เบ่งบานในใจ
โอเซฮุน.1…
เท้าภายใต้รองเท้าผ้าใบคู่โปรดขยับวิ่งไม่ได้หยุด
มือของเขากำที่สายกระเป๋าสะพายแน่น โอเซฮุนหยุดหอบแค่เพียงชั่วครู่แล้วก็ต้องวิ่งต่อ
เขาไม่สามารถจะรอรถได้เลย ช่วงเวลานี้เป็นเวลาทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย
และโรงงานต่างๆเลิก รถเมล์เต็ม รถส่วนตัวติดอยู่บนท้องถนน รถแท็กซี่ก็หายาก
จุดหมายของเซฮุนคงเป็นโรงพยาบาลตำรวจ
ตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายหลังเลิกเรียน
เซฮุนก็วิ่งหน้าตั้งออกจากมหาวิทยาลัยแทบจะทันที
ในใจร้อนรนอยากจะหายตัวไปให้ถึงโรงพยาบาลตำรวจโดยไวเสียด้วยซ้ำ
จงอินโดนยิง...
คิดเอาไว้แล้วว่ามันต้องมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในสักวัน
ทั้งที่บอกแล้วว่าให้ระวังแต่ไอ้หมีโง่ก็ยังถูกยิง คิมจงอินจะรู้ไหมว่าทำให้เซฮุนร้อนใจไปหมดแบบนี้
ชั้นและหมายเลขห้องคนเป็นพี่ชายได้บอกเอาไว้แล้ว
เซฮุนผ่านเข้าประตูกระจกของโรงพยาบาลมาได้ง่ายดาย
ไม่ต้องแจ้งพยาบาลเวรให้ทราบเพราะใครต่างก็รู้จักเซฮุนน้องชายของผู้กองคริสเป็นอย่างดี
เสียงวิ่งตึกตักดังไปทั่วตึกผู้ป่วย จนในที่สุดก็ถึงบานประตูที่มีเลขห้องตรงกับที่พี่คริสได้บอกเอาไว้
เซฮุนเปิดประตูเข้าไป นายตำรวจหลายนายยืนล้อมเตียงอยู่
ดูท่าจะกำลังสอบปากคำคนที่เพิ่งฟื้นจากการผ่าตัดเอากระสุนออกจากบริเวณชายโครง
ดีที่กระสุนไม่โดนส่วนสำคัญหรือปะทะกับกระดูกซี่โครง ไม่อย่างนั้นคิมจงอินอาจจะไม่ได้ฟื้นไวขนาดนี้แน่ๆ
เซฮุนกัดริมฝีปาก
ขอบตาร้อนผ่าวยามที่เหล่าตำรวจทั้งหลายหันมามองและพร้อมใจกันแหวกทางให้น้องชายผู้กอง
คนตัวขาวขยับเท้าเข้าใกล้ไอ้หมีหัวโล้นที่นอนโรยแรงอยู่บนเตียง
เพียงเห็นว่ากายด้านบนนั้นเปลือยเปล่าและมีผ้าพันแผลพันไม่รอบเอวรั้งขึ้นไหล่อีกทบ
เซฮุนก็แทบจะทนไม่ไหว
“ฮึ่ก”เสียงสะอื้นหลุดออกมา คริสมองน้องชายแล้วเรียกให้นายตำรวจทุกคนออกจากห้องไปก่อน
มือของพี่ชายขยี้ลงบนกลุ่มผมนุ่มๆของเซฮุน
“พี่ขอโทษนะที่ปล่อยให้จงอินถูกยิง”คริสขอโทษน้องชาย
และผู้กองตัวสูงก็ขอโทษจงอินอยู่หลายครั้ง ที่ไปถึงที่หมายช้า
เพราะรถที่ใช้ในภาระงานเกิดขัดข้องขึ้น
กว่าจะเรียกรถอีกคันมาเสริมก็กินเวลาไปหลายนาที
นายตำรวจช่างที่ดูแลเรื่องการตรวจเช็คเครื่องยนต์ถูกเรียกสอบสวนและผลก็ออกมาเป็นว่าเกิดจากความสัพเพร่าของนายตำรวจช่างคนนั้นที่ไม่ได้ตรวจเช็คน้ำในหม้อน้ำให้ดี
ความผิดพลาดครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
การลงโทษจึงมีไปตามระเบียบโดยมีการปลดนายตำรวจนายนั้นออกจากตำแหน่ง
เมื่อไม่เหลือใครนอกจากเซฮุนและจงอิน
คนตัวขาวที่ยืนกำสายกระเป๋าก็ไม่อายที่จ้องต้องปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมา
“เซฮุน...”เสียงแหบของคนที่เพิ่งฟื้นจากผ่าตัดเรียกชื่อของคนตัวขาว
น้ำตาที่นองหน้าคนที่เขาแอบรักทำให้จงอินใจหาย เซฮุนสะอื้นจนตัวโยน
เสียงร้องไห้ของอีกคนดังก้องห้อง
จงอินอยากลุกขึ้นไปรั้งให้คนตัวขาวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแต่แค่เพียงขยับตัวก็เจ็บปลาบไปทั่ว
“เซฮุนอย่าร้อง”จงอินเอ่ยบอก
เซฮุนยกมือขึ้นป่ายปัดน้ำตาออกจากแก้ม ดวงหน้าขาวนวลมองสบสายตากับคนเจ็บ
ริมฝีปากสีสดที่ชอบยู่ปากใส่เขานั้นเบะออกดูแสนจะน่าเกลียดแต่จงอินกลับคิดว่ามันน่ารักกว่าอะไร
...เพราะเซฮุนกำลังร้องไห้ให้กับเขา...
“ตัว...อึ่ก...ตัวโง่”คำด่าช่างน่าขำ เซฮุนเดินเข้ามาใกล้กัน
ยังไม่หยุดเช็ดน้ำตา จงอินส่งยิ้มอ่อนๆให้บอกว่าในที่สุดก็ได้เจอกันเสียที
“เจอในรอบสามอาทิตย์แต่ตัวกลับโดนยิงนอนเป็นหมีเจ็บ
คิดว่าควรดีใจใช่ป่ะ?”เซฮุนว่าเข้าให้ ปากนั้นเบะแล้วเบะอีก
อยากจะทุบอีกคนที่นอนเจ็บอยู่แต่ก็กลัวคนเจ็บจะเจ็บไปมากกว่านี้แล้วตัวเองนั่นล่ะจะต้องร้องไห้โฮเพราะสงสาร
“ตัวเจ็บมากมั๊ย”หลังเช็ดน้ำตาออกจนหมดแก้มคนตัวขาวก็ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงคนป่วย
จงอินยิ้มบอกไม่เจ็บอะไรมากมาย ตัวโตเป็นหมี
กระสุนแค่นี้ยิงเข้าไปไม่ถึงเครื่องในหรอก
“ตับ ปอด ม้ามยังอยู่ดี”เซฮุนไม่ตลกด้วยสักนิด
ตีเพี้ยะเข้าที่แขนคนเจ็บ ด่าอีกคนว่าเล่นตลกไม่รู้เวลา
จงอินเห็นคนตัวขาวกระเง้ากระงอดยู่หน้าก็ชอบใจ
“ตัวห่วงเค้ามากอ่ะดิ่เนี่ย”เย้าให้อีกคนได้ยู่ปากมากขึ้นจนจะเหมือนปลาทองอมอาหาร
เซฮุนก้มหน้าลงไม่มองคนเจ็บ มือวกกลับไปจับสายกระเป๋าที่พาดอยู่ที่ไหล่อีกครั้ง
..
.
“ถ้าเค้าไม่ห่วงตัวแล้วเค้าต้องห่วงใครล่ะ”เป็นคำถามเต็มไปด้วยความเง้างอนและน้อยใจ
แต่จงอินกลับยิ้มกว้างขึ้นไปอีก
“เค้าอยากกินน้ำ”หมีเจ็บเอ่ยบอก
มองไปยังเหยือกใส่น้ำและแก้วที่วางอยู่ใกล้กับหัวเตียง เซฮุนวางกระเป๋าลงที่โซฟาก่อนจะขยับมารินน้ำให้คนป่วยดื่ม
จมูกของคนตัวขาวเป็นสีแดงเรื่อเพราะร้องไห้
จงอินใช้ปากคาบหลอดเพื่อดูดน้ำจากแก้วไปก็ลอบมองใบหน้าของเซฮุนไปด้วย
“ตัว”จงอินเรียกคนที่เก็บแก้วน้ำเข้าที่
คนเจ็บที่ขยับตัวยังแทบไม่ได้เอื้อมมือไปหาคนที่แอบรักซึ่งยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
เซฮุนเห็นจงอินยื่นมือมาหาก็ร้องเสียงหลง
คว้ามือไอ้หมีโง่ลงไปวางกับพื้นเตียงเหมือนเดิม
กลัวจะเจ็บแผลเพราะการเคลื่อนไหวร่างกาย ว่าทับไปด้วยว่าทำอะไร
เดี๋ยวก็แผลปริเลือดอาบกันพอดี
คิ้วของเซฮุนขมวด
ทำไมชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยเชียว
“ยังจะมายิ้มอีก”เอ่ยว่าไป
ตีเพี้ยะเข้าที่ไหล่หนาบอกว่าให้นอนอยู่เฉยๆ
“ตัว...รู้ป่ะว่าตอนโดนยิงเค้าคิดถึงอะไรเป็นอย่างแรก”จงอินเอ่ยถาม
เซฮุนที่เปิดตู้เย็นสำรวจของกินบำรุงคนเจ็บอยู่ถามกลับว่าแล้วตัวคิดถึงอะไร
เซฮุนไม่เคยโดนยิง ไม่รู้หรอกว่าเวลาที่กระสุนพุ่งเข้ามาที่ร่าง
ความเจ็บค่อยๆแผ่ซ่านไปทั้งกาย จะต้องรู้สึกยังไง
กลัวตาย?
หรือเปล่า...กลัวจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว...
จงอินเรียกคนที่ยังสำรวจตู้เย็นให้เงยหน้าขึ้นมามองกัน
หัวเราะน้อยๆเพราะเซฮุนบ่นงึมงำว่ามีแค่นมของโรงพยาบาล
ต้องซื้อพวกแคลเซียมกับสังกะสีสูงๆมาติดไว้ โดนยิงเสียเลือดมาก ต้องบำรุงเลือด
“คิดถึงตัว...”เห็นว่าอีกคนไม่ยอมเงยหน้ามาจากตู้เย็น
คนนอนมองอยู่บนเตียงเลยเอ่ยขึ้นมา
ดวงตาของจงอินมองกลุ่มผมที่แทบจะมุดเข้าไปในตู้เย็น เซฮุนชะงักไป
มือที่กำลังจัดกล่องนมและเอากาแฟกระป๋องที่ตำรวจคนอื่นคงซื้อมากินตอนอยู่เฝ้าคืนนี้เรียงให้เป็นระเบียบชะงักนิ่ง
“คิดมาตั้งนานแล้วว่าอยากจะพูดบางอย่าง...แต่ยังไม่ได้พูดสักที
ตอนนั้นถ้าโดนยิงแล้วตาย...คงต้องเก็บตลอดไป”ประตูตู้เย็นถูกปิดลง
เซฮุนลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะมองคนที่นอนเจ็บอยู่ จงอินมองมาที่เขาเหมือนกัน ในดวงตาของจงอินมีประกายบางอย่างที่เซฮุนมองเข้าไปแล้วต้องหน้าร้อนวูบ
“ตัว...”เสียงหวานเรียกคนที่ไม่หยุดมองกันด้วยแววพราวระยับ
จงอินกวักมือเรียกให้เซฮุนเข้าไปใกล้กันอีกนิด ก่อนที่จะขอจับมือขาวนวลเอาไว้
เซฮุนเองก็ไม่เข้าใจทำไมต้องยอมทำตามง่ายดาย ทั้งที่ปรกติคงจะยู่ปากใส่อีกคนแล้วสะบัดหน้าหนี
คงเป็นเพราะแววตานั้น...
มือของเขาถูกจับและกุมเอาไว้
เมื่อได้สัมผัสนานๆจึงรู้ว่าจงอินตัวร้อนผะผ่าวด้วยพิษจากบาดแผลส่งผลให้ร่างกายเกิดการเป็นไข้
“โอเซฮุน...”ไม่บ่อยที่จงอินจะเรียกชื่อเต็มๆ
เพราะปรกติก็เรียกกันด้วยคำว่าตัว แล้วอีกคนยังมาเรียกชื่อกันทั้งที่ดวงตานั้นก็จ้องมอง
ริมฝีปากหนายกยิ้มที่เซฮุนมองแล้วมันช่างละมุนละไมที่สุดเท่าที่เคยเห็นจงอินยิ้มมา
ร่างกายของเซฮุนเอนโน้มลงไปหาคนที่อยู่บนเตียงเพียงแค่จงอินกระตุกข้อมือเขาน้อยๆ
เหมือนตกอยู่ในห้วงมนต์สะกด
ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่คืบเท่านั้น
จงอินใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้จับมือกับเซฮุนยกขึ้นวางบนกลุ่มผมนิ่ม
ก่อนจะไล้ลงมาที่โครงหน้าติดหวานจัด
ผ่านสันกรามคมกริบและมาหยุดที่ริมฝีปากที่มักจะยับยู่น่ารัก
“เซฮุน”เสียงทุ้มเรียกชื่อกันอีกครั้ง
คราวนี้เซฮุนไม่ได้นิ่งฟังแต่เขาต้องครางงื่อในลำคอ เพราะอยู่ใกล้กันแค่นี้
เสียงที่ทอดเรียกจึงชัดเจนกว่าครั้งไหน
จงอินยิ่งมองตากันก็ยิ่งทำให้ใบหน้าเซฮุนร้อนผ่าว...และมันคงแดงขึ้นแล้วแน่ๆ
พ่อหมีตัวโตถึงได้ยิ้มชอบใจแบบนั้น
“เซฮุน...”เรียกชื่อกันอีกครั้ง
และอีกครั้ง...จงอินเกลี่ยริมฝีปากบางด้วยหัวแม่มือ
ก่อนจะเลื่อนมือไปรั้งต้นคออีกคนให้เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้กันอีกนิด
อยาก...ลองกดจูบลงไปดูสักครั้ง แต่จงอินก็ยังไม่ทำ
เขาสูดหายใจเข้าก่อนระบายออกช้าๆ
กระชับมือที่จับกันให้แน่นกว่าเดิมก่อนจะเอ่ยออกไป
อะไรที่อยากจะบอกมาเนิ่นนาน...โดยที่คนฟังก็ต้องการจะฟังมันเช่นกัน
.
.
“เค้าชอบตัว...จงอินชอบเซฮุน”
ค น คุ ก
“แล้วน้องนีออนก็วิ่งออกจากห้องไป”ลู่หานต่อเรื่องที่เพื่อนเล่าได้เหมือนเห็นเหตุการณ์ด้วยตัวเอง
จงอินพยักหน้า บอกว่าหน้ายัยตัวขาวงี้แดงแจ๋เหมือนลูกเชอร์รี่
“แล้วไม่วิ่งตามไปล่ะ”เพื่อนตัวเล็กกว่าเอ่ยแซวขำ
เห็นอยู่ทนโท่ว่าเพื่อนเจ็บหนักแค่ขยับก็ปวดร้าวไปหมด
แต่สันดานคนกวนตีนก็ขอให้ได้กวนตีนบ้างเท่านั้นก็พอใจ
“ถ้ากูลุกขึ้นวิ่งได้กูจะวิ่งไปถีบมึงเป็นอย่างแรกเลยล่ะไอ้สัด”ใช่ว่าจงอินจะยอมแพ้
เรื่องปากไม่น้อยหน้าใครอยู่เหมือนกัน ลู่หานหัวเราะเหอะๆ มองนาฬิกาดูเห็นว่าใกล้เวลาที่มินซอกจะเลิกเรียนแล้ว
ตอนนี้มินซอกกำลังจะเรียนจบในไม่ช้า คนตัวเล็กก็ยิ่งขยันอ่านหนังสือหมอ
ลู่หานถามน้องว่าจะสอบปีนี้เลยไหมแต่เจ้าตัวยังลังเล เห็นว่าอยากทำงานก่อน
แต่เขาก็มองออกว่ามินซอกตั้งใจอยากสอบหมอให้เร็วๆ
“แล้วน้องติ๋มกูมากูจะตอบน้องว่าไงดีวะ
ไปเที่ยวแต่เสือกโดนยิงได้เนี่ย”จงอินคิดไม่ออกจริงๆ เพราะโกหกน้องว่าไปเที่ยว
พอเจอกันอีกทีก็โดนยิงนอนเป็นพักตายนึ่งในโรงพยาบาลตำรวจ สีหน้าคนเป็นพี่หนักใจ
เขาโกหกมินซอกไว้มากอย่างจนบางทีก็คิดว่าการที่บอกน้องไปตรงๆกับการที่โกหกไปเรื่อยๆอันไหนจะง่ายมากกว่ากัน
อีกอย่าง เราทั้งหมดก็ไม่ได้อยู่ในคุกแล้ว ฮวังชอนจีก็ถูกจับไปแล้ว
มันถึงเวลาแล้วหรือเปล่าที่พวกเขาจะพูดความจริงกับมินซอกเสียที
จะโกหกไปตลอดชีวิตมันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว...
“กูคิดว่ามินซอกน่าจะพูดง่าย
น้องหัวอ่อนมาตลอด ก็น่าจะเข้าใจเหตุผลที่เราต้องพูดเท็จ”ลู่หานให้ความคิดเห็น
จงอินคิดตามอย่างเห็นด้วย แต่จะเริ่มพูดยังไงนี่สิปัญหา
ยังไม่ทันจะคิดว่าจะต้องเริ่มอธิบายเรื่องราวทุกอย่างให้มินซอกฟังยังไง
เสียงเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยก็ดังขึ้น
มินซอกหันไปโค้งขอบคุณนายตำรวจคนหนึ่งที่พามาส่งถึงห้องแล้วเดินเข้ามา
พอเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงเป็นพี่ชายก็พรวดเข้ามาเกาะขอบเตียงทันที
“พี่จงอินทำไมโดนยิงล่ะฮะ
เจ็บมากไหม?”เห็นเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลแล้วเกือบจะเบะปาก ในตาไหวระริกจนลู่หานต้องคล้องแขนพาดบ่าเขย่าไหล่อีกคนไม่ให้ร้อง
“ก็พี่จงอินเจ็บ”เสียงเล็กเสียงน้อยบอกกลับมา
มินซอกรีบลาป้านาบีเพื่อมาเยี่ยมจงอินทันทีที่รู้จากลู่หานว่าจงอินถูกยิง
แม้จะงงๆที่ลู่หานบอกให้นั่งแท็กซี่มาที่โรงพยาบาลตำรวจก็ตามที
แต่ด้วยความเป็นห่วงพ่อหมีตัวดตมินซอกเลยไม่ติดใจสงสัยอะไร คนรักบอกให้มาก็มา
“พี่ยังไม่ได้ตอบผมเลยว่าทำไมถึงโดนยิง”มินซอกยังคงตั้งคำถามกับจงอิน
ลู่หานมองเพื่อนครั้งหนึ่งก่อนพยักหน้าให้จงอินพูดออกไป มาถึงขนาดนี้ก็พูดไปให้จบเสียดีกว่า
เขาก็ไม่อยากจะหลอกมินซอกอีกต่อไป ยิ่งช่วงที่เตรียมตัวเรื่องการล่อซื้อยาจากปีเตอร์ปาร์ค
ลู่หานกลับบ้านดึกมาก บางครั้งก็ไม่กลับจนมินซอกและอี้ชิงสงสัย
น้องเคยพูดด้วยซ้ำว่าลู่หานทำงานหนักไปหรือเปล่า
งานเอกสารพวกนั้นทำไมถึงทำให้ไม่มีเวลาแบบนี้กัน
บอกตามตรงว่าลู่หานไม่อยากให้ทั้งอี้ชิงและมินซอกรู้สึกน้อยใจว่าลู่หานไม่มีเวลาให้
จากเคยไปรับอี้ชิงตอนดึกช่วงนี้ก็ไม่ได้ไปต้องให้ผู้กองคริสช่วยส่งนายตำรวจไปแทน
“มินซอกจำได้ไหมว่าทำไมมินซอกถึงได้ออกมาจากคุก”ลู่หานเป็นคนเริ่มเรื่อง
เขาลูบหัวน้องแล้วดึงหัวกลมๆมาพิงไหล่ มินซอกพยักหน้า จำได้ทุกอย่าง
ผู้กองคริสช่วยให้มินซอกได้รับอิสระ
และจำนวนนักทาที่สูงขึ้นทำให้การรองรับของเรือนจำมีไม่มากพอ นักโทษที่ประพฤติดีจึงถูกพ้นโทษ
ลู่หานส่ายหน้าบอกว่ามันไม่ใช่ความจริงโดยทั้งหมด
“พี่ไม่ได้ทำงานเอกสารที่กรมตำรวจ
แล้วไอ้จงอินก็ไม่ได้ทำงานร้านดีวีดี”คำพูดของพี่ชายทำให้มินซอกไม่เข้าใจ
คิ้วเส้นเรียวขดเข้าหากัน
“พี่กำลังจะบอกอะไรผม?”เสียงของน้องชายเริ่มเปลี่ยนไป
มินซอกกำลังสับสนกับเรื่องที่ได้ยิน จงอินยิ้มเบาๆ
“พี่ไม่ได้โดนจับข้อหาค้ายา...ที่พี่เข้าไปอยู่ในคุกเพราะงาน
และที่มินซอกออกจากคุกมาได้ก็เพราะลู่หานขอให้ผู้กองช่วย”
“...”
“พี่เป็นสายให้ตำรวจ...และที่พี่โดนยิงก็เพราะงานที่พี่ทำเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย
มินซอกเข้าใจที่พี่พูดหรือเปล่า”จงอินเอ่ยถามน้องที่นิ่งเงียบไปแล้ว
คิ้วของมินซอกยิ่งผูกกันแน่น
เงยหน้ามองคนรักที่โอบกอดตัวเองสลับกับมองใบหน้าของพ่อหมีที่นอนที่เตียง
กว่าจะเค้นเสียงถามออกมาได้ก็กินเวลาไปกว่านาที
“พี่...พูดเรื่องจริงเหรอ”มินซอกค่อนข้างตกใจและนึกไม่ถึง
เด็กน้อยถามว่าลู่หานเองก็เป็นสายให้ตำรวจด้วยเหมือนกันใช่ไหม คำตอบของพี่ชายเป็นการค่อยๆอธิบายตั้งแต่แรกเริ่ม
มินซอกฟังที่ลู่หานเริ่มเล่าจนจบ
อีกคนเล่าว่าผู้กองคริสเสนองานให้เพื่อทำให้คิมกอนโมบอกความลับเรื่องการขายยาออกมา
แล้วยังเล่า...ว่าเรื่องระหว่างลู่หานและจุนมยอนเป็นเพียงฉากที่จัดขึ้นเท่านั้น
มินซอกไม่คิดไม่ฝันว่าเรื่องที่ได้ยินจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้
“โกรธพี่หรือเปล่าที่พี่โกหกเรามาตลอด”จงอินเอ่ยถาม
น้องทำเพียงส่ายหน้า มินซอกบอกว่าไม่มีทาง ทำไมต้องโกรธด้วย
ไม่ว่าเรื่องที่ลู่หานและจงอินโกหกนั้นจะเป็นเพราะเหตุผลอะไร
แต่สุดท้ายและพี่ชายทั้งสองก็ทำเพื่อมินซอก
ทั้งลู่หานและจงอินทำให้มินซอกได้ออกมาจากคุก...บุญคุณไม่อาจจะทดแทนได้หมดด้วยซ้ำไป
“กอดพี่ได้ไหม?”คนเป็นน้องถามคนเจ็บ
จงอินพยักหน้าให้น้องโถมตัวเข้ามากอด
คนตัวเล็กเองก็ระวังไม่ให้ตัวเองไปโดนแผลของพี่เข้าให้
“นอกจากเราสองคน
รู้ไหมว่าผู้คุมอินซูก็อยู่ข้างเรา
แล้วยังมีพวกในเรือนจำอีกหลายคนเลยล่ะ”จงอินเอ่ยบอก มินซอกเลยนึกออกถึงเวลาที่ผู้คุมเรียกจงอินและลู่หานไปหาคงไปคุยกันเรื่องงานใช่หรือเปล่า
จงอินยิ้มขำแซวว่าน้องยังติดใจคำพูดของเขาที่บอกไอ้ลู่หานโดนสอยตูดไปแล้วใช่ไหม
คนเป็นน้องได้ยินคำแซวก็หน้าร้อนเห่อ
“โอ้ยไอ้สัด แซวเล่นแค่นี้ต้องทำร้ายกูเลยเหรอ”หมีเจ็บร้องดังเพราะลู่หานมือไวทุบเข้าที่สีข้างอีกด้านที่ไม่โดนยิงแต่ถึงกระนั้นก็สะเทือนไปถึงอีกฝั่งอยู่ดีนั่นล่ะ
“พวกพี่โกหกอะไรผมอีก
บอกมาให้หมดได้ไหมฮะ?”คนเป็นน้องเอ่ยถาม ไม่เชื่อแน่นอนว่าที่จงอินกับลู่หานปิดบังตลอดเวลาหลายเดือนที่ใช้อยู่ในคุกและอีกหลายเดือนที่ออกจากคุกมาจะมีเพียงเท่านี้
จงอินยักไหล่ เขาไม่มีเรื่องอะไรที่ปิดบังน้องแล้ว
“มินซอกฟังพี่แล้ว...รู้แล้วใช่ไหมว่าระหว่างพี่กับจุนมยอนเราไม่มีอะไรกัน
ทั้งหมดมันเป็นงาน”ลู่หานถาม
ดึงนั้นมากอดแน่นมากขึ้นแล้วหอมขมับที่ปกคลุมด้วยเส้นผมนิ่มไปทีจนจงอินร้องขัดเพราะเบื่อมดที่ไต่ตอมไปหมด
แต่พอได้นิ้วกลางจากเพื่อนคนเจ็บเลยหุบปากฉับ บอกให้ลู่หานคุยกับมินซอกต่อไป
“มินซอก...”ลู่หานเรียกน้อง
มินซอกเงยหน้าขึ้นมอง หน้ากลมๆขาวๆมีสีแดงพาด เพราะกำลังคิดถึงเวลาที่อยู่ในคุก
ที่มินซอกคิดไปตลอดว่าพี่ชายนั้นมีใจให้นางพญาคนสวย
แต่ทั้งหมดมาเฉลยเอาวันนี้ทำให้รู้ว่ามินซอกแค่ได้เห็นละครฉากหนึ่งเท่านั้น
คนที่หลงรักพี่ชายที่แสนดีนี่แหล่ะที่ตีโพยตีพายว่าพี่ชายนั้นรักคนอื่นคงไม่อาจรักตัวเองได้
แค่คิดถึงตอนนั้นก็อดจะอายขึ้นมาไม่ได้จริงๆ
“บอกไปสิ
นอกจากมึงไม่ได้เอาจุนมยอนแล้วมึงยังไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย”เป็นหมีเจ็บที่เห้นฉากหวานแล้วรำคาญสายตาที่ทะลุปล้องออกมา
มินซอกเบิกตากว้างมองขวับที่คนรัก
“จริงเหรอฮะ?”ลู่หานขยี้หัวน้องแล้วไม่พูดปฏิเสธ
เขาบอกว่าก็จริง ถึงตอนนั้นจะไม่ได้ชอบแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว...มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาทำให้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น
ใครก็ไม่รู้ แต่นอนกอดอยู่ทุกคืน พูดแค่นั้นหน้าน้องก็แดงวาบขึ้นมา
มินซอกทุบเข้าที่อกคนพี่แล้วซุกหน้าเข้าไปเพราะรู้สึกว่าอยากจะยิ้มไม่หยุด
ลู่หานเล่าว่าที่ปฏิเสธมินซอกไปตอนนั้นไม่ใช่เพราะจุนมยอน
แต่เป็นเพราะเขาเองไม่รู้ตัว เพราะไม่เคยชอบผู้ชายเลยตกใจที่น้องคิดกับตนแบบนั้น
มินซอกบอกว่าไม่เป็นไร
“แค่ตอนนี้เรารักกัน...เรื่องก่อนหน้านี้ช่างมันเถอะฮะ”คำพูดซาบซึ้งแต่คนนอนนิ่งฟังเกือบจะปิดหูหนี
เซฮุนก็วิ่งหนีออกจากห้องไปหลังที่เขาบอกชอบยัยนั่น
แล้วจงอินยังต้องมานอนดูเพื่อนกับน้องบอกรักกันอีก เซ็งฉิบหายเลยจริงๆ
ค น คุ ก
หลังจากสวีทหวานจนหมดจะมาลากจงอินไปแดก
ลู่หานก็พามินซอกกลับบ้านไป
แอบโล่งใจที่มินซอกหัวอ่อนและเข้าใจที่พวกเขาพูดได้ง่าย
นี่คือข้อดีอีกอย่างของมินซอก เด็กคนนี้ใสซื่อบริสุทธิ์
เรื่องที่พวกเขาโกหกมินซอกมีมากมายจนน้องสามารถจะโกรธพวกเขาได้ด้วยซ้ำ
แต่มินซอกกลับเข้าใจมัน
มีอย่างเดียวที่มินซอกไม่ชอบใจคือการที่เขาเอาตัวเองเข้าเสี่ยงจนบาดเจ็บแบบนี้
มีการบ่นลู่หานอีกด้วยว่ามันต้องเสี่ยงแบบเขาหรือเปล่า ปากเล็กจุ๋มจิ๋มบ่นอุบอิบไม่หยุดว่าอย่าทำให้เป็นห่วงได้ไหม
...พูดเหมือนเซฮุนไม่มีผิด...
เสียงประตูที่ถูกเปิดออกอีกครั้งทำให้จงอินผงกหัวไปมอง
ผู้กองคริสเดินเข้ามาในห้องพร้อมบอกว่าเพิ่งเคลียร์เรื่องส่งปีเตอร์ปาร์คไปฝากขังสำเร็จ
งานนี้ไม่มียื่นประกันตัวเหมือนกับคราวชอนจีนั่นล่ะ เพราะการส่งยาของพวกนี้แต่ละครั้งเป็นมูลค่าหลายร้อยล้าน
โดนจับทีศาลก็ไม่คิดจะให้อุทธรณ์ใดๆทั้งสิ้น
จงอินมองประตูที่ยังไม่ได้ถูกปิดลง
ผู้กองคริสก็มองด้วย แล้วผู้กองตัวสูงก็หัวเราะออกมา
เรียกคนที่ยืนหน้าประตูไม่ยอมเข้าห้องมาเสียที
“เซฮุนเข้ามาเถอะน่า”พอพี่ชายเรียกคนที่ยืนลังเลหน้าประตูเลยต้องค่อยๆเขยิบเข้ามา
สายตาสบกับไอ้หมีโง่ที่นอนบนเตียงแล้วหน้าพลันจะร้อนขึ้นมาอีกแล้ว
ที่วิ่งหนีออกไปเซฮุนแค่ไปนั่งสงบจิตใจที่เต้นระรัวอยู่ที่สวนหย่อมหน้าโรงพยาบาลเท่านั้นเอง
ไม่ได้ไปไหนไกลเลย พอนึกถึงตอนที่ตัวเองโน้มหน้าลงไปหาไอ้เจ้าหมีบ้านั่นแล้วก็ต้องหน้าร้อนผะผ่าว
ยิ่งตอนที่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำนั่นบอก
“เค้าชอบตัว”
ฮื่อออออ
เซฮุนไม่อยากจะอธิบายเลยว่าทั้งหน้ามันแดงจัดและร้อนจี๋
ทั้งใจมันสั่นไหวแทบจะหลุดมาจากอก
อารมณ์คนที่รอให้คนที่แอบรักมาบอกกลับว่าชอบกันนี่
ถ้าไม่โดนกับตัวเองคงไม่รู้สึกหรอก ว่าหัวใจมันเหมือนพองจนคับแน่นอกไปหมด
ปากของเซฮุนแทบจะฉีกถึงหู ยิ้มจนเมื่อยแก้ม ปวดกราม
“นายไล่น้องชายฉันไปนั่งให้ยุงหามที่หน้าโรงพยาบาลหรือเปล่าจงอิน
เห้นเด็กนี่ไปนั่งปิดหน้าปิดตาอยู่ได้
คนข้างล่างบอกมานั่งหลายชั่วโมงแล้วด้วย”พี่ชายยศผู้กองถามกับคนที่นอนเจ็บ
หลังจากที่คริสออกจากห้องไปปล่อยให้จงอินกับเซฮุนได้คุยกันลำพัง
ไม่รู้ว่าจงอินทำอะไร ไอ้น้องชายตัวดื้อถึงไปนั่งคนเดียวหน้าโรงพยาบาลแบบนั้น
คริสงงเล็กน้อยตอนเข้ามาเห็น ถามพยาบาลก็ได้ความว่าโอเซฮุนมานั่งตรงนี้นานแล้ว
เห็นหน้าแดงแจ๋ บิดไปบิดมา แล้วอยู่ดีๆก็ฟุบหน้าลงกับแขนกระทืบเท้าเบาๆ...เหมือนเขินๆอะไรสักอย่าง
“เปล่านี่ครับผู้กอง
ผมเจ็บแบบนี้จะไปทำอะไรได้”เรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองเล็กน้อย
เหลือบสายตามองยัยตัวขาวเห็นหน้าขาวๆนั่นยังติดสีแดงไม่หาย
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนายเสียหน่อยนี่
เซฮุนไปหยิบกระเป๋าสิ หายเร็วๆแล้วกัน ขอโทษอีกครั้งที่นายต้องเจ็บตัว”คริสพูดบอก
สั่งให้น้องชายไปหยิบกระเป๋าที่วางไว้ที่โซฟาเพื่อจะกลับบ้าน
ไม่ลืมขอโทษลูกน้องอีกครั้งเพราะมันเป็นความผิดของเขาที่ทำให้จงอินถูกยิง
จงอินส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร
“ฝันดีนะ”เสียงทุ้มบอกกับคนที่จะก้าวออกจากห้องตามพี่ชายไป
เซฮุนยู่ปาก
หันมาแลบลิ้นใส่คนป่วยแล้วรีบหันหน้าแดงๆของตัวเองหนีวิ่งปรู๊ดออกจากห้องไปทันที
เสียงปิดประตูดังปังทำให้จงอินยิ้มออกมา
มือหนาควานหาโทรศัพท์มือถือที่น่าจะวางอยู่แถวๆโต๊ะข้างๆเตียงแล้วก็เจอ
แบตของมันถูกชาร์ตเต็มจากการไหว้วานของเขาต่อนางพยาบาล มือหนากดเปิดเครื่องขึ้นมา
ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลก็ยังไม่ได้ใช้โทรศัพท์เลย
มีการแจ้งเตือนจากโปรแกรมแชทเล็กน้อยและข้อความฝากข้อความเสียงอีกสองฉบับ
เขาเข้าโปรแกรมสีเขียวแล้วเลื่อนหาชื่อตัวขาวก่อนจะเข้าห้องสนทนา
ข้อความประโยคสั้นๆถูกพิมพ์ขึ้นด้วยมือข้างเดียวเพราะจะยกสองข้างก็เจ็บไม่หยอก
จงอินยิ้มให้กับสติ้กเกอร์หมีหน้านิ่งอย่างเจ้าบราวน์ที่ยื่นจดหมายประทับรูปหัวใจมาด้านหน้า
เพียงไม่กี่นาทีข้อความที่จงอินส่งไปก็ถูกขึ้นสถานะว่าอ่านแล้ว
แต่ไม่มีการคอบกลับมา เขาอดจะขำไม่ได้ นึกภาพยัยตัวขาวที่นั่งมองจอโทรศัพท์ข้างๆผู้กองคริสแล้วหน้าแดงแจ๋
“ที่เค้าพูดวันนี้เค้าพูดจริงๆนะ...เป้นแฟนเค้านะ
ถ้าไม่ตอบกลับมาแสดงว่าตกลง”
ช่างเป็นข้อความที่รวบรัดเอาเองเสียจริง
ก็รู้ว่าเซฮุนจะต้องเขินจนพิมพ์กลับมาไม่ถูก
คิมจงอินนี่มันร้ายจริงๆเชียว...
TBC.
#พี่ลู่คนคุก
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น