วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557

คนคุก12.2

อิสรภาพไม่ใช่แค่ได้หลุดจากที่คุมขัง
แต่มันหมายถึงการที่เราได้ทำตามหัวใจตัวเอง

 



บทที่12.2

ไม่ปฏิเสธเลยว่าแววตาของคิมกอนโมที่มองมาที่เขามันเต็มไปด้วยความตระหนก สับสน และต่อว่าร่างสูงใหญ่ดีดดิ้นแต่ก็ทำไม่ได้เพราะข้อมือถูกล็อคด้วยกุญแจเหล็กซ้ำยังกดเข้าข้อมือจนได้แผลช้ำถ้าออกแรงกระชาก เท้าสองข้างพันธนาการด้วยตรวนเส้นหนา จุนมยอนแวะไปหากอนโมบ่อยครั้ง หลอกว่าลู่หานถูกย้ายไปแดนอื่นแล้ว รอแค่เรื่องที่อีกคนทำไว้ซาบางเบาลงแล้วจะบอกให้ผู้คุมปล่อยอีกคนออกมา คิมกอนโมเต็มไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าพูดพร่ำว่าในที่สุดก็เป็นผู้ชนะ
ตรวนถูกคล้องที่ข้อเท้าของนักโทษชายคิมกอนโมตั้งแต่มันยังไม่ตื่น ผู้คุมล็อคกุญแจมือทั้งที่มันยังงงงวย ถูกกระชากลากถูให้ออกจากห้องขังเดี่ยวมาอย่างมึนงง แต่พอเห็นรถของเรือนจำเปิดท้ายรออยู่ก็รู้ได้ทันที่ว่ากำลังจะถูก “ย้าย” ไปที่อื่น
“ไหนมึงบอกว่าจะจัดการไอ้เหี้ยลู่หานยังไงล่ะ กูจะอยู่ที่นี่กับจุนมยอน ไอ้ผู้คุมจัญไร ไอ้สวะไม่รักษาคำพูด”เสียงด่าขรม ตบท้ายด้วยพลองไฟฟ้าฟาดเข้าให้จนตัวงอ จางอินซูพยักหน้าให้ผู้คุมที่คุมตัวกอนโมย้ายเรือนจำนั้นปฏิบัติตามหน้าที่ให้เสร็จสิ้น ก่อนที่บานประตูเหล็กหลังรถจะปิดลง คิมกอนโมมองมายังนางพญาของเรือนจำที่ยืนปะปนกับนักโทษคนอื่นที่มามุงดูเพื่อนนักโทษถูกย้าย ข้างกายนางพญาคนสวยนอกจากจะมีเพื่อนจากเรือนนอนหงส์แล้วก็ยังมีคนที่คิมกอนโมเกลียดสุดขั้วหัวใจ
รู้สึกว่าตัวเองโง่เหลือเกินที่เชื่อคำพูดสวะๆของผู้คุมอินซู ยอมแลกความลับที่ปกปิดกับการได้ครอบครองคนที่หลงใหลได้ปลื้ม สุดท้ายก็เป็นแค่ไอ้โง่ ถึงจะบอกว่าเป็นการคุ้นกันตัวมันเองก็ตาม แต่มันไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าการได้จุนมยอนกลับมา
กอนโมกระพริบตาให้ชินกับแสงที่ถูกจำกัดในห้องโดยสารหลังรถของเรือนจำ ช่องระบายอากาศช่องเล็กๆเท่านั้นที่ยินยอมให้แสงลอดเข้ามา ร่างสูงใหญ่โยกไปตามจังหวะของรถที่เคลื่อนไปตามทางมุ่งหน้าสู่เรือนจำใหญ่ คิมกอนโมกำมือให้แน่นก่อนจะคลายมันออก พิงหลังกับด้านหนึ่งของรถแล้วหลับตาลง ถึงจะแค้นใจในความโง่ของตนเองมากเท่าไหร่ แต่ ณ ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก “ยอมรับ” สภาพที่เป็น
หยดน้ำตาลูกผู้ชายไหลลงที่หางตาเป็นหยดเม็ดเล็กๆ น่าสมเพชตัวเอง เคยเป็นลูกน้องในแก้งค์ค้ายารายใหญ่ เคยแข็งแกร่งแม้จะถูกซ้อมแทบตายก็ไม่ปริปากบอกความลับให้กับตำรวจได้สาวไปหาเจ้านาย เคยยืดอกทะนงว่าตัวใหญ่และมีอำนาจอภิสิทธิ์กว่าใครในแดน เคยได้ครอบครองคนที่แสนจะน่าหลงใหลได้เป็นเจ้าของเรือนร่างที่แสนเย้ายวนนั้น แต่สุดท้าย...คนอย่างคิมกอนโมก็มาพ่าย
แพ้ให้กับสิ่งที่เขาคิดว่ามันคือความหลงใหลในรสรักที่ได้รับ ทว่าวินาทีที่บานประตูรถปิดลง ถึงได้เข้าใจ...
ว่าขาดคิมจุนมยอนไม่ได้...
รัก...ต้องการ...
ต้องการจนจะเป็นบ้า...
“จุนมยอน...”
มีเพียงเสียงของตัวเองที่เรียกชื่อของจุนมยอนออกมา...



ค น คุ ก




หลังจากรถของเรือนจำขยับเคลื่อนออกจากแดนไปแล้ว ทุกคนที่มามุงมองก็แยกย้ายกัน นักโทษหลายคนเริ่มนินทาถึงคนที่ถูกย้ายเรือนจำ บ้างก็ว่าดีแล้ว มันไม่ยอมทำงาน คิดแต่จะหาอภิสิทธิ์จากการเป็นเด็กนางพญา บางคนก็ว่าน่าใจหาย ถึงมันจะกวนตีนแถมไม่ช่วยงานก็อยู่ด้วยกันกินข้าวหม้อเดียวกันมาเสียนาน
“วันนี้อ๊อกเหล็กดัดบานหน้าต่าง แล้วไอ้แดฮยอนต้องไปปลูกผักสลัดลองระบบไฮโดรที่ทำไว้กับไอ้มินโฮ”ชินอูบอกถึงงานลงงานของวันนี้ ระบบไฮโดรที่ผู้คุมขนมาให้ประกอบนั้นทำเสร็จแล้ว กว่าจะเสร็จก็ทำเอาวุ่นอยู่เหมือนกันเพราะรางพลาสติกที่นักศึกษามีมาให้มันเกิดรั่วขึ้นมา บวกกับการปลูกผักในระบบไฮโดรโปนิกส์ต้องหยอดเมล็ดลงในฟองน้ำหรือหินภูเขาไฟที่ชื่อว่าเพอร์ไลต์เพื่อใช้พยุงรากและลำต้นของต้นผัก ซึ่งจุดนี้นักศึกษาไม่ได้มีอุปกรณ์เหล่านี้มาให้แม้แต่น้อย ผู้คุมเลยต้องพาไอ้มินโฮที่ดูจะมีความรู้มากที่สุดออกไปหาซื้อของและเมล็ดพันธุ์ที่ข้างนอกด้วยกันมาเมื่อวาน
การออกไปข้างนอกของนักโทษในคุกไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ หากได้รับการอนุญาตจากผู้คุมแล้วก็สามารถจะออกนอกเรือนจำได้ อีกอย่างคือนักโทษนั้นต้องไม่ใช่นักโทษใหม่ที่พร้อมจะแหกคุกได้ตลอดเวลา ทั้งผู้คุมและตัวนักทาเองต้องไว้ใจซึ่งกันและกันได้ในระดับหนึ่ง เพราะหากออกไปสาธารณะ จะไม่สามารถล็อคมือด้วยกุญแจล็อคขาด้วยตรวนกับนักโทษได้ โอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะพาออกไป
“กูตลอดเลย เหี้ยอูฮยอนไปช่วยกูด้วยเลย อยู่กับไอ้มินโฮแค่สองคนกูดูโง่ กูไม่ชอบ”ไอ้แดฮยอนบ่นงุ่มง่ามแต่ก็ยอมเดินตามไอ้มินโฮที่แบกถุงเมล็ดพันธุ์ไปยังพื้นซีเมนต์ใกล้ๆกับแปลงเกษตรกรรมที่ตั้งระบบไฮโดรโปนกสิ์เอาไว้
อาการของลู่หานที่ผ่านมาสามวันดูจะดีขึ้นไม่มากก็น้อย อย่างน้อยก็ไม่ต้องโอดโอยเวลาล้างหน้าหรือกินข้าว ข้างแก้มที่ครูดกับพื้นปูนแผลเริ่มจะแห้งตกสะเก็ดจนเริ่มจะคันยิบๆมาบ้าง ไอ้จงอินเพื่อนหมีต้องคอยตีมือไม่ให้เพื่อนควายเอากีบเท้าไปเกาหน้าแกรกๆถ้าไม่อยากจะได้แผลเป็นคล้ายไอ้เสือกบากเป็นของขวัญรับการออกสู่อิสรภาพ
“มินซอกใส่แว่นตา”ลู่หานดึงแขนน้องออกห่างตู้เชื่อมที่ไอ้ชินอูเริ่มเสียบไฟ เอารูปจี้ออกมาเช็คความเรียบร้อย เพราะประกายไฟที่เกิดจากการเชื่อมเหล็กทำให้แสบตา จึงมีหน้ากากกันให้สำหรับคนที่ทำหน้าที่เชื่อมเหล็ก และมีแว่นตาดำอีกสองสามอันเผื่อนให้คนที่ทำงานด้วย สองอันแรกใช้งานได้แต่อันสุดท้ายขาทั้งหัก เลนส์ทั้งแตก ลู่หานเลยโยนอันดีให้ไอ้จงอินไปช่วยไอ้ชินอูอันหนึ่ง อีกอันก็ส่งให้มินซอก
ลู่หานขยับขาแว่นให้เข้ากับใบหน้ากลมๆของน้อง ขยับมือลูบหัวอีกคนอย่างที่ทำประจำ สามวันที่ผ่านมาดูมันมากพอที่ทำให้ความสัมพันธ์ที่แสนจะดูน่าอึดอัดใจของเขากับมินซอกเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น หลังจากเห็นไอ้มินโฮคอยดูแลน้องแบบนั้น พี่ที่เคยทำหน้าที่มาก่อนก็ทนไม่ไหว ลู่หานขอร้องแกมบังคับให้มินซอกกลับมานอนข้างกัน อ้างว่ามันไม่ชินที่ น้องมีท่าทีอิดออด ตัดใจจากคนเป็นพี่ก็ยังไม่ได้ เลยขอแลกที่กับจงอินแทนให้พ่อหมีมานอนคั่นระหว่างคนตัวเล็กกับลู่หาน เหมือนคนเป็นพี่จะไม่พอใจแต่ทำอะไรไมได้ ก็ดีกว่าไปนอนให้ไอ้มินโฮมันกอด
ความสัมพันธ์ของลู่หานกับจุนมยอนยุติลงเมื่อสองวันที่แล้ว นางพญาของเรือนจำลากเขาไปประกาศต่อหน้าทุกคนว่าปลดออกจากตำแหน่งเด็กนางพญา โทษฐานที่ไม่มีน้ำยาจะสู้คนแถมเซ็กส์ก็ยังห่วยแตก กว่าน้ำจะเดินต้องบิ้วอารมณ์ไปสามสี่รอบ ถึงจะตงิดใจกับไอ้เหตุผลข้อหลัง อยากจะบอกว่าที่เดินไม่ใช่น้ำกามแต่เป็นยาธาตุน้ำขาวแต่ก็ต้องเงียบปากเอาไว้ ข่มความขายหน้าว่าไร้น้ำยาไว้
มินซอกเองพอรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นเด็กนางพญาแล้ว เด็กนี่ก็ดูจะเข้าหาง่ายมากขึ้นไปอีก แต่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าแววตาของน้องยังคงเจือไปด้วยความหวังของคนที่ตัดใจไม่ได้ เพราะพี่ชายไม่ได้มีใครแล้ว บางทีก็หวังว่าเรื่องของมินซอกกับลู่หานมัน....อาจจะเป็นไปได้
“ทั้งที่ผมจะตัดใจ แต่ฮยองก็ทำแบบนี้...”เสียงเล็กเสียงน้อยต่อว่า จะไม่ให้มินซอกมีความหวังได้ยังไง ก็พี่ชายที่เขามีใจให้ นอกจากจะไม่ห่างเหินกันแล้วยังกลับมาทำเหมือนเดิม มาลูบหัวกัน กอดกัน ให้ความหวังกันเหมือนเดิมไมมีผิดเพี้ยน หัวใจดวงน้อยๆมันเลยอดจะเข้าข้างงตัวเองไม่ได้ว่าคนเป้นพี่นั้นมีใจ ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าคนเป็นพี่พูดไว้ว่าชอบใคร แต่หัวใจก็อดเต้นแรงไม่ได้ที่ได้รับการปฏิบัติที่ดีจากพี่ชายคนนี้
“ฮยองยังชอบจุนมยอนอยู่หรือเปล่า?”เห็นว่าพี่ชายไม่ได้สนใจคำต่อวาของน้องเลยมินซอกเลยถามอย่างอื่นแทน สามวันมานี้ไม่เห้นพี่ชายไปหานางพญาเลยแถมยังโดนปลดออกจากตำแหน่งแบบนี้ คำพูดที่พี่เคยบอกว่าชอบนางพญานั้นจำได้ดี แต่ไม่เห็นฮยองคนดีจะเสียใจสักนิด ถ้าชอบจุนมยอนก็ควรจะเสียใจสักนิดไม่ใช่เหรอ? แต่พี่ชายกลับปรกติแถมยังมาขลุกให้ความหวังกับเขาแบบนี้ด้วย
“ถ้าบอกว่าชอบแล้วมินซอกจะเสียใจอีกหรือเปล่า?”ถามเพราะรู้ว่าน้อยเสียใจตอนที่เขาบอกว่าชอบจุนมยอนคืนนั้น มินซอกมุ่ยหน้าลง พยักหน้ากลมเบาๆเป็นการตอบ
“ผมยังตัดใจไม่ได้นี่...”เป็นถ้อยคำที่มาพร้อมน้ำเสียงแสนน่าเอ้นดู ลู่หานยกยิ้มยามมองที่คนตัวเล็ก น้องชายที่เขาทั้งห่วงทั้งหวง

...ไม่แน่ใจ...
เป็นความรู้สึกที่ลู่หานมีต่อมินซอกในตอนนี้ ไอ้จงอินให้เขาคิดให้ดีว่าที่แท้จริงมันคืออะไร ที่เขารู้สึกกับมินซอกมันคืออะไร ไอ้ความดีใจที่น้องยอมย้ายกลับมานอนฝั่งเดียวกัน การที่ได้ลูบหัวน้องอีกครั้ง ได้ดูแลใกล้ชิดแบบนี้ ความตื้นตันและเปรมปรีดิ์ที่ปรี่ขึ้นมาจนกลั้นยิ้มไม่ไหวนี่คืออะไร
และการที่เขาดีใจเมื่อได้ยินว่าน้องยังตัดใจจากกันไม่ได้...มันคืออะไร
มินซอกยังคงแยกชิ้นเหล็กต่อไป ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่คิดเงยมามองลู่หานอีก จนลู่หานต้องเรียกชื่ออีกคนเพื่อเรียกร้องเอาความสนใจ
“มินซอก”คนตัวเล็กขานอื้อในลำคอแต่ไม่เงยหน้ามอง มองหน้าอีกคนก็พาลจะตัดใจยากขึ้นทุกที เป็นลู่หานอีกที่ช้อนหน้าน้องขึ้นมา ดวงหน้าขาวกลมเหมือนซาลาเปาไส้หมูน่ากัดลงไปบนแก้มอูมๆนั่นอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
...มินซอกทำไมน่ารักขนาดนี้...
“ถ้า...”ลู่หานเอ่ยออกมาแล้วหยุดทำให้น้องชายขมวดคิ้ว ถามว่าถ้าอะไร มีอะไรก็พูดมา คนที่หยุดไปเพราะกำลังชั่งใจเผยยิ้มบางเบากับการตัดสินใจของตัวเอง
จงอินเคยเสนอให้เขาท้าพิสูจน์ ครั้งแรกกับความรู้สึกของมินซอก ผลคือน้องมีใจให้เขา ครั้งที่สองคือความรู้สึกของเขาเองต่อน้อง แล้วสุดท้ายผลออกมาคือเขาไม่แน่ใจในตัวเอง...
ครั้งนี้...ไม่ต้องให้จงอินมาบอก...
ลู่หานอยากจะพิสูจน์ ว่าความสับสนในใจ ที่บอกออกมาว่าไม่แน่ใจในความรูสึก...แท้จริงมันคืออะไร
“ถ้ายังตัดใจไม่ได้...”
“...”

.

.
.
“...ก็ทำให้พี่ชอบมินซอกแทนจุนมยอนสิ”


ค น คุ ก


คิมมินซอกอ้าปากด้วยความตกใจ ปล่อยชิ้นเหล็กลงไปนอนนิ่งที่พื้น กระพริบตาปริบๆกับสิ่งที่ได้ยิน...เมื่อกี้ ลู่หานพูดว่าอะไร?
“ฮ..ฮยองว่าไงนะ”หูตึงขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง ถามอีกคนอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ไอ้ท่าทางแบบนั้นทำเอาลู่หานอดจะยิ้มจนตีนกาขึ้นเป็นริ้วไม่ได้ เขารู้ว่ามินซอกน่ารัก แต่ทำไมยิ่งมองก็ยิ่งน่ารักไปหมด ท่าทางของอีกคน น่ารักจนอยากจะฟัดให้จมเขี้ยว ทั้งที่เมื่อก่อนก็น่ารักเหมือนกัน แต่ความรู้สึกในตอนนี้บอกว่าแตกต่าง...
“พี่บอกว่า...ถ้ามินซอกตัดใจจากพี่ไม่ได้...ก็ทำให้พี่ชอบมินซอกสิ”ย้ำคำพูดเดิมอีกครั้ง
“ฮยอง...”เสียงเล็กเค้นออกมา แววตากลมใสระริกด้วยน้ำคลอ นึกดีใจกับสิ่งที่พี่ชายพูดออกมา แต่แล้วหัวใจกับเจ็บปลาบเมื่อคิดได้อีกทางหนึ่งเหมือนกัน
“ผมไม่ใช่ตัวแทนที่เอาไว้เปลี่ยนสำรองใครนะฮะ...ไม่ใช่”ลู่หานยืนยันเองว่าชอบจุนมยอน หรือที่ไม่เห็นเสียใจที่จะเสียจุนมยอนไปเพราะอีกคนรู้ว่ามีมินซอกอยู่...รู้ว่ามินซอกตักใจไม่ได้ เลยมาให้ความหวังกันแบบนี้...
พี่ได้ยินน้องพูดแบบนั้นก็แทบจะตบหน้าผากตัวเองฉาดใหญ่
“มินซอกเข้าใจผิด”เขาอธิบาย ไม่ได้มองมินซอกมาเป็นตัวแทนใคร ใจจริงเขาอยากจะอธิบายว่าเขาไม่ได้ชอบผู้ชาย กับจุนมยอนมันเป็นหน้าที่ แต่ดูท่าว่าจะยังไม่เหมาะที่จะพูดแบบนั้นออกไป อยากบอก...ว่าน้อง เป็นผู้ชายคนที่ที่ทำให้ใจของลู่หานไม่เหมือนเดิม ทำให้สเป็คขาวสวยหมยเอ็กซ์เซ็กส์กระจายของเขาเริ่มสั่นคลอน
“มินซอกไม่ได้เป็นตัวสำรอง”ฉวยเอามือน้องมาจับเอาไว้ มองตาอีกคนผ่านแว่นดำที่ใส่อยู่ อยากให้น้องมาทำให้แน่ใจ ว่าขาที่ก้าวเหยียบเข้าไปในเพศที่สามหนึ่งข้างแล้วนั้น อีกข้างมันควรจะตามเข้าไปไหม? หรือจะชักขาข้างนั้นกลับมา
ลู่หานพูดเสมอว่าเขาเป็นผู้ชายที่สนใจนมและตูดมากกว่าตูดเพียงอย่างเดียว เขาไม่เคยสนใจผู้ชายด้วยกัน บอกตรงๆว่ามันยากที่จะยอมรับตัวเอง อีกอย่างเขามั่นใจว่าเขายังสนใจในพริตตี้ฮอนด้าอยู่ แค่...กับมินซอก เขาก็อยากอยู่กับน้อง อยากกอด อยากดูแล และหวงไม่อยากให้ใคร
ความขัดแย้งในใจมันยากเกินจะเข้าใจ แต่ดูเหมือนน้องจะไม่อาจจะรู้สึกถึงความสับสนของลู่หานได้ น้องรู้ว่าเขาชอบจุนมยอน น้องไม่เคยรู้ว่าเขาแค่ทำตามหน้าที่ มินซอกหันหน้าหนีพี่ชาย ถอดแว่นที่อีกคนให้ใส่คืนแล้วลุกขึ้นยืน ทิ้งการแยกชิ้นเหล็กให้เป็นหน้าที่ของลู่หานเพียงคนเดียว
“พี่เคยบอกว่าสำหรับเรามันเป็นได้แค่พี่น้อง...กว่าผมจะทำใจยอมรับมันได้ รู้ไหมว่ามันเจ็บ...แค่พี่โดนเขาทิ้งแล้วพี่จะกลับมาบอกว่า เราสามารถรักกันได้นะ’ มันไม่เกินไปเหรอฮะ...”
“...”
“แม้ว่าผมจะรักพี่อยู่ก็ตามที...”เสียงของมินซอกสั่น เด็กน้อยจุกในอก ลู่หานก็เห็นก็รู้ว่าเขาเสียใจ ร้องไห้ขนาดไหน มาทำให้รักแล้วบอกว่าเป็นแค่พี่ชายเท่านั้นที่ให้ได้ พอจะตัดใจก็มาให้ความหวัง
...พี่ชายเห็นแก่ตัว...
“มินซอก...”ลู่หานเรียกชื่อน้องเรียกค่อย ผุดลุกขึ้นตามแล้วคว้าแขนน้องไว้ก่อนที่คนตัวเล็กจะเดินไปหาพี่คนอื่น ไอ้จงอินหันมามองพร้อมไอ้ชินอู คนอื่นๆก็ด้วย
“ปล่อยผม”มินซอกสั่งเสียงสั่น สะบัดมือจะออกจากการจับกุมของคนเป็นพี่ ลู่หานทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยึดแขนน้องเอาไว้ มินซอกกำลังเข้าใจผิดไปใหญ่โต

“มึงปล่อยน้องมัน”ไอ้จงอินเข้ามาห้าม มือใหญ่ปลดมือลู่หานออกจากแขนน้องแล้วพามินซอกส่งให้ชินอูที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“พาน้องไปช่วยไอ้มินโฮปลูกผักก่อน”ชินอูพยักหน้ารับ ดึงมินซอกที่จวนจะร้องไห้รำร่อให้เดินไปด้วยกัน ลู่หานจะตามไป มองแต่น้องไม่ละสายตาถูกดึงไว้ด้วยมือใหญ่ จงอินจับหัวเพื่อนให้หันหน้ามามองตัวเอง
“ไปคุยกับกู”เขาดึงมันที่ไม่วายมองน้องไปจนน้องเดินหายไปกับมุมอาคาร จงอินลากลู่หานมาจนถึงห้องพักผู้คุม มีจางอินซูกำลังตรวจอ่านจดหมายของนักโทษที่เขียนหาญาติก่อนจะปิดซองและส่งให้
“เป็นเหี้ยอะไรกันอีกล่ะนั่น”อินซูทักคนที่หิ้วกันมา จงอินผลักลู่หานไปนั่งที่เก้าอี้
“ทำเหี้ยไรน้องอีกล่ะ น้องมันยอมอยู่ใกล้ๆมึงแล้วยังไปทำมันเสียใจอีก”เปิดฉากด่าควายแถมด้วยผลักหัวมันไปทีนึงด้วย ลู่หานทิ้งหลังลงเก้าอี้ถอนหายใจออกมา
“น้องเข้าใจผิด”
“ผิดยังไง แล้วมึงไปทำเหี้ยอะไรให้น้องเข้าใจผิดล่ะไอ้ควาย”อดจะมีน้ำโหไม่ได้ นึกว่ามันจะฉลาดขึ้นบ้าง นี่แม่งก็โง่จังเลย แดกฟางเป็นอาหารหลักหรือไง
“ก็มึงไงกูไม่แน่ใจตัวเองก็เพราะมึงนี่เลย กูก็อยากจะรู้ว่ากูรู้สึกยังไงกับมินซอกไง”ชี้หน้าเพื่อนอย่างหงุดหงิด นี่น้องเข้าใจผิดก็หงิดมากแล้ว เพื่อนห่านี่ก็ยังไม่เข้าใจกันสักนิด จงอินเลิกคิ้ว ชี้เข้าหาตัวเองว่ากูนี่นะผิด ไม่ใช่มึงที่โง่เองเหรอ?
“แล้วไง มึงขอเอาน้องหรือไง อยากรู้ว่ารักน้องไหมเลยลองดู น้องมันถึงเสียใจแบบนั้น”จบคำลู่หานแทบจะประเคนตีนให้เพื่อน
“ค-วย”ด่าแม่งพร้อมตีนตวัดเฉยหน้าขามันไปหน่อยเดียว
“เลิกคิดได้เลยว่ากูจะทำอะไรเหี้ยๆแบบนั้นกับน้อง”
“แล้วมึงพูดอะไรล่ะ?”จงอินถาม ก็รู้อยู่หรอกว่าลู่หานไม่มีทางจะทำแบบนั้นแค่อยากจะรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับมินซอก แต่มันอดหมั่นไม่ได้จริงๆ อยากจะกระชากหัวมันมาตะโกนใส่หูว่ามึงรักมินซอกเต็มใจแล้วไอ้โง่ แต่ก็ต้องเคลมดาวน์ ยิ่งเขาย้ำกับมันมันอาจจะยิ่งต่อต้าน เหมือนหลายๆครั้งที่เขาพร่ำบอกว่ามันชอบมินซอก มีใจให้น้อง มันก็ยังยืนยันเสมอว่ามันคิดกับน้องได้แค่น้องชาย
คนอย่างมันต้องให้รู้ด้วยตัวเอง เช่นทุกครั้งที่ผ่านมา...
“น้องยังตัดใจจากกูไม่ได้ กูเลยบอกให้น้องทำให้กูรักให้ได้สิ”
“แล้วน้องเข้าใจอะไรผิด?”ก็มองไม่ออกว่ามินซอกคิดอะไรได้จากคำพูดของเพื่อนนอกจากลู่หานเปิดใจให้น้องแล้ว เด็กติ๋มนั่นควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ
“น้องบอกว่ากูมองเขาเป็นตัวสำรองจากจุนมยอน...น้องบอก...ว่ากูพูดเองว่ากูต้องการเป็นแค่พี่...มินซอกไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูไม่เคยชอบจุนมยอนเลย แม่งเหี้ยสุด กูจะบอกก็ไม่กล้าว่าที่ทำไปเพราะข้อแลกเปลี่ยนของเหี้ยผู้กองคริส”จงอินว่างานนี้หยาบกว่ากระดาษทรายอีก
“มึงบอกเรื่องนั้นไม่ได้ ตราบใดที่เรื่องการปล่อยตัวยังไม่เสร็จสิ้น”จางอินซูโพล่งขึ้นมา ลู่หานทำหน้าเบื่อ รู้อยู่แล้วหรอกถึงไม่อธิบายให้มินซอกฟัง
จงอินอยากจะสงสารเพื่อนขึ้นมานิดๆ
“กูบอกมึงแล้วใช่ไหม? ...ว่ามึงจะเป็นได้แค่พี่ชาย”

เป็นแค่พี่ชาย...เหมือนที่มึงพูดเอง...


ค น คุ ก


“ถ้าในคุกมีเหล้านายคงเมาเหมือนหมา”จุนมยอนพูดกับคนที่นั่งเป็นหุ่น บังเอิญดีที่มาเจอกับลู่หานที่ห้องพญาบาลแบบนี้ จุนมยอนอยากมานอนที่นี่ อ้างว่าปวดท้องนิดหน่อยซึ่งผู้คุมก็ยอมโดยดี แต่สำหรับลู่หาน เขาบอกผู้คุมว่ารู้สึกว่าอาหารเป็นพิษ คงเพราะซุปเต้าเจี้ยวมื้อเย็นที่กินเข้าไป ท้องเสียมาก ไม่อยากให้เป็นการรบกวนเพื่อนร่วมเรือนนอน ขอมาที่ห้องพยาบาล ผู้คุมก็ยอมให้มา แต่ความจริงแล้วลู่หานแค่ทนมองแผ่นหลังเล็กๆที่ย้ายกลับไปนอนข้างไอ้มินโฮไม่ไหว เขาเกือบจะไปเอาน้องมานอนด้วยกันอีกครั้ง อึดอัดใจแทบตายที่น้องยอมให้ไอ้มินโฮลูบหลังตอนใกล้หลับ มือของมันลูบหัวมินซอกอีกครั้งและอีกครั้ง
“สามวันที่แล้วมึงไม่แน่ใจ ตอนนี้กูจะถามมึงอีกครั้งว่ามึงรู้สึกยังไงกับมินซอก”ไอ้จงอินถามก่อนที่ลู่หานจะแจ้งผู้คุมเรื่องท้องเสีย ลู่หานไม่ละสายตาไปจากน้องสักนิดตอนตอบ
“มึงต้องการให้กูพูดว่าอะไรล่ะ...มึงว่าที่กูแทบจะบ้าอยู่ตอนนี้มันเรียกว่าอะไร?”จงอินเหยียดยิ้มสมเพชเพื่อน...
“กูจะบอกมึงครั้งสุดท้าย...มึงรักมินซอก”
ถ้ามันคือรัก...ก็คงเป็นรัก...ลู่หานกัดริมฝีปากตัวเอง กำมือสองข้างแน่น...ไม่อยากจะยอมรับแต่ใจก็ฟ้องว่าแทบจะอกแตกตายกับการที่มินซอกอยู่ในอ้อมแขนของมินโฮ
“...แต่ตอนนี้มึงเป็นได้แค่พี่ชาย”ความจริงจากปากของจงอินตอกย้ำกันอีกครั้ง คนที่เพิ่งค้นเจอความลับของหัวใจได้แต่นิ่ง ลู่หานคิดว่าตามันร้อน เขาไม่ได้จะร้องไห้...แค่เป็นอาการที่คนโง่คนหนึ่งรู้สึกได้ตอนที่รู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้

ก็เท่านั้น...








TBC.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น