วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คนคุก7.1

ในขณะที่บางคนมีความสุข ไม่มีใครรู้หรอกว่าบางคนกลับทุกข์แสนสาหัส?



บทที่7.1…

วันนี้แดนหนึ่งเกิดความวุ่นวาย

ผู้คุมด่าตะเพิดพวกที่มารุมล้อมบอร์ดรายชื่อเยี่ยมญาติใกล้ชิดให้แตกฮือกันออกไป ลู่หานเห็นบางคนที่ไปดูรายชื่ออีกครั้งเพราะหวังว่าจะมีญาติของตัวเองอยู่ในรายชื่อที่ตกหล่น...แต่ก็เปล่า
ในขณะที่ลู่หานและอีกหลายคนกำลังมีความสุขที่จะได้เจอญาติของตัวเอง แต่อีกหลายๆคนก็ไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับพวกเขา

อย่างมินซอก...เด็กนั่นพูดน้อยลง เอาแต่นั่งแพ็คขนมติดป้ายราคา แล้วยังผสมน้ำหวานเอาไว้ถังใหญ่ๆตามคำสั่งของผู้คุม เอาไว้ขายให้กับญาติของนักโทษ
“มินซอกได้ออกไปขายของใช่ไหม?”ลู่หานถามขณะที่มือเล็กคั้นบีบเอาน้ำมะนาวจากลูกมะนาวผลกลมสีเขียวสด มินซอกกรองเอาเมล็ดและกากเนื้อมะนาวออกแล้วเทน้ำมะนาวรสเปรี้ยวลงผสมกับน้ำหวานสีแดงในถัง ได้น้ำแดงมะนาวชื่นใจไว้ขายอีกอย่างหนึ่ง
“ฮะ ไปขายของ”คนตัวเล็กตอบรับแล้วเรียกให้ชินอูกับยงฮวานมาช่วยยกถังน้ำหวานไปตั้งตรงเต้นท์ขายของใกล้ๆลานกิจกรรมซึ่งตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นลานพบปะเยี่ยมญาติใกล้ชิดแทนแล้ว
“ไอ้จงอินบอกจะพาน้องมาอุดหนุนขนมมินซอกให้เกลี้ยง”พูดถึงไอ้เพื่อนหมีที่ดูแลความเรียบร้อยเรื่องโต๊ะและเก้าอี้ที่ลานกิจกรรม มินซอกยิ้มน้อยๆแล้วบอกว่าอยากเจอน้องชายของจงอินจัง อยากขอบคุณเงินที่อีกฝ่ายส่งเข้ามา แม้ว่าจะส่งมาให้พี่ชายของตนก็ตาม แต่มันก็ทำให้มินซอกพลอยได้รับอานิสงค์ไปด้วย ไม่มีการช่วยเหลือเรื่องเงินจากจงอิน มินซอกคงแย่แน่ๆ
...ก็มินซอกไม่มีใครนี่นะ...

“เดี๋ยวก็เจอ เจอน้องพี่ด้วย จะพาอี้ชิงมาให้รู้จัก อยากเจอแม่กับน้องพี่ไหม?”มินซอกพยักหน้า บอกอยากเจออยู่แล้ว ลู่หานขยี้หัวอีกคนไปที
จำได้ว่าครั้งแรกที่เห็นมินซอก ลู่หานมองเด็กคนนี้ว่าช่างอ่อนแอ ไม่เหมาะกับคุกสักนิด ตอนนี้เขาก็ยังมองแบบนั้น ในสายตาของเขาและเกือบทุกคนในแดนหนึ่งโดยเฉพาะเรือนนอนสิงห์มองมินซอกเป็นน้องชายที่ต้องปกป้อง
น้องชายที่แสนอ่อนแอและบอบบาง ยิ่งทุกคนรู้เรื่องมินซอกจากคำเล่าต่อของไอ้จงอิน ทุกคนยิ่งรักใคร่และเอ็นดูมินซอกมากขึ้น เสียงเดียวที่พูดกันคือมินซอกน่าสงสาร...เด็กคนนี้ควรจะมีอนาคตที่สดใสเป็นคุณหมอเหมือนที่ตั้งใจ...ถ้าไม่มียาเสพติดเข้ามาในชีวิต
“เหี้ยแม่งมาจีบเด็กติ๋มกูอีกละ เต๊าะฉิบหาย ผู้คุมเรียกไปเข้าแถวรอละสัด”ไอ้จงอินที่จัดโต๊ะเก้าอี้เสร็จเดินมาบอก เหี้ยนี่ก็หวงมินซอกพอกัน สำหรับไอ้จงอินไม่เหมือนพี่ชายห่วงน้อง แต่เหมือนพ่อมากกว่า ยิ่งพอรู้ว่ามินซอกติดยาเพราะอะไรวิญญาณพ่อแม่งยิ่งแกร่งกล้า ประคบประหงมยังกะมินซอกเป็นลูกจิงโจ้ ถ้ามีกระเป๋าหน้าท้องแม่งเอามินซอกเข้าไปใส่แล้วน่ะ

ค น คุ ก

นักโทษหลายร้อยชีวิตนั่งเข้าแถวเป็นระเบียบบนพื้นซีเมนต์ หลายคนชะเง้อชะแง้ตรงประตูที่เชื่อมระหว่างด้านนอกกับทางเข้าแดน ผู้คุมและพวกเรือนนอนหงส์ที่ไม่มีใครมาเยี่ยมญาติใกล้ชิดครั้งนี้แน่นอนตั้งโต๊ะอยู่ด้านหน้าห่างออกไปสองร้อยเมตรเห็นจะได้
“เอ้า เก้าโมงครึ่งแล้ว ญาติกลุ่มแรกกำลังเข้ามาแล้ว นิ่งๆแล้วฟังรายชื่อนะพวกมึงน่ะ”ผู้คุมอินซูตะโกนบอกผ่านโทรโข่งที่นำมาใช้เพื่อขานรายชื่อ
ที่ข้อมือของลู่หานและทุกๆคนที่หมายเลขเขียนเอาไว้ เป็นลำดับตามรายชื่อเรียงตามอักษร ลู่หานอยู่เลข256 ส่วนไอ้จงอินมันอยู่189 เสียงฮือฮาดังขึ้นมาเมื่อมีกลุ่มคนเดินเข้ามา แบ่งเป็นสองแถว ชายและหญิง แต่ละแถวแยกย้ายเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะและผ่านการตรวจค้นของผู้คุมอีกครั้งหนึ่ง ไอ้อูฮยอนสายตายาวซุบซิบว่าผู้คุมหญิงตรวจเสื้อในของญาติที่เป็นผู้หญิงด้วย
ไอ้ลามกเอ้ย...

“006 อีซูฮาน”การขานเลขและชื่อเริ่มขึ้น อีซูฮานลุกพรวดขึ้นทันที ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นักโทษชายคนแรกที่ได้ถูกขานชื่อวิ่งไปรายงานตัวกับผู้คุมแล้วรีบวิ่งไปหาหญิงสาวที่ยืนรออยู่ไม่ไกลพร้อมลูกสาวตัวน้อยในอ้อมกอด
ภาพที่ซูฮานพุ่งเข้ากอดภรรยาและลูกสาวน่าประทับใจจนหลายคนต้องแอบปรบมือ
“เมียมันอยู่คยองกิโดนู่น ไม่ค่อยได้มาเยี่ยมหรอก”ไอ้ชินอูบอก ถึงว่าทำไมมันดูดีใจขนาดนั้น เห็นมันหอมแก้มลูกสาวยกใหญ่ก่อนจะพาภรรยาและลูกไปนั่งที่โต๊ะที่เตรียมเอาไว้

เสียงเรียกเลขและชื่อยังดังเรื่อยๆ ญาติชุดที่สามแล้วที่กำลังเดินเข้ามา ข้างๆลู่หานมีแต่คนได้ขานชื่อหมดแล้ว ไอ้จงอินยังนั่งกระดิกตีนสบายใจอยู่มันบอกว่าน้องมันจะมาช้านิดหน่อย แต่ลู่หานนี่สิ...เขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเกิดอี้ชิงกับแม่ไม่มาล่ะ
หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น...อยากจะเจออี้ชิงกับแม่ใจจะขาดอยู่แล้ว...
“อ้าวเซฮุน...ไหนบอกจะมากลุ่มสุดท้ายไงวะ”ไอ้จงอินครางในลำคอ ลู่หานมองตามมันไปเห็นเด็กผู้ชายตัวขาวจัดกำลังยื่นกระดาษหมายเลขให้กับผู้คุม นั่นน้องไอ้จงอิน ลู่หานจำได้ดี ตัวยังขาวนวลเหมือนหลอดนีออนไม่เปลี่ยน
“189 เหี้ยคิมจงอิน”ผู้คุมอินซูแถมสรรพนามให้เป็นของกำนัล เห็นไอ้จงอินพึมพำด่าว่าไอ้สัดแล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน
“กูไปก่อนนะ สงสารน้องกูรีบ ไหนบอกจะมาช้า”ลู่หานเพยิดหน้าให้มันออกไปรายงานตัวซะ ก่อนจะได้สรรพนามรอบสองจากผู้คุมอินซู
แดดเริ่มออกจนพื้นซีเมนต์เริ่มร้อน พวกเขาไม่ได้ใส่รองเท้ากันด้วย เพราะทางเรือนจำกลัวว่าญาติจะแอบเอาอะไรซุกซ่อนเข้ามาได้แล้วนักโทษจะยัดใส่รองเท้า เช่นพวกยาเม็ดเล็กๆ ลู่หานชันเข่าขึ้นมากอดก่อนจะซุกหน้าลงไปหลบร้อนเหมือนคนอื่นๆ เสียงเรียกชื่อยังดังต่อเนื่อง ถึงญาติกลุ่มที่ห้าแล้ว ไอ้ชินอูกำลังลุกออกไป ตามด้วยไอ้อูฮยอน ลู่หานได้แต่ภาวนาให้มันเป็นชื่อของเขาเสียที
“คนสุดท้ายของกลุ่มที่สี่ พอหมดเลขนี้ให้นักโทษย้ายไปนั่งเข้าแถวในร่มด้วย”เสียงผู้คุมประกาศ แดดร้อนมากขึ้นเรื่อยๆจนแสบผิวไปหมด ลู่หานเตรียมลุกเข้าไปนั่งในร่มามคำสั่งทว่าปลายเท้ากลับต้องชักกับเสียงผู้คุมอินซูที่กำลังประกาศหมายเลข...


“256 ลู่หาน”


ค น คุ ก


ลู่หานหุบยิ้มกว้างลง...
ผู้คุมบอกให้เขาเดินไปหาญาติ...แต่ลู่หานกลับก้าวขาไม่ออกสักนิด...

“อี้ชิง...”เรียกชื่อน้องชายเสียงแผ่ว ลู่หานขยับเท้าออกไปด้านหน้า ขยับมือเรียกให้น้องชายมาหาตนเองก่อนจะสวมกอดเอาไว้ อี้ชิงพุ่งเข้าหาอ้อมกอดของพี่ชายแล้วรัดวงแขนโอบเอาไว้แน่น ใบหน้าขาวซุกลงที่อกของพี่ชายก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา
ลู่หานยกมือลูบหลังน้อง ดีใจที่เจออี้ชิงอีกครั้ง
แต่...

“มากับมันได้ยังไง”ดันน้องออกแล้วถามเสียงนิ่ง ลู่หานขบฟันแน่นมองไปยังคนที่ยืนเคียงข้างอี้ชิงเมื่อครู่นี้ รอยยิ้มกวนส้นตีนจากมันทำให้เขาโมโห มัน...คนที่ทำให้ลู่หานเข้ามาอยู่ในนี้
“มากับไอ้เหี้ยผู้กองคริสได้ยังไง!”ตะคอกถามน้องจนผู้คุมต้องเอ่ยปราม ลู่หานก้มหัวขอโทษผู้คุมแล้วลากน้องมานั่งที่โต๊ะ โดยมีร่างสูงใหญ่ของอู๋อี้ฟานเดินตามมาอย่างสบายๆ อี้ชิงเช็ดน้ำตาป้อยๆ จับมือพี่ที่กำรอบข้อมือตัวเองออก แต่ลู่หานกลับบีบแน่น ใบหน้าอี้ชิงเริ่มบิดเบ้
“พี่...อี้เจ็บ...”อี้ชิงประท้วง จากความดีใจที่ได้เจอพี่ชายกลับกลายเป็นความไม่เข้าใจ ดวงตามองไปทางคนที่พาตัวเองเข้ามาที่นี้ ผู้กองคริสยิ้มบางๆให้ก่อนจะเดินมาดึงเอาตัวลู่หานออกจากตัวอี้ชิง ลู่หานดิ้นปัดโวยวายจนนักโทษคนอื่นและญาติพากันตกใจ ผู้คุมตรงรี่เข้ามาดูสถานการร์และจะจับกุมตัวลู่หานเอาไว้
“ไม่ต้องหรอก ผมจัดการเองได้”ผู้กองคริสพูดเสียงเรียบกับผู้คุมแล้วผู้คุมทั้งสองจึงล่าถอยออกไป ลู่หานไม่เข้าใจ ไอ้เหี้ยผู้กองนี่มีอำนาจอะไรถึงขนาดผู้คุมต้องฟังมัน! ขาที่แม้จะแข็งแรงดีแต่ก็ไม่ได้ยาวขนาดจะทำให้คริสสะเทือนได้เลย คนตัวสูงกว่าพลิกตัวลู่หานจับแขนทั้งสองข้างมาไพล่หลังเอาไว้ก่อนจะส่งยิ้มให้นักโทษคนอื่นและพวกญาติ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ น้องชายผมเขาไม่ถูกกับผม คงจะตกใจที่ผมมาเยี่ยม”

...ไอ้ตอแหล

ลู่หานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อี้ชิงแตะแขนคริสเบาๆ เห็นพี่ชายทำหน้าเหมือนเจ็บที่ถูกดัดแขนไพล่หลังเอาไว้แบบนั้น คริสคลายแรงจับออกเล็กน้อย ดันคนตัวเล็กกว่าลงไปนั่งที่เก้าอี้ ลู่หานเมื่อถูกปล่อยก็พรวดพราดจะลุกขึ้นมาอีกครั้งทว่ากลับต้องชะงักเมื่อคริสชี้นิ้วเป็นเชิงปรามให้หยุดเสีย
ดวงตากลมโตมองที่ผู้คุม แม้จะล่าถอยไปแต่ว่าแต่ละคนก็ยังมองมาที่ลู่หานอยู่ ไม่แน่หลังจากงานนี้ลู่หานอาจจะเจอคอมโบ้...และคอมแบทด้วย ข้อหาก่อเรื่องในวันดีๆแบบนี้
“มึงมากับน้องกูได้ยังไง”ตวัดเสียงามด้วยความไม่พอใจ ดวงตามองผู้กองคริสอย่างขวางๆ ลู่หานเรียกอี้ชิงให้มานั่งข้างๆกัน ปล่อยให้คริสนั่งอีกฝั่งของโต๊ะคนเดียว
“ทำไมพี่พูดกับผู้กองแบบนั้นล่ะฮะ”อี้ชิงเอ่ยถาม คนเป็นน้องไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้เพียงนิดเดียว ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายถึงโมโหขนาดนี้และต้องทำท่าทางเหมือนจะทำร้ายผู้กองคริส
...ทั้งที่ผู้กองคริสดีกับครอบครัวของเราขนาดนี้

“ผู้กองเขาอุตส่าห์เป็นธุระพาอี้มาที่นี่...ไม่งั้นอี้คงจนปัญญา”น้องชายยังคงพูด แต่ลู่หานกลับเหยียดปากออก เป็นธุระงั้นเหรอ? อี้ชิงพูดเหมือนไอ้คนที่ยัดเขาเข้ามาในตารางด้วยมือมันเองเป็นคนดีอะไรแบบนั้น
“แล้วทำไมมาเองไม่ได้ แม่ล่ะ? ทำไมต้องให้มันพามา เราไปสนิทกับมันได้ยังไง”รัวคำถามใส่น้องเป็นชุด ไม่วายส่งสายตาไปหาร่างสูงใหญ่ที่เอนหลังกับเก้าอี้ยกขาขึ้นไขว่ห้างด้วยท่าทางสบายใจสุดๆ เห็นแล้วหมั่นไส้เหี้ยๆ
อี้ชิงเงียบไป ดวงหน้าขาวหลุบต่ำ มือของอี้ชิงประสานกันแล้วบีบแน่น ลู่หานมองน้องชายที่มีท่าทีเปลี่ยนไปเมื่อถามถึงแม้ มือเรียวช้อนดวงหน้าของน้องขึ้นมาด้วยความตระหนกที่ก่อเกิดขึ้นในหัวใจอย่างทันที
ในใจลู่หานเต้นแรง บังคับหน้าน้องให้มองหน้ากัน อี้ชิงน้ำตาไหลเป็นทาง ร่างของน้องชายพุ่งกอดคนเป็นพี่อีกครั้งก่อนจะปล่อยเสียงสะอื้นออก ทำเอาลู่หานตกใจมากกว่าเดิม
“แม่ล่ะอี้...เกิดอะไรกับแม่”ลู่หานแทบลืมว่านาทีที่ผ่านมายังทะเลาะกับผู้กองคริสอยู่เลย ตอนนี้เสียงของเขาสั่นเครือ ท่าทางของอี้ชิงทำให้เขาคิดมากและกังวลใจไปหมด
...แม่ทำไม?

“อี้...บอกพี่มา”เสียงของลู่หานเบาลงอีก ...มีนักโทษบางคนมองมาทางเขาแต่ก็ต้องถูกสายตาของอี้ฟานไล่กลับไปสนใจแต่ญาติของตัวเอง ลู่หานดึงน้องออกจากอ้อมกอด
“อี้...บอกพี่เถอะ”พี่จะบ้าตายอยู่แล้ว...ลู่หานรู้สึกแบบนั้น อี้ชิงมองเข้าไปในดวงตาของพี่ชาย ดวงตาที่เหมือนแม่ไม่มีผิด ดวงตากลมโตที่ถอดแบบมาจากแม่ของพวกเขา ก่อนที่น้ำตาจะไหลมาอีกครั้ง ริมฝีปากสีสดอ้าออกอย่างยากลำบาก อี้ชิงสะอื้นไปทั้งตัว
เสียงพูดของอี้ชิงช่างแผ่วเบา แต่เสียงร้องไห้นั้นดังก้อง ดีที่อี้ฟานยกมือปรามผู้คุมไว้จึงไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามแม้เสียงร้องของอี้ชิงจะกำลังรบกวนญาติคนอื่นอยู่ก็ตาม

ลู่หานไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไง ที่อี้ชิงบอกเมื่อครู่...เหมือนหลังจากประโยคนั้นลู่หานก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย แขนขาเหมือนไร้เรี่ยวแรง ทรุดลงไปกองกับพื้นเหมือนคนพิการร้อนถึงคริสต้องลุกมาช่วยพยุงเอาไว้ ในตอนนี้ลู่หานไม่มีแม้แต่สติจะผลักไสคนที่ทำให้เขาต้องเข้าคุกออกไป ดวงตากลมโตเหม่อลอยชั่วครู่...ก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมา...

เลว...
คนอย่างลู่หานมันเลว...

มินซอก...นายจะรู้ไหมว่าพี่เองก็เลวเหมือนที่นายเคยบอกว่าตัวเองเลว...

เลวยังไงเหรอ...


เพราะพี่...



เป็นคนฆ่าแม่ของตัวเอง...


“แม่โรคเป็นโรคหัวใจ วันที่พี่โดนจับแม่อาการกำเริบ...อี้กลับมาไม่ทัน ฮึ่ก...พี่....”


ไม่เลย...ลู่หานไม่ได้ยินอะไรอีกเลยหลังจากนั้น...




TBC.



#พี่ลู่คนคุก






แมลงจี่...

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คนคุก6.2

ถามอีกครั้งว่าใครอยากเลว?



บทที่6.2

“ยิ้มอยู่ได้ มึงบ้าป่ะเนี่ย”ลู่หานไม่ได้สนใจเสียงของไอ้จงอิน ก็คนมันมีความสุขนี่นะ...แค่ได้รู้ว่ามีรายชื่อจางอี้ชิงในญาติที่จะเข้าเยี่ยม ลู่หานก็ยิ้มกว้างได้ตลอดเวลาแล้ว พยายามหุบยิ้มแต่มันก็หุบไม่ลงเลย
อี้ชิงจะมาเยี่ยม แล้วแม่จะมาไหม? อันนี้ผู้คุมไม่ได้บอก ผู้คุมคิมอ้างว่าอ่านเพียงรายชื่อเดียว แต่ที่ส่งรายชื่อมานั้นมีสองชื่อ ก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นแม่...ก็ถ้าไม่ใช่แม่แล้วจะเป็นใคร
ยิ้มอีกครั้ง...
แม่ไม่โกรธลู่หาน...

“อ้าว พวกมึงเร่งมือกันด้วย แล้วทำออกมาให้หน้าตาหน้าแดกกันหน่อย จะได้เอาไว้ขายอาทิตย์หน้า”ผู้คุมอินซูตะโกนบอก ใบหน้าคมเข้มน้นยังกราดมองไปทั่วเหมือนเดิมก่อนไปหยุดที่ไอ้จงอิน
“มองหน้ากูอยากแดกตีนหรือไง แล้วผมมึงนี่เมื่อไหร่จะตัด คิดจะหล่อต้อนรับเมียวันเยี่ยมญาติหรือไง?”ถามเสียงยวนตีน ไอ้จงอินตีหน้าเรียบปรายตามองแล้วหันกลับมานวดแป้งต่อ แต่คนที่ยืนใกล้ๆกันอย่างลู่หานก็เห็นได้ว่าแม่งยกนิ้วกลางส่งให้จางอินซูใต้โต๊ะคหกรรม
เพราะการเยี่ยมญาติใกล้ชิดจะจัดอีกหนึ่งอาทิตย์แล้ว ผู้คุมเลยบอกให้นักโทษช่วยกันทำขนมเพื่อเอาไว้ขายให้กับญาติที่มาเยี่ยมเป็นการหารายได้เข้าเรือนจำอีกอย่าง

“ไอ้ลู่หาน มึงก็ด้วย ไปตัดผมซะอย่าให้กูต้องถือแบตตาเลี่ยนมาไถหัวให้ เพราะค่าจ้งกูจะแลกมาด้วยรอยคอมแบตบนตัวมึง”ทิ้งคำพูดไว้แล้วเดินอาดๆออกไปจากห้องคหกรรม ไอ้จงอินพึมพำด่าตามไล่ ระบายแรงนวดแป้งแรงๆเหมือนจะคิดว่าแป้งนั้นเป็นหน้าผู้คุมอินซู

ลู่หานจับผมตัวเองที่ยาวมานานมากแล้ว อีกคนที่ยาวพอกันก็คงเป็นมันซอก คงต้องหาเวลาพาตัวเองกับคนตัวเล็กไปขอแบตตาเลี่ยนจากผู้คุมมาตัดผมเสียที

“ตื่นเต้นจนจะรอให้ถึงวันเยี่ยมญาติไม่ได้เลยว่ะ”ไอ้อูฮยอนพูดบอก หน้ามันเปื้อนด้วยรอยยิ้มเหมือนที่ลู่หานเป็น แล้วคนอื่นๆก็พากันยิ้มตามกันไปเมื่อคิดว่าจะได้เจอคนที่ตัวเองรัก...ทว่ากลับมีใครบางคนที่ก้มหน้านิ่ง มองเห็นดวงตากลมโตเอ่อคลอด้วยน้ำตา

“...ผ..ผมไปห้องห้องน้ำแป้บนะ”มินซอกก้มหน้างุดๆออกจากห้องคหกรรมไป คนที่เหลือได้แต่หน้าเหวอ แต่แล้วก็ต้องตบหน้าผากตัวเองกันคนละทีสองที เพิ่งนึกได้ว่ามินซอกไม่มีญาติเข้าเยี่ยมใกล้ชิด
“กูไปดูเด็กนั่นเอง”เป็นลู่หานที่บอกแล้วละจากการบีบเนื้อแป้งคุกกี้ลงถาด ก้าวขาเดินตามมินซอกออกไป เห็นแผ่นหลังเล็กเพิ่งเข้าห้องน้ำไปไวๆ เมื่อเดินตามเข้าไปจึงพบว่ามีประตูห้องเพียงห้องเดียวที่ถูกปิดไว้ ลู่หานยกมือทาบบานประตูก่อนจะตบเบาๆ
“มินซอก...”เรียกคนตัวเล็กเสียงเบาแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับกลับมา ลู่หานรู้ว่ามินซอกไม่ได้มาทำธุระจริงๆ...เด็กนี่แค่แอบมาร้องไห้...

“มินซอกเปิดประตูให้พี่สิ”เรียกอีกครั้งแล้วตบบานประตูแรงขึ้นเล็กน้อย รออยู่เกือบนาทีกับความเงียบของอีกคน กว่าที่ประตูห้องน้ำที่ปิดจะแง้มออกและอ้ากว้างขึ้น ลู่หานผลักบานประตูที่อ้าออกเข้าไป กรอบตากลมโตมองเห็นคนตัวเล็กยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า ใบหน้าน่ารักก้มลงคางขิดอก เนื้อตัวสั่นเล็กน้อยอาจจะเกิดจากการที่ตัวเองพยายามจะกลั้นสะอื้นเอาไว้ ลู่หานขยับเข้าใกล้ ยกมือรั้งน้องเข้ามาในอ้อมกอด ยกมือลูบหลังปลอบคนที่ร้องไห้อยู่
“พร้อมจะเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับนายให้ฮยองฟังหรือยัง?”

พร้อมที่จะระบายให้ใครสักคนได้รับรู้หรือยังมินซอก...หรือจะเก็บมันเอาไว้แบบนี้...

แรงสะอื้นยังคงอยู่พร้อมมือเล็กที่ขยำเสื้อที่ลู่หานใส่จนยับย่น มินซอกซุกหน้าลงกับบ่าของลู่หาน ปล่อยหยดน้ำตาให้ไหลมาจนบ่าร่างโปร่งเปียกชื้น
“...ผมเลว”มีเพียงคำพูดสั้นๆจากปากของมินซอก
“เลวยังไง”ลู่หานถามกลับ มินซอกยิ่งร้องไห้หนักมากขึ้น คราวนี้เสียงสะอื้นที่พยายามกลั้นไว้ถูกปล่อยมาดังก้องไปทั้งห้องน้ำ ลู่หานลูบหลังปลอบให้อีกคนพยายามนิ่งแล้วเราให้เขาฟัง

“อย่าเก็บไว้คนเดียวเลยมินซอก...”เขาพูดย้ำ
“ถ้าผมเล่า...พี่จะเกลียดผมไหม?”เสียงถามยังอู้อี้อยู่ตรงบ่า  “ขนาดผม...ยังเกลียดตัวเองเลย”

“ไม่...ฮยองไม่เกลียดนาย...นายบอกว่านายเป็นคนเลว แต่มินซอกรู้ไหม?...ที่นี่คือคุก ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ล้วนไม่ใช่คนดีเลิศเลออะไร...”
“...”

“ถ้านายเลว...คนอื่นก็เลวเหมือนกัน...”

“...”

“ให้คนเลวอย่างพี่รับฟังเรื่องราวของคนเลวแบบนายเถอะ...”




ค น คุ ก



ระหว่างคนที่ฆ่าคนอื่น กับคนที่ส่งมีดให้อีกคนไปฆ่า...ใครเลวกกว่ากัน

ลู่หานรู้สึกจุกอยู่ในอก มือที่ลูบหลังมินซอกชะงัก หยุด และตกลงข้างตัว...เรื่องราวของมินซอกที่เขาปรารถนาจะรู้มาตลอด...พอรู้มันแล้ว กลับทำให้เขารู้สึกผิดจนท่วมท้น
ถ้าเปรียบกับฆาตรกร...มินซอกคือคนที่แทง แต่ลู่หานคือคนที่ส่งมีดให้...ถามว่าใคร? ที่เลวกว่ากัน?
...ถึงจะทำไปเพื่ออะไร อ้างความจำเป็นด้วยเหตุผลน่าหดหูใจหรือสวยหรูขนาดไหน...แต่อาชีพของลู่หานก็ทำลายชีวิตของคนอื่นอยู่ดี

“ผมมีพ่อคนเดียว...พ่อที่ทำหน้าที่แทนแม่ที่จากไป...แต่สุดท้ายเขาก็ตายเพราะผม”
เสียงสะอื้นตอนเล่าเรื่องราวออกมาทำให้ลู่หานพูดอะไรไม่ออก มินซองเล่า...เล่าทุกอย่าง ทุกอย่างตั้งแต่เริ่ม เล่าว่าเริ่มได้ยาจากไหน และซื้อยาจากใคร
เล่า...ว่าพ่อของคนตัวเล็กเสียใจขนาดไหน
เล่า...ว่าความฝันของมินซอกพังทลายลงไปอย่างไร
มือเล็กๆที่ฝันไว้ว่าอยากใช้จับมีดผ่าตัดในฐานะคุณหมอกระชับเสื้อลู่หานแน่นกว่าเดิมตอนที่เล่า...ว่าทำไมพ่อของมินซอกถึงจากไป...

มีคนมาทวงหนี้...เพราะมินซอกไม่มีเงินซื้อยา กลลวงของพวกคนขายยาที่ต้องการทาสเพิ่มก็ง่ายๆแต่พูดว่า “ให้ติดเอาไว้ก่อน” เป็นระบบเช่าซื้อ ลู่หานรู้ดี...
“หาเงินได้ค่อยมาจ่ายกูก็ได้เว้ย”
ลู่หานเองก็เคยพูดประโยคแบบนี้กับเด็กๆที่มาซื้อยากับเขาเช่นกัน...

จากนั้นหากนานเข้าแล้วลูกค้ายังไม่มาจ่ายเงิน...คนขายก็จะบุกถึงบ้าน...ข้าวของที่คิดว่าจะแปรเป็นเงินได้จะถูกริบ ถ้าขัดขืน...ก็โดนกระทืบ

“พ่ออยู่บ้านคนเดียว...ผมโกหกว่าไปเรียน...แต่ผมไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เสพยา”ลู่หานวูบโหวงในใจ...เขาไม่ได้เดาต่อว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของคนตัวเล็ก...
เพราะเขารู้ดี...

ว่าคิมโบทง...คนที่มินซอกซื้อยาด้วยมันโหดเหี้ยมขนาดไหน...
เคยได้ยินชื่อมาบ้างกับไลน์ที่ขายด้วยกันว่ามันปล่อยเชื่อซื้อเยอะ เน้นหากินแบบนี้ ถ้าใครขัดขืนมันจะซ้อมหนัก...บางรายก็ตาย...
...ต้องให้เดาอีกเหรอว่าพ่อของมินซอกเป็นอย่างไรหลังจากโบทงบุกไปทวงที่บ้าน...
“พ่อร้องไห้...ผมสัญญาว่าจะพยายามเลิก...แต่ก็ทำไม่ได้...พ่อเสียใจ ฮึ่ก”
“...”
“ผม...ทำให้พ่อต้องตาย ฮือ...”ลู่หานไม่รู้จะปลอบอย่างไร ร่างโปร่งขยับแขนรัดคนตัวเล็กเอาไว้ กดหน้าลงกับกลุ่มผมนิ่ม...ขอบตาเขาร้อนผ่าว...

ลู่หานรู้สึกชัดเจนที่สุดครั้งนี้...ว่าอาชีพของเขา...มันเลวขนาดไหน..
อาชีพของเขาไม่เพียงตัดอนาคตของอีกคน ผลักใสในตกนรกลุ่มหลงอยู่ในสิ่งมึนเมา...แต่มันทำร้ายแม้แต่ชีวิตของคนบริสุทธิ์...
ลู่หานกลืนก้อนสะอึกที่แล่นจุกแน่นที่คอมานานลงไป กอดของเขากระชับคนไม่เหลือใครเข้ามาแน่น

“มันไม่ใช่ความผิดนายหรือนะ...นายทำดีที่สุดแล้ว ความผิดทั้งหมดมันเกิดจากยานรกพวกนั้นมากกว่า”
“...”
“นายไม่คิดว่าจะต้องติดมันงอมแงม...นายแค่อยากจะสอบได้คะแนนดีเท่านั้นเอง”
“...”
“ลืมมันเถอะมินซอกอา...ยิ่งนายยังจมปลักผลักดันให้ตัวเองเป็นคนผิด พ่อของนายต้องยิ่งเสียใจแน่ๆ”
“...”

“เริ่มต้นใหม่นะ...เหลือเวลาอีกนานที่นายจะได้เริ่มต้นใหม่ บทเรียนครั้งนี้เก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจ...”

ลู่หานบอกกับตัวเองเช่นกัน...
เริ่มต้นใหม่...ระยะเวลาที่ต้องอยู่ในคุกถือเป็นเวลาที่เสียไปให้กับบทเรียนของชีวิต...ถ้าออกจากคุกไป...ลู่หานจะเริ่มต้นใหม่
...เราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน...คิมมินซอก...





ค น คุ ก



กว่าจะปลอบกันเสร็จ กว่ามินซอกจะหยุดร้องไห้ กลับมาห้องคหกรรมคุ้กกี้ก็ถูกเอาเข้าเตาอบไปแล้ว ไอ้อูฮยอนเข้ามาดูน้องเล็กที่ดวงตายังบวมแดงเพราะเสียน้ำตาไปหนักๆ มินซอกเอาแต่ปฏิเสธว่าไม่มีอะไรแล้วยิ้มแห้งๆให้ทุกคนที่ถามไถ่ ไอ้จงอินมองมาที่ลู่หานเชิงถาม เขาเลยพยักเพยิดหน้าให้ออกไปคุยกันข้างนอก

“น้องติ๋มน่าสงสารฉิบหาย กูถึงว่าชอบทำตัวลึกลับเงียบๆนิ่งๆ รู้สึกผิดเลยไอ้เหี้ย เหมือนกูเป็นคนขายยาให้เด็กติ๋มนั่นเองกับมือ”ลู่หานเองก็รู้สึกไม่ต่างไปจากจงอินนักหรอก
“มึงบอกคนอื่นไม่ต้องไปถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมินซอกอีกละกัน เด็กนั่นเสียใจมาเกินพอแล้ว”ไอ้จงอินพยักหน้ารับ แน่นอนว่าจงอินเองก็ไม่อยากเห็นมินซอกร้องไห้ เห็นแล้วมันกวนใจยังไงชอบกล เหมือนคุณพ่อเห็นลูกชายตัวเล็กๆเสียน้ำตา...มันไม่อยากมอง

“ว่าแต่เรื่องมึงเหอะ ผู้คุมอินซูนี่เรียกมึงไปหาอีกแล้วป่ะ? เรียกบ่อยชิบ นี่กูนึกว่ามึงมีซัมติงวรองกันแล้วนะ”ไอ้จงอินเบ้ปากทันทีที่พูดถึงจางอินซูคู่แค้นคู่เคือง
“เหี้ย ความคิดมึงนะสัด ตัวแม่งโตยังกะควายผสมหมาไซบีเรียน กูคงเอาลงหรอก”มันบอกแล้วเบ้บิดหน้าเหมือนรังเกียจเสียเต็มประดา
“ถึงต่อให้แม่งตัวเล็กเหมือนฮยอนอาโฟร์มินิท หน้าสวยเหมือนซูจีมิสเอ หุ่นเช้งเหมือนจีน่ากูก็เอามันไม่ลงเหมือนกัน...เอากับเหี้ยยังละมุนกว่า”เอาให้แน่ว่ามึงกล้าเอากับเหี้ย...
“แหม กูถามแค่นี้ปฏิเสธแม่งยาวเชียว เขินเหรอไอ้สัด”แต่ก่อนนี่ล้อกูกับคิมมินซอกจัง โดนล้อเข้าหน่อยทำทนไม่ได้ ไอ้หมีควายเอ้ย
“กูไม่ได้เขินไอ้เหี้ย แค่ขยักแขยง เดี๋ยวอาทิตย์หน้ากูก็เจอน้องกูละ อย่าเอาไอ้ผู้คุมเชี่ยนี่มาพูดถึงให้เสียอารมร์ได้ป่ะ”
“เออ น้องมึงน่ารักที่สุดในโลกหล้าละไอ้เหี้ย”ยกขาเตะมันไปที เห็นมันเบ้หน้าอีกครั้ง ด่าลู่หานด้วยอวัยวะสืบพันธุ์แล้วกลับเข้าห้องคหกรรมไปช่วยคนอื่นเอาคุ้กกี้ออกจากเตา

“น้องกูก็น่ารักนะไอ้สัด”ตะโกนไล่หลังมันไปแล้วยิ้มบางๆกับตัวเอง...

“ลู่หานจะเจอแม่แล้ว...พี่จะได้เจอเราแล้วอี้ชิง”

...รอให้ถึงอาทิตย์หน้าไม่ไหวเลยจริงๆ




TBC.


ทำงานทุกวันเลย...
ภาษามันง่อยๆก็อย่าว่ากันนะคะ เอาจริงๆคือใกล้จะตัน เพราะทำงานแล้วเบลอมาก พูดยังไม่รู้เรื่องเลยตอนนี้ ...
จะเอานางพญาออกตอนหน้านะ ตอนหน้านี่ตอนรวมญาติ...โผล่แทบจะทุกคน 5555555555555

#พี่ลู่คนคุก





แมลงจี่...