วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

คนคุกโอเซฮุน.1


เบ่งบานในใจ

 

 

 

โอเซฮุน.1

 

เท้าภายใต้รองเท้าผ้าใบคู่โปรดขยับวิ่งไม่ได้หยุด มือของเขากำที่สายกระเป๋าสะพายแน่น โอเซฮุนหยุดหอบแค่เพียงชั่วครู่แล้วก็ต้องวิ่งต่อ เขาไม่สามารถจะรอรถได้เลย ช่วงเวลานี้เป็นเวลาทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย และโรงงานต่างๆเลิก รถเมล์เต็ม รถส่วนตัวติดอยู่บนท้องถนน รถแท็กซี่ก็หายาก

จุดหมายของเซฮุนคงเป็นโรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายหลังเลิกเรียน เซฮุนก็วิ่งหน้าตั้งออกจากมหาวิทยาลัยแทบจะทันที ในใจร้อนรนอยากจะหายตัวไปให้ถึงโรงพยาบาลตำรวจโดยไวเสียด้วยซ้ำ

จงอินโดนยิง...

 

คิดเอาไว้แล้วว่ามันต้องมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในสักวัน ทั้งที่บอกแล้วว่าให้ระวังแต่ไอ้หมีโง่ก็ยังถูกยิง คิมจงอินจะรู้ไหมว่าทำให้เซฮุนร้อนใจไปหมดแบบนี้

ชั้นและหมายเลขห้องคนเป็นพี่ชายได้บอกเอาไว้แล้ว เซฮุนผ่านเข้าประตูกระจกของโรงพยาบาลมาได้ง่ายดาย ไม่ต้องแจ้งพยาบาลเวรให้ทราบเพราะใครต่างก็รู้จักเซฮุนน้องชายของผู้กองคริสเป็นอย่างดี เสียงวิ่งตึกตักดังไปทั่วตึกผู้ป่วย จนในที่สุดก็ถึงบานประตูที่มีเลขห้องตรงกับที่พี่คริสได้บอกเอาไว้ เซฮุนเปิดประตูเข้าไป นายตำรวจหลายนายยืนล้อมเตียงอยู่ ดูท่าจะกำลังสอบปากคำคนที่เพิ่งฟื้นจากการผ่าตัดเอากระสุนออกจากบริเวณชายโครง ดีที่กระสุนไม่โดนส่วนสำคัญหรือปะทะกับกระดูกซี่โครง ไม่อย่างนั้นคิมจงอินอาจจะไม่ได้ฟื้นไวขนาดนี้แน่ๆ

เซฮุนกัดริมฝีปาก ขอบตาร้อนผ่าวยามที่เหล่าตำรวจทั้งหลายหันมามองและพร้อมใจกันแหวกทางให้น้องชายผู้กอง คนตัวขาวขยับเท้าเข้าใกล้ไอ้หมีหัวโล้นที่นอนโรยแรงอยู่บนเตียง เพียงเห็นว่ากายด้านบนนั้นเปลือยเปล่าและมีผ้าพันแผลพันไม่รอบเอวรั้งขึ้นไหล่อีกทบ เซฮุนก็แทบจะทนไม่ไหว

“ฮึ่ก”เสียงสะอื้นหลุดออกมา คริสมองน้องชายแล้วเรียกให้นายตำรวจทุกคนออกจากห้องไปก่อน มือของพี่ชายขยี้ลงบนกลุ่มผมนุ่มๆของเซฮุน

“พี่ขอโทษนะที่ปล่อยให้จงอินถูกยิง”คริสขอโทษน้องชาย และผู้กองตัวสูงก็ขอโทษจงอินอยู่หลายครั้ง ที่ไปถึงที่หมายช้า เพราะรถที่ใช้ในภาระงานเกิดขัดข้องขึ้น กว่าจะเรียกรถอีกคันมาเสริมก็กินเวลาไปหลายนาที นายตำรวจช่างที่ดูแลเรื่องการตรวจเช็คเครื่องยนต์ถูกเรียกสอบสวนและผลก็ออกมาเป็นว่าเกิดจากความสัพเพร่าของนายตำรวจช่างคนนั้นที่ไม่ได้ตรวจเช็คน้ำในหม้อน้ำให้ดี ความผิดพลาดครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ การลงโทษจึงมีไปตามระเบียบโดยมีการปลดนายตำรวจนายนั้นออกจากตำแหน่ง

 

เมื่อไม่เหลือใครนอกจากเซฮุนและจงอิน คนตัวขาวที่ยืนกำสายกระเป๋าก็ไม่อายที่จ้องต้องปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมา

“เซฮุน...”เสียงแหบของคนที่เพิ่งฟื้นจากผ่าตัดเรียกชื่อของคนตัวขาว น้ำตาที่นองหน้าคนที่เขาแอบรักทำให้จงอินใจหาย เซฮุนสะอื้นจนตัวโยน เสียงร้องไห้ของอีกคนดังก้องห้อง จงอินอยากลุกขึ้นไปรั้งให้คนตัวขาวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแต่แค่เพียงขยับตัวก็เจ็บปลาบไปทั่ว

“เซฮุนอย่าร้อง”จงอินเอ่ยบอก เซฮุนยกมือขึ้นป่ายปัดน้ำตาออกจากแก้ม ดวงหน้าขาวนวลมองสบสายตากับคนเจ็บ ริมฝีปากสีสดที่ชอบยู่ปากใส่เขานั้นเบะออกดูแสนจะน่าเกลียดแต่จงอินกลับคิดว่ามันน่ารักกว่าอะไร

...เพราะเซฮุนกำลังร้องไห้ให้กับเขา...

“ตัว...อึ่ก...ตัวโง่”คำด่าช่างน่าขำ เซฮุนเดินเข้ามาใกล้กัน ยังไม่หยุดเช็ดน้ำตา จงอินส่งยิ้มอ่อนๆให้บอกว่าในที่สุดก็ได้เจอกันเสียที

“เจอในรอบสามอาทิตย์แต่ตัวกลับโดนยิงนอนเป็นหมีเจ็บ คิดว่าควรดีใจใช่ป่ะ?”เซฮุนว่าเข้าให้ ปากนั้นเบะแล้วเบะอีก อยากจะทุบอีกคนที่นอนเจ็บอยู่แต่ก็กลัวคนเจ็บจะเจ็บไปมากกว่านี้แล้วตัวเองนั่นล่ะจะต้องร้องไห้โฮเพราะสงสาร

“ตัวเจ็บมากมั๊ย”หลังเช็ดน้ำตาออกจนหมดแก้มคนตัวขาวก็ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงคนป่วย จงอินยิ้มบอกไม่เจ็บอะไรมากมาย ตัวโตเป็นหมี กระสุนแค่นี้ยิงเข้าไปไม่ถึงเครื่องในหรอก

“ตับ ปอด ม้ามยังอยู่ดี”เซฮุนไม่ตลกด้วยสักนิด ตีเพี้ยะเข้าที่แขนคนเจ็บ ด่าอีกคนว่าเล่นตลกไม่รู้เวลา จงอินเห็นคนตัวขาวกระเง้ากระงอดยู่หน้าก็ชอบใจ

“ตัวห่วงเค้ามากอ่ะดิ่เนี่ย”เย้าให้อีกคนได้ยู่ปากมากขึ้นจนจะเหมือนปลาทองอมอาหาร เซฮุนก้มหน้าลงไม่มองคนเจ็บ มือวกกลับไปจับสายกระเป๋าที่พาดอยู่ที่ไหล่อีกครั้ง

 

..

.

“ถ้าเค้าไม่ห่วงตัวแล้วเค้าต้องห่วงใครล่ะ”เป็นคำถามเต็มไปด้วยความเง้างอนและน้อยใจ แต่จงอินกลับยิ้มกว้างขึ้นไปอีก

“เค้าอยากกินน้ำ”หมีเจ็บเอ่ยบอก มองไปยังเหยือกใส่น้ำและแก้วที่วางอยู่ใกล้กับหัวเตียง เซฮุนวางกระเป๋าลงที่โซฟาก่อนจะขยับมารินน้ำให้คนป่วยดื่ม จมูกของคนตัวขาวเป็นสีแดงเรื่อเพราะร้องไห้ จงอินใช้ปากคาบหลอดเพื่อดูดน้ำจากแก้วไปก็ลอบมองใบหน้าของเซฮุนไปด้วย

“ตัว”จงอินเรียกคนที่เก็บแก้วน้ำเข้าที่ คนเจ็บที่ขยับตัวยังแทบไม่ได้เอื้อมมือไปหาคนที่แอบรักซึ่งยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เซฮุนเห็นจงอินยื่นมือมาหาก็ร้องเสียงหลง คว้ามือไอ้หมีโง่ลงไปวางกับพื้นเตียงเหมือนเดิม กลัวจะเจ็บแผลเพราะการเคลื่อนไหวร่างกาย ว่าทับไปด้วยว่าทำอะไร เดี๋ยวก็แผลปริเลือดอาบกันพอดี

คิ้วของเซฮุนขมวด ทำไมชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยเชียว

“ยังจะมายิ้มอีก”เอ่ยว่าไป ตีเพี้ยะเข้าที่ไหล่หนาบอกว่าให้นอนอยู่เฉยๆ

“ตัว...รู้ป่ะว่าตอนโดนยิงเค้าคิดถึงอะไรเป็นอย่างแรก”จงอินเอ่ยถาม เซฮุนที่เปิดตู้เย็นสำรวจของกินบำรุงคนเจ็บอยู่ถามกลับว่าแล้วตัวคิดถึงอะไร เซฮุนไม่เคยโดนยิง ไม่รู้หรอกว่าเวลาที่กระสุนพุ่งเข้ามาที่ร่าง ความเจ็บค่อยๆแผ่ซ่านไปทั้งกาย จะต้องรู้สึกยังไง

กลัวตาย? หรือเปล่า...กลัวจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว...

 

จงอินเรียกคนที่ยังสำรวจตู้เย็นให้เงยหน้าขึ้นมามองกัน หัวเราะน้อยๆเพราะเซฮุนบ่นงึมงำว่ามีแค่นมของโรงพยาบาล ต้องซื้อพวกแคลเซียมกับสังกะสีสูงๆมาติดไว้ โดนยิงเสียเลือดมาก ต้องบำรุงเลือด

“คิดถึงตัว...”เห็นว่าอีกคนไม่ยอมเงยหน้ามาจากตู้เย็น คนนอนมองอยู่บนเตียงเลยเอ่ยขึ้นมา ดวงตาของจงอินมองกลุ่มผมที่แทบจะมุดเข้าไปในตู้เย็น เซฮุนชะงักไป มือที่กำลังจัดกล่องนมและเอากาแฟกระป๋องที่ตำรวจคนอื่นคงซื้อมากินตอนอยู่เฝ้าคืนนี้เรียงให้เป็นระเบียบชะงักนิ่ง

“คิดมาตั้งนานแล้วว่าอยากจะพูดบางอย่าง...แต่ยังไม่ได้พูดสักที ตอนนั้นถ้าโดนยิงแล้วตาย...คงต้องเก็บตลอดไป”ประตูตู้เย็นถูกปิดลง เซฮุนลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะมองคนที่นอนเจ็บอยู่ จงอินมองมาที่เขาเหมือนกัน ในดวงตาของจงอินมีประกายบางอย่างที่เซฮุนมองเข้าไปแล้วต้องหน้าร้อนวูบ

“ตัว...”เสียงหวานเรียกคนที่ไม่หยุดมองกันด้วยแววพราวระยับ จงอินกวักมือเรียกให้เซฮุนเข้าไปใกล้กันอีกนิด ก่อนที่จะขอจับมือขาวนวลเอาไว้ เซฮุนเองก็ไม่เข้าใจทำไมต้องยอมทำตามง่ายดาย ทั้งที่ปรกติคงจะยู่ปากใส่อีกคนแล้วสะบัดหน้าหนี คงเป็นเพราะแววตานั้น...

มือของเขาถูกจับและกุมเอาไว้ เมื่อได้สัมผัสนานๆจึงรู้ว่าจงอินตัวร้อนผะผ่าวด้วยพิษจากบาดแผลส่งผลให้ร่างกายเกิดการเป็นไข้

“โอเซฮุน...”ไม่บ่อยที่จงอินจะเรียกชื่อเต็มๆ เพราะปรกติก็เรียกกันด้วยคำว่าตัว แล้วอีกคนยังมาเรียกชื่อกันทั้งที่ดวงตานั้นก็จ้องมอง ริมฝีปากหนายกยิ้มที่เซฮุนมองแล้วมันช่างละมุนละไมที่สุดเท่าที่เคยเห็นจงอินยิ้มมา ร่างกายของเซฮุนเอนโน้มลงไปหาคนที่อยู่บนเตียงเพียงแค่จงอินกระตุกข้อมือเขาน้อยๆ

เหมือนตกอยู่ในห้วงมนต์สะกด ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่คืบเท่านั้น จงอินใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้จับมือกับเซฮุนยกขึ้นวางบนกลุ่มผมนิ่ม ก่อนจะไล้ลงมาที่โครงหน้าติดหวานจัด ผ่านสันกรามคมกริบและมาหยุดที่ริมฝีปากที่มักจะยับยู่น่ารัก

“เซฮุน”เสียงทุ้มเรียกชื่อกันอีกครั้ง คราวนี้เซฮุนไม่ได้นิ่งฟังแต่เขาต้องครางงื่อในลำคอ เพราะอยู่ใกล้กันแค่นี้ เสียงที่ทอดเรียกจึงชัดเจนกว่าครั้งไหน จงอินยิ่งมองตากันก็ยิ่งทำให้ใบหน้าเซฮุนร้อนผ่าว...และมันคงแดงขึ้นแล้วแน่ๆ พ่อหมีตัวโตถึงได้ยิ้มชอบใจแบบนั้น

 

“เซฮุน...”เรียกชื่อกันอีกครั้ง และอีกครั้ง...จงอินเกลี่ยริมฝีปากบางด้วยหัวแม่มือ ก่อนจะเลื่อนมือไปรั้งต้นคออีกคนให้เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้กันอีกนิด อยาก...ลองกดจูบลงไปดูสักครั้ง แต่จงอินก็ยังไม่ทำ เขาสูดหายใจเข้าก่อนระบายออกช้าๆ กระชับมือที่จับกันให้แน่นกว่าเดิมก่อนจะเอ่ยออกไป อะไรที่อยากจะบอกมาเนิ่นนาน...โดยที่คนฟังก็ต้องการจะฟังมันเช่นกัน

 

.

.

“เค้าชอบตัว...จงอินชอบเซฮุน”

 

 

 

ค น คุ ก

 

 

 

“แล้วน้องนีออนก็วิ่งออกจากห้องไป”ลู่หานต่อเรื่องที่เพื่อนเล่าได้เหมือนเห็นเหตุการณ์ด้วยตัวเอง จงอินพยักหน้า บอกว่าหน้ายัยตัวขาวงี้แดงแจ๋เหมือนลูกเชอร์รี่

“แล้วไม่วิ่งตามไปล่ะ”เพื่อนตัวเล็กกว่าเอ่ยแซวขำ เห็นอยู่ทนโท่ว่าเพื่อนเจ็บหนักแค่ขยับก็ปวดร้าวไปหมด แต่สันดานคนกวนตีนก็ขอให้ได้กวนตีนบ้างเท่านั้นก็พอใจ

“ถ้ากูลุกขึ้นวิ่งได้กูจะวิ่งไปถีบมึงเป็นอย่างแรกเลยล่ะไอ้สัด”ใช่ว่าจงอินจะยอมแพ้ เรื่องปากไม่น้อยหน้าใครอยู่เหมือนกัน ลู่หานหัวเราะเหอะๆ มองนาฬิกาดูเห็นว่าใกล้เวลาที่มินซอกจะเลิกเรียนแล้ว ตอนนี้มินซอกกำลังจะเรียนจบในไม่ช้า คนตัวเล็กก็ยิ่งขยันอ่านหนังสือหมอ ลู่หานถามน้องว่าจะสอบปีนี้เลยไหมแต่เจ้าตัวยังลังเล เห็นว่าอยากทำงานก่อน แต่เขาก็มองออกว่ามินซอกตั้งใจอยากสอบหมอให้เร็วๆ

“แล้วน้องติ๋มกูมากูจะตอบน้องว่าไงดีวะ ไปเที่ยวแต่เสือกโดนยิงได้เนี่ย”จงอินคิดไม่ออกจริงๆ เพราะโกหกน้องว่าไปเที่ยว พอเจอกันอีกทีก็โดนยิงนอนเป็นพักตายนึ่งในโรงพยาบาลตำรวจ สีหน้าคนเป็นพี่หนักใจ เขาโกหกมินซอกไว้มากอย่างจนบางทีก็คิดว่าการที่บอกน้องไปตรงๆกับการที่โกหกไปเรื่อยๆอันไหนจะง่ายมากกว่ากัน อีกอย่าง เราทั้งหมดก็ไม่ได้อยู่ในคุกแล้ว ฮวังชอนจีก็ถูกจับไปแล้ว มันถึงเวลาแล้วหรือเปล่าที่พวกเขาจะพูดความจริงกับมินซอกเสียที

จะโกหกไปตลอดชีวิตมันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว...

“กูคิดว่ามินซอกน่าจะพูดง่าย น้องหัวอ่อนมาตลอด ก็น่าจะเข้าใจเหตุผลที่เราต้องพูดเท็จ”ลู่หานให้ความคิดเห็น จงอินคิดตามอย่างเห็นด้วย แต่จะเริ่มพูดยังไงนี่สิปัญหา ยังไม่ทันจะคิดว่าจะต้องเริ่มอธิบายเรื่องราวทุกอย่างให้มินซอกฟังยังไง เสียงเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยก็ดังขึ้น มินซอกหันไปโค้งขอบคุณนายตำรวจคนหนึ่งที่พามาส่งถึงห้องแล้วเดินเข้ามา พอเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงเป็นพี่ชายก็พรวดเข้ามาเกาะขอบเตียงทันที

“พี่จงอินทำไมโดนยิงล่ะฮะ เจ็บมากไหม?”เห็นเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลแล้วเกือบจะเบะปาก ในตาไหวระริกจนลู่หานต้องคล้องแขนพาดบ่าเขย่าไหล่อีกคนไม่ให้ร้อง

“ก็พี่จงอินเจ็บ”เสียงเล็กเสียงน้อยบอกกลับมา มินซอกรีบลาป้านาบีเพื่อมาเยี่ยมจงอินทันทีที่รู้จากลู่หานว่าจงอินถูกยิง แม้จะงงๆที่ลู่หานบอกให้นั่งแท็กซี่มาที่โรงพยาบาลตำรวจก็ตามที แต่ด้วยความเป็นห่วงพ่อหมีตัวดตมินซอกเลยไม่ติดใจสงสัยอะไร คนรักบอกให้มาก็มา

“พี่ยังไม่ได้ตอบผมเลยว่าทำไมถึงโดนยิง”มินซอกยังคงตั้งคำถามกับจงอิน ลู่หานมองเพื่อนครั้งหนึ่งก่อนพยักหน้าให้จงอินพูดออกไป มาถึงขนาดนี้ก็พูดไปให้จบเสียดีกว่า เขาก็ไม่อยากจะหลอกมินซอกอีกต่อไป ยิ่งช่วงที่เตรียมตัวเรื่องการล่อซื้อยาจากปีเตอร์ปาร์ค ลู่หานกลับบ้านดึกมาก บางครั้งก็ไม่กลับจนมินซอกและอี้ชิงสงสัย น้องเคยพูดด้วยซ้ำว่าลู่หานทำงานหนักไปหรือเปล่า งานเอกสารพวกนั้นทำไมถึงทำให้ไม่มีเวลาแบบนี้กัน

บอกตามตรงว่าลู่หานไม่อยากให้ทั้งอี้ชิงและมินซอกรู้สึกน้อยใจว่าลู่หานไม่มีเวลาให้ จากเคยไปรับอี้ชิงตอนดึกช่วงนี้ก็ไม่ได้ไปต้องให้ผู้กองคริสช่วยส่งนายตำรวจไปแทน

“มินซอกจำได้ไหมว่าทำไมมินซอกถึงได้ออกมาจากคุก”ลู่หานเป็นคนเริ่มเรื่อง เขาลูบหัวน้องแล้วดึงหัวกลมๆมาพิงไหล่ มินซอกพยักหน้า จำได้ทุกอย่าง ผู้กองคริสช่วยให้มินซอกได้รับอิสระ และจำนวนนักทาที่สูงขึ้นทำให้การรองรับของเรือนจำมีไม่มากพอ นักโทษที่ประพฤติดีจึงถูกพ้นโทษ ลู่หานส่ายหน้าบอกว่ามันไม่ใช่ความจริงโดยทั้งหมด

“พี่ไม่ได้ทำงานเอกสารที่กรมตำรวจ แล้วไอ้จงอินก็ไม่ได้ทำงานร้านดีวีดี”คำพูดของพี่ชายทำให้มินซอกไม่เข้าใจ คิ้วเส้นเรียวขดเข้าหากัน

“พี่กำลังจะบอกอะไรผม?”เสียงของน้องชายเริ่มเปลี่ยนไป มินซอกกำลังสับสนกับเรื่องที่ได้ยิน จงอินยิ้มเบาๆ

“พี่ไม่ได้โดนจับข้อหาค้ายา...ที่พี่เข้าไปอยู่ในคุกเพราะงาน และที่มินซอกออกจากคุกมาได้ก็เพราะลู่หานขอให้ผู้กองช่วย”

“...”

“พี่เป็นสายให้ตำรวจ...และที่พี่โดนยิงก็เพราะงานที่พี่ทำเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย มินซอกเข้าใจที่พี่พูดหรือเปล่า”จงอินเอ่ยถามน้องที่นิ่งเงียบไปแล้ว คิ้วของมินซอกยิ่งผูกกันแน่น เงยหน้ามองคนรักที่โอบกอดตัวเองสลับกับมองใบหน้าของพ่อหมีที่นอนที่เตียง กว่าจะเค้นเสียงถามออกมาได้ก็กินเวลาไปกว่านาที

“พี่...พูดเรื่องจริงเหรอ”มินซอกค่อนข้างตกใจและนึกไม่ถึง เด็กน้อยถามว่าลู่หานเองก็เป็นสายให้ตำรวจด้วยเหมือนกันใช่ไหม คำตอบของพี่ชายเป็นการค่อยๆอธิบายตั้งแต่แรกเริ่ม มินซอกฟังที่ลู่หานเริ่มเล่าจนจบ อีกคนเล่าว่าผู้กองคริสเสนองานให้เพื่อทำให้คิมกอนโมบอกความลับเรื่องการขายยาออกมา แล้วยังเล่า...ว่าเรื่องระหว่างลู่หานและจุนมยอนเป็นเพียงฉากที่จัดขึ้นเท่านั้น มินซอกไม่คิดไม่ฝันว่าเรื่องที่ได้ยินจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้

“โกรธพี่หรือเปล่าที่พี่โกหกเรามาตลอด”จงอินเอ่ยถาม น้องทำเพียงส่ายหน้า มินซอกบอกว่าไม่มีทาง ทำไมต้องโกรธด้วย ไม่ว่าเรื่องที่ลู่หานและจงอินโกหกนั้นจะเป็นเพราะเหตุผลอะไร แต่สุดท้ายและพี่ชายทั้งสองก็ทำเพื่อมินซอก ทั้งลู่หานและจงอินทำให้มินซอกได้ออกมาจากคุก...บุญคุณไม่อาจจะทดแทนได้หมดด้วยซ้ำไป

“กอดพี่ได้ไหม?”คนเป็นน้องถามคนเจ็บ จงอินพยักหน้าให้น้องโถมตัวเข้ามากอด คนตัวเล็กเองก็ระวังไม่ให้ตัวเองไปโดนแผลของพี่เข้าให้

“นอกจากเราสองคน รู้ไหมว่าผู้คุมอินซูก็อยู่ข้างเรา แล้วยังมีพวกในเรือนจำอีกหลายคนเลยล่ะ”จงอินเอ่ยบอก มินซอกเลยนึกออกถึงเวลาที่ผู้คุมเรียกจงอินและลู่หานไปหาคงไปคุยกันเรื่องงานใช่หรือเปล่า จงอินยิ้มขำแซวว่าน้องยังติดใจคำพูดของเขาที่บอกไอ้ลู่หานโดนสอยตูดไปแล้วใช่ไหม คนเป็นน้องได้ยินคำแซวก็หน้าร้อนเห่อ

“โอ้ยไอ้สัด แซวเล่นแค่นี้ต้องทำร้ายกูเลยเหรอ”หมีเจ็บร้องดังเพราะลู่หานมือไวทุบเข้าที่สีข้างอีกด้านที่ไม่โดนยิงแต่ถึงกระนั้นก็สะเทือนไปถึงอีกฝั่งอยู่ดีนั่นล่ะ

“พวกพี่โกหกอะไรผมอีก บอกมาให้หมดได้ไหมฮะ?”คนเป็นน้องเอ่ยถาม ไม่เชื่อแน่นอนว่าที่จงอินกับลู่หานปิดบังตลอดเวลาหลายเดือนที่ใช้อยู่ในคุกและอีกหลายเดือนที่ออกจากคุกมาจะมีเพียงเท่านี้ จงอินยักไหล่ เขาไม่มีเรื่องอะไรที่ปิดบังน้องแล้ว

“มินซอกฟังพี่แล้ว...รู้แล้วใช่ไหมว่าระหว่างพี่กับจุนมยอนเราไม่มีอะไรกัน ทั้งหมดมันเป็นงาน”ลู่หานถาม ดึงนั้นมากอดแน่นมากขึ้นแล้วหอมขมับที่ปกคลุมด้วยเส้นผมนิ่มไปทีจนจงอินร้องขัดเพราะเบื่อมดที่ไต่ตอมไปหมด แต่พอได้นิ้วกลางจากเพื่อนคนเจ็บเลยหุบปากฉับ บอกให้ลู่หานคุยกับมินซอกต่อไป

“มินซอก...”ลู่หานเรียกน้อง มินซอกเงยหน้าขึ้นมอง หน้ากลมๆขาวๆมีสีแดงพาด เพราะกำลังคิดถึงเวลาที่อยู่ในคุก ที่มินซอกคิดไปตลอดว่าพี่ชายนั้นมีใจให้นางพญาคนสวย แต่ทั้งหมดมาเฉลยเอาวันนี้ทำให้รู้ว่ามินซอกแค่ได้เห็นละครฉากหนึ่งเท่านั้น

คนที่หลงรักพี่ชายที่แสนดีนี่แหล่ะที่ตีโพยตีพายว่าพี่ชายนั้นรักคนอื่นคงไม่อาจรักตัวเองได้ แค่คิดถึงตอนนั้นก็อดจะอายขึ้นมาไม่ได้จริงๆ

“บอกไปสิ นอกจากมึงไม่ได้เอาจุนมยอนแล้วมึงยังไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย”เป็นหมีเจ็บที่เห้นฉากหวานแล้วรำคาญสายตาที่ทะลุปล้องออกมา มินซอกเบิกตากว้างมองขวับที่คนรัก

“จริงเหรอฮะ?”ลู่หานขยี้หัวน้องแล้วไม่พูดปฏิเสธ เขาบอกว่าก็จริง ถึงตอนนั้นจะไม่ได้ชอบแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว...มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาทำให้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ใครก็ไม่รู้ แต่นอนกอดอยู่ทุกคืน พูดแค่นั้นหน้าน้องก็แดงวาบขึ้นมา มินซอกทุบเข้าที่อกคนพี่แล้วซุกหน้าเข้าไปเพราะรู้สึกว่าอยากจะยิ้มไม่หยุด ลู่หานเล่าว่าที่ปฏิเสธมินซอกไปตอนนั้นไม่ใช่เพราะจุนมยอน แต่เป็นเพราะเขาเองไม่รู้ตัว เพราะไม่เคยชอบผู้ชายเลยตกใจที่น้องคิดกับตนแบบนั้น มินซอกบอกว่าไม่เป็นไร

“แค่ตอนนี้เรารักกัน...เรื่องก่อนหน้านี้ช่างมันเถอะฮะ”คำพูดซาบซึ้งแต่คนนอนนิ่งฟังเกือบจะปิดหูหนี เซฮุนก็วิ่งหนีออกจากห้องไปหลังที่เขาบอกชอบยัยนั่น แล้วจงอินยังต้องมานอนดูเพื่อนกับน้องบอกรักกันอีก เซ็งฉิบหายเลยจริงๆ

 

ค น คุ ก

 

หลังจากสวีทหวานจนหมดจะมาลากจงอินไปแดก ลู่หานก็พามินซอกกลับบ้านไป แอบโล่งใจที่มินซอกหัวอ่อนและเข้าใจที่พวกเขาพูดได้ง่าย นี่คือข้อดีอีกอย่างของมินซอก เด็กคนนี้ใสซื่อบริสุทธิ์ เรื่องที่พวกเขาโกหกมินซอกมีมากมายจนน้องสามารถจะโกรธพวกเขาได้ด้วยซ้ำ แต่มินซอกกลับเข้าใจมัน มีอย่างเดียวที่มินซอกไม่ชอบใจคือการที่เขาเอาตัวเองเข้าเสี่ยงจนบาดเจ็บแบบนี้ มีการบ่นลู่หานอีกด้วยว่ามันต้องเสี่ยงแบบเขาหรือเปล่า ปากเล็กจุ๋มจิ๋มบ่นอุบอิบไม่หยุดว่าอย่าทำให้เป็นห่วงได้ไหม

...พูดเหมือนเซฮุนไม่มีผิด...

เสียงประตูที่ถูกเปิดออกอีกครั้งทำให้จงอินผงกหัวไปมอง ผู้กองคริสเดินเข้ามาในห้องพร้อมบอกว่าเพิ่งเคลียร์เรื่องส่งปีเตอร์ปาร์คไปฝากขังสำเร็จ งานนี้ไม่มียื่นประกันตัวเหมือนกับคราวชอนจีนั่นล่ะ เพราะการส่งยาของพวกนี้แต่ละครั้งเป็นมูลค่าหลายร้อยล้าน โดนจับทีศาลก็ไม่คิดจะให้อุทธรณ์ใดๆทั้งสิ้น

จงอินมองประตูที่ยังไม่ได้ถูกปิดลง ผู้กองคริสก็มองด้วย แล้วผู้กองตัวสูงก็หัวเราะออกมา เรียกคนที่ยืนหน้าประตูไม่ยอมเข้าห้องมาเสียที

“เซฮุนเข้ามาเถอะน่า”พอพี่ชายเรียกคนที่ยืนลังเลหน้าประตูเลยต้องค่อยๆเขยิบเข้ามา สายตาสบกับไอ้หมีโง่ที่นอนบนเตียงแล้วหน้าพลันจะร้อนขึ้นมาอีกแล้ว ที่วิ่งหนีออกไปเซฮุนแค่ไปนั่งสงบจิตใจที่เต้นระรัวอยู่ที่สวนหย่อมหน้าโรงพยาบาลเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปไหนไกลเลย พอนึกถึงตอนที่ตัวเองโน้มหน้าลงไปหาไอ้เจ้าหมีบ้านั่นแล้วก็ต้องหน้าร้อนผะผ่าว ยิ่งตอนที่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำนั่นบอก

 

“เค้าชอบตัว”

 

ฮื่อออออ เซฮุนไม่อยากจะอธิบายเลยว่าทั้งหน้ามันแดงจัดและร้อนจี๋ ทั้งใจมันสั่นไหวแทบจะหลุดมาจากอก

อารมณ์คนที่รอให้คนที่แอบรักมาบอกกลับว่าชอบกันนี่ ถ้าไม่โดนกับตัวเองคงไม่รู้สึกหรอก ว่าหัวใจมันเหมือนพองจนคับแน่นอกไปหมด ปากของเซฮุนแทบจะฉีกถึงหู ยิ้มจนเมื่อยแก้ม ปวดกราม

“นายไล่น้องชายฉันไปนั่งให้ยุงหามที่หน้าโรงพยาบาลหรือเปล่าจงอิน เห้นเด็กนี่ไปนั่งปิดหน้าปิดตาอยู่ได้ คนข้างล่างบอกมานั่งหลายชั่วโมงแล้วด้วย”พี่ชายยศผู้กองถามกับคนที่นอนเจ็บ หลังจากที่คริสออกจากห้องไปปล่อยให้จงอินกับเซฮุนได้คุยกันลำพัง ไม่รู้ว่าจงอินทำอะไร ไอ้น้องชายตัวดื้อถึงไปนั่งคนเดียวหน้าโรงพยาบาลแบบนั้น คริสงงเล็กน้อยตอนเข้ามาเห็น ถามพยาบาลก็ได้ความว่าโอเซฮุนมานั่งตรงนี้นานแล้ว เห็นหน้าแดงแจ๋ บิดไปบิดมา แล้วอยู่ดีๆก็ฟุบหน้าลงกับแขนกระทืบเท้าเบาๆ...เหมือนเขินๆอะไรสักอย่าง

“เปล่านี่ครับผู้กอง ผมเจ็บแบบนี้จะไปทำอะไรได้”เรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองเล็กน้อย เหลือบสายตามองยัยตัวขาวเห็นหน้าขาวๆนั่นยังติดสีแดงไม่หาย

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนายเสียหน่อยนี่ เซฮุนไปหยิบกระเป๋าสิ หายเร็วๆแล้วกัน ขอโทษอีกครั้งที่นายต้องเจ็บตัว”คริสพูดบอก สั่งให้น้องชายไปหยิบกระเป๋าที่วางไว้ที่โซฟาเพื่อจะกลับบ้าน ไม่ลืมขอโทษลูกน้องอีกครั้งเพราะมันเป็นความผิดของเขาที่ทำให้จงอินถูกยิง จงอินส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร

“ฝันดีนะ”เสียงทุ้มบอกกับคนที่จะก้าวออกจากห้องตามพี่ชายไป เซฮุนยู่ปาก หันมาแลบลิ้นใส่คนป่วยแล้วรีบหันหน้าแดงๆของตัวเองหนีวิ่งปรู๊ดออกจากห้องไปทันที เสียงปิดประตูดังปังทำให้จงอินยิ้มออกมา มือหนาควานหาโทรศัพท์มือถือที่น่าจะวางอยู่แถวๆโต๊ะข้างๆเตียงแล้วก็เจอ แบตของมันถูกชาร์ตเต็มจากการไหว้วานของเขาต่อนางพยาบาล มือหนากดเปิดเครื่องขึ้นมา ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลก็ยังไม่ได้ใช้โทรศัพท์เลย

มีการแจ้งเตือนจากโปรแกรมแชทเล็กน้อยและข้อความฝากข้อความเสียงอีกสองฉบับ เขาเข้าโปรแกรมสีเขียวแล้วเลื่อนหาชื่อตัวขาวก่อนจะเข้าห้องสนทนา ข้อความประโยคสั้นๆถูกพิมพ์ขึ้นด้วยมือข้างเดียวเพราะจะยกสองข้างก็เจ็บไม่หยอก จงอินยิ้มให้กับสติ้กเกอร์หมีหน้านิ่งอย่างเจ้าบราวน์ที่ยื่นจดหมายประทับรูปหัวใจมาด้านหน้า

เพียงไม่กี่นาทีข้อความที่จงอินส่งไปก็ถูกขึ้นสถานะว่าอ่านแล้ว แต่ไม่มีการคอบกลับมา เขาอดจะขำไม่ได้ นึกภาพยัยตัวขาวที่นั่งมองจอโทรศัพท์ข้างๆผู้กองคริสแล้วหน้าแดงแจ๋

 

“ที่เค้าพูดวันนี้เค้าพูดจริงๆนะ...เป้นแฟนเค้านะ ถ้าไม่ตอบกลับมาแสดงว่าตกลง”

 

ช่างเป็นข้อความที่รวบรัดเอาเองเสียจริง ก็รู้ว่าเซฮุนจะต้องเขินจนพิมพ์กลับมาไม่ถูก

 

คิมจงอินนี่มันร้ายจริงๆเชียว...

 

 

 

TBC.

 

 

 

 


 

 

#พี่ลู่คนคุก

 

 

 

แมลงจี่...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น