วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

คนคุกคิมจุนมยอน


อย่าล้อเล่น เดี๋ยวมีคนคิดจริงจัง

 

 

 

คิมจุนมยอน

 

จงอินค่อยๆเดินตามผู้กองคริสเข้าสำนักงาน เซฮุนกับลู่หานช่วยประคองจนมานั่งที่โต๊ะหน้าทีวีได้สำเร็จ ดวงตาเรียวรีมองสลับพี่ชายแฟนกับคนที่อาศัยร่วมกัน ดูบรรยากาศระหว่างสองคนนี้ตึงๆแปลกๆ จุนมยอนเวลามองมาเจอหน้าผู้กองเป็นต้องเบะปาก ส่วนผู้กองตัวสูงนั่นไม่แม้แต่จะชายตามองอดีตนางพญาคนสวย

ก็รู้ว่าไม่ถูกกัน อันที่จริงคือจุนมยอนคนเดียวที่ไม่ถูกกับผู้กอง แต่บรรยากาศมันไม่ใช่แบบนี้ มันต้องเป็นความรู้สึกเย็นๆหน่อยๆมากกว่า...เหมือนงอนกันแบบนี้

ไอ้ปากเบะๆของจุนมยอนนั่นเขาเห็นเซฮุนทำอย่างบ่อยเวลางอนหรือน้อยใจ

...แต่อย่างคิมจุนมยอนน่ะนะจะงอนอะไรผู้กองคริส...

ยกมือมาเกาหัวเกรียนๆอย่างไม่เข้าใจ เซฮุนที่เดินเข้าครัวไปเทน้ำเย็นมาให้ จงอินเลิกสนใจท่าทางของพี่แฟนกับจุนมยอนแล้วหันมายิ้มร่ากับคนรัก พูดคำว่าขอบคุณเสียงอ่อนจนลู่หานที่อยู่ใกล้ๆกันเอื้อมมือไวๆฟาดกะโหลกไปทีด้วยความหมั่นมือหมั่นตีนพิกล

“โอ้ยไอ้เหี้ย ฟาดมาได้ มือหรือกีบเท้าควาย”คนโดนฟาดจนหัวแทบทิ่มหันไปด่าไอ้คนลงไม้ลงมือที่ไม่แม้จะสำนึกผิดอะไร แถมยังให้นิ้วกลางกลับมาอีกด้วยซ้ำ

“ฉันว่านายเข้าไปพักในห้องเถอะ ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งทำอะไรหนักๆ”ผู้กองคริสบอก จงอินเลิกแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสนิทแล้วพยักหน้ารับ ค่อยๆลุกขึ้นตามการพยุงของเซฮุนเข้าห้อง เมื่อส่งหมีเข้าไปนอนแอ้งแม้งบนเตียงแล้วคนตัวขาวก็ออกมาหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบอกว่าจะไปหาซื้อของกินของใช้ให้จงอินเสียหน่อย ถึงกลับมาบ้านแล้วก็ยังใช้แรงมากไม่ได้ เดินทางไกลก็ไม่ได้เพราะอาจกระเทือนแผลยังให้ฉีกขาดจนต้องโร่ไปโรงพยาบาลอีก การตุนเสบียงเอาไว้ให้หมีตัวใหญ่จึงจำเป็น

“เดี๋ยวพี่พาไปซุปเปอร์ตรงหัวมุมถนนใหญ่”ผู้กองคริสขันอาสาจะพาน้องชายไป เซฮุนคล้องแขนพี่ชายบอกขอบคุณแถมชมว่าพี่ชายแสนจะใจดี มือใหญ่เลยผลักหัวไอ้ดื้อไปทีอย่างหมั่นไส้

“ไม่ต้องมาอ้อนเลยเรา รีบไปซื้อ รีบกลับบ้าน พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่เหรอ”คริสพูดบอก เซฮุนเบะปากอยากจะโยเยว่าขอเช็ดตัวให้คนเจ็บก่อนแต่เห็นสายตาดุๆของพี่ชายแล้วก็ต้องเก็บปากเงียบ ยอมกลับไปอ่านหนังสือก็ได้

“เซฮุน...”จุนมยอนเรียกอีกคนที่ตรวจดูเงินในกระเป๋าให้พอซื้อของตอนพี่ชายขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน

“ฮะ? พี่จุนมยอนมีอะไรหรือเปล่า”เซฮุนถาม จุนมยอนบอกว่าของใช้ตัวเองก็เริ่มหมดแล้ว ถ้าจะไปซุปเปอร์ งั้นขอเขาติดรถไปด้วยได้หรือเปล่า เซฮุนได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มร่าบอกว่าได้อยู่แล้ว

“เรื่องแค่นี้เองฮะ วันหลังถ้าพี่จุนมยอนต้องการอะไรก็บอกได้เลยนะ ไม่ต้องขอติดรถไปหรอก ถ้าอยากไปก็บอกพี่คริสได้ ถึงจะดุแต่ก็ใจดีพาไปแน่ๆ”น้องชายเอ่ยถึงคนพี่ที่อยู่ในห้องน้ำทำเอาจุนมยอนอดจะเบ้ปากไม่ได้ นึกถึงร่างสูงแล้วรู้สึกหงุดหงิดแกมหมั่นไส้ ตั้งแต่ประโยคที่คุยกันครั้งสุดท้ายตอนเมื่อช่วงเช้าที่ไปรับจงอินพร้อมสมัครงานผู้ช่วยพยาบาลที่โรงพยาบาลตำรวจ เขากับผู้กองตัวสูงก็ยังไม่ได้คุยกันอีกเลย

แล้วก็ถอนหายใจดังเหอะออกมา จำได้ดีเลยว่าประโยคสุดท้ายจากร่างสูงคืออะไร

“พี่เพ่ออะไรกันเล่า! ขนลุกชะมัด”

พูดจบก็เดินหนีไปเลย ทิ้งให้จุนมยอนอ้าปากค้างกับความรู้สึกดีๆที่เริ่มมีให้แต่อีกคนกลับไม่ยอมรับแถมเขวี้ยงมันทิ้งด้วย

ก็แค่เรียกว่าพี่...พี่คริส มันไม่แปลกตรงไหนใช่ไหมที่คนอายุน้อยกว่าอย่างจุนมยอนจะเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ จุนมยอนนึกแล้วต้องกัดปากตัวเอง คนอุตส่าห์มีความรู้สึกดีๆให้ สงสัยอีตาผู้กองนี่จะไม่ชอบ อยากให้จุนมยอนตั้งป้อมรังเกียจหรือไงถึงจะชอบใจ

“พี่คริสมาแล้ว ไปฮะพี่จุนมยอน”เซฮุนคว้าแขนคนที่สีผิวเทียมกันให้เดินตามไปขึ้นรถเมื่อเห็นว่าพี่ชายออกมาจากห้องน้ำแล้ว คริสดูตกใจน้อยๆเมื่อรู้ว่าจุนมยอนจะไปด้วยแต่ก็ปรับสีหน้าได้ราบเรียบ นั่งประจำที่คนขับโดยมีเจ้าตัวดื้อน้องชายนั่งข้างๆส่วนจุนมยอนนั่งอยู่เบาะหลัง เมื่อถึงซุปเปอร์ไอ้ดื้อตัวขาวก็คว้าตะกร้าเดินแยกไปทิ้งพี่ชายไว้กับจุนมยอนเพียงสองคน คนตัวขาวหยิบตะกร้าของตัวเองบ้างแล้วเดินเลือกของใช้ที่ต้องการ

“จะเดินตามมาทำไม”หันไปแหวใส่ร่างสูงที่หลังจากโดนน้องชายทิ้งก็เดินตามเขาไม่หยุด จุนมยอนกระแทกขวดยาสระผมลงบนชั้นวางอย่างหงุดหงิด ยิ่งหงุดหงิดค้างจากเมื่อเช้าก็ยังมาทำให้หงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

“ก็เซฮุนไปเดินซื้อของคนเดียว ฉันไม่อยากยืนรอเฉยๆ”ก็เลยเดินตามเขางั้นสิ? จุนมยอนต่อในใจ

“ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาเดินตามฉันนี่ นายก็ไปเดินของนายสิ”จุนมยอนบอกก่อนหันกลับมาหยิบยาสระผมที่เพิ่งกระแทกขวดลงบนชั้นวางเมื่อครู่มาใส่ตะกร้า ตอนแรกกะจะดมกลิ่นดูก่อนเพราะอยากจะลองเปลี่ยนกลิ่นยาสระผม แต่เพราะอีกคนไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของเขาสักนิด จุนมยอนเลยเลิกที่จะเดินหนีดีกว่า ทว่าช่วงขาที่สั้นกว่าก็แพ้คนร่างสูงที่มีช่วงขาเพรียวยาว จุนมยอนเดินวนรอบชั้นวางแต่คริสก็เดินตามเหมือนจะแกล้ง

“นายจะตามฉันไปถึงเมื่อไหร่”ทนไม่ไหวต้องหันไปถาม ใบหน้าหวานตีคิ้วมุ่น ปากสีสดนั่นยับยู่ ทำท่าขู่เหมือนลูกหมา อยากจะเหวี่ยงตะกร้าที่ถือกระแทกหน้าอีกคนให้รู้แล้วรู้รอด

“ไม่เรียกฉันแบบเมื่อเช้าเหรอ?”นอกจากจะไม่ตอบคำถามแล้วยังถามกลับอีกด้วย จุนมยอนอ้าปากเหวอกับคำถามของผู้กอง

“จะเรียกพี่ก็ได้นะ ฉันแค่ไม่ชินเลยพูดแบบนั้นไป”ปากที่อ้ายิ่งเปิดค้าง คริสเดินผ่านเขาไปพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆมุมปาก จุนมยอนได้แต่ยืนนิ่ง พลันหน้าก็ร้อนเห่อขึ้นมาเมื่อคิดว่าผู้กองคริสอาจจะรู้ว่าเขาหงุดหงิดที่อีกคนไม่รับความรู้สึกดีๆจากกันเลยมาพูดแบบนี้

อาจจะรู้ว่าเขา...งอน

บ้าน่ะ! ไม่ใช่งอนเสียหน่อย จุนมยอนส่ายหัวแรงๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าที่มันเห่อร้อน ถึงจะมีผู้ชายมาชอบพอมากมาย เคยหลับนอนกับผู้ชายด้วยกัน แต่จุนมยอนไม่เคยจะหน้าร้อนเพราะผู้ชายด้วยกันเลยสักครั้ง เพราะเขาไม่ได้มีรสนิยมชมชอบผู้ชายด้วยกัน

แถมตอนนี้ใจก็เต้นแรงขึ้นอีกนิดหน่อย...

“จุนมยอน”คนที่จมกับตัวเองสะดุ้งไหล่ไหวกับเสียงเรียก พอเห็นว่าใครเป็นคนเรียกตัวเอง ไอ้หน้าที่ร้อนเห่อก็พลันขึ้นเป็นริ้วแดง สาบานได้ว่าจุนมยอนไม่ได้รู้สึกเขินอะไร...แค่...

“ลองใส่ดู”คริสพูดพลางยื่นแว่นเลนส์หนามาให้ จุนมยอนรับมางงๆ เขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องการมองเห็น ไม่จำเป็นต้องใส่แว่น คริสเห็นคนรับไปแว่นไปยังอึกอัก คนตัวสูงเลยคว้ามันมาสวมลงบนใบหน้าให้อีกคนเสียเอง ระยะใกล้ชิดกันมากทำให้ใจที่เต้นแรงขึ้นของจุนมยอนเต้นแรงมากไปอีก เสียง ตึก ตึก ตึกดังอยู่ในอกจนจุนมยอนได้ยิน

“อืม ดีขึ้นเยอะ มองเห็นชัดใช่ไหม?”เมื่อใส่แว่นให้เสร็จคนตัวสูงกว่าก็ถอยไปมองผลงาน จุนมยอนกระพริบตาสองสามครั้งพบว่าภาพที่มองเห็นยังคงปรกติดีแค่รู้สึกว่ามีอะไรมาบังเล็กน้อย

“เลนส์มันหนาแต่เป็นกระจกธรรมดา ใส่อย่างนี้แล้วอำพรางแววตานายได้ดี ลดความสวยของนายลงไปได้เยอะเลย”ถึงจะไม่ชอบใจกับคำว่าสวยแต่จุนมยอนก็ไม่มีอารมณ์มาหงุดหงิดใจ ตอนนี้คิดว่าหน้าของเขาคงจะแดงก่ำ

แค่...อู๋อี้ฟานคงเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้จุนมยอนรู้สึกหวั่นไหวได้ขนาดนี้

 

จุนมยอนดึงแว่นที่อีกคนสวมออกจากใบหน้าแล้วหย่อนมันลงตะกร้าก่อนจะเดินลิ่วไปยังเค้าเตอร์จ่ายเงิน ทิ้งให้คริสมองตามไปด้วยรอยยิ้มนิดๆ

ช่วงแขนยาวยกขึ้นมากอดอกตัวเอง อู๋อี้ฟานระบายรอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อนึกถึงแก้มขาวๆที่ขึ้นรอยแดงจางๆเมื่อครู่ ปรกติจุนมยอนนั้นสวยมากอยู่แล้ว แต่พอมีริ้วแดงของอาการขัดเขินมาพาดบนแก้มยิ่งทำให้น่ารักมากขึ้นเป็นกอง

คริสเองค่อนข้างจะตกใจและไม่คุ้นกับการที่จุนมยอนมาเรียกเขาว่าพี่ อาการทำอะไรไม่ถูกเลยเผลอตวาดไปเสียเสียงดัง แล้วผู้กองตัวสูงก็ต้องมานั่งคิดมาก กลัวว่าจุนมยอนจะเสียความรู้สึก เลยไม่กล้าจะสบสายตาอีกคนเลยตั้งแต่พาจงอินกลับจากโรงพยาบาล

“พี่คริสจะเอาบุหรี่ไหม?”เซฮุนที่จ่ายเงินเสร็จแล้วเดินมาถาม คริสพยักหน้าบอกว่าให้เซฮุนเอาของไปเก็บที่รถรอเลยพร้อมส่งกุญแจรถให้ จุนมยอนที่จ่ายเงินเสร็จไล่เลี่ยกันหิ้วถุงพะรุงพะรังตามเซฮุนออกไป ในถุงนั้นยังมีแว่นที่คริสเลือกให้รวมอยู่ด้วย

ผู้กองร่างสูงสั่งบุหรี่รสโปรดจากพนักงานก่อนจะหยิบมวนหนึ่งมาจุดสูบข้างรถ คริสไม่ใช่คนสูบบุหรี่จัด แต่เขาก็สูบพอให้เลือดลมไหลเวียนดี เมื่อบุหรี่หมดไปครึ่งมวน ปลายเท้าจึงใช้เป็นที่ขยี้ดับก้นกรอง มือหนาปัดกลิ่นมิ้นต์ฉุนๆที่ติดตามเสื้อผ้าก่อนจะเข้าประจำตำแหน่งคนขับ

“เห็นพี่ไม่สูบหลายวันนึกว่าจะเลิกได้เสียอีก”เซฮุนพูดทันทีที่คริสเข้ารถมา คนน้องย่นหน้าเพราะไม่ชอบรสบุหรี่ที่พี่สูบ โอเซฮุนคิดว่าบุหรี่กับรสมิ้นต์ที่มันไม่เห็นจะเข้ากันตรงไหน กลิ่นฉุนๆเย็นๆพาปวดหัว

“ก็นานๆสูบ ลดไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็คงเลิกมั้ง”คนเป็นพี่บอก เซฮุนส่ายหัวบอกพี่ชายคงไม่เลิกสูบง่ายๆ ก็เห็นเวลาเครียดก็คว้าขึ้นมาสูบอยู่เหมือนกัน คนเป็นพี่เลยเถียงว่ามันช่วยครายเครียดได้นี่นา

“ผมล่ะอยากให้พี่สะใภ้ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ พี่จะได้เลิกสูบ”เซฮุนว่า คริสเลยแจกมะเหงกให้ไอ้ดื้อไปที

“พี่สะใภ้ที่ไหนกันล่ะ วันๆก็อยู่กับผู้ร้ายผู้ต้องหา ถ้าจะมีแฟนก็คงต้องหาในคุกนี่แหล่ะมั้ง”คริสพูดขำๆ ความจริงชีวิตเขาก็ไม่ได้ร้างผู้หญิง รูปร่างหน้าตาแบบเขาย่อมดึงดูดผู้หญิงเขามาหาอยู่แล้ว แต่ที่ยังไม่ปักใจกับใครก็เหตุผลเดียวคือห่วงไอ้ตัวยุ่งที่นั่งข้างๆกันนี่ล่ะ

 

จุนมยอนมองพี่น้องคุยกันจากด้านเบาะหลัง ไม่ได้ตั้งใจเหลือบไปมองใบหน้าของคริสแต่ก็เผลอหันไปมองจนได้ มองรอยยิ้มของร่างสูงที่มีให้น้องชาย

...อบอุ่นจัง...

 

 

ค น คุ ก

 

 

งานใหม่ของจุนมยอนเริ่มต้นด้วยการช่วยเหล่าพยาบาลขนกองผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ผ้าห่มไปซัก ห้องซักแห้งของทางโรงพยาบาลเต็มไปด้วยผ้าสีขาว ยุนจองอา พยาบาลพี่เลี้ยงของจุนมยอนบอกให้เขาซักผ้าทั้งหมดให้เสร็จ จากนั้นก็ไปช่วยพลิกตัวผู้ป่วยที่ไม่สามารถขยับตัวได้ป้องกันการเป็นแผลกดทับ เสร็จแล้วกลับมาผ้าก็จะซักเสร็จพอดี

อดไม่ได้จะปาดเหงื่อออกจากใบหน้า จุนมยอนไม่เคยทำงานหนักขนาดนี้มาก่อน การซักผ้าเป็นกองๆต่อให้ใช้เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าถึงสี่เครื่องก็เป็นเรื่องเหนื่อยอยู่ดี

“เดี๋ยวจุนมยอนช่วยเราพลิกตัวคุณคิมเสร็จ เอาผ้าออกจากเครื่องแล้วเราไปกินข้าวกันได้แล้วล่ะ ถึงเวลาพักพอดี”จองอาบอกพร้อมรอยยิ้ม เธอเป็นสาวเจ้าเนื้อที่น่าจะหลงรักการกินอยู่มาก ถ้าดูจากรูปร่างของเธอ จุนมยอนพยักหน้าแล้วยิ้ม ฟังจองอาคุยเรื่องร้านอาหารที่เธอชอบตั้งอยู่ข้างๆโรงพยาบาลนี่เองแต่วันนี้คงปิดร้านเพราะเห็นว่ายกครอบครัวกันไปเที่ยวเกาะทางใต้

“จุนมยอนเข้าไปก่อนนะ เราไปเอาแอลกอฮอล์กับถุงมือยางก่อน”หญิงสาวว่าก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง จุนมยอนจึงผลักบานประตูห้องพักของคุณคิมเข้าไปก่อน วางเสื้อผ้าชุดใหม่ที่จะเตรียมเปลี่ยนให้คนป่วยไว้ปลายเตียงแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้ชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงพยาบาล

คุณคิมถูกรถชนสะโพกแตก แต่ทางญาติไม่มีเงินค่ารักษา ยังดีที่มีโรงการรักษาฟรีของรัฐบาลเอื้อเฟื้อ ทางตำรวจก็ช่วยเหลือเต็มที่ในการประสานเรื่องให้จนได้มารักษาฟรีที่โรงพยาบาลตำรวจ

“เดี๋ยวพลิกตัว เช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้านะครับ”จุนมยอนพูดพร้อมรอยยิ้ม คุณคิมก็ยิ้มตอบรับ ชายวัยกลางคนเล่าว่าวันนี้เพื่อนมาเยี่ยมด้วย เพิ่งออกไปหาข้าวกินเมื่อครู่

“ดีสินะครับ จะได้ไม่เหงา”

“ใช่ ไม่เจอกันเสียนาน มันอุตส่าห์มาเยี่ยม”คุณคิมพูดด้วยน้ำเสียงยินดี พอดีกับจองอาเปิดประตูเข้ามาพอดี จุนมยอนขออนุญาตก่อนจับร่างของคุณคิมพลิกฝั่งหนึ่งแล้วค่อยๆถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออก จองอาใช้ผ้าชุบน้ำผสมแอลกอฮอล์หมาดๆเช็ดตัวทำความสะอาดให้ก่อนจะจับพลิกอีกข้างและทำเช่นเดียวกัน เสื้อผ้าตัวใหญ่ถูกสวมลงบนร่างของชายวัยกลางคนและหมอนข้างอันใหญ่ถูกนำมาใช้รองด้านข้างซ้ายของตัวเพื่อป้องกันแผลกดทับ

จุนมยอนดึงผ้าห่มคลุมร่างของชายวัยกลางคนแล้วเสียงเปิดประตูห้องก็ดึงความสนใจของเขาให้หันไปมอง จองอาทักทายคนที่เดินเข้ามาด้วยคำถามว่าใช่ญาติของคนป่วยใช่ไหม? ทว่าจุนมยอนก็ไม่ได้ยินคำตอบออกจากปากของบุคคลนั้นเลย

คงเป็นเพราะกำลังตกใจ...

ตกใจที่เจอเขา...

 

“พ่อ...”ไม่รู้ว่าเค้นเสียงพูดออกไปได้ยังไง เพียงครู่เดียวผู้หญิงอีกคนก็เปิดประตูเข้ามา ทันทีที่เห็นจุนมยอนของในมือของเธอก็ร่วงในไปกองที่พื้น ขนมนมเนยที่ซื้อมาให้คนป่วยกระจัดกระจายไปหมด

“จุนมยอน!”เสียงแหลมเล็กของเธอจุนมยอนจำได้ดีเพราะเป็นเสียงที่เขาได้ยินมาตั้งแต่เล็กจนโต ยังไม่ทันได้ตั้งตัวแม่ก็โถมกายเข้ามาหาและกอดรัดร่างของจุนมยอนเอาไว้แน่น

“ลูกไปไหนมา รู้ไหมว่าพ่อเขาย้อนกลับไปแต่ตำรวจบอกว่าลูกถูกตัดสินโทษไปแล้ว”เสียงของคนเป็นแม่สั่นระริกเพราะแรงร้องไห้ จุนมยอนรู้สึกว่าเขาอยากร้องไห้...ไม่ก็กำลังร้องไห้อยู่

ไม่มีน้ำตา...แต่ตาร้อนผ่าว มือทั้งสองข้างมันสั่น แล้วก็ค่อยๆยกมือขึ้นมาโอบกอดร่างผู้หญิงที่กำลังกอดตัวเขาเอาไว้ มองไปยังคนที่แม่พูดถึง

พ่อ...

ผู้ชายวัยใกล้เกษียณมีใบหน้าเรียบเฉยแต่ใครจะรู้ว่าในดวงตาของเขากำลังสั่นไหวด้วยหยดน้ำคลอ แม่ผละตัวออกจากจุนมยอน ลูบหน้าลูบตาด้วยความคิดถึงก่อนที่เธอจะหันไปหาสามีแล้วบอกย้ำว่าลูกยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ระยะเวลาหลายเดือนที่ตามหาลูกชายมาตลอด วันนี้ความพยายามของพวกเขาไม่ได้สูญเปล่า

จองอางงเล็กน้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่เธอก็พอจะจับเค้าเรื่องได้ หญิงสาวยิ้มน้อยๆให้กับแขกของผู้ป่วยแล้วออกจากห้องไป ปล่อยให้ “ครอบครัว” ได้พูดคุยกัน

“พ่อ...ย้อนกลับไปเหรอฮะ”เอ่ยถามผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสียงสั่น จุนมยอนสับสนระคนสงสัย...พ่อ...ที่กร่นด่าและตัดสัมพัน์กันเพราะเขาทำตัวแหลกเหลว ได้กลับไปที่โรงพักอีกครั้งอย่างนั้นเหรอ?

“ใช่ลูก เรากลับไป แต่แม่ไม่คิดว่าตำรวจเขามีกระบวนการเร็วขนาดนั้น เขาบอกว่าลูกขึ้นศาลไปแล้วและถูกขังไปแล้ว เราอยากเข้าไปเยี่ยมแต่เขาบอกลูกถูกย้ายไปที่อื่น”แม่เป็นคนเล่าเรื่องทั้งหมด จุนมยอนนึกย้อนไป คงเป็นตอนที่เขาเข้าไปอยู่ในเรือนจำศาลวันแรกและถูกพวกสัตว์นรกพวกนั้นรุมข่มขืน จึงถูกย้ายไปพยาบาล

พ่อยังยืนมองจุนมยอนด้วยแววตาเช่นเดิม จุนมยอนเองก็มองที่บุพการีเช่นกัน คนเป้นแม่รุนหลังลูกชาพร้อมด้วยลูบเบาๆที่แผ่นหลังเล็กบางให้เดินเข้าไปหาคนเป็นพ่อ กระซิบว่า “ไปหาพ่อเขาสิลูก” และเหมือนคำพูดของแม่จะสั่งจุนมยอนได้ เรียวขาเล็กจึงเดินเข้าไปหาผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนที่ทั้งร่างจะทรุดลงนั่งคุกเข่ากับพื้น

ในอกบีบรัดจนเต้นระรัว มีหลากหลายความรู้สึกที่ปนเป ทั้งเสียใจ...ที่เคยทำตัวไม่ดี ตื้นตัน...ที่รู้ความจริงว่าพ่อไม่ได้ตัดเยื่อใยกัน และยินดี ยินดีเหลือเกินที่ได้เจอท่านอีกครั้ง

แววตาของพ่อที่มองลูกชายซึ่งคุกเข่าตรงหน้านั้นเปลี่ยนไป...

คิมจองซูยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่สุดท้ายก็ไหลลงมา สุดท้ายก็แพ้ความอ่อนแอของจิตใจปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเสียลั่นห้องเพราะลูกชายเพียงคนเดียวที่คุกเข่าตรงหน้านั้นโน้มตัวลงก้มกราบที่เท้าของพ่อพร้อมคำพูดที่แสนจะเอ่ยออกมาลำบากยากเย็น มันทั้งขาดหายและสั่นเครือ

“พ่อฮะ...ผมขอโทษ”คิมพานึลทรุดตัวลงโอบกอดลูกชายเอาไว้ เสียงสะอื้นและเสียงร้องไห้ดังห้องพักผู้ป่วยซึ่งตัวผู้ป่วยเองนั้นกำลังมองภาพทุกอย่างด้วยแววตาที่เปี่ยมปิติ ได้ยินเพื่อนเก่าแก่อย่างจองซูพูดถึงลูกชายที่เรียนไม่จบแต่ถูกจับเพราะเสพยาอยู่บ่อยครั้ง มันเล่าให้ฟังว่ารู้สึกเสียใจเสมอที่ไม่ประกันตัวลูกออกมา พอกลับไปหาก็ไม่ทันเสียแล้ว ลูกชายถูกย้ายไปขังที่ไหนก็ไม่อาจจะรู้ได้

ความรู้สึกผิดเกาะกุมใจคนเป็นพ่ออยู่ทุกวัน พยายามค้น พยายามหา ติดต่อสอบถามหลายเรือนจำก็ไม่พบ

ไม่คิด...ว่าจะได้มาเจอกัน...

“เลิกร้องเหอะไอ้แก่เอ้ย ไม่อายลูกบ้างเหรอ เธอด้วยพานึล ร้องไห้ตีนกาจะขึ้นเอา”คุณคิมส่งเสียงแซวเพื่อนและภรรยาเพื่อน คิมจองซูปาดน้ำตาออกแล้วดึงลูกชายกับคนรักขึ้นมาจากพื้น มือของพ่อวางลงบนหัวของลูกชาย จุนมยอนร้องไห้จนหน้าแดงก่ำไปหมด ตาก็ช้ำอีกประเดี๋ยวคงบวมเปล่ง

“พ่อก็ขอโทษ...ที่ไปไม่ทัน”บอกกับลูกชายก่อนจะดึงร่างเล็กบางให้เข้ามาสู่อ้อมกอด จุนมยอนส่ายหน้า ไม่ใช่ความผิดของพ่อเลยสักนิด พ่อจะตัดลูกทิ้งก็ย่อมได้เพราะจุนมยอนรู้ตัวว่าเขาทำตัวเองทั้งนั้น เสียงที่เริ่มแหบแห้งจากการร้องไห้ถามออกไปกระท่อนกระแท่นว่าให้อภัยลูกคนนี้ได้จริงๆหรือ จุนมยอนเลวขนาดนี้พ่อให้อภัยได้จริงๆใช่ไหม?

จองซูดันลูกชายออกแล้วลูบหัวของจุนมยอนอีกครั้งเหมือนปลอบเด็กน้อยที่ร้องไห้งอแง คำพูดของบุพการีที่ฟังแล้วต้องร้องไห้โฮอีกครั้งอย่างไม่คิดจะอายใครหรือเกรงใจสถานที่ส่วนรวม คำพูดของพ่อ ที่บอกว่า...

“พ่อเป็นพ่อ เป็นคนให้ลูกเกิดมา เป็นคนเลี้ยงลูกจนโต ครึ่งหนึ่งในตัวลูกก็คือพ่อ ถึงพ่อจะเสียใจและโกรธขนาดไหน พ่อก็ไม่มีวันเกลียดครึ่งหนึ่งของพ่อได้ลง”

 

 

ค น คุ ก

 

 

 

ร่างสูงของอู๋อี้ฟานผลักบานประตูห้องพักผู้ป่วยเข้าไป สำหรับคิมทาโอเขาก็รู้จักดีเพราะเป็นคนสั่งให้ลูกน้องช่วยประสานงานเรื่องรักษาฟรีให้ ไม่คิดว่าคนๆนี้จะเป็นเพื่อนกับพ่อของจุนมยอน

คนตัวขาวนั่งตาแดงก่ำแถมบวมจนลืมแทบไม่ขึ้นอยู่ตรงโซฟาในห้อง ข้างๆกันมีหญิงกลางคนคอยโอบกอดและลูบหัวอยู่ไม่ห่าง อีกมุมหนึ่งข้างๆเตียงพยาบาลเป็นผู้ชายวัยใกล้เกษียณที่คาดว่าคงจะเป็นพ่อของจุนมยอน ดวงตาของพ่อก็ยังคงแดงจากการร้องไห้หนักๆเช่นกัน

“ผู้กอง...สวัสดีครับ”คนป่วยในห้องทักคริสก่อนเป็นคนแรก คริสเอ่ยทักทายทุกคนรวมถึงพ่อแม่ของจุนมยอนด้วย ทาโอบอกกับเพื่อนว่าผู้กองคริสนี่เองที่ช่วยเรื่องการรักษาฟรี ไม่วายจะขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำอีกจนผู้กองตัวสูงต้องบอกย้ำๆว่าไม่เป็นไร

“คุณทั้งสองคนเป็นพ่อแม่ของจุนมยอนเหรอครับ?”คริสถาม พานึลตอบว่าใช่ เธอเป็นแม่ของจุนมยอน แล้วยังถามกลับว่าผู้กองสนิทกับจุนมยอนใช่ไหม? จุนมยอนเล่าให้ฟังคร่าวๆตามที่เธอคะยั้นคะยอว่าถูกย้ายไปเรือนจำแห่งหนึ่งและได้รับความช่วยเหลือจากผู้กองจึงพ้นโทษเร็ว

จุนมยอนส่งสายตาบอกคริสว่าพูดแบบนั้นไปจริงๆ แต่คริสก็รู้ว่าจุนมยอนคงไม่ได้เล่าทั้งหมดว่าเหตุผลไหนที่ทำให้อีกคนออกมาจากคุกได้ จุนมยอนคงไม่อยากจะพูดถึงมันอีกด้วยซ้ำไป...

“ครับ เราค่อนข้างสนิทกัน น้องเป็นนักโทษชั้นดีเลยพ้นโทษเร็ว ไม่เกี่ยวกับผมหรอก”เขาพูดบอก แต่แม่ของจุนมยอนก็ยังถือเป็นบุญคุณ เธอขอบคุณคริสที่ช่วยให้ลูกชายของเธอไม่ต้องอยู่ในคุก หัวใจคนเป็นแม่แทบจะสลายเมื่อย้อนกลับไปโรงพักแล้วไม่เจอลูกชาย เธอร้องไห้แทบขาดใจเมื่อรู้ว่าลูกชายถูกส่งตัวไปขังที่ไหนไม่รู้ ไม่สามารถจะติดต่อได้เลย ถ้าไม่มีคริส เธอคงไม่ได้เจอลูกชายอีกครั้ง คงจะตายเพราะตรอมใจเสียก่อนมากกว่า

“จุนมยอนเขาสำนึกและรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง น้องเป็นเด็กดีครับ แล้วก็รักพ่อกับแม่มาก”การเอ่ยชมจุนมยอนต่อหน้าพ่อแม่ไม่ได้น่าเขินอายแต่สรรพนามที่อีกคนใช้เรียกกันมากกว่าที่ทำให้จุนมยอนรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น มองหน้าคนที่เพิ่งชมเขาให้แม่ฟังแล้วก็ต้องร้อนวูบขึ้นมา

“ยังไงก็ต้องขอบคุณจริงๆ ขอบคุณพี่เขาสิลูก”จองซูเอ่ยบอกพร้อมบอกให้ลูกชายขอบคุณคนที่มีบุญคุณอีกครั้งหนึ่ง จุนมยอนอยากจะบอกว่าบุญคุณที่ว่าก็แลกมาด้วยร่างกายเขาทั้งนั้น คนตัวขาวเห็นผู้กองตัวสูงนั้นยกยิ้มขำน้อยๆ คงกระหยิ่มในใจกับสรรพนามที่พ่อใช้

ไม่อยากจะพูดมันเป็นครั้งที่สอง ถึงคริสจะบอกว่าเรียกว่าพี่ได้ แต่ความรู้สึกของจุนมยอนมันร่วงลงไปกองกับพื้นตั้งแต่วันนั้นแล้ว เขาไม่คิดจะเรียกอีกคนว่าพี่อีกสักครั้งอย่างแน่นอน แต่ว่าตอนนี้ก็คงไม่ได้ แม่พูดอีกครั้งว่าให้ขอบคุณอีกคนที่ช่วยเหลือ จุนมยอนเบ้ปากน้อยๆก่อนที่ริมฝีปากจะขยับเอ่ย

“ขอบคุณฮะ...พี่คริส”

 

ชอบใจมากสินะถึงได้ยิ้มกว้างแบบนั้นหลังจากที่จุนมยอนพูดจบ น่าหงุดหงิดจริงๆเชียว...

“วันนี้ก็ไปย้ายกลับบ้านเลยไหม? ห้องลูกแม่เขาก็ดูแลอย่างดี”คิมจองซูเอ่ยถาม จุนมยอนระบายยิ้มจะตอบว่ากลับ เขาโหยหาบ้านมากกว่าอะไรทั้งหมด แต่กลับฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าบ้านอยู่ไกลพอสมควร การเข้างานก็เป็นกะไม่อาจระบุเวลาที่แน่ชัดได้ สำนักงานของคริสดูจะสะดวกกว่า ใช้ความคิดจนหัวคิ้วมุ่น

อยากกลับบ้าน...อยากใช้เวลากับพ่อแม่...แต่งานก็เพิ่งจะเข้าทำงาน...

“กลับไปอยู่บ้านก่อนก็ได้ แล้วถ้านายคิดว่าสำนักงานสะดวกกว่าก็มาอยู่ที่นั่นได้”คริสพูดออกมาเหมือนจะรู้ว่าจุนมยอนคิดอะไร

“ใช้เวลาส่วนที่เสียไปกับครอบครัวก่อน ถ้าอยู่ที่สำนักงานสะดวกกว่าก็ค่อยกลับมาอยู่ ช่วงนี้ฉันจะไปรับไปส่งนายเอง”จุนมยอนจะแย้งว่าไม่ต้อง ทำไมจะต้องมารับส่งเขาแต่คิมจองซูก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน คนเป็นพ่อบอกว่าเกรงใจ รอยยิ้มน้อยๆระบายออกมาจากริมฝีปาก

“ผมก็อยากชดใช้เวลาที่เสียไปกับจุนมยอน...เดี๋ยวพ่อจะมารับมาส่งเอง ไปอยู่ด้วยกันก่อนนะลูก”

จุนมยอนยิ้มให้กับพ่อแล้วตอบตกลง ก่อนจะวาดแขนโอบกอดคนเป็นแม่แล้วซุกหน้าลงกับอกของเธอ คิมพานึลยกมือลูบไหล่ลูบหลังลูกชาย บอกกับจุนมยอนด้วยคำพูดนั้น

ว่ายินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูก...

 

 

 

 

 

TBC.

 

 

 

 

เราไม่ได้จั่วหัวว่าเรื่องนี้เป็นคริสโฮและไม่เคยพูดว่าเรื่องนี้เป็นคริสโฮใช่ไหมมมมมมมม 5555555555555555555 มันอาจจะไม่เคลียร์ แต่เราเคลียร์เรื่องปมของจุนมยอนแล้วนะเออ ส่วนเรื่องความรักของคริสโฮเราขอไม่พูดถึง เพราะคู่หลักที่จั่วหัวไว้คือลู่หมินและไคฮุน เข้าใจเราด้วยนะตะเองงงงงงงง

อย่างที่ได้ทอล์คไว้ตอน40เปอร์เซ็นต์ บางคนอาจจะไม่ได้อ่านหรืออ่านไม่ทัน เรามีปัญหาชีวิตหลายสิ่งอันที่ทำให้เวลาการแต่งฟิคและแรงในการแต่งลดลง ต้องขอโทษที่มาต่อบ่อยๆไม่ได้ค่ะ ปัญหามันเยอะจริงๆ ทั้งงาน ทั้งสุขภาพ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งฟิคเรื่องนี้นะคะ

 

อนึ่ง เปิดโอนฟิคแล้วนะ ใครอยากเป็นหนึ่งในพริตตี้ฮอนด้าของหาญโชว์รูมเชินจิ้ม

V

V

 


 

รักนะคะ

 

#พี่ลู่คนคุก

 

 

 

แมลงจี่...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น