อย่าหันหลังกลับไปมองสิ่งที่เราจากมา
เพราะเราจะลังเลและอยากที่จะกลับไป
บทที่15.2…
มินซอกเดินตามคนที่จับจูงกันมา
ลู่หานหยุดขาที่ก้าวเดินลงเมื่อเห็นว่าห่างจากผู้คนแล้ว
มีเพียงผู้คุมที่เดินไปมาอยู่เพียงคนเดียว
“เงยหน้ามองพี่ก่อน”ลู่หานบอกน้อง
เชยหน้าคนที่ชอบก้มหน้าชิดอกขึ้นมา
พิศมองดวงหน้ากลมๆขาวๆเหมือนซาลาเปาแบบที่เขาชอบพูดบ่อยๆ
ดวงตากลมโตชั้นเดียวใสซื่อเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ ริมฝีปากสีสดจุ๋มจิ๋มน่ารัก
ลู่หานคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะดันมินซอกเข้ามาสู่อ้อมกอดของตัวเอง
วงแขนรัดรึงตัวน้องเอาไว้ ซุกใบหน้าไปกับลำคอขาวของมินซอก
“คิดถึง...”คำเพียงสองพยางค์แต่ความหมายช่างเรียบง่ายและตรงตัว
มินซอกใช้มือน้อยๆจับยึดเสื้อยืดสีขาวของพี่ชายเอาไว้ กดหน้าลงกับอกของลู่หาน ดวงหน้าซาลาเปาสีขาวพลันแดงเรื่อ
แขนน้องกระชับตัวพี่กอดให้แน่นขึ้น พึมพำอยู่กับอกของลู่หาน
“ผมก็คิดถึง”ลู่หานยิ้มกว้าง
เงยหน้าขึ้นมาตั้งใจให้ปลายจมูกเฉียดแก้มแดงปลั่ง มินซอกไม่ได้ใช้แป้งเพราะกฎของเรือนจำที่ห้ามใช้เครื่องสำอางค์แต่แก้มน้องก็หอม
จนอยากจะหอมจริงๆสักครั้ง ไม่ได้เจอมินซอกแค่สองวันแต่คิดถึงจนจะบ้าตาย
“ดีใจไหมจะได้ออกไปแล้ว”ลู่หานถาม
ก่อนจะปล่อยอ้อมกอดออกจากน้อง ร่างโปร่งดึงน้องนั่งลงบนม้านั่งใกล้ๆตัว
มินซอกยิ้มให้บอกว่าดีใจ ไม่คิดว่าจะโชคดีขนาดนี้ นักโทษมีเป็นแสนเป็นล้านคน
แต่มินซอกคือหนึ่งในคนที่ถูกเลือกให้คัดออก พ้นโทษ
“เพราะมินซอกเป็นเด็กดีไง”ลู่หานบอก
มินซอกเห็นพี่ชมก็อมยิ้มแก้มยุ้ยบอกว่าถ้างั้นลู่หานฮยองก็ต้องเป็นเด็กดีด้วยแน่ๆ
ถึงถูกคัดออกด้วย ลู่หานหัวเราะ
“เพราะพี่นิสัยไม่ดีเขาเลยไม่เอาพี่อยู่ในเปลืองข้าวต่างหาก”ว่าขำๆ
มินซอกส่ายหน้า บอกว่าลู่หานก็เป็นคนดี
“ผมจำได้...วันแรกที่เราเจอกัน
ฮยองจะเข้ามาช่วย...”มินซอกพูดบอก เล่าย้อนไปถึงวันแรกที่เจอกัน ลู่หานนึกภาพตาม
มินซอกในสภาพเด็กติดยาหน้าตาซูบตอบดวงตาลึกโหลที่ถูกไอ้คนอวดกร่างตบตีกระทืบที่เรือนจำ
“เห็นด้วยเหรอ?”ลู่หานถาม
ไม่คิดว่าน้องจะเห็นว่าเขาจะเข้าไปช่วย แต่ตอนนั้นถูกจงอินห้ามเอาไว้เสียก่อน
มินซอกบอกว่าเห็นสิ ถึงลู่หานจะไม่ได้เข้าไปช่วยแต่ตอนนั้นมินซอกก็คิดว่าลู่หานเป็นคนดีมากๆ
“สำหรับคนอื่น
พี่อาจจะเป็นคนเลวที่ทำผิดกฎหมาย...แต่สำหรับผม พี่คือคนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิต ช่วยให้ผมไม่ต้องจมอยู่กับความผิดพลาดที่เลวร้ายไปตลอดชีวิต”
“...”
“ต่อให้พี่ฆ่าคน
มือสองข้างเปื้อนเลือดจนโชก...พี่ก็ยังเป็นคนดีของผม”ลู่หานในตาไหวระริกเมื่อฟังน้องพูดจบ
เขาดึงน้องมาเอาหัวเล็กพิงไหล่ส่วนตัวเองใช้หัวพิงทับหัวของมินซอกอีกครั้ง
เขาไม่คิดหรอกว่าการที่ใจดีกับคนสักคน
คอยดูแลเพราะเขาอ่อนแอน่าปกป้องและน่ารัก
จะทำให้คนๆนั้นเกิดรักเขา...ได้มากขนาดนี้ แม้เขาจะเลวยังไง...เขาก็จะเป็นคนดีสำหรับมินซอกเสมอ...หมายความว่า...
มินซอกจะรักเขาไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
เด็กคนนี้มีดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์
หัวใจที่ซื่อตรงกับความคิด และมั่นคงกับความรู้สึกของตัวเองเหลือเกิน
ลู่หานอยากขอบคุณพระเจ้าที่เขายังคิดได้ก่อนจะเสียมินซอกไป
“มินซอก...”เขาทอดเสียงเรียกน้อง
มินซอกครางรับในลำคอแผ่วเบา
ลู่หานยกหัวออกจากการพิงน้องแล้วดันหน้ามินซอกให้เงยขึ้นอีกด้วย
ดวงตากลมโตมองเข้าไปในตาของน้อง
ห้ามใจไม่ได้ที่จะเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จนลมหายใจประชิดกัน มินซอกหน้าร้อนผ่าว
เบ้หน้าออกด้วยความตกใจเล็กน้อยทว่าเปลือกตาก็ปิดลงอัตโนมัติเช่นกัน
ความนุ่มหยุ่นสัมผัสที่ริมฝีปาก
อุ่นร้อนเหมือนผิงไฟ ลู่หานกดริมฝีปากแนบลงไปแต่ไม่รุกล้ำ
มีเพียงริมฝีปากที่สัมผัสกัน แค่นั้นก็พอจะทำให้มินซอกหน้าแดงไปหมดได้อย่างง่ายดาย
ถอนถอดหน้าออกมาอย่างเสียดายในความนิ่มของริมฝีปากจุ๋มจิ๋ม สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะกดปากลงไปที่พวงแก้มสีเข้มจัด
มินซอกกลายร่างเป็นมะเขือเทศนาบไฟ
ทั้งเห่อแดงทั้งร้อนวูบไปหมด เขินก็เขิน ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นแรง
อยากจะยกมือขึ้นมาจับริมฝีปากที่เพิ่งถูกสัมผัสไป
อยากจะบอกว่านั่นเป็นครั้งแรกที่ได้ทำอะไรแบบนี้ เพราะไม่เคยมีแฟนมาก่อน
มินซอกแค่อยากขยันเรียนจนไม่ได้สนใจจะมองผู้หญิงคนไหน
ริมฝีปากสีสดจึงบริสุทธิ์มาถึงทุกวันนี้
หากลู่หานรู้เข้าคงได้ใจมากแน่ๆ...
“ลืมตาก่อนครับคนดี”เสียงทุ้มกว่ากระซิบอยู่ใกล้ๆ
มินซอกยิ่งหลับตาปี๋เมื่อรู้ว่าอีกคนอยู่ใกล้กันขนาดไหน ลู่หานตระกองหน้าของน้องเอาไว้
ใช้หัวแม่มือไล้เปลือกตาอีกคนแผ่วเบา แล้วจูบแผ่วๆ
นั่นเองทำเอามินซอกตาเบิกโพรงด้วยความตกใจและขัดเขิน ใบหน้าน้องซาลาเปาแดงก่ำไปหมด
ลามลงไปที่คอก็เช่นกัน
ลู่หานบอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป
เขาจะไม่รออะไรอีก เมื่อแน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง...เขาควรพูดมันออกมา
จ้องมองใบหน้าของน้อง
เชื่อว่าสายตาของตัวเองคงบอกความในใจได้ส่วนหนึ่งน้องถึงหลบสายตากันแบบนี้
“มินซอก...น่ารักจัง”คำชมที่ได้ยินหลายครั้งแต่คราวนี้กลับพาใจเต้นเร็วรัวกว่าเคย
ลู่หานโน้มตัวเข้าใกล้เพียงกระซิบได้ที่ริมใบหูเล็กๆสีแดงจัด
รอยยิ้มปรากฏที่ริมฝีปากของลู่หาน ก่อนจะเอ่ยคำที่อยู่ในใจออกไปเสียที
...
..
“พี่รักมินซอก”
ค น คุ ก
จุนมยอนไม่ได้ห้ามมินซอกที่จะย้ายกลับไปนอนเรือนนอนสิงห์
กระซิบถามว่าไอ้ซื่อบื้อนั่นบอกรักเราแล้วหรือยังคนตัวเองก็งุบงิบไม่ยอมบอก แต่เดาจากหน้าที่แดงจัดนั่นคงไม่พ้นว่าลู่หานพูดออกมาแล้วแน่ๆ
มินซอกย้ายกลับมานอนข้างๆลู่หาน
เป็นหมอนข้างให้อีกคนได้นอนกอด
จนจงอินนึกหมั่นไส้อยากจะใช้ตีนเขี่ยมันไปไกลๆส้นตีน เดี๋ยวก็ได้ออกไปแล้ว
จะไปนอนกอดกันกี่ชั่วโมงกี่วันก็ไม่มีใครว่าหรอกมั๊ย?
“อย่าอิจฉากูครับเพื่อน”ใครบอกจงอินอิจฉา
แค่หมั่นไส้ คันตีนยิบๆ เบื่อคนมีความรัก ตอนไม่รู้ใจก็โง่เหมือนควาย พอบอกรักน้องไปแล้วนี่ก็ทำตัวหวานซะน่าหมั่นไส้
“พรุ่งนี้จะอยู่ที่นี่เป็นวันสุดท้ายแล้วใช่ไหมวะ?”ลู่หานพูดขึ้นมาในความมืดของเรือนนอน
มินซอกหลับไปแล้ว ทั้งเรือนนอนมีอีกสองสามคนยังตื่นอยู่รวมถึงลู่หานกับจงอิน
จงอินครางฮึมในลำคอ
“ใจหายนะ...”ใช่
ถึงจะไม่นานที่ได้อยู่ที่นี่ แถมเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอยู่สักนิด
แต่เพราะมีความทรงจำร่วมกันกับคนอื่นๆ
มีบางอย่างที่ได้ร่วมมือร่วมแรงกันสร้างขึ้นมา พอจะจากกันก็รู้สึกใจหายไม่ได้จริงๆ
พรุ่งนี้เขา จงอินและจุนมยอนจะอยู่ที่เรือนจำเป็นวันสุดท้าย
และเช้าตรู่ของวันมะรืนพวกเขาจะออกจากเรือนจำทันที
มินซอกรู้แล้วว่าวันมะรืนเขาต้องออกไปก่อนแต่น้องก็ยิ้มแล้วบอกว่าให้ลู่หานออกไปรอ
เดี๋ยวน้องจะตามออกไป
ลู่หานหลับตาลงในความมืด
จมูกเขาชินกลิ่นฟูกของเรือนจำ กลิ่นส้วมที่อยู่ใกล้ๆกันไปแล้ว อีกอย่าง
สองวันแรกที่ไม่มีมินซอก...เขาจะนอนหลับลงได้ยังไงกัน...
วันถัดมาชาวเรือนนอนสิงห์บอกลู่หานกับจงอินว่าไม่ต้องทำงาน
เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะอยู่แล้ว อยากให้เพื่อนออกไปอย่างหล่อๆ
เดี๋ยวดินผสมจะติดซอกเล็บให้ดำปี๋น่าเกลียดเพราะวันนี้พวกเขามาลงงานเกษตรกรรม
ผู้คุมซื้อต้นไม้มาหลายต้น บางต้นก็ได้ฟรีมาด้วยเลยเอามาให้ปลูกๆ
ที่ไหนว่างก็ลงต้นไม้ไป แอบเห็นมีกุหลาบเสียด้วย ซ้ำยังเป็นกุหลาบเลื้อยสีขาว
ราคาที่เคยเห็นตามท้องตลาดก็แพงลิบอยู่
“อย่าลืมทำรั้วให้มันเลื้อยนะ”ลู่หานไม่ลืมกำชับ
เพราะหากไม่ทำรั้วให้เลื้อย มันจะเลื้อยตามพื้นดินแทน และก้านจะไม่ค่อยยาว
ดอกก็ไม่ค่อยออก ชินอูบอกว่าไม่ลืมแน่นอนมันบอกว่าอยากให้ผู้คุมหากุหลาบเลื้อยมาอีกหลายๆต้นจะทำเป็นกำแพงกุหลาบเหมือนในหนังของวอลท์ดิสนี่ย์
“ให้ไอ้แดฮยอนเป็นเจ้าหญิงสโนวไวท์ด้วยนะมึง
แบบโดนหนามกุหลาบตำแล้วหลับไป”ไอ้มินโฮพูดตลก
ไอ้ดงกอนเลยแย้งว่าสโนวไวท์เขาโดนเข็มปั่นฝ้ายต่างหาก เดือดร้อนไอ้อูอยอนต้องแก้ให้มันว่าที่โดนเข็มปั่นฝ้ายนั่นมันเจ้าหญิงนิทรา
ส่วนสโนว์ไวท์แดกแอปเปิ้ลอาบยาพิษ
“พอเหอะ
จะเถียงกันทำเหี้ยอะไร ถามกูสักคำไหมว่าอยากเป็นเจ้าหญิงพวกนั้นหรือเปล่า
เจ้าหญิงห่าอะไรร่านฉิบหาย ตื่นมาก็มีผัวกันทุกคน”ไอ้แดฮยอนบ่นออกมา
เรียกเสียงฮาจากเพื่อนได้ครืน มินซอกเองก็ขำไปด้วย เพราะจริงอย่างที่แดฮยอนว่า
ทั้งสโนวไวท์และเจ้าหญิงนิทรา ตื่นมาก็ได้สวามีเลย
“ต้นคูนเหมือนจะออกดอกหน้าร้อนนี้
น่าเสียดายนะที่มินซอกจะไม่ได้เห็นมัน”ชินอูพูดถึงต้นคูนใบเขียวที่เริ่มสูงใหญ่ขึ้นบ้างแล้ว
แล้วคล้ายว่าจะออกดอกให้ได้เห็นกัน มินซอกตาโตดีใจ
แต่ก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นจริงๆนั่นล่ะ
“ดีจังฮะ
พ่อคงดีใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าต้นไม้ที่พ่อชอบกำลังจะออกดอกด้วยการดูแลจากผมและพวกพี่ๆ”เด็กน้อยบอก
ลู่หานขยี้หัวน้องบอกว่าไม่เห็นดอกคูนบานก็ไม่เป็นไร
แค่ได้ดูแลมันบำรุงมันจนมันสามารถออกดอกได้งดงาม แค่นี้พ่อของมินซอกก็ภูมิใจแล้ว
ชาวเรือนนอนสิงห์ได้แต่กระแอมกระไอกับการที่ลู่หานดึงน้องมานั่งพิงข้างๆ
ไม่ใช่แค่จงอินแล้วล่ะที่หมั่นไส้กับความหวานเลี่ยนของลู่หาน
พี่ๆทั้งหลายก็อดจะทั้งหมั่นส้นหมั่นไส้ไม่ได้เหมือนกัน
แต่ก็ปล่อยมันไปเพราะคืนนี้ลู่หานจะอยู่ที่นี่เป็นคืนสุดท้ายแล้ว
อีกสองวันกว่ามันจะได้เจอมินซอกอีกครั้ง
คืนนั้นลู่หานนอนกอดน้องทั้งคืน
เขาเก็บสัมภาระต่างๆตั้งแต่เย็นแล้ว รวมทั้งมินซอกก็ช่วยเก็บด้วยอีกแรง
ลู่หานกับจงอินไม่คิดเอาอะไรออกไปมากมาย
สบู่กับแชมพูก็โยนทิ้งไว้ขอบบ่อซีเมนต์ในห้องน้ำ ส่วนเสื้อผ้าก็ให้พวกไอ้มินโฮไป
พวกมันก็ไม่ได้รังเกียจอะไร แม้แต่กางเกงในมันก็บอกให้ก็เอาเพราะขี้เกียจไปเบิกสหกรณ์
ลู่หานกับจงอินถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
ในอ้อมกอดของร่างโปร่งยังมีมินซอกที่นอนหลับอยู่
เขาค่อยๆขยับน้องออกไปนอนดีๆที่ฟูก พอลู่หานกับจงอินไม่อยู่
ที่ว่างฟูกมันคงจะเยอะน่าดู ลู่หานเลยบอกไว้แล้วว่าถ้ามันโล่งเกินก็ไปนอนกับไอ้มินโฮที่เดิมได้เลย
ถึงจะนึกหวงคนตัวเล็กอยู่นิดๆก็ตามที
แต่เท่าที่ไอ้มินโฮมันบอกก็เข้าใจว่ามันเอ็นดูน้องเพราะมันเองก็มีน้องชายอายุเท่ามินซอก
มินซอกหลับตาพริ้ม
ปากจุ๋มจิ๋มนั่นเชิดน้อยๆยามหลับ
ในบางครั้งก็ขยับมุบมิบเหมือนเคี้ยวอะไรอยู่ในความฝัน จงอินลุกตามผู้คุมไปด้านล่างแล้ว
แต่ลู่หานขอเวลาอีกสักประเดี๋ยว
เขาขอมองหน้าน้องให้ชื่นใจก่อนจะไม่ได้เจอกันสองวัน
แล้วก็รู้ว่าแค่มองมันคงไม่พอ
ลู่หานกดจูบลงบนแก้มนิ่มๆทั้งสองข้าง ลูบหัวน้องเป็นการปิดท้ายก่อนจะตัดใจลุกขึ้นเดินลงจากเรือนนอนตามจงอินและผู้คุมไป
การออกไปจากเรือนจำในครั้งนี้ไม่มีรถของเรือนจำมารับเหมือนตอนย้ายเรือนจำ
ผู้คุมหาเสื้อผ้ามาให้ลู่หาน จงอิน
และจุนมยอนที่เดินลงจากเรือนนอนหงส์มาคนสุดท้ายเปลี่ยน
กางเกงยีนส์ขายาวตัวสวยที่ไม่ได้แตะมาเสียนานยังเข้ากับเรียวขาของลู่หานได้ดี
กับจงอินลู่หานเคยเห็นอีกคนในชุดไพรเวทแล้ว แต่พอมาเห็นจุนมยอนในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดลายกราฟฟิคเรียบๆก็ต้องบอกเลยว่าอีกคนดูมีเสน่ห์มากกว่าตอนใส่ชุดนักโทษเยอะ
กระเป๋าสัมภาระเป็นกระเป่าที่ผู้คุมจัดมาให้ใส่ของ
มีตราของกรมราชทัณฑ์แปะหราบอกได้ดีว่าเพิ่งออกมาจากคุก ผู้คุมเดินคุมลู่หาน
จงอินและจุนมยอนไปจนถึงห้องเยี่ยมญาติ
หากเปิดประตูที่กั้นระหว่างห้องเยี่ยมญาติกับด้านนอกออก...ที่ตรงนั้นก็ถือว่าเป็นอิสรภาพของพวกเขาแล้ว
เสียงกุญแจไขล็อคดังแกร็ก
ลู่หายรู้สึกว่าเขาใจเต้นแรงขึ้น ประตูเหล็กตรงหน้าถูกเปิดออก
จงอินก้าวนำออกไปคนแรกตามด้วยจุนมยอนและลู่หาน เขาหันกลับมามองที่ที่เคยนั่งอยู่ตรงนั้น
ที่ที่สามารถคุยกับอี้ชิงได้แค่เพียงผ่านสายโทรศัพท์ แม้จะได้เห็นหน้าแต่ก็มีกระจกหนากั้นเอาไว้
ผู้คุมเดินนำไปอีกครั้ง
ผ่านเค้าท์เตอร์ติดต่อซึ่งยังปิดทำการอยู่เพราะเช้าเกินไป
ลู่หานเพิ่งรู้ว่าด้านหน้าเรือนจำเป็นอย่างไรเพราะเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน
ตอนย้ายเรือนจำก็อยู่แต่ในรถที่มืดสนิท ด้านหน้ายังมีประตูม้วนอีกชั้นหนึ่ง
ซึ่งมันคงจะเปิดหากเป็นเวลาทำการปรกติ ผู้คุมกดสวิตช์ให้ประตูท้วนเปิดยกขึ้น
แสงสว่างของช่วงเช้าเป็นสีส้มจัด
มันเล็ดลอดเข้ามาตามความสูงของประตูม้วนที่ถูกยกขึ้น ในที่สุดบานประตูม้วนสแตนเลสก็ถูกยกเปิดจนสุด
ลู่หานทอดสายตามองภาพด้านหน้า เพิ่งรู้ว่าด้านหน้าเรือนจำที่ซึ่งญาติจะมาติดต่อมีการจัดเป็นสวนหย่อมเอาไว้
มีสนามเด็กเล่นสำหรับญาติที่มีเด็กเล็กมาด้วย และมีร้านอาหารบริการ
สหกรณ์ด้านนอกก็มีอีกหนึ่งที่เป็นสหกรณ์ที่ให้ญาติฝากของหรือเงินให้กับนักโทษ
ประตูของเรือนจำยังไม่หมด
บอกให้รู้ว่าการเดินออกจากที่คุมขังนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลยจริงๆ
อีกประมาณห้าร้อยเมตร ประตูใหญ่ที่สุดของเรือนจำแห่งนี้
ประตูที่เปิดให้รถวิ่งเข้ามาได้...ผู้คุมบอกว่าส่งแค่นี้แล้วกัน
ผู้คุมด้านหน้ารู้แล้วว่าทั้งสามคนเป็นใครและจะให้ผ่านออกไปได้ง่ายๆ
ไม่ต้องเป็นห่วง
จงอิน
ลู่หานและจุนมยอนหันไปขอบคุณผู้คุมคนนั้นที่พาเขาออกมาส่งถึงตรงนี้
จุนมยอนถอนหายใจออกมาจนได้ยินเสียงดัง
“อิสรภาพรอนายอยู่แค่ห้าร้อยเมตรข้างหน้านี่เอง...เดินไปหามันซะสิ”จงอินบอกกับจุนมยอน
อดีตนางพญาคลี่ยิ้มให้กับจงอินก่อนจะก้าวขาเดินไปยังประตูบานสุดท้าย
เรื่องที่นางพญาพ้นโทษไม่มีใครรู้มาก่อน ไม่เหมือนกรณีของลู่หานกับจงอิน
คาดว่าเช้านี้คงอลหม่านกันพอสมควรที่นางพญาหายไป
แต่ผู้คุมอินซูก็คงจะควบคุมสถานการณ์ได้...จงอินคิดไว้แบบนั้น
เพื่อนหมีหันมองเพื่อนควายอย่างจะถามว่ามึงไม่เดินไปเหรอ
ลู่หานหันกลับมาก่อนจะคลี่ยิ้มให้เพื่อน แขนเพรียวยกขึ้นกอดคอจงอินเอาไว้
“ขอบใจนะมึง...มึงเป็นเพื่อนที่ดีมากสำหรับกู”ลู่หานพูดบอก
จงอินผลักหัวเพื่อนไปทีกับคำพูดของมัน ได้ยินมันชมแบบนี้แล้วแสลงหูชอบกล
“ไม่ต้องขอบใจหรอกไอ้สัด
ทุกอย่างที่กูช่วยมึงมาตอบแทนด้วยค่าเหล้าครับผม ไม่มีของฟรีบนโลกครับพี่”ลู่หานแทบจะยกตีนยันมันไป
คิดจะซึ้งบ้างก็ไม่ได้
บ่นอุบว่าถ้าเลี้ยงเหล้ามันมีหวังเงินเก็บจากการลงงานซึ่งสหกรณ์ปันให้ก่อนพ้นโทษคงหมดเกลี้ยง
“นี่กะไม่ให้กูทำทุนเลยสินะ”ชูนิ้วกลางให้มันด้วย
จงอินหัวเราะเอิ๊กอ๊าก มันคว้าคอเพื่อนไปกอดก่อนรุนหลังลู่หานให้เดินหน้าไป
จุนมยอนเดินไปถึงประตูแล้ว และผู้คุมกำลังจะเปิดประตูให้จุนมยอนออกไป
สองเพื่อนซี้เห็นแบบนั้นเลยรีบสับขาวิ่งไปให้ทันก่อนประตูจะปิดลงแล้วต้องเปิดใหม่
ไม่รู้ทำไมต้องรีบทั้งที่การเปิดประตูนั้นไม่ได้ยากเย็น
เพียงแค่คิดว่าการที่ประตูเปิดแล้ว...ถ้าเราไม่เลือกที่จะก้าวออกไป...เราอาจจะเสียโอกาสของเราไป...
“ตัว!”ทันทีที่ออกจากประตูมาได้
เสียงเรียกก็ดังขึ้นทันที จงอินหันไปมองเห็นโอเซฮุนยืนอยู่ข้างกำแพง
คนตัวขาวบู้หน้าเดินเข้ามาหาก่อนจะปาหมวกแก๊บใส่หน้า
“ใส่หมวกด้วย
ตัวหัวโล้นน่าเกลียด”บอกพร้อมยู่ปาก จงอินถามว่ามารอรับเหรอ
โอเซฮุนเลยเบะปากบอกว่าเห็นไม่มีใครมารอรับหรอกถึงมา
เห็นพี่คริสต้องพาอี้ชิงมารับพี่ชายเลยขอมาด้วยเชียวนะ
ได้ยินแบบนั้นจงอินก็อดจะยิ้มกว้างไม่ได้ หันไปยักคิ้วให้ลู่หานดู
ลู่หานมองหาอี้ชิงที่เซฮุนพูดถึง
แล้วก็เห็นตัวขาวผ่องของน้องชายเดินอยู่ข้างผู้กองตัวสูง
ในมือถือถุงพลาสติกบรรจุขวดน้ำเอาไว้ คงไปหาซื้อน้ำมา อี้ชิงเมื่อเห็นพี่ชาย
รอยยิ้มกว้างก็วาดบนใบหน้าอ่อนเยาว์จนข้างแก้มบุ๋มลึกลงไป
คริสหัวเราะน้อยๆที่คนที่เดินข้างกันวิ่งพรวดเข้าไปหาพี่ชายทันทีที่เห็นหน้า
ส่วนสูงที่ไล่เลี่ยกันพอมากอดกันกลมก็แทบแยกคนไม่ออก
ลู่หานไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังร้องไห้ แต่จงอินเห็นมันเต็มๆตา
แม้จะเห็นอยู่หลายครั้งกับภาพนักโทษพ้นโทษที่ได้เจอกับครอบครัวอีกครั้ง
แต่ก็อดจะซึ้งใจด้วยไม่ได้เลยกับภาพที่อี้ชิงกอดลู่หานเอาไว้แน่น
เพื่อนของจงอินเองก็เช่นกัน น้ำหูน้ำตาไหลเต็มไปหมด มันกอดตัวน้องชายของมันเอาไว้
“พี่กลับมาแล้วนะอี้”เสียงอู้อี้ของพี่ชายพูดคลอเสียงสะอื้น
อี้ชิงเองก็ร้องไห้ไปด้วยอีกคน คริสหัวเราะกับครอบครัวนี้ ก่อนที่จะยืนร้องไห้กันจนน้ำตาท่วมหน้าเรือนจำ
ผู้กองตัวสูงเลยแยกพี่น้องออกจากกันเสียก่อน บอกว่ารถอยู่ข้างๆนี่เอง
ลู่หานปาดน้ำตาออกจากใบหน้า อี้ชิงช่วยเขาถือกระเป๋าอย่างกระตือรือร้น
คริสเองก็คว้าเอากระเป๋าของจุนมยอนมาถือเอาไว้เช่นกันแม้อีกคนจะแยกเขี้ยวบอกว่าไม่ต้องก็ตามที
แต่สุดท้ายคนตัวสูงกว่าก็ยื้อเอามันไปได้สำเร็จ
ทุกคนเดินตามไปที่รถของผู้กองคริสเพื่อใช้เป็นพาหนะกลับไปยังบ้าน
ลู่หานเองก็เช่นกัน เขาเดินจับมืออี้ชิงไปตลอดทาง
แต่แล้วก่อนที่จะถึงตัวรถก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองอีกครั้ง
กำแพงปูนทอดยาวล้อมรอบอาคารต่างๆมากมายเอาไว้
พื้นที่ของเรือนจำใหญ่โต บรรจุนักโทษหลายพันคน
ตลอดแนวรั้วปูนประดับด้วยขดลวดหนามซึ่งถูกปล่อยกระแสไฟฟ้าตลอดเวลา
การได้มองภาพของเรือนจำจากด้านนอกช่างให้ความรู้สึกต่างกับตอนที่นั่งมองจากด้านใน...
“ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง”
ป้ายเดียวกันกับที่เขาอ่านได้เมื่อตอนอยู่ในรถของเรือนจำตอนย้ายเรือนจำมา
ลู่หานมองมันอีกครั้งแล้วพูดว่าลาก่อนออกมา...
เขาเกือบจะพูดว่าเราคงไม่พบเจอกันอีกครั้งแต่ก็เกือบจะลืมไป
ไม่สิ...เราต้องได้เจอกันอีกครั้ง...
อีกสองวันข้างหน้า...ลู่หานจะกลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง
เพื่อมารับคนสำคัญของเขา...
...
..
.
จะกลับมารับมินซอกออกไปอยู่ด้วยกัน
และชีวิตใหม่ของเขากับเด็กคนนั้นจะเริ่มในอีกสองวันข้างหน้า
ค น คุ ก
มีคนอีกมากมายบนโลกใบนี้ที่ทำความผิดจนต้องเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในคุก
มาเป็น “คนคุก”
ในคุกมันเป็นยังไง?
ในคุก...ไม่ได้สุขสบายนั่งแดกนอนแดกไปวันๆ
แต่มันก็ไม่ได้ลำบากขนาดต้องแดกตีนแทนข้าวทุกวัน...
ไม่ไปทำตัวหมั่นส้นตีนใครก็ไม่ได้แดกตีนหรอก
เป็นเด็กใหม่หัดเจียมเอาไว้บ้างก็ดี สัมมาคารวะ ความอ่อนน้อมให้มันเยอะหน่อย
คุกก็เหมือนเหมือนมหาวิทยาลัยระบบโซตัส
“มาก่อนย่อมเป็นพี่
มาหลังย่อมเป็นน้อง” ต่างกันที่มหาวิทยาลัยมีไว้ดัดขดสมองแต่คุกมีไว้ดัดสันดานคน...
END.
เห้ยยยย
จบงี้เลยอ่อ 5555555555555555555555555555555555555555555555555555
“คนคุก”จบลงแล้วค่ะ
จบแล้วจริงๆ แต่ต่อไปมันจะไม่ใช่คนคุกแล้ว 55555555555555555555
ขอบคุณที่ติดตามกันนะเออ
และหวังว่าจะติดตามกันต่อไป มีคนผิดหวังกับเรื่องนี้ไหมไม่รู้ แบบ “จบได้กากมาก”
“สุดท้ายไม่ใช่คู่ที่ตูชอบเลยว่ะ” “ไคฮุนอยู่หลืบไหนวะ” เราเชื่อว่าต้องมีแหล่ะ
5555555555555
อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่แรกๆ
เรื่องนี้เน้นเรื่องพี่ลู่หาน (ที่หล่อที่สุดในโลกหล้าแต่อย่านับตีนกาที่ตานะจ๊ะ)
เน้นเรื่องการเข้ามาอยู่ในคุกคดียาเสพติดไม่ว่าจะขาย หรือเสพก็ตาม
ซึ่งเนื้อเรื่องมีการนำมาจากเรื่องจริงในบางฉากบางตอน
ตัวละครพี่ลู่และจงอินมีชีวิตจริงๆและยังใช้ชีวิตอยู่ในคุก จุดประสงค์แท้จริงของฟิคเรื่องนี้คือการเป็นอุทาหรณ์
ซึ่งเราคิดว่าเราคอมพลีตเรื่องนี้แล้ว
ขอบคุณสำหรับคอมเม้น
แฮชแท็กและเฟวฟเวอร์ริทค่ะ
รักนะคะคนดีของฉัน
♥
โปรดติดตามตอนต่อไป
ใครสนใจรวมเล่ม
คลิ๊กเลย >>
#พี่ลู่คนคุก
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น