วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557

คนคุก11.2

ความรู้สึกอาจจะเที่ยงตรง แต่ไม่แน่นอน
 




บทที่11.2

คิมกอนโมสลบไปแล้วและถูกจับใส่กุญแจมือเรียบร้อย ผู้คุมอินซูสั่งให้ผู้คุมอีกสองคนเอาร่างไร้สติของคิมกอนโมไปใส่ห้องขังเดี่ยว เป็นห้องเล็กๆอยู่ระหว่างเรือนนอนแต่ละหลัง ซึ่งตั้งแต่จงอินเข้ามาที่นี่มันยังไม่เคยถูกเปิดใช้ แต่ในวันนี้จะถูกเปิดรองรับคิมกอนโม
“มึงพาลู่หานไปหาอะไรกินแล้วขึ้นเรือนนอนไปพักเลยก็ได้ บอกคนครัวว่ากูสั่ง”จางอินซูบอกเพื่อนในคราบนักโทษของตัวเอง จงอินพยักหน้ารับ มองลอดลูกกรงของบานประตูห้องขังเดียวที่ปิดสนิทเข้าไปเห็นคิมกอนโมยังสลบไม่ได้สติ
ไม่น่าเชื่อว่ามันจะหลงจุนมยอนได้ขนาดนี้ ถึงจะน่าหลงใหลจริงๆก็ตามเถอะ คิดเอาเล่นๆว่าถ้าตัวเองได้มีเซ็กส์กับร่างขาวๆนั่นสักครั้งจะติดใจเหมือนคิมกอนโมหรือเปล่า ถามลู่หานว่าตอนจุนมยอนถอดเสื้อผ้าแล้วเอายาธาตุน้ำขาวที่ไปเอามาจากห้องพยาบาลราดอยู่บนตัวเหมือนถูกปล่อยไว้เอาไว้นี่เอ็กซ์แตกขนาดไหน มันบอกจุนมยอนก็ยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม และร่างของนางพญาคนสวยนั้นขาวโพลนไปหมดทุกส่วน ยิ่งมีไอ้ยาธาตุน้ำขาวสีขุ่นๆเหมือนอสุจิของแท้ด้วยแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชาย ลู่หานคงอดใจไม่ไหวเหมือนกัน พูดถึงแล้วก็ได้แต่แลบลิ้นเลียริมฝีปาก น่าลองดูสักครั้งเหมือนกัน แต่ก็ต้องหยุดความคิดลงเมื่อหน้าขาวๆของคนที่เขาชอบโผล่ขึ้นมา เส้นทางรักยิ่งไม่ค่อยราบรื่นจงอินก็ไม่อยากเอาภาระมาเพิ่มให้ตัวเองสักเท่าไหร่

ค น คุ ก

ลู่หานซี๊ดปาก ตอนล้างหน้าแล้วสบู่มันโดนรอยครูดกับพื้นปูนที่ข้างแก้มนี่แสบไม่ใช่หยอก แต่ก็ต้องฝืนใจขยี้หน้าตัวเองเอาด่างจากสบู่ก้อนไปฆ่าเชื้อไม่ให้หน้าเน่า เพราะห้องพยาบาลมีแอลกอฮอลอยู่ขวดเดียวเลยหยิบมาใช้ส่วนตัวไม่ได้ อาบน้ำเสร็จก็ขี้เกียจจะเดินไปล้างแผลถึงห้องพยาบาลเลยอาศัยฟอกสบู่เอาพอทำเนา
“เอ้า มัวแต่ซี๊ดปาก เสียงแม่งยังกะชักว่าวอยู่ รีบๆแดกเข้าไปดิ่ จะได้ขึ้นเรือนนอน”จงอินดันถาดหลุมไปหน้าเพื่อนเพราะเห็นมันซี๊ดปากอย่างกะเสียวอยู่นั่น ลู่หานตักข้าวกับน้ำแกงเข้าปากได้ไม่กี่คำก็วางช้อนแล้วเอาถาดหลุมไปล้างคว่ำตากก่อนจะปล่อยให้เพื่อนหิ้วปีกขึ้นเรือนนอนในที่สุด
“มินซอกไปนอนกับพวกไอ้มินโฮก็ดีนะ มึงได้นอนสบายตัวเวลาง่อยแดกแบบนี้”เพื่อนหมีเย้า มินซอกนอนไปแล้วแต่พวกไอ้มินโฮยังคงนั่งคุยกันอยู่ ไอ้ชินอูมีการตะโกนถามว่าเป็นยังไงด้วยความห่วงใยตามประสาเพื่อนร่วมชีวิตมาด้วยกันหลายเดือน
“ความจริงถ้ามินซอกเลิกชอบกูแล้วก็ให้น้องกลับมานอนนี่ก็ได้ กูไม่เป็นไร อีกอย่างก็ไม่ค่อยชินที่มันโล่ง”ลู่หานบอก เวลานอนเคยนอนข้างมินซอก เคยรั้งตัวน้องเข้ามานอนกอด แต่พอคนตัวเล็กย้ายที่นอนไปมันเลยว่างแปลกๆ
“กูบอกว่าน้องจะตัดใจ ไม่ใช่น้องเลิกรักมึงได้นะเพื่อน”จงอินแย้งซึ่งนั่นก็จริง ลู่หานครางอือในลำคอบอกว่างั้นถ้ามินซอกตัดใจได้แล้วก็กลับมานอนด้วยกัน คนบอบช้ำไปทั้งร่างทรุดกายลงบนฟูกตัวเอง เอนหลังลงเอาหัวหนุนหมอนก่อนจะปิดเปลือกตาลง แต่คำพูดของเพื่อนก็ทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ถึงวันนั้นมินซอกเลิกรักมึงได้ น้องอาจจะไม่อยากกลับมานอนตรงนี้ก็ได้นะมึง”หมายความว่ายังไง? ลู่หานมองเพื่อนสงสัย ได้แต่ผงกหัวมองไปตามทิศทางที่จงอินพยักเพยิดหน้าให้ดู
คนตัวเล็กที่นอนไปแล้วเหยียดตัวยาวเหมือนเด็กน้อย พี่ชายที่รุมล้อมอยู่คุยกันเฮฮาแต่ก็เห็นได้ว่ามินโฮกำลังลูบหัวน้องอยู่ ลู่หานรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมา
...นั่นเขาเคยเป็นคนที่ทำมัน...
เขาไม่ใช่เหรอที่เคยลูบหัวน้องบ่อยๆ แม้กระทั่งตอนน้องนอน...
คำที่ว่ามินซอกจะไม่อยากกลับมาของจงอินผุดขึ้นมาพร้อมกับที่เพื่อเคยพูดว่าน้องไปอยู่กับไอ้มินโฮแค่คืนสองคืนก็จะตัดใจจากลู่หานแล้ว รวมๆความหมายก็ได้เพียงมินซอกกำลังมีมินโฮที่เข้ามาแทนที่ลู่หาน...
มือของมินโฮยังลูบหัวน้องชายตัวเล็กอยู่และเพียงครู่ร่างสูงของมันก็ไถลงไปนอนที่ฟูกชิดกับมินซอกก่อนจะหลับตาลง มือใหญ่เอื้อมลูบแผ่นหลังเล็กและหัวไหล่แคบๆของน้องเล็กเหมือนกล่อมให้นอน มองดูแล้วก็เหมือพี่ชายกล่อมน้องธรรมดา แต่ลู่หานกลับไม่ชอบใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“กูว่าให้มินซอกกลับมานอนกับเราเถอะ มึงไม่เห็นเหรอว่าไอ้มินโฮลวนลามน้อง”เขาบอกเพื่อน แต่จงอินกลับส่ายหน้า
“มันลวนลามยังไงวะ กูก็เห็นมึงก็ทำแบบนี้ งั้นมึงก็ลวนลามเด็กติ๋มนั่นด้วยสิ...ที่ปฏิเสธมินซอกนี่มึงตอแหลใช่ไหมล่ะ”ถามจี้แต่ลู่หานกลับส่ายหน้าหวือ
“เปล่า กูบอกแล้วไงว่ารักมินซอกเป็นน้องชาย มึงนี่จับคู่ให้กูกับมินซอกตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน เลิกเหอะ กูชอบผู้หญิง”เขาบอก มินโฮหยุดลูบหลังลูบไหล่คนตัวเล็กแล้วท่ามันจะหลับ พอดีกับผู้คุมปิดไฟลงจนเรือนนอนมืดไปทั่ว นักโทษต่างเอนหลังลงบนฟูกนอนของตัวเอง จงอินก็เช่นกัน แต่บทสนทาของเพื่อนก็ยังไม่จบลง จงอินยังกระซิบคุยกับลู่หานท่ามกลางความมืดและเงียบของเรือนนอน
“ถ้ามึงไม่คิดอะไร ก็อย่าคิดว่าไอ้มินโฮจะคิดไม่ดีกับน้อง ทุกคนก็เอ็นดูมินซอกทั้งนั้น มึงเองนั่นล่ะที่เดือดร้อนทำไมถ้าน้องจะมีใครสักคนที่ดูแลนอกจากมึงกับกู มึงจะให้น้องกลับมานอนข้างๆมึงทั้งที่รู้ว่าน้องน่าจะอึดอัดใจทำไม...หรือมึงหวงน้องที่เห็นไอ้มินโฮได้อยู่ใกล้มินซอก”
“...”
“คนที่เป็นพี่ชายอย่างมึง มีสิทธิ์อะไรไปหวงน้องแบบนั้น ในเมื่อน้องยังรู้ตัวเลยว่าไม่มีสิทธิ์หวงมึงไม่ให้ไปเอากับจุนมยอน...”
“...”
“มึงน่ะ...อยากเป็นแค่พี่ชายของมินซอกจริงๆหรือเปล่า”

ประโยคยืดยาวของเพื่อนตบท้ายด้วยคำถามที่จุกเข้าใจ ลู่หานยกมือลูบหน้า ไม่อยากจะยอมรับว่าที่เพื่อนพูดมานั้นจริงทุกส่วน ไอ้อาการไม่ชอบใจ หงุดหงิดมินโฮ เขารู้ว่าเขาหวงมินซอก น้องชายที่เคยใกล้ชิดกัน อ้างในใจว่าเพราะมินซอกเคยไม่ห่างกันแต่เหตุผลก็ฟังไม่ขึ้นเมื่อเจอคำถามว่ามีสิทธิ์อะไรไปหวงไม่พอใจที่น้องจะมีพี่ชายคนใหม่คอยดูแล
เป็นแค่พี่ชาย...ไม่ใช่เจ้าของของมินซอกเสียหน่อย...
“กู...ไม่แน่ใจ...”

ไม่มั่นใจในตัวเองแล้วว่ารู้สึกอย่างไร่กับน้องชายคนสนิท...
“มึงมันโง่ไงลู่หาน โง่ฉิบหาย”


ค น คุ ก



ถึงจะถูกใส่กุญแจมืออยู่มันก็ยังพยายามจะดิ้นรนหลังจากฟื้นขึ้นมา คิมกอนโมดิ้นปัดในความมืดจนลุกขึ้นยืนได้ มันเดินมายังซี่เหล็กของช่องเล็กๆมีไว้เพียงมองลอดเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆแห่งนี้ ผนังสี่ด้านฉาบด้วยปูนหนาเย็นเฉียบยามค่ำคืนแบบนี้ ด้านนอกห้องขังเดี่ยวตอนนี้มืดสนิท มีเพียงแสงของหลอดไฟในเรือนจำตรงห้องน้ำกับแสงของดวงจันทร์เบบางเท่านั้น
กึก..
เสียงปลดโซ่ที่คล้องอยู่หน้าประตูดังขึ้นก่อนบานประตูเหล็กจะถูกเปิดออก คิมกอนโมมองผู้ที่เข้ามาเยือนในยามวิกาลแบบนี้ จางอินซูกำลังส่งยิ้มมาให้
ไม่ได้น่าพิสมัยสักนิดร่างสูงถดตัวไปติดกำแพง กุญแจมือห่านี่ก็รัดข้อมือจนเจ็บไปหมด เผลอคิดว่าถ้าไม่บุ่มบ่ามทำแบบนั้นคงไม่ได้มูกแยกขังเดี่ยวแบบนี้หรอก ไอ้ห้องขังนี่ก็เห็นจนชินตาไปแล้ว ตอนที่ถูกลากมาเค้นความจริงเรื่องแบ็คอัพนักธุรกิจรายใหญ่คนนั้น เขาก็ถูกลากมาซ้อมในนี้ตั้งหลายวัน
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะเป็นหมาบ้าแบบนี้เพราะผู้ชายคนเดียว”ใช้มือตบสวิชต์ไฟให้ทั้งห้องสว่างก่อนจะพูดออกมา เสียงจางอินซูช่างฟังดูเยาะเย้ยสิ้นดี คิมกอนโมร้องเหอะในลำคอ พอผู้คุมจางมาพูดถึงจุนมยอนร่างสุงใหญ่ก็หงุดหงิดขึ้นมา หนคิมจุนมยอนบอกว่าไม่สามารถจะเอากับไอ้เหี้ยนั่นได้ยังไงล่ะ แล้วร่างขาวโพลนที่อยู่ใต้ร่างมัน กับไอ้เมือกขาวที่ถูกปลดปล่อยออกมานั่น ห่าเหวอะไร?
นึกถึงตอนที่ไอ้คนจีนร่างเล็กนั่นสอดเอ็นเนื้อเข้าไปในร่างของคนที่เคยนอนใต้ร่างของเขามาตลอด...ยอมไม่ได้เด็ดขาด
“อย่ามาเล่นลิ้น มีอะไรก็พูดมา ไม่งั้นก็ทิ้งกูไว้ที่นี่”กอนโมไม่อยากจะฟังมันพล่ามนอกเรื่อง จางอินซูหัวเราะน้อยๆที่นักโทษตัวสูงใหญ่รู้ทันกัน มีเก้าอี้พลาสติกตัวหนึ่งที่เขาหยิบติดมือเข้ามาในห้องขังเดี่ยวแห่งนี้ อินซูนั่งลงตรงข้ามกับคนที่อยู่ชิดผนังอีกฝั่ง
“ก็ไม่อยากจะออกนอกเรื่องหรอก แค่เกริ่นๆ...เห็นหลงนางพญานั่นเหลือเกิน ถ้ากูมีข้อเสนอให้มึงจะรับไว้หรือเปล่า?”เปิดประเด็นตรงไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป กอนโมเลิกคิ้ว
“ข้อเสนออะไรของมึง กูไม่ทำตาม ไม่ต้องมากล่อมให้กูบอกอะไร”เขารู้ทันมันเสียแล้ว พวกตำรวจพวกนี้มันก็ดีแต่จะรีดเอาข้อมูลจากนักโทษ แค่ถูกจับได้ก็แย่พอตัวแล้ว บุญหัวแค่ไหนที่นายไม่ได้ส่งใครเข้าคุกมาฆ่าตัดตอนกัน เพราะคิมกอนโมรู้เรื่องแบ็คอัพรายใหญ่และแสนสำคัญของวงการยาเสพติดในเกาหลี
“มึงฟังก่อนสิ ฟังจนจบแล้วมึงอาจจะสนใจขึ้นมาก็ได้”อินซูไม่ได้สนใจที่มันปฏิเสธ เขายั่วเย้าให้อีกคนคล้อยตาม
“ไอ้ลู่หานนั่น มึงเจ็บใจที่มันมีอะไรกับเมียมึงสินะ แถมยังซิวตำแหน่งอันเลอค่าไปจากมึงอีกด้วย...อยากจะกำจัดมันไปหรือเปล่าล่ะ?”ดูท่าว่าคำถามนี้จะตรงใจคนฟังดีเหลือเกิน มันมีทีท่าสนใจแค่เพียงข้อเสนอนั้นคือการกำจัดไอ้คนที่ชื่อลู่หานออกไป
“มึงจะได้ทั้งจุนมยอน ทั้งตำแหน่งเด็กนางพญา สิทธิ์พิเศษสะดวกสบายเหมือนพระราชา...ถ้าเพียงแค่มึงตอบตกลง”ดูท่าว่าจางอินซูจะทำให้กอนโมไขว้เขวเอามาก ร่าสูงใหญ่กระแทกเข้ากับผนังห้องขังเดี่ยว กัดริมฝีปากตัวเองครุ่นคิด เคยบอกแล้วว่าเรื่องตำแหน่งเด็กนางพญามันไม่สำคัญเลยตอนนี้...สำคัญอยู่ที่ตัวของคิมจุนมยอน ให้ตายยังไงก็เสียไปไม่ได้
ไตร่ตรองดูระหว่างชื่อของคนๆหนึ่ง ที่จะทำให้ตำรวจจับกุมแก้งค์ค้ายาได้รายใหญ่ยักษ์ กับคิมจุนมยอน นางพญาเลอค่าเพียงในคุก...

“มึงต้องการแค่ชื่อของคนๆนั้นใช่ไหม?”กอนโมถามคนที่ยิ้มจางๆอย่างลอยตัวเป็นผู้ชนะ...จางอินซูพยักหน้า นั่นทำให้เบี้ยต่ำกว่าอย่างคนเป็นนักโทษไถลตัวลงไปนั่งกับพื้น มันเงยสบสายตาผู้คุมอินซูเพียงครู่
“ถ้ากูบอก กูต้องไม่เห็นไอ้เหี้ยนั่นอีก จุนมยอนต้องเป็นของกู...แล้วพวกมึงก็ต้องคุ้มกันกูด้วยถ้าคนนั้นรู้แล้วกูอาจจะโดนฆ่าทิ้ง”คิมกอนโมยื่นข้อเสนอที่ต้องการจะแลกเปลี่ยน อินซูตอบตกลง เขาคิดเรื่องคุ้มกันไว้แล้ว เพราะยังไงก็ต้องเกิดเหตุการณ์ฆ่าตัดตอน ในตาของผู้คุมหนุ่มเป็นประกายเมื่อมองยังร่างของนักโทษตรงหน้า
คิมกอนโม ลูกน้องของแก้งค์ค้ายารายยักษ์ที่มีนักธุรกิจชื่อดังหนุนหลังอยู่ แม้จะซ้อมมันแทบปางตายมันก็ไม่ปริปากบอกชื่อแบ๊คอัพคนนั้นออกมา หรือจะหว่านล้อมด้วยถ้อยคำดีๆมันก็ไม่ยอมคายความลับที่หลบซ่อน จางอินซูหัวเราะกับเรื่องของมันจริงๆ...สุดท้ายแล้ว มันก็ต้องยอมจนตรอกเพียงเพราะผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง
คำพูดที่ว่า “นารีเพียงหนึ่งก็ล่มเมืองได้ทั้งเมือง” คงส่อเค้าเป็นจริง...เหมือนเมืองที่เคยยิ่งใหญ่เช่นทรอยยังต้องวอดวายเพียงเพราะหญิงงามเฉกเช่นเฮเลน
ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน เชื้อชาติประเทศใด...”ความรักที่ต้องการครอบครองไว้เพียงหนึ่ง” มักจะนำมายังจุดจบที่แสนเศร้าเสมอ
“ทีนี้ก็พูดมันออกมาได้แล้ว...ชื่อที่มึงเก็บเอาไว้”อินซูบอกมันย้ำให้พูดออกมาถ้าจำนนแล้ว คิมกอนโมไม่ได้เปล่งเสียงแต่มันก็ขยับปากเป็นคำซึ่งจางอินซูอ่านมันออกได้ ผู้คุมร่างสูงลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แล้วเปิดประตูเหล็กออกจากห้องขังเดียวไปพร้อมลงโซ่คล้องและล็อคให้แน่นหนาเฉกเช่นก่อนจะเข้ามาในคราแรก ยังดีที่มีน้ำใจปลดกุญแจมือที่รั้งแขนสองข้างของกอนโมเอาไว้ด้วยกันออกให้ด้วย ไฟในห้องขังเดี่ยวมืดสนิทเฉกเช่นเดิม คิมกอนโมยกมือขึ้นปิดทั้งทั้งที่มือทั้งสองข้างสั่นระริก
“ฉันจะไม่เสียนายไป”เขาบอกกับตัวเอง ว่าเขา...จะไม่เสียคิมจุนมยอนไป


ค น คุ ก


“อะไรคือไฮโดรโปนิกส์”มินซอกถามอย่างสงสัย วันนี้ลงงานเกษตรกรรมอีกแล้ว ผู้คุมมีอะไรสักอย่างที่เจ้าตัวเรียกว่าของเล่นมาให้นักโทษลองผิดลองถูก
“พี่เคยได้ยิน มันจะปลูกผักสลัดอยู่ในน้ำ”แดฮยอนบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง ทำท่าดีใจหนักหนาแค่เห็นน้องชมว่าฮยองเก่งจริงที่รู้ จงอินเบ้ปาก ใครก็รู้ป่ะวะ? ก็ถูกอยู่ที่ไฮโดรโปรนิกส์คือการปลูกพืชโดยใช้น้ำ เห็นคำว่าไฮโดรคนที่เรียนเคมีมาก็ไม่โง่ไม่รู้หรอกว่าคือน้ำ แต่ไอ้ไฮโดรโปนิกส์เนี่ย มันเป็นแขนงหนึ่งของการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน
ไม่ใช้ดินแล้วจะใช้อะไร? เยอะแยะไป อย่างเช่น กาบมะพร้าวสับ หิน กรวด ไม้ค็อก หินภูเขาไฟ หรือแม้แต่ปลูกในอากาศ แต่ที่นิยมกันมากเพราะมันดูหรูหราไฮโซโก้เก๋คงเป็นไอ้ปลูกผักในน้ำนี่แหล่ะ
“ผู้คุมคิมจะให้พวกผมทำระบบไฮโดรเหรอ?”ไอ้ชินอูถาม มันยกท่อพีวีซีสีฟ้าขนาดต่างๆขึ้นดู มีรางพลาสติกอีกถุงใหญ่ที่กองอยู่พร้อมอุปกรณ์ตัดต่อติดทั้งหลายแหล่ะ
“เออ นักศึกษามหาลัยแถวนี้เค้าเคยเอามาสาธิตเมื่อหลายปีมาแล้ว นี่เพิ่งไปเจอมา เห็นมันนอนนิ่งฝุ่นจับมาตั้งนาน ก็เอาไปทำๆหน่อย คู่มือนักศึกษาเขาก็เขียนบอกไว้”ผู้คุมคิมบอก ชี้ให้ดูคู่มือฉบับเขียนเองที่มีรูปประกอบถึงวิธีการต่อเสร็จสรรพ งานนี้ทำไม่ได้ก็คงต้องได้
NFT…ไอ้ระบบเหี้ยนี่ชื่อเอ็นเอฟทีว่ะ ให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากบางๆเหมือนแผ่นฟิล์ม...เหี้ย อ่านแล้วไม่เห็นจะเข้าใจ”อูฮยอนโยนคู่มือให้มินโฮเมื่อหัวไม่ค่อยจะรับเรื่องวิชาการสักเท่าไหร่ มินโฮเลยอ่านเองก็พอจะเข้าใจว่าการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์ไม่ใช่เพียงแค่ใช้น้ำปลูก ทว่าน้ำที่เห็นเป็นสารละลายธาตุอาหาร หรือปุ๋ยนั่นเอง แยกเป็นสองสต็อกคือ สต็อกเอ และสต็อกบี เวลาใช้ก็มาละลายน้ำเพื่อเจือจาง
“จงอินมึงเอาพีวีซีสามหุนมาเลื่อยตามขนาดแล้วกัน เอาเพื่อนมึงไปช่วยเลื่อยด้วยก็ได้”มินโฮบอกพร้อมโยนใบเลื่อยเลื่อยเหล็กให้พร้อมฉีกหน้าคู่มือที่บอกขนาดท่อที่ใช้ทำโครงของระบบปลูกพืชไร้ดินชนิดนี้
“รางเจาะมาอยู่แล้วทั้งช่องปลูกทั้งช่อเสียบสายยาง เหลือเลื่อนท่อมาประกอบเท่านั้นแหล่ะ”มินโฮบอกอีกครั้งเมื่ออ่านคู่มือละเอียด ระบบปลูกนี้ทำเป็นลักษณะคล้ายบันได รางพลาสติกที่เห้นจะถูกวางลดหลั่นกันลงมาเป็นขั้น เชื่อมด้วยสายยางเล็กๆที่จะทำให้สารละลายธาตุอาหารไหลผ่านเหมือนชั้นของน้ำตก ดีที่นักศึกษาที่ว่าเจาะรางพลาสติกที่จะใช้เป็นทางน้ำไหลเอาไว้แล้ว เลยไม่ยุ่งยาก เพราะตามแบบต้องเจาะรูที่ใช้สำหรับปลูกพืชเป็นวงกลมระยะห่างกันอย่างพอดี ซึ่งเครื่องมือที่มีมันทำอย่างนั้นไม่ได้
ถังที่บรรจุสารละลายธาตุอาหารจะถูกวางไว้ด้านล่าง พร้อมด้วยมอเตอร์ตู้ปลาที่ถูกต่อกับท่อสายยาง เมื่อเสียบปลั๊กมอเตอร์ น้ำจะถูกดูดขึ้นไปยังรางพลาสติกด้านบนสุดและไหลไปตามราง ผ่านท่อพลาสติกเล็กลงสู่รางพลาสติกที่สอง เรื่อยไปจนถึงรางสุดท้ายจะมีปลายด้านหนึ่งต่อท่อสายยางทิ้งสารละลายลงสู่ถังเดิมอีกครั้ง
“ระบบเหี้ยอะไร ยุ่งยากชิบหาย”ไอ้แดฮยอนบ่นเป็นหมี จงอินแบกท่อพีวีซีสามหุนมานั่งเลื่อยกับลู่หาน ไอ้เพื่อนยากวันนี้ไม่ค่อยปริปาก ทั้งเจ็บแผลและคงยังคิดเรื่องเมื่อคืนอยู่ ที่จงอินชี้ทางให้มัน จนมันหลุดออกมาว่า “ไม่แน่ใจ”
อยากจะประเคนตีนใส่แต่ก็สงสารที่น่วมอยู่แล้ว โง่ฉิบหาย จนป่านนี้ก็ยังรู้สึกแค่ไม่แน่ใจ
“มองน้องอีกแล้วนะไอ้ควาย”เพื่อนร่างหมีเอ่ยแซว เห็นหน้าบวมๆจากแผลของมันมองตามมินซอกที่ช่วยไอ้ดงกอนเลือกข้อต่อสองทางสามทางอยู่ไม่ไกล
“พูดมากไอ้สัด ก็เพราะมึงไม่ใช่หรือไง กูถึงต้องมาคอยมองมินซอกอยู่แบบนี้”ก็เพราะมันทำให้เขาไม่แน่ใจในตัวเอง แล้วยิ่งมองน้องใกล้ชิดกับคนอื่นเขาก็ยิ่งรู้สึกหวงคนตัวเล็กขึ้นมา
“ไอ้สัด!”เผลอสบถออกมาเมื่อไอ้มินโฮเดินถอดเสื้อที่ใส่อยู่สะบัดแรงๆแล้วเอามาคลุมหัวของมินซอกจากนั้นก็ดึงตรงส่วนคอมาปิดที่จมูกจิ้มลิ้ม ดึงแขนทั้งสองข้างพันปมเอาไว้ด้านหลังกันฝุ่นที่เกิดจากที่จงอินที่เลื่อยท่อสามหุนและไอ้อูฮยอนที่โดนให้เลื่อยท่อสี่หุนทำฐานระบบน้ำเข้าปากเข้าจมูก ฝุ่นพวกนั้นเป็นพีวีซี ซึ่งเป็นอันตรายกับร่างกาย
ลู่หานแทบจะลุกขึ้นยืนแต่ร่างกายก็ไม่อำนวย มองไอ้คนตัวสูงที่ท่อนบนเปลือยเปล่ามันไปช่วยไอ้อูฮยอนจับท่อไม่ให้เขยื้อนเวลาเลื่อย ฟันของลู่หานขบแน่นเมื่อภาพเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่เขาเคยทำแบบนี้ฉายขึ้นมา วันที่พ่นสีรถมอเตอร์ไซค์ ที่เขาใช้เสื้อตัวเองเป็นหน้ากากกันละอองสี...ที่เขาใช้เสื้อตัวเองเป็นหน้ากากให้น้อง
“ไอ้สัดใจเย็น เป็นเหี้ยอะไรของมึง”จงอินที่ไม่ได้จำเหตุการณ์ที่ผ่านมาฉุดเพื่อนให้นั่งอยู่กับที่ ถึงจะไม่รู้ว่าลู่หานเป็นอะไรแต่ก็คิดออกกลายๆว่าคง “หึง” ไอ้มินโฮอยู่
“ทำตัวเป็นพระเอก ไอ้ควาย”ริมฝีปากบางเอ่ยด่ามินโฮจนจงอินต้องขำ เหี้ยนี่หึงจริงสินะ แล้วก็มาบอกไม่แน่ใจ ไม่แน่ใจห่าอะไรถึงไม่พอใจเวลาน้องอยู่กับคนอื่นแบบนี้ จะมาโมโหทำไมเวลาคนอื่นมาดูแลน้องอย่างที่มันเคยทำ ไอ้ควายลู่หาน
“เมินเรื่องมินซอกสักหน่อยเหอะ คุยเรื่องมึงดีกว่า จุนมยอนว่าไง กินข้าวเมื่อเช้ากูเห็นเขาเข้ามาคุยกับมึงไม่ใช่เหรอ?”
“ก็บอกว่าไอ้กอนโมคายชื่อแบ๊คอัพมาแล้ว แผนปลอกกล้วยเหี้ยนี่สำเร็จ”ลู่หานบอก ไม่วายจะมองมินซอกอีกครั้ง คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักที่แดฮยอนโดนอูฮยอนฟาดด้วยพีวีซีเพราะวุ่นวายเกินไป
“อืม จบกันสักที...เดี๋ยวมึงก็จะเป็นอิสระแล้วสิ”เขาพูดออกมา ถึงจะอยากให้จบไวๆ แต่ก็ใจหายไม่น้อยที่ต้องจากเพื่อนๆเรือนนอนสิงห์ไป อยู่ด้วยกันมาก็หลายเดือน
“กูจะพามินซอกไปด้วยนะ”ลู่หานบอก จงอินคิดไว้อยู่แล้วว่าเพื่อนต้องพูดแบบนี้ เขาเองก็ตั้งใจว่าจะพามินซอกออกไปด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าไอ้พี่ชายคนสำคัญมันอยากจะเป็นพระเอกจงอินก็ยอมสละตำแหน่งลงไปเป็นพระรองให้
“มึงก็ขอผู้กองคริสละกัน แล้วอย่าไปต่อยเขาหน้าแหกอีกล่ะ ไม่งั้นทั้งมึงกับมินซอกจะไม่ได้ออกไปทั้งคู่ก็ได้”บอกเพื่อนพรอมขยับใบเลื่อยในมือไปมาให้ฟันคมของเลื่อยกินเนื้อท่อนเข้าไป ลู่หานยกปากหน้าแหย จะให้ญาติดีกับไอ้เหี้ยผู้กองคริสนี่ถ้าจะยากหน่อย จะห้ามใจไม่ให้ประเคนหมัดใส่มันให้ได้ก็แล้วกัน




TBC.








#พี่ลู่คนคุก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น