เวลาไม่เคยหยุดเดิน
แต่เข็มนาฬิกาต่างหากที่หยุดเดิน
คิมมินซอก.1…
เปลือกตากระพริบก่อนที่จะลืมขึ้นมา
ความอบอุ่นของอ้อมแขนที่นอนกอดกันไว้เมื่อคืนหายไปแล้ว
มินซอกพลิกตัวเล็กน้อยก็พบว่าฟูกข้างๆกายทั้งสองด้านซ้ายและขวานั้นโล่งสนิท
ปราศจาคคนที่เคยนอนอยู่ทุกคืน แม้แต่ไออุ่นก็ยังไม่เหลือ
แสดงว่าลู่หานกับจงอินลุกไปนานแล้ว
“มินซอกไปอาบน้ำ”มินโฮเรียกให้คนตัวเล็กลุกขึ้นไปทำภารกิจส่วนตัวก่อนจะไปเข้าแถว
กินข้าวเช้าและลงงาน
วันนี้เป็นอีกวันที่ยังต้องลงงานที่เกษตรกรรมเพราะผักที่ปลูกนั้นเก็บได้แล้ว ประจวบกับงานอื่นนั้นมีไม่มาก
ผู้คุมเลยให้มาลงเกษตรกรรมเสีย พอเก็บผักแล้วก็ใส่ปุ๋ยพรวนดินกันต่อเลย
บางส่วนที่หมดคาบปลูกแล้วก็หยดเมล็ดใหม่เอารุ่นต่อไป
“แปลกๆชอบกล
ตื่นมาก็ไม่เห็นไอ้จงอินกับไอ้ลู่หานแล้ว”แดฮยอนพูดตอนตักข้าวเข้าปาก
พอไม่มีสองคนนั้นในก็เหงาๆพิกล ยิ่งปากนี่ยิ่งเหงาจนจะเฉาเหี่ยวไปหมด
ไม่ได้ด่าลู่หานแล้วเหมือนจะรู้สึกแปลกๆ
“ถ้ามินซอกหายไปอีกคนคงเหงาน่าดู”ชินอูพูดขึ้นมา
ทุกคนที่นั่งกินข้าวเงียบเพราะคิดตาม มินซอกเองได้แต่ยิ้มบางเบา
ขอโทษพวกพี่ๆอยู่ในที เด็กน้อยรู้ว่าตัวเองเป็นที่เอ็นดูของพี่ๆ ถ้าไม่มีมินซอก
พี่ๆคงเหงาเป็นธรรมดา
“ไม่มีมินซอก
โลกในคุกคงมืดลง...”ไม่ใช่แสงสว่างที่มืดลง หากแต่เป็นแสงในใจของพี่ๆทุกคน
การที่มินซอกมาอยู่ที่นี่
ความน่ารักของคนตัวเล็กทำให้โลกใบหม่นๆของคนที่ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในที่คุมขังสว่างไสวขึ้นมา
เวลามินซอกยิ้ม พี่ๆก็จะยิ้มตาม มินซอกหัวเราะ พี่ๆก็มีความสุขไปด้วย
“ผมรู้สึกผิดเลย”คนตัวเล็กพูดออกาอย่างหงอยๆ
นึกสงสารพี่ๆขึ้นมาจนไม่อยากจะทิ้งพี่ๆไป แต่อูฮยอนกลับบอกว่าอย่ามารู้สึกผิดเลย
พวกเขาเสียอีกต้องขอบคุณมินซอก
ขอบคุณที่มาทำให้ชีวิตของพวกเขามีสีสันและมีความสุขขนาดนี้
เมื่อน้องที่รักและเอ็นดูจะได้ออกไปสู่อิสรภาพ คนเป็นพี่จะรั้งน้องไว้ก็คงไม่ถูก
“มาเยี่ยมพวกพี่บ้างก็พอ
ฝากขนมไว้เยอะๆ
ไอ้แดฮยอนมันกินจุ”ดงกอนบอกพร้อมกับมือใหญ่ๆของพี่ชายที่ลูบลงบนหัวกลมๆ
เพียงเท่านั้นมือของพี่ๆอีกหลายคนก็เอื้อมมาลูบหัวน้องกันใหญ่
บางคนขยี้น้อยๆด้วยความเอ็นดู
มินซอกหัวเราะขึ้นมาเพราะชินอูแกล้งขยี้หัวเจ้าตัวแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว
พี่ๆเลยหัวเราะกันตามกลายเป็นโต๊ะที่คนเรือนนอนสิงห์จับจองกินข้าวเช้าเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
แต่เสียงหัวเราะของทุกคนก็พลันจะเงียบลงเมื่อผู้คุมอินซูเดินเข้ามาในโรงอาหารพลางใช้พลองไฟฟ้าเคาะที่โต๊ะตัวยาวเพื่อเรียกให้นักทาทุกคนหยุดกินและฟัง
“วันนี้มีเรื่องจะมาประกาศ
ชาวเรือนนอนหงส์คงรู้แต่เช้าแล้ว ว่านางพญาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”สิ้นเสียงประกาศ
เสียงฮือฮาก็ดังไปทั่วไม่เว้นแม้แต่พวกมินโฮก็ตามเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจุนมยอนก็ได้ออกจากเรือนจำไปพร้อมจงอินและลู่หาน
มินซอกจะอ้าปากบอกว่าพี่จุนมยอนพ้นทาแล้วแต่ทว่าผู้คุมอินซูกลับแทรกขึ้นมา
“คิมจุนมยอนได้รับการปล่อยตัวเพราะปฏิบัติตนเป็นนักโทษชั้นดี
จากนี้ไปจะมีการโหวตนางพญาคนใหม่วันเยี่ยมญาติใกล้ชิดครั้งต่อไป”หมดเรื่องที่จะต้องพูดผู้คุมอินซูก็เดินจากไป
ทิ้งเพียงเสียงซุบซิบว่าทำไมจุนมยอนถึงได้ถูกปล่อยตัวไป
ทำไมถึงพ้นโทษทั้งที่ความจริงแล้วจุนมยอนไม่ใช่นักโทษชั้นดีเลยสักนิด
บางคนไม่พอใจจะลุกขึ้นแย้งแต่ก็ต้องเฉยไว้เพราะผู้คุมอินซูหันกลับมาบอกหลังจากที่เดินออกจากโรงอาหรไปไม่กี่ก้าวว่าการปล่อยตัวเป็นเรื่องซึ่งสั่งการจากนายตำรวจระดับสูงและอนุมัติโดยตรงจากกรมราชทัณฑ์
ซึ่งถ้ามีปัญหาก็ให้ไปเคลียร์กับนายตำรวจชั้นสูงพวกนั้นเอา
นักโทษทุกคนส่ายหน้ากันพรืด
ถึงจะข้องใจก็ขอไม่มีปัญหากับพวกนายตำรวจติดยศสูงๆจะดีกว่า
ดีไม่ดีจะได้ระเห็จไปอยู่แดนห้าแดนหกหรือไม่ก็เลื่อนเวลาการอยู่ในเรือนจำไปเป็นตลอดชีวิตเสียเปล่าๆ
ค น คุ ก
สองมือน้อยกระชับกระเป๋าที่ประทับตรากรมราชทัณฑ์เอาไว้
มินซอกถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ยังไม่สว่าง
เสื้อผ้าชุดไพรเวทธรรมดาถูกจัดหารมาให้เป็นเสื้อยืดลายกราฟฟิคธรรมดาพอดีตัวกับกางเกงสามส่วนสีขาว
มีกระเป่าอีกหนึ่งใบที่ผู้คุมเอามาให้เพื่อใช้เก็บของสัมภาระ
มินซอกเคยเก็บของให้ลู่หานกับจงอิน
พี่สองคนนั้นไม่เอาอะไรออกไปจากคุกนอกจากกางเกงในสองตัวกับพวกจดหมายต่างๆและของเล็กๆน้อยๆที่ประดิษฐ์ประดอยเล่นตอนลงงานซ่อมบำรุงเช่นพวกรถมอเตอร์ไซค์ของเล่นจากไฟแช็คหมดแก๊สของผู้คุม
มินซอกเองก็ทิ้งสบู่กับแชมพูไว้ที่นี่เช่นกัน
แต่เขาไม่ได้ให้ชุดนักโทษกับคนอื่นๆ คนตัวเล็กเลือกที่จะนำมันกลับไปด้วย
กระเป๋าของมินซอกเลยพองออกเล็กน้อย ผู้คุมพามินซอกเดินออกมาจากเรือนนอน
เด็กน้อยอดไม่ได้จะหันกลับไปมองมันอีกครั้ง ในความมืดก็ยังมีแสงของดวงจันทร์ที่อีกไม่นานจะกลับไปหลับไหลใต้พื้นดินแล้วให้พระอาทิตย์มาทำหน้าที่แทน
แสงของดวงจันทร์สาดทาบไปยังต้นคูน ใบสีเขียวเข้มในความมืดกลายเป็นเพียงเงาดำตะคุ่ม
“ออกดอกด้วยนะ”บอกออกมาเสียงแผ่ว
ก่อนจะหันกลับไปตามเสียงเร่งของผู้คุมอีกครั้ง
มินซอกไม่เคยมาในส่วนของการเยี่ยมญาติเลยสักครั้ง
พอมาเห็นตอนจะออกจากเรือนจำก็ดูแล้วมันช่างน่าหดหู่ ที่คนสองคน
เห้นหน้ากันแต่ไม่อาจจะสัมผัสกันได้ มีเพียงเสียงตามสายจากโทรศัพท์ที่ได้ยิน
มินซอกอดคิดไม่ได้ว่ามันคงดีแล้วที่เขาไม่มีใครมาเยี่ยม มินซอกคงไม่อาจจะกลั้นความเสียใจเอาไว้ได้
ถ้าต้องได้พบกับใครที่เขารักผ่านกระจกบานหน้าที่กั้นเราเอาไว้แบบนั้น
ผู้คุมเดินนำมาถึงประตูม้วน
ก่อนจะกดสวิตช์ให้บานประตูม้วนเปิดขึ้น
ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มินซอกได้เห็นสภาพด้านหน้าของเรือนจำ มันสวยงามด้วยสวนหย่อย
มีดอกไม้หลายชนิดที่ปลูกอยู่บริเวณนี้ และยังมีสนามเด็กเล่นอีกด้วย
ผู้คุมบอกว่าประตูบานสุดท้ายอยู่อีกห้าร้อยเมตรข้างหน้า มินซอกมองเห็นมันแล้ว
เป็นประตูทางเข้าที่ติดกับรั้วปูนซึ่งล้อมเรือนจำเอาไว้
มินซอกหันไปโค้งขอบคุณผู้คุม
“เป็นเด็กดีล่ะเรา
อย่ากลับเข้ามาอีก”ผู้คุมอวยพรและยิ้มให้คนตัวเล็กก่อนที่บานประตูม้วนจะปิดลงอีกครั้งเพราะยังเช้ามากและเรือนจำยังไม่เปิดให้บริการ
มินซอกกระชับกระเป๋าในมืออีกครั้งก่อนจะค่อยเดินออกไปยังบานประตูบานสุดท้าย
ท้องฟ้าสีดำสนิทเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มน้อยๆจากแสงของดวงอาทิตย์ที่เริ่มจะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา
นกตัวเล็กเริ่มชักชวนกันบินออกจากรังไปหาอาหาร มินซอกยิ้มให้เหล่านกพวกนั้น
...มินซอกกำลังจะเป็นแบบนกพวกนั้น
เป็นนกที่มีอิสระ ไม่ได้ถูกขังอยู่ในกรง...
มินซอกกำลังจะมีอิสระ...
มินซอกขอบคุณผู้คุมคนสุดท้ายที่จะเจอในวันนี้
ผู้คุมตัวสูงยิ้มให้เขาบอกเช่นเดียวกับคนก่อนว่าอย่ากลับเข้ามาอีกก่อนที่จะเปิดประตูเหล็กหนักอึ้งให้เขา
เพื่อที่จะได้ออกไป...ออกไปจากที่นี่
บานประตูที่เปิดออกพร้อมกับภาพด้านนอกเรือนจำที่ปรากฏสู่สายตา
มินซอกยังยืนกำสายกระเป๋าแน่น ไม่อยากจะเชื่อว่าเขากำลังจะได้ออกไปจากที่นี่จริงๆ
จนเมื่อผู้คุมรุนหลังให้เดินออกไปนั่นล่ะ เด็กน้อยถึงได้ขยับขาก้าวเดิน
แต่ทุกก้าวก็เหมือนจะสั่นไหว เพียงแค่หลุดพ้นบานประตูมาได้
มินซอกก็ไม่อาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้เลย
ถนนลาดยางทอดยาวอยู่ตรงหน้า
เรือนจำแห่งนี้อยู่เกือบติดถนนทีเดียว สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่
มีร้านอาหารใกล้ๆคิดว่าคงเปิดช่วยกลางวันถึงเย็น
ใกล้ๆกับเรือนจำไม่ค่อยมีบ้านแต่เห็นแสงไฟถัดไปอีกไม่ไกล...
อิสรภาพอยู่ตรงนี้กับคิมมินซอกแล้ว...
“มินซอก”เสียงที่คุ้นเคยเรียกชื่อของมินซอก
คนตัวเล็กเงยหน้าเปื้อนน้ำตามองไปยังต้นเสียง ร่างโปร่งของใครบางคนที่มินซอกจำได้ขึ้นใจปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้คนตัวเล็กปล่อยน้ำตาออกมาไม่หยุด
ฟันขาวขบริมฝีปากตัวเอง อยากจะพุ่งเข้าไปกอดอีกคนแต่ช้ากว่า
ลู่หานดันน้องเข้ามาสู่อ้อมกอดตัวเอง
หัวเราะดังๆเพราะมินซอกร้องไห้โยเยเป็นเด็กน้อย
ลู่หานเห็นตั้งแต่น้องเดินออกมาจากเรือนจำแล้ว พอออกมาได้ก็ปล่อยโฮเลย
คงดีใจมากจริงๆ
“ไม่ร้องนะคนดี”โยกตัวปลอบอีกคนให้หายร้องแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ลู่หานลูบหัวลูบหางมินซอก แต่ไม่เห็นว่าน้องจะหยุดสะอึกสะอื้น
ก็เลยจับจูงน้องมาขึ้นรถของผู้กองคริสที่ขันอาสามารับมินซอกกับลู่หานด้วย
ตอนแรกลู่หานก็จะไม่รับน้ำใจอีกคน
แต่เห้นว่าคงดีกว่าย่ำต๊อกมารับน้องพาขึ้นรถเมล์เลยยอมให้อีกคนมาด้วย
อี้ชิงนั่งรออยู่ในรถ
เมื่อเห็นว่าพี่ชายพาคนที่บอกว่าเป็นคนพิเศษขึ้นมานั่งบนรถเขาก็ขยับที่ให้อีกคนอย่างเต็มที่
ลู่หานกลับไปนั่งเบาะหน้าข้างคริสก่อนที่รถยนต์จะเคลื่อนที่ออกไป อี้ชิงมองคนที่เริ่มสะอื้นเบาลง
นึกชมพี่ชายว่าเก่งจริงที่หาคนน่ารักๆแบบนี้มาเป็นแฟนได้
เรื่องเป็นแฟนไม่เป็นแฟนก็ไม่มีใครบอกอี้ชิงหรอก
แต่พี่บอกว่าคนพิเศษก็น่าจะรู้แล้วว่ายังไงก็ไม่พ้นแฟน
แม้จะนึกแปลกใจที่ลู่หานชอบเพศเดียวกันก็ตามที เพราะเห็นว่าพี่ไม่เคยมีรสนิยมแบบนี้มาก่อน
แต่คนตรงหน้าก็ใกล้เคียงกับเด็กผู้หญิงเสียด้วย ตัวเล็กนิดเดียว หน้ากลมแก้มยุ้ย
ปากแดงสีเข้ม
ติดอยู่ที่เสื้อผ้าที่ใส่และทรงผมรองทรงที่ทำให้รู้ว่าอีกคนไม่ใช่ผู้หญิง
ก็ไม่แปลกที่คนน่ารักแบบนี้จะทำให้พี่ชายของอี้ชิงเปลี่ยนไปได้...
“ชื่อมินซอกใช่ไหม?”อี้ชิงเป็นคนเริ่มทำความรู้จักกับอีกคนก่อน
มินซอกพยักหน้างึกๆ เริ่มหายสะอื้นแล้ว
“ฉันชื่ออี้ชิง
เราคงรุ่นเดียวกัน เรียกฉันอี้ชิงเฉยๆก็พอ”อี้ชิงบอกพร้อมรอยยิ้ม
เอื้อมมือไปข้างหน้าเพื่อจะจับกับมือของมินซอก
คนตัวเล็กได้แต่ยื่นมือออกไปจับกับอีกคนบอกว่ายินดีที่ได้รู้จักนะอี้ชิง
“อี้ชิงเป็นน้องพี่”เสียงของลู่หานพูดบอกมาจากเบาะหน้า
มินซอกได้ยินแบบนั้นก็เบิกตาขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าอีกคนเป็นน้องชายของลู่หาน
เพราะวันที่เยี่ยมญาติใกล้ชิดก็ไม่ได้เห็น
อี้ชิงแซวว่ามินซอกคงตกใจเพราะว่าตนหล่อกว่าพี่ชายมากๆเลยได้เป็นมะเหงกเอื้อมมาจากเบาะหน้ามาเขกเข้าที่หน้าผากเสียหนึ่งที
“มินซอกไม่ต้องไปฟังอี้ชิงหรอก
ง่วงไหม? ตื่นเช้าแบบนี้ นอนก่อนก็ได้นะ”ลู่หานบอก
ไม่สนใจน้องชายที่ยู่ยปากลูบหน้าผากป้อยๆแต่หันไปบอกมินซอกให้นอนแทน
คนตัวเล็กส่ายหน้าว่าไม่ง่วงเท่าไหร่
“อยากกินอะไรไหม?
คนที่ออกจากเรือนจำวันแรกคงอยากกินอะไรมากมายไปหมด
ลู่หานเองออกมาสองวันก่อนก็ไปถล่มร้านเนื้อย่างกับจงอินจนกระเป๋าฉันเกือบแฟ่บ”ผู้กองคริสละจากการมองถนนมาถามแถมด้วยการพาดพิงถึงลู่หานและจงอิน
ลู่หานเลยบอกว่าเดี๋ยวหางานได้จะเอามาจ่ายคืนให้ไม่เบี้ยวหรอก ผู้กองตัวสูงหัวเราะร่วนบอกว่าไม่ได้จะทวงเสียหน่อย
“พี่สองคนเลิกทะเลาะกันเสียทีเถอะครับ
เนื้อย่างเอาไว้กินตอนเย็นดีกว่า
ตอนเช้าๆแบบนี้...เราไปกินโจ๊กกันนะมินซอก”เป็นอี้ชิงที่คอยห้ามทั้งพี่ชายแท้ๆกับพี่ชายที่คอยดูแลมาหลายเดือนทะเลาะกันอยู่เสมอ
ตลอดสองวันที่ผ่านมาไม่รู้ว่าอี้ชิงแยกสองคนนี้ให้เลิกทะเลาะกันกี่ครั้งแล้ว
พี่ลู่หานก็ไม่ชอบหน้าผู้กองคริสเป็นทุนเดิม
ผู้กองตัวสูงก็แทนที่จะอยู่เฉยๆก็ดันชอบไปกวนโมโหอีกฝ่ายเสียด้วย
มินซอกมองลู่หานสลับกับคริส
แล้วหันมามองคนที่นั่งข้างๆ อี้ชิงยิ้มกว้างจนแก้มบุ๋มไปข้างหนึ่ง รอยยิ้มของอี้ชิงทำให้มินซอกต้องยิ้มตามน้อยๆ
ครางอื้อในลำคอตอบรับคำเชิญชวนของอีกคน เมื่อได้ยินมินซอกตอบรับ
อี้ชิงก็ร้องเย้ดังขึ้นมา
บอกผู้กองตัวสูงตำแหน่งสารถีว่าโกโกทูร้านโจ๊กเจ้าประจำได้เลย
ค น คุ ก
บ้านของลู่หานเป็นบ้านเดี่ยวหลังเดียวหลังเล็กๆ
ขนาดพื้นที่บ้านใกล้เคียงกับบ้านเก่าของมินซอก
อี้ชิงบอกให้มินซอกเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องของอี้ชิงเลย
เพราะห้องอี้ชิงกว้างกว่าห้องของลู่หาน คงดีกว่าที่มินซอกจะมานอนที่ห้องอี้ชิง
แม้ว่าพี่ชายแท้ๆจะบอกว่านอนเบียดกันก็ได้แต่อี้ชิงก็ไม่เห็นว่าจะดีตรงไหน
“นอนไปนอนมาปวดหลังตายพอดี
ไหนจะของพี่อีก
พวกโครงมอเตอร์ไซค์นั่น”อี้ชิงบ่นถึงอะไหล่ชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์แต่งที่ลู่หานเคยบอกว่าเขาก็แต่งรถอยู่ช่วงหนึ่งแล้วเลิกไป
พวกชิ้นส่วนต่างๆที่ถอดออกไว้ก็ยังเก็บไว้ในห้องเพราะเสียดาย
“รอพี่ทิ้งของพวกนั้นเมื่อไหร่เดี๋ยวมินซอกค่อยย้ายไปนอนนู่นแล้วกัน”อี้ชิงตัดบท
ยืนยันว่าจะให้มินซอกนอนกับตนเอง เพราะห้องนอนมีแค่สองห้อง
ตอนแม่ยังอยู่แม่นอนที่ห้องโถงเพราะชอบนอนโล่งๆมากกว่า
มินซอกวางกระเป๋าของกรมาชทัณฑ์ลงลนฟูกหนาที่ใช้เป็นที่นอน
มันใหญ่พอจะให้คนสองคนนอนด้วยกัน อี้ชิงบอกว่าใช้ตะกร้าผ้ากับของต่างๆร่วมกับตนเองได้เลยไม่ต้องเกรงใจ
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นมินซอกก็อดจะเกรงใจไมได้อยู่ดีเพราะตนเอ็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้น
ถ้าบ้านของมินซอกยังอยู่เขาก็ไม่อยากจะรบกวนเท่าไหร่
แต่เพราะบ้านถูกยึดไปหลังจากที่พ่อเสียและมินซอกถูกจับ
เงินที่สหกรณ์ปันออกมาให้ก็มีเพียงเล็กน้อยเพราะมินซอกทำงานได้น้อย
เลยไม่พอจะหาเช่าบ้านอยู่ ลู่หานบอกว่าอยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว
...พี่เต็มใจจะให้มินซอกมาใช้ชีวิตร่วมกับพี่...
ได้ยินแล้วมินซอกก็ต้องเขินจนหน้าเหน้อหัวหูแดงไปหมด
แถมลู่หานยังทวงคำพูดที่บอกว่าจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ถามมินซอกว่าไม่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพี่เหรอ?
มินซอกจะตอบว่าอะไรได้ล่ะนอกจากก้มหน้างุดๆด้วยความอายซ่อนหน้าแดงๆเอาไว้
ทำไมจะไม่อยาก...มินซอกรักลู่หานฮยอง...
มินซอกอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ไปกับลู่หาน...และมันคงจะดีถ้าเราได้ใช้ชีวิตร่วมกันเรื่อยๆไป...
“อี้ชิง...”คนตัวเล็กเรียกอี้ชิงี่ลากผ้าห่มของแม่ที่พับเก็บไว้บนตู้เก็บของออกมาสลัด
ฝุ่นมีไม่มากแต่ก็ต้องซักก่อนจะเอามาใช้
คืนนี้มินซอกคงต้องปันผ้าห่มกับเขาไปคนละครึ่งก่อน
“หืม?”อี้ชิงขานรับ
เอาผ้าห่มของแม่ใส่ตะกร้าตั้งใจว่าจะไปหยดเหรียญซักที่ใต้หอพักใกล้ๆบ้านจะได้แห้งไวๆ
“...เอ่อ..ขอบใจนะ”อี้ชิงละมือจากผ้าห่มมามองมินซอกอย่างงงๆ
พอคิดได้ว่าอีกคนคงขอบคุณเรืองที่อาศัย น้องชายของลู่หานก็ยิ้มกว้าง
บอกว่าไม่เป็นอะไร อยู่ด้วยกันเถอะ
“มินซอกก็เป็นแฟนพี่หานนี่
อยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว แต่ถ้าจะย้ายไปห้องพี่ต้องรอพี่ทิ้งของในห้องก่อนนะ
มันรกมากจริงๆ”อี้ชิงพูดพร้อมรอยยิ้ม
แต่คำพูดของคนตัวขาวก็ทำเอามินซอกอดจะเขินไม่ได้
แฟน...
ยังไม่ได้ใช้คำนั้นเสียหน่อย
ความสัมพันธ์ของมินซอกกับลู่หานน่ะ แค่มินซอกรักลู่หาน...และลู่หานเอง...
“พี่รักมินซอก”
...ลู่หานก็รักมินซอกเหมือนกัน...
อี้ชิงเอาผ้าห่มไปซัก
มินซอกออกมาที่โถงของบ้านเจอลู่หานนั่งดูเอกสารอะไรสักอย่างอยู่ในมือ
พอเห็นน้องเดินออกมาจากห้องจึงกวักมือเรียกให้มินซอกมานั่งข้างๆกัน
“มินซอกยังไม่จบมอปลายใช่ไหม?”ลู่หานเงยหน้าจากเอกสารขึ้นมาถาม
มินซอกพยักหน้ารับ บอกว่าเกือบจะจบแล้วแต่ก็เกิดเรื่องขึ้นก่อน
ลู่หานจับเอกสารหลายใบเข้ารวมด้วยกันก่อนจะส่งมันให้กับมินซอกที่รับมาถืออย่างงงๆ
หัวกระดาษใบแรกเขียนว่าใบสมัครเรียนการศึกษานอกเวลา
มินซอกมองคนที่ให้มันมาด้วยความไม่เข้าใจ
ลู่หานเลยต้องอธิบายว่าเขาต้องการให้มินซอกเรียนให้จบมอปลายก่อน
“ไม่ต้องเรียนไปยันมหาวิทยาลัยก็ได้
แต่ก็ควรมีวุฒิมอปลายไว้ใช้สมัครงานบ้าง มันเป็นผลดีกับมินซอกเอง”ลู่หานบอก
ชี้ให้มินซอกดูว่าที่นี่เป็นการศึกษานอกเวลา
ใช้เวลาเรียนในวันจันทร์ถึงเสาร์เป็นเวลาหนึ่งเทอมแล้วก็เทียบจบวุฒิมอปลายได้เลย
ส่วนเรื่องเอกสารด้านการศึกษาเก่าของมินซอก ผู้กองคริสจะเป็นธุระประสานงานกับโรงเรียนเก่าให้ออกใบแสดงผลการเรียนจนถึงมอห้าให้เพื่อนมาใช้สมัครเรียน
มินซอกเงยหน้าจากการอ่านใบสมัครมามองลู่หาน
เด็กน้อยขบริมฝีปากแน่น ในใจของมินซอกรู้สึกตื้อไปหมด
“มันมากเกินไปฮะ”แค่มินซอกมาอยู่ด้วยก็เกรงใจแล้ว
นี่ลู่หานยังเป็นธุระให้หมดทุกอย่างรวมถึงเรื่องเรียนให้จบอีกด้วย
มินซอกรู้ดีว่าอีกคนหวังดีต่อกัน ตอนที่มินซอกอยู่ในคุก
เขาเองก็คิดว่าหากออกจากคุกแล้วก็อยากกลับมาเรียน
มินซอกยังมีความฝันว่าอยากเป็นหมออยู่เสมอ แต่พอเอาเข้าจริงๆ
คนตัวเล็กคิดว่าเขาควรจะทำงานหาเงินมากกว่า
แม้ว่าพี่จะรักมินซอก
เอ็นดูมินซอก แต่มินซอกก็ไม่อยากเป็นภาระให้กับลู่หานมากเกินไป
“มากไปตรงไหน?”ลู่หานถามกลับ
มินซอกพูดว่ามากไปตรงที่เวลาเรียนคือจันทร์ถึงเสาร์ มินซอกคงไปหางานทำไม่ได้
แล้วค่าใช้จ่ายในเรื่องการเรียนจะมาจากตรงไหนกัน? ลู่หานคงออกให้แน่ๆ
มินซอกไม่อยากจะรบกวน
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นการรบกวนล่ะ?”ลู่หานถาม
ดึงมือน้องมาจับเอาไว้หนึ่งข้าง อีกข้างจับที่หน้าของมินซอก
คนตัวเล็กหลบตาลู่หานก่อนจะบอกว่าเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน
แค่มาอยู่ด้วยกันก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว
ลู่หานขมวดคิ้วแน่น
เขาถามเสียงขุ่นว่ามินซอกกำลังพูดอะไรออกมา
“ก็...”คนตัวเล็กได้แต่ตะกุกตะกัก
มินซอกพูดอะไรผิดไปตรงไหนกัน จริงอยู่ที่ลู่หานบอกรักมินซอกแล้ว
แต่พี่ชายก็ยังไม่ได้พูดเลยสักคำว่าสถานะของมินซอกต่อลู่หานคืออะไร?
มินซอกเองก็ไม่อยากจะคิดติ๊ต่างเอาเองถึงคำว่าแฟนแบบที่อี้ชิงใช้เรียก
ถึงแม้ว่าแอบดีใจที่อี้ชิงเรียกมินซอกว่าแฟนของลู่หานก็ตามที
“วันนั้นพี่บอกรักมินซอกไปแล้ว
มินซอกได้ยินไม่ใช่เหรอ?”คนเป็นพี่ขยับเข้าใกล้อีกคนให้มากขึ้น
ใช้สองมือจับหน้ามินซอกไม่ให้หลบตากัน มินซอกพยักหน้าบอกว่าใช่ ได้ยินชัดเจน
และมันก็ยังดังก้องในใจมาถึงตอนนี้
“แล้วมินซอกจะมาบอกเราไม่ได้เป็นอะไรกันได้ยังไง?”ลู่หานถามพลางยื่นหน้าเช้าไปใกล้
กลิ่นแก้มมินซอกยังหอมเหมือนครั้งที่ลู่หานกดจูบลงไปครั้งแรกไม่มีผิดเพี้ยน
เลยห้ามใจไม่ไหวจนต้องกดริมฝีปากลงไปที่พวงแก้มนิ่มอีกครั้งหนึ่ง มินซอกก้มหน้างุด
พึมพำว่าไม่รู้ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรสำหรับฮยอง
ลู่หานกดหัวน้องให้ซบมาที่บ่าแล้วรัดตัวของมินซอกเข้ามากอด
“พี่บอกรักมินซอก...”
“...”
“มินซอกก็เป็นคนรักของพี่แล้วไงคนดี...”เสียงทุ้มกว่ากระซิบอยู่ที่ข้างหู
ลู่หานใช้มือข้างหนึ่งโอบกอดตัวน้องเอาไว้อีกข้างหนึ่งยกขึ้นลูบหัวของมินซอก หน้ากลมๆของคนตัวเล็กซุกเข้าที่บ่าของลู่หานมากขึ้นเมื่อได้ยินคำว่าคนรักจากปากของพี่ชาย
เสียงครางงื่อในลำคอดังขึ้นบอกให้ลู่หานรู้ว่าน้องกำลังเขินอย่างแน่นอน
ลู่หานยิ้มกว้างเมื่อเป็นแบบนั้น
เขาดันน้องออกแต่มินซอกก็ยังก้มหน้างุดไม่ยอมเลิก เห็นสีแดงพาดที่แก้มของคนตัวเล็กอย่างน่ารัก
“อืม
พี่ผิดเองที่ไม่ทำให้มันชัดเจนถึงที่สุด
บอกรักแล้วก็ต้องขอเป็นแฟนด้วยหรือเปล่า?”ถามอย่างหยอกเอิน
มินซอกเงยหน้าขึ้นมาทำตาโตใส่ก่อนจะผลุบหลบสายตาอีกครั้ง
เห็นแบบนั้นแล้วลู่หานยิ่งอยากกอดน้องแน่นๆเพราะความหมั่นเขี้ยว มินซอกน่ารักไม่คลายเลยจริงเชียว
ดูแก้มกลมๆนั่นสิ จะระเบิดอยู่แล้ว
พยายามจับหน้าให้น้องเงยหน้ามามองกันแต่คราวนี้มินซอกขืนเอาไว้
ร้องงื่อง่าในคอ อีกทั้งยังหมุนตัวหนีไปอีกด้วย
เจ้าซาลาเปาลูกสีขาวกำลังร้อนระอุแถมยังจะระเบิดเพราะความเขินอาย
เขินแทบบ้าตายเพราะลู่หานมาพูดว่าเจ้าตัวเป็นคนรัก แล้วยังมาบอกว่าจะขอเป็นแฟนอีก
เมื่อเห็นว่าน้องไม่เงยหน้ามา
คนเป็นพี่ก็คงต้องก้มหน้าลงไปหาน้องแทน
ลู่หานลุกไปนั่งที่ด้านหน้าของมินซอกที่หมุนตัวหนีไปแล้วโน้มหน้าลงไปใกล้กับใบหน้าของมินซอก
กดจูบที่หน้าผากมนที่เป็นส่วนเดียวที่โผล่ออกมาจากการที่มินซอกดึงขาขึ้นมาชันเข่าแล้วซุกหน้าลงไป
“ไม่เงยหน้าขึ้นมาแบบนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธพี่นะ...”เขายิ้มไปด้วยตอนพูดคำนี้
แต่มินซอกก็ยังคงใช้หน้าซุกกับขาอยู่แบบนั้น
ลู่หานกดจูบลงบนหน้าผากของน้องอีกครั้งแล้วจึงก้มลงกระซิบข้างริมใบหูเล็ก
“...เป็นแฟนกันนะ”
ค น คุ ก
เป็นแฟนกันแล้ว...
“งื่อ...”มินซอกส่งเสียงเครือคราง
กัดริมฝีปากตัวเองจนมันเป็นสีแดงช้ำ
อยากจะกลั้นยิ้มเอาไว้แต่ก็ทนไม่ไหวต้องปล่อยให้ริมฝีปากเป็นอิสระ มินซอกยิ้มกว้าง
มันหุบไม่ได้เลยจริงๆ
เขินไปหมด
ลู่หานพอพูดคำนั้นออกมาเจ้าตัวก็ลุกเดินออกจากบ้านไปเลย คงไปดูอี้ชิงที่เอาผ้าห่มไปซักที่หอพักใกล้ๆบ้าน
มินซอกหนีมาขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำส่งเสียงครางงื่อๆแล้วยิ้มไม่หยุด
ดีใจ...
แค่คำบอกรักก็ทั้งดีใจทั้งเขินอายจะแย่
ตอนนี้เป็นแฟนกันแล้ว มินซอกจะระเบิดตัวเองทิ้งให้ได้เลยจริงๆ
แต่ถึงกระนั้น...แม้ว่าลู่หานจะทำให้ความสัมพันธ์ของมินซอกกับอีกคนชัดเจนแล้ว
แต่แค่ในฐานะแฟน มินซอกก็เกรงใจอีกคนอยู่ดี ลู่หานต้องดูแลอี้ชิงด้วย
แล้วยังมีมินซอกมาเป็นภาระเพิ่งอีกหนึ่งก็เท่ากับลู่หานต้องเหนื่อยเพิ่ม
เป็นแฟนกันแล้ว...อี้ชิงบอกว่าอยู่ด้วยกันก็ไม่แปลก...แต่ถ้าจะให้มาส่งเสียมินซอกทุกอย่างทั้งเรียนทั้งการเป็นอยู่
มินซอกก็รู้สึกว่ามันจะเกินไป...
เขาควรช่วยลู่หานแบ่งเบาภาระบ้าง
เพราะอี้ชิงก็ทำงานพิเศษหาเงินเรียนด้วยตนเอง...เพราะฉะนั้นมินซอกก็ควรจะทำงานพิเศษบ้าง
แม้จะเรียนวันจันทร์ถึงเสาร์แต่ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนก็สามารถทำงานได้ พวกงานล้างจานตามร้านอาหารก็ได้
หรือเป็นเด็กเสิร์ฟตามบาร์แบบอี้ชิงก็คงได้เงินดีอยู่เหมือนกัน...
แต่งานนี้ก็คงต้องแอบไม่ให้ลู่หานรู้
เพราะอีกคนคงไม่ยอม ขนาดลงงานในเรือนจำยังไม่ค่อยอยากจะให้มินซอกทำอะไรสักอย่าง...
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น
มินซอกสะดุ้งน้อยๆ
จะถามว่าอี้ชิงหรือลู่หานฮยองแต่คนด้านนอกห้องน้ำก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
แถมคำพูดนั้นก็ทำให้มินซอกต้องร้องครางงื่อๆในลำคออีกครั้ง
มือน้อยๆบิดไปมาด้วยความเขินอายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
มินซอกว่าตัวเองควรไปหายาต้านทานความอายมากินเสียกระมังเพราะลู่หานขยันทำให้เขาเขินอายจริงๆ
“หนีพี่เข้าไปอยู่ในนั้นนานแล้วนะคนดี ออกมาได้แล้วยัยแก้มแดง”
TBC.
สวัสดีค่ะ
สเปตอนแรก...บอกตรงๆว่าก็ตันนะ
ร่างๆพล็อตไว้ก็ฉีกพล็อตไปอยู่ อยากให้มินซอกดื้อแต่สุดท้ายก็เสร็จโจ๋... - -*
น้องตุ๊ดมากบอกเลย
(ไม่ได้ว่านะแค่พูดถึงคาแร็กเตอร์) แต่เราชอบ อยากให้น้องบริสุทธิ์แบบนี้
ขี้เขินแบบนี้ น่ารักน่าฟัดน่ากอดไปหมด
ปล.
สเปคิดๆไว้อย่างน้อย15ตอน ซึ่งยาวมาก
(เพราะมันไม่เชิงเป็นสเปแต่เป็นเรื่องราวหลังออกมาจากคุก
แต่เราไม่ต้องการใช้เป็นเนื้อเรื่องของคนคุก)
ปลล.
เราไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเม้น เราเฉยชาแล้วกับเรื่องนี้ แต่เห็นเม้นแล้วก็ชื่นใจดี
การที่เรากำหนดเม้นเท่านั้นเท่านี้จะมาต่อคือการกดดันตัวเอง
ว่าถ้าหากคนอ่านมีน้ำใจกับเรา เราก็ต้องตอบแทนน้ำใจนั้น
สำหรับคนที่งงเรื่องไหน
บอกได้นะ มีคนบอกว่างง แต่บางจุด..เราจะไม่อธิบายแต่ต้องบอกว่าให้กลับไปอ่านใหม่ดีๆ
อาจจะข้ามบางตอนไปก็ได้
ปลลล.
งานเริ่มจะดี (มั้ง) แต่ก็เหนื่อย เหนื่อยมากจริงๆ พักไม่พอ หวัดไม่หาย
ไข้กลับทุกวันแหล่ะค่ะ ไม่ต้องบอกให้เราพักนะ เราพักไม่ได้
ฮืออออออออออออออออออออออ
รักนะคะ
ใครสนใจรวมเล่ม
คลิ๊กเลย >>
#พี่ลู่คนคุก
แมลงจี่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น