโมโหที่อีกคนขโมยจุบตอนที่หลับ แต่กลับหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
ทั้งที่ไม่ชอบให้ใครมาบอกว่าตนเองสวย
แต่พอคริสพูดแบบนั้นกลับต้องรู้สึกประหม่าและ...อาย..
“อ่า...”พูดอะไรไม่ออก
จุนมยอนหุบปากที่คล้ายจะอ้าค้าง
เสตามองกล่องข้าวแล้วตักมันเข้าปากไม่มองที่คริสอีก
แต่เหมือนจะเพิ่งหาเสียงเจอเลยแหวใส่ว่าโรคจิตมาจูบคนอื่นตอนหลับ
โดยเฉพาะจูบกับผู้ชาย แล้วอย่างนี้จะให้ไว้ใจเหรอว่ามันจะไม่เกิดขึ้นมาอีก
“ลองจูบกันอีกทีไหมล่ะ?
พิสูจน์ดูว่าฉันจะพยายามได้ไหม?”ท้าทายอีกคนเบาๆแต่จุนมยอนไม่หลงกล หัวกลมส่ายดิก
ไม่มีทางหรอกที่จะให้ไปจูบกับผู้ชาย ปากสีสดเบะออก
“ถ้ามันเกิดขึ้นอีก...ฉันจะฆ่านายแล้วหนีไปซะ”คำขู่น่ากลัวจนคริสต้องหัวเราะ
เขายื่นนิ้วก้อยไปข้างหน้า บอกให้จุนมยอนยื่นนิ้วก้อยของตนมาเกี่ยวกัน
สัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินคนตัวขาวอีก...และจะปกป้อง
“จะพานายเริ่มต้นใหม่...สัญญา”
ค น คุ ก
กินข้าวเสร็จคริสก็ขอตัวกลับ
บอกให้จุนมยอนรอตอนเช้า เดี๋ยวจะมารับไปทำงาน ตอนเย็นก็รอเขา
เดี๋ยวจะพาไปส่งที่บ้านพ่อแม่เพราะวันต่อไปเป็นวันหยุดพอดี จุนมยอนบอกปฏิเสธ
ไม่จำเป็นต้องไปรับไปส่ง แต่ผู้กองตัวสูงก็ยังยืนยัน
จุนมยอนไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง
อยากจะมารับก็เชิญตามสบาย ผู้กองหนุ่มถึงได้หัวเราะร่ากลับบ้านตัวเองไปเสียที
มือขาวหยิบหนังสือประวัติศาสตร์ที่อ่านค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนมาอ่านอีกครั้ง
ทว่ากลับไม่ได้สนใจตัวหนังสือที่อยู่ในหนังสือเลยสักนิด
ในใจกำลังหวนคิดไปถึงผู้ชายคนนั้น
อู๋อี้ฟาน...
พลันหน้าก็เหมือนร้อนเห่อเมื่อคิดถึงเสียงทุ้มที่เอ่ยชม
สะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆนี้ออกไป จับที่หัวใจตัวเองพบว่ามันเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย
“หมอนั่นหล่อจะตาย
เป็นใครก็ใจเต้นทั้งนั้น”รวมถึงจุนมยอน...
หวั่นไหวกับอีกคนถึงสองครั้งสองครา
ตอนที่คริสซื้อแว่นให้นั่นก็ทีหนึ่งแล้ว จุนมยอนตบหน้าตัวเองเบาๆ
บอกให้ตัวเองเลิกบ้าแล้วนอนได้แล้ว พรุ่งนี้เย็นจะได้กลับบ้านไปหาพ่อกับแม่เสียที
คิดถึงจะแย่
แต่ถึงกระนั้นเรื่องคริสก็โผล่ขึ้นมาในหัวอีกจนได้เมื่อนึกได้ว่าเดี๋ยวนี้คริสสนิทกับพ่อแม่ของจุนมยอนขนาดไหน
พ่อกับแม่ดูชอบพอคริสอยู่ไม่หยอก
ปลื้มอกปลื้มใจที่ผู้กองหนุ่มช่วยลูกชายตัวเองไว้
.
.
ส่ายหัวจนผมกระจายเมื่อคิดถึงคริสอีกแล้ว
บอกตัวเองให้หยุดคือเรื่องผู้ชายคนนั้นแล้วนอนเถอะจุนมยอน...
คิดถึงเรื่องหมอนั่นอยู่ได้...
TBC.
สั้นเนาะ
นี่นั่งงมทั้งวันเลย เปิดดราม่าตู้มไปตอนที่แล้ว อยากให้ชีวิตจุนมยอนนี่พีคขั้นสุด
555555555555555 ไม่ใช่อะไรหรอก
การที่เราจะจับคู่ให้ใครสักคนมันน่าจะมีเหตุผลที่มากกว่านั้น
พี่คริสก็จะมีเหตุผลเพิ่มในการเข้ามาช่วยเหลือและดูแลจุนมยอนมากกว่าการสำนึกผิดที่ทำชีวิตอีกคนป่นปี้
แลดูเข้าใจยากแท้
ถ่อะ
ถามว่าทำไมต้องจางอินซุ..คือมาแค่นี้แหล่ะ
55555 แต่คนๆนี้คือคนที่ถูกมองเป็นผู้คุมไม่ดีมาหลายตอน
เลยอยากให้เห็นมุมนี้ของผู้คุม ไม่มีใครอยากทำหน้าที่นี้หรอก
แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ เท่านั้นเอง
อีกประมาณ3-5ตอนจบค่ะ
พยายามจะเร่งให้ทันปิดจอง แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลา ดาร์คทุกวัน เหนื่อยทุกวัน
ปล.
ใครเงินกรอบแกรบอยากจะโอนช้าสามารถแจ้งไว้ได้นะ เราพิมพ์ตามจำนวนคนสั่งไม่มีเผื่อ
ไม่รีปริ้นท์ ใครไม่แจ้งก่อนเราถือว่าเราให้เวลาโอนที่นานมากแล้วจริงๆ
#พี่ลู่คนคุก
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น