วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

คนขาย - 1

ลูกค้าคนแรกเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา

บทที่1..

“เอาอีกแล้ว! มึงทำจานกูแตกไปกี่ใบแล้วไอ้นี่!”เสียงเอ็ดตะโรของชายร่างท้วมดังลั่น ก่อนที่คิมจงแดจะถูกผลักออกมาจากประตูหลังร้านล้มลงไปกองที่พื้น ข้อศอกครูดกับซีเมนต์จนเลือดอาบแขน ยังไม่พอใจคนผลักก็ตามมาจิกผมกัน กระชากให้เงยหน้าขึ้นมองทั้งที่ตัวสั่งงกเหมือนลูกนกปีกเปียก
“กูจ้างมึงมาล้างจานหรือมาทำจานหล่น ไอ้โง่!”เสียงตวาดดังก้อง เจ้าของร้านอาหารจีนจิกกระชากผมของจงแดแน่นมือ เสียงร้องดังเท่าไหร่คงไม่ทำให้ปล่อย จงแดใช้มือตัวเองจับมือของเจ้าของร้าน ขอร้องลนลานเพราะเจ็บเหมือนหนังศีรษะจะหลุดออกมา ทว่านอกจากไม่ปล่อยแล้วมืออวบอ้วนยังคงจิกแน่นเข้าไปใหญ่ นิ้วป้อมๆจิ้มเข้าที่ข้างขมับ ด่าว่า ไอ้โง่ ไอ้ควาย ซ้ำไปซ้ำมา
“ไม่แปลกใจทำไมต้องระหกระเหินมาหางานทำที่จีน ก็มึงโง่แบบนี้ที่บ้านมึงเขาถึงไม่รับ”จงแดน้ำตาไหลเพราะเจ็บที่ถูกจิกกระชากผม ไม่ได้ตอบโต้เพราะถึงอยากจะทำก็ทำไม่ได้ ตัวเขามันเล็กนิดเดียว ผอมบางเหมือนขาดสารอาหาร จะมีแรงไปต่อกรกับคนอื่นคงไม่มีทาง เขาขอร้องอีกครั้งเสียงสั่นแต่เจ้าของร้านกลับถ่มน้ำลายมาใส่หน้าแล้วสะบัดตัวบางให้ไปกองที่พื้น คราวนี้ไม่ใช่แค่ศอกกลับเป็นปลายคางที่ครูดพื้นซีเมนต์จนเจ็บแสบ
“กูไล่มึงออก ไม่ต้องเสนอหน้ามาอีกล่ะไอ้กิมจิเฮงซวย!”คำผรุสวาสดังก่อนที่ประตูหลังร้านจะถูกปิดดังปัง คิมจงแดค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง น้ำตายังคงไหลไม่ได้หยุด สะอื้นจนตัวโยนตอนที่ยกมือขึ้นแตะแผลที่ปลายคาง เลือดติดที่ปลายนิ้วมาแดงฉาน
“ฮึ่ก...”กัดฟันลุกขึ้นแต่ก็ยังเซไปเล็กน้อย รู้สึกได้ว่าขาคงจะเคล็ดตอนถูกผลักล้ม ค่อยๆกะเผลกเดินไปเก็บกระเป๋าซึ่งถูกเหวี่ยงออกมาพร้อมตนเองในตอนแรก มองประตูหลังร้านอาหารจีนที่เพิ่งจะสมัครงานวันนี้วันแรกก็ถูกไล่ออกเสียแล้วพลางถอนหายใจออกมา
ถ้าอายุถึงเกณฑ์ทำงานในเกาหลีเขาคงไม่ลำบากมาหางานทำถึงที่จีน ค่าแรงก็ถูกจนเหมือนทำงานฟรี แล้วยังต้องเจอพายุอารมณ์จากนายจ้างแบบนี้เกือบทุกครั้งที่ทำอะไรผิด พวกคนจีนมองจงแดเป็นแค่เด็กมาจากเกาหลี เป็นคนนอกประเทศจะกดขี่ยังไงก็ย่อมได้ แขนผอมๆไม่ได้มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้กลับยิ่งทำให้ถูกทำร้ายจนเจ็บตัวแบบนี้
“เพื่อยัยจูจิน ท่องไว้สิจงแด”เขาพูดกับตัวเอง นึกถึงน้องสาวตัวเล็กซึ่งอยู่กับแม่ที่เกาหลี เผลอยิ้มออกมาจนต้องสูดปากเพราะเจ็บแผลที่คาง แต่ก็อดจะยิ้มไม่ได้ทุกทีจริงๆที่คิดถึงน้องสาวตัวเล็ก จูจินเป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก อายุของเธอแค่หกขวบเท่านั้น เป็นเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆของคิมจงแด แม่ส่งรูปน้องมาทุกปี เห็นพัฒนาการจากวันที่ต้องจากกัน น้องน้อยยังเป็นแค่เด็กทารกแบเบาะ ตอนนี้กลายเป็นเด็กสาวพูดจ๋อยๆไปแล้ว
พ่อทิ้งพวกเราไปตอนรู้ว่าแม่ตั้งท้องลูกคนที่สอง ผู้ชายไร้ความรับผิดชอบแค่พูดว่าดูแลกันไม่ไหวแล้วก็เก็บของออกไปเลย จำได้ว่าแม่ร้องไห้แทบขาดใจแต่เธอก็ยังอดทนอุ้มท้องจูจินไปด้วยทำงานไปด้วยเพื่อเลี้ยงครอบครัวและส่งจงแดเรียน
พอจูจินเกิดมา ภาระก็ยิ่งมากขึ้น จงแดออกจากโรงเรียนตอนประถมสี่ แม่ไปทำงานไม่ได้ ถ้าไปก็ต้องพาจูจินไปด้วย เด็กน้อยร้องจ้าจนเจ้านายแม่ไม่พอใจ สุดท้ายก็ถูกไล่ออก จงแดเลยออกจากโรงเรียนมาช่วยทำงาน แม้แม่จะค้านแต่เพราะไม่มีแม้แต่ค่าเทอมจะส่งเสียจึงต้องยอมให้ลูกชายไร้การศึกษาแบบนี้
งานที่ทำได้สำหรับเด็กอายุสิบขวบมีไม่มาก ไม่ไปล้างจานก็ส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้าน จงแดทำมาหมดทุกอย่างที่รับเด็กเข้าทำงาน แต่งานไหนก็ไม่อาจจะยั่งยืน รัฐบาลประกาศกฎหมายห้ามจ้างเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปีทำงาน ดังนั้นการจะจ้างเด็กอายุแค่สิบขวบจึงกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
คนแถวย่านสลัมที่พักอาศัยบอกว่าที่จีนไม่มีกฎหมายแบบนี้คุ้มครอง เด็กเล็กอย่างจงแดสามารถทำงานได้ งานอะไรก็สามารถได้ นั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้จงแดดั้นด้นมาทำงานถึงที่เมืองแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ แม่คัดค้านอีกเช่นเคย บอกว่าไม่ต้องทำหรอก ไม่ต้องไป มีเท่าไหร่ก็อยู่กันเท่านั้น แต่มองดูน้องสาวที่นอนในเปลนั้นสิ
...เธอกำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่อเธอโตกว่านี้เธอก็ต้องได้รับการศึกษา
สำหรับจงแดน่ะ ออกจากเรียนมาทำงานได้ไม่เป็นไรหรอก...แต่สำหรับจูจิน น้องต้องได้เรียน
...จงแดจะเหนื่อยแค่ไหนก็ขอให้น้องได้สบาย ได้เรียนหนังสือ ได้มีชุดสวยๆเหมือนเด็กผู้หญิงวัยเดียวกันใส่ ได้มีรอยยิ้มเวลามีของเล่นไปเล่นกับเพื่อน
...จงแดมีความสุขแล้ว

คนขาย

เดินกะเผลก
มาจนถึงห้องเช่า จงแดหาห้องเช่าราคาถูกได้ย่านชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง มีแต่คนจีนที่พักอาศัยที่นี่ ตอนแรกที่มาอยู่จงแดพูดภาษจีนได้แค่งูงูปลาปลา แต่พอได้อยู่ร่วมกับคนหมู่มากก็เริ่มใช้ภาษาจีนได้คล่อง จนผ่านมาหกปีภาษจีนของเขาดีกว่าคนจีนแท้ๆเสียด้วยซ้ำ
“กลับมาแล้วเหรอวะเฉิน ทำไมกลับเร็วล่ะวันนี้ แล้วนั่นเป็นอะไรทำไมเดินแบบนั้น”ป้าเหม่ยกุ้ยทัก ป้าแกอยู่ห้องข้างๆ รู้จักจงแดมาตั้งแต่ย้ายมาอยู่ตอนสิบขวบ ทั้งให้ความช่วยเหลือเวลาเดือดร้อนกันเสมอ จงแดส่ายหน้า บอกตรงๆว่าถูกไล่ออกอีกแล้ว แล้วนี่ก็โดนเจ้าของร้านเขาตีมา
“เฉินเอ้ย เอ็งนี่มันน่าสงสารจริงๆ พวกมันเห็นเป็นเด็กเข้าหน่อยก็กดเอากดเอา”ป้าเหม่ยกุ้ยส่ายหัว เห็นเด็กคนนี้มาตั้งหกปี จงแดหรือเฉินที่นางเรียกเปลี่ยนงานมาแล้วเป็นสิบๆที่ ไอ้พวกนายจ้าง เจ้าของร้านนี่มันก็ใจจืดใจดำ ใช้งานเด็กตัวเล็กๆอย่างกับทาส ค่าแรงก็นิดเดียว ทำให้ผิดก็ทุบตี จางเหม่ยกุ้ยเรียกให้จงแดเข้าห้องนางก่อน ไปทำแผลเสียให้เรียบร้อย รู้ว่าที่ห้องของจงแดน่ะไม่มีพวกอุปกรณ์ปฐมพยาบาลกับใครเขาหรอก
แค่ซื้อข้าวกินยังไม่มีเงิน เวลาเห็นเด็กนี่เอาข้าวเก่ามาต้มน้ำเป็นข้าวต้มกินกับไชโป๊วดองเค็มนางนี่ไม่รู้จะสงสารยังไงดี แต่กระนั้นจะให้ความช่วยเหลือมาก ตนเองกับครอบครัวก็จะเดือดร้อน เพราะต่างก็จนและไม่มีด้วยกันทั้งนั้น ลูกชายที่เรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายก็ต้องใช้เงินเยอะแยะ ดีที่มันหางานทำไปด้วยเรียนไปด้วยเลยผ่อนปรนภาระนางกับสามีไปได้หลายโข
“วันนี้ลูกชายป้ากลับมาบ้านเหรอครับ?”ถามออกมาเพราะเห็นรองเท้าผ้าใบตามสมัยวางอยู่หน้าห้อง ปรกติแล้วลูกชายป้าเหม่ยกุ้ยจะอยู่หอแถวมหาวิทยาลัยมากกว่า จงแดไม่ค่อยได้เจออีกคนเท่าไหร่ ครั้งล่าสุดที่เห็นก็ตอนที่ปิดเทอมฤดูร้อน พี่ชายคนนั้นกลับบ้านเอาเงินค่าแรงที่เก็บหอมรอมริบเหลือจากจ่ายค่าเทอมกับใช้จ่ายอื่นๆมาให้พ่อกับแม่เอาไว้ใช้ เสร็จแล้วก็กลับไปทำงานช่วงปิดเทอมเลย
จำได้ว่าใบหน้าของลูกชายป้าเหม่ยกุ้ยคล้ายกับคนแม่มาก ติดจะหวานน้อยๆอีกด้วย ป้าเหม่ยกุ้ยเล่าให้ฟังว่าถึงจะหน้าหวานขนาดนั้นแต่สาวๆก็รุมตอมไม่ขาดสาย บางรายคิดจะเลี้ยงดูให้เงินใช้เลยด้วยซ้ำ
“เจ้าอี้ชิงน่ะเหรอ? เอาเงินมาให้เหมือนเดิมนั่นล่ะ แต่คงเพลียเลยนอนอยู่ เย็นๆก็คงกลับ”พูดถึงลูกชายคนเดียว จงแดมองเข้าไปในห้องพักเห็นขายาวๆโผล่พ้นจากกองที่นอนและผ้าห่ม ป้าเหม่ยกุ้ยจัดแจงหยิบชุดปฐมพยาบาลออกมา สามีแกชอบได้แผลจากไซต์ก่อสร้างที่ทำงานอยู่เลยพกชุดปฐมพยาบาลติดบ้านไว้เสมอ หญิงกลางคนกวักมือให้จงแดมานั่งข้างๆ ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์แล้วค่อยๆแตะลงบนแผลที่ปลายคางให้ สะอาดพอใจก็ย้ายมาเช็ดที่ข้อศอกด้วย บ่นด่าไอ้เจ้าของร้านสับปะรังเคที่ทำได้แม้กระทั่งเด็กตัวแค่นี้
“ใครน่ะแม่”เหมือนการพูดคุยของจางเหม่ยกุ้ยและจงแดจะไปรบกวนการนอนหลับของลูกชายเจ้าของบ้าน คนที่นอนคลุมผ้าห่มอยู่ถึงได้งัวเงียลุกขึ้นมาถาม ผมที่ไปย้อมมาจนเป็นสีบรอนซ์นั้นยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ใบหน้าขาวจัดติดหวานขมวดมุ่นทั้งยังยับยู่ เมื่อเพ่งมองเห็นแม่ตัวเองนั่งทำแผลให้ใครสักคนเลยถามออกมาด้วยความสงสัย คับคล้ายคับคลาว่าเคยเห็นผ่านตากับเด็กผู้ชายคนนี้
“ตื่นแล้วเหรอแก จำเฉินมันไม่ได้เหรอ ที่อยู่ข้างห้องนี่ไง ไม่ได้เห็นกันบ่อย น้องมันโตขึ้นเป็นกองเลยสิ”คนเป็นแม่พูด พยักเพยิดหน้าไปห้องข้างๆกัน บอกว่านี่ก็คนเดียวกับเด็กตัวเล็กที่ย้ายมาเมื่อหกปีที่แล้ว เพราะอี้ชิงทำงานตั้งแต่เรียนมัธยมปลายเลยไม่ค่อยได้เจอกับจงแดบ่อยครั้ง พอเรียนมหาวิทยาลัยก็ยิ่งแล้วใหญ่ หลายเดือนถึงจะกลับมาสักที มาไม่ได้ทันได้นั่งให้ตูดร้อนก็กลับไปทำงานอีกแล้ว
“คนนั้นน่ะเหรอ?”เขารำพึง นึกย้อนไปถึงไอ้เด็กตัวผอมแห้งที่มาอยู่ข้างห้องตอนหกปีที่แล้ว ไอ้เด็กตัวเล็กที่แม่ชมให้ฟังว่าอายุแค่นี้แต่หางานทำคิดจะส่งเงินกลับบ้านที่เกาหลี จำได้ว่าไม่ใช่ชื่อนี้...คุ้นๆว่าเป็นอีกชื่อหนึ่ง...
“คิมจงแดน่ะเหรอ?”พูดชื่อจริงของเด็กตรงหน้าออกมา เหม่ยกุ้ยบอกว่าใช่ แต่เรียกเฉินเพราะมันง่ายกว่า อี้ชิงมองสำรวจเด็กรูปร่างผอมบาง พลางคิดว่าไม่ได้กินอะไรดีๆบ้างเลยหรือไง ทำไมถึงได้รูปร่างไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ดูเป็นคนขี้โรค จับตรงไหนก็คงจะเจอแต่กระดูกแข็งๆ ถึงอี้ชิงจะแบ่งเงินเอาไว้เรียนด้วยให้พ่อแม่ด้วยแต่ก็ไม่ได้ทรมานตัวเองด้วยการอดแบบนี้
“เอ้า เสร็จแล้ว กลับห้องไปก็กินข้าวกินปลาแล้วพักเสีย ทายาหม่องที่ขาด้วย เดี๋ยวจะบวม จะหางานใหม่ที่ไหนก็ค่อยคิดอีกทีหนึ่ง”หญิงกลางคนวางสำลีลงเมื่อใส่ยาให้จงแดแล้ว คนตัวเล็กพูดขอบคุณแล้วออกจากห้องพักของป้าข้างห้องไป เห็นลูกชายป้าเหม่ยกุ้ยมองตามมาจนบานประตูงับปิดสนิท
“ทำไมต้องหางานใหม่ล่ะแม่”อี้ชิงถาม ตวัดผ้าห่มออกจากตัว มองนาฬิกาก็ใกล้เย็นแล้ว คิดว่าควรกลับได้เสียที เดี๋ยวจะเข้างานไม่ทันเสียเปล่าๆ
“คราวนี้คงไปทำจานไม่ก็แก้วร้านเขาแตกนั่นล่ะ ไอ้พวกนายจ้างนี่มันก็ไม่รู้จะใจร้ายไปถึงไหน เด็กตัวสักเท่าก้อนเมี่ยง จานพวกมันใหญ่อย่างกับกะละมัง ฟองก็ลื่นฉิบหาย จะจับไม่ให้หลุดมือเลยก็บ้ากระมัง”นางบ่นไม่หยุด อี้ชิงเดาะลิ้นถามแม่ว่าถ้าลองนับดู เด็กนั่นก็อายุสิบหกแล้วใช่ไหม? เหม่ยกุ้ยบอกว่าใช่ สิบหกปีนี้แล้ว
“ถ้างั้นไปทำงานกับอี้ก็ได้นี่ เดี๋ยวฝากให้”พูดบอกออกมา อี้ชิงทำงานเป็นนักดนตรีในร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง เพราะเล่นกีต้าร์ได้ค่อนข้างดี ทั้งยังหน้าตาก็ใช้ได้ สาวๆกินเที่ยวจึงติดกันเกรียวมาตั้งแต่ยังมัธยมปลาย กับเจ้าของร้านก็ค่อนข้างสนิทกัน เห็นมาม่าซังบ่นอยู่ว่าขาดเด็กเสิร์ฟ
“ไปอยู่หอกับอี้ด้วยก็ได้ เห็นแล้วก็สงสารเหมือนกัน”เขาบอกแม่ ดูแผลที่หน้าที่ข้อศอกนั่นคงจะเจ็บไม่เบา ขืนทำงานแล้วโดนตีแบบนี้เรื่อยไปคงแย่ ไม่รู้ว่าหกปีที่ผ่านมาทนได้ยังไง เด็กตัวเท่านี้เอง เหม่ยกุ้ยถามว่ามันจะดีเหรอ คนสองคน ค่าใช้จ่ายก็เพิ่ม ไหนจะค่าไฟค่าน้ำ อี้ชิงบอกถ้าอย่างนั้นก็ให้เด็กนั่นช่วยออกบ้าง ก็น่าจะประหยัดกว่าการเช่าห้องที่นี่ทั้งยังได้งานเงินดีด้วย เจ้านายก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำ ถึงจะหน้าเงินไปนิดแต่มาม่าซังก็ใจดีไม่หยอก
“ดีจริง งั้นแม่ไปบอกเฉินมันก่อน ถ้ามันตกลงก็พามันกลับไปด้วยเลยวันนี้”นางบอกลูกชาย อี้ชิงพยักหน้าบอกให้ไปคุยได้เลย ส่ายหัวเบาๆเมื่อนึกถึงรูปร่างผอมบางของเด็กนั่นอีกครั้ง
อย่างน้อยก็ควรจะมีเนื้อมากกว่านี้สักหน่อยสิ...

รอแม่ไปคุยกับเด็กจงแดอยู่ไม่นาน จางเหม่ยกุ้ยก็กลับมาพร้อมกระเป๋าใบย่อมสองใบ มีเด็กชายตัวผอมเดินตามมากับกระเป๋าอีกใบหนึ่ง แม่ของอี้ชิงบอกให้เด็กจงแดวางของลง ถามย้ำว่าเก็บมาหมดแล้วใช่ไหม ส่วนพวกเครื่องใช้ไฟฟ้านางจะเก็บเอามาไว้ที่ห้องตัวเองก่อน ว่างเมื่อไหร่ก็มาเอาไป จงแดพยักหน้าตอบ ของใช้มีไม่มาก เสื้อผ้าก็มีไม่กี่ชุดเท่านั้นเอง
“ถ้างั้นก็ไปกัน ฉันเรียกนายว่าจงแดแล้วกันนะ เฉินอะไรนั่นออกเสียงยากกว่าด้วยซ้ำ”อี้ชิงว่า จงแดพยักหน้าตอบรับ มีไม่กี่คนที่เรียกเขาว่าเฉิน นอกจากป้าเหม่ยกุ้ยก็มีลุงหยางชิงนั่นล่ะ อี้ชิงคว้ากระเป๋าคนเด็กกว่าไปถือไว้ทั้งสองใบ ให้จงแดถือแค่กระเป๋าที่อยู่ในมือ บอกลาแม่เสร็จสรรพก็เดินนำออกไปก่อน
จงแดจะเดินตามพี่ชายข้างห้องไป แต่แล้วก็หันมาหาป้าเหม่ยกุ้ย ตรงเข้ากอดหญิงกลางคน เอ่ยคำว่าขอบคุณหลายครั้ง
“ไม่ต้องมาขอบคงขอบคุณหรอก เห็นเอ็งมาตั้งแต่เด็ก ไปอยู่กับเจ้าอี้ชิงก็ดี งานที่มันทำน่ะเงินดี จะได้ไม่ต้องกระเบียดกระเสียรส่งให้แม่กับน้อง”นางพูดแล้วลูบหัวจงแด แต่กระนั้นจงแดก็อดไม่ได้ที่จะต้องขอบคุณ ตั้งแต่มาอยู่ที่จีนก็ได้ป้าเหม่ยกุ้ยที่จุนเจือเสมอมา
ตอนแรกที่ป้าเหม่ยกุ้ยไปเคาะประตูเรียก จงแดสงสัยว่ามีอะไร แต่พอหญิงกลางคนถามว่าอยากไปทำงานกับลูกชายของนางหรือเปล่า ย้ายไปอยู่กับอี้ชิง ไปทำงานที่เดียวกับพี่ชายข้างห้อง เงินก็ดีอีกทั้งเจ้านายก็ใจดี แค่ได้ยินแบบนั้นจงแดก็แทบจะตกลงไปทันที ตอนนี้ไม่ว่าจะงานอะไรขอให้มีงานทำก็พอ จูจินกำลังจะเข้าเรียนอนุบาล เรียนช้าว่าเด็กทั่วไปถึงสองปีเพราะยังไม่มีเงินจะเสียค่าเทอมให้ แม่ทำงานกับนายญี่ปุ่นได้เงินมาแค่พอกินพอใช้ไปวันๆ จะงานไหนตอนนี้ให้ได้เงินไปให้ค่าเทอมน้องสาวจงแดก็ทำ เพราะถ้าเข้าเรียนช้ากว่านี้น้องจะเรียนไม่ทันเด็กคนอื่น
“เก็บของไปอยู่กับเจ้าอี้ชิงมันเลยเอ็ง แล้วก็คืนห้องที่นี่ไป ไปช่วยออกค่าน้ำค่าไฟช่วยเจ้าอี้มันแทน”ป้าเหม่ยกุ้ยบอกอย่างนั้น จงแดเลยกระวีกระวาดเก็บของที่จำเป็นพร้อมเสื้อผ้าลงกระเป๋า เครื่องใช้ไฟฟ้าเดี๋ยวค่อยกลับมาเอาทีหลัง
“เอ้า จะมาได้หรือยัง”เห็นว่าเด็กที่จะไปด้วยกันไม่ออกมาเสียทีจางอี้ชิงจึงเปิดประตูเข้ามาถาม ป้าเหม่ยกุ้ยบอกให้เจ้าลูกชายอย่าใจร้อน ดันหลังจงแดให้ไปหาลูกชายของนาง กำชับให้อี้ชิงอย่าขับรถเร็ว ของก็เยอะพอตัว เดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุเอาเสีย
“ใบนั้นถือไว้กับตัวนะ”อี้ชิงบอกคนที่เดินตามออกมา เขาสวมหมวกกันน็อคเข้าที่หัว ขาวยาววาดคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง บอกให้จงแดขึ้นซ้อนท้าย คนที่ไม่เคยขึ้นมอเตอร์ไซค์มาก่อนเงอะงะ เพราะปรกติจะไปไหนมาไหนก็เดินเอา ไกลมากก็นั่งรถเมล์ พอขึ้นไปนั่งได้ก็กอดกระเป๋าตัวเองแน่น กลัวว่าถ้ารถวิ่งเร็วจะร่วงลงไปหรือเปล่า
“เกาะเอวไว้สิ”บอกแล้วจับมือซึ่งยึดกระเป๋าแน่นมาจับที่เอวของตัวเอง อี้ชิงใส่เกียร์แล้วค่อยๆบิดคันเร่งออกรถ จงแดขยับเข้ามาชิดอีกเล็กน้อย ยกมือจับเอวคนขับไว้ทั้งสองข้าง อี้ชิงบอกถ้าอยากหลับก็พิงหลังได้ อีกนานเหมือนกันกว่าจะถึงหอ
“ไม่เอาครับ”ปฏิเสธทันที เวลานี้ใครจะกล้าหลับลงกันเล่า? อี้ชิงหัวเราะน้อยๆ ตบกระจกหมวกกันน็อคลงมาปิดหน้าแล้วตั้งใจมองถนน

คนขาย

หอพักของอี้ชิงเป็นหอกลางเก่ากลางใหม่ เจ้าของหอทักชายหนุ่มตั้งแต่เห็นเดินเข้ามา ถามว่าพาใครมาด้วย หน้าตาจิ้มลิ้มดี ติดที่ผอมไปนิด
“เจ๊อ้วนเองแล้วว่าคนอื่นผอมป่ะวะ?”กวนตีนกันในฐานะคนที่สนิท แล้วก็หัวเราะร่าเพราะเจ๊เว่ยเจียงด่าฉอดๆกลับมาว่ารูปร่างหล่อนน่ะรูปร่างคนมีอันจะกินหรอก ใช่จะอ้วน เขาเรียกอวบน่าจับ
“ไปๆ ขึ้นหอไปเลยก่อนฉันจะเตะส่งแกนะอี้ชิง”หญิงร่างท้วมตะเพิดไล่ จงแดเดินตัวลีบๆตามหลังคนที่นำไปก่อน อี้ชิงกดเรียกลิฟท์ไปยังชั้นสาม จงแดดูตื่นตาที่รู้ว่าห้องพักของอี้ชิงอยู่ชั้นบน ถึงจะไม่บนสุดแต่ก็เพิ่งเคยได้ลองเหยียบที่แบบนี้ เคยแต่เงยหน้ามองหน้าต่างที่ลอยอยู่ชั้นสูงๆ อยากรู้ว่าถ้ามองจากบนหน้าต่างบานนั้น ข้างล่างจะเป็นลักษณะแบบไหนกัน
“เตียงนั่นเป็นของฉัน แต่ถ้าจะนอนด้วยกันก็ไม่เป็นไร”ชี้ที่เตียงซึ่งตั้งอยู่ในห้อง จงแดส่ายหน้าบอกว่านอนพื้นเองก็ได้ ถึงจะไม่มีฟูกก็ไม่เป็นไร เพราะห้องเช่าเก่าก็ไม่ได้นอนฟูกเหมือนกัน อาศัยมีเสื่อน้ำมันรองก็พอแล้ว
“ตามใจ”อี้ชิงว่า บอกให้อาบน้ำได้ ห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือของประตูทางเข้า ส่วนเขาต้องออกไปทำงานแล้ว ใกล้เวลาเข้างานเต็มแก่
“แล้วผมจะทำงานได้วันไหนครับ?”ถามเพราะเห็นว่าอีกคนจะไปทำงาน อี้ชิงบอกไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน วันนี้ก็อาบน้ำนอนไปก่อนเลย หรือจะรื้อของที่เอามาด้วยเก็บเข้าที่ก็ได้ ตู้เสื้อผ้ามีตู้เดียว อยากใช้ฝั่งไหนก็ตามสบายแต่ให้เอาผ้าพลาสติกกั้นแยกไว้
“ขอบคุณนะครับ”อี้ชิงบอกปัดว่าไม่เป็นไร เห็นเดือดร้อน ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป จากนี้อี้ชิงก็ถือเป็นผู้ปกครองกลายๆ ยังไงก็เชื่อฟังกันบ้างก็ดี
“ถ้าหิวล่ะก็ มีมาม่าอยู่นะ ต้มน้ำเอา”บอกเป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะออกจากห้องไปทำงาน จงแดยืนคว้างอยู่กลางห้อง ไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนดี เห็นกระเป๋าที่ติดตัวมาสามใบวางอยู่เลยเริ่มจัดของก่อน ใช้ผ้าพลาสติกกั้นตู้เสื้อผ้าเป็นส่วนของอี้ชิงและจงแดตามคำสั่ง ของใช้ส่วนตัวก็เอาใส่ตะกร้าใบเล็กที่เจอในห้องน้ำเอาไว้ แยกว่าอันนี้เป็นของตนไม่ปนกับของเจ้าบ้าน  
จะว่าไปก็หิวอยู่เหมือนกัน ทำงานทั้งวันนอกจากไม่ได้กินข้าวและยังไม่ได้เงินค่าจ้าง กลับมาถึงห้อง กำลังจะกินข้าวแต่ป้าเหม่ยกุ้ยก็มาตามกันเสียก่อน ลองเปิดตู้เก็บของดูเจอห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปห่อหนึ่ง จงแดพูดขออนุญาตกับอากาศในห้องแล้วแกะห่อมาใส่ชาม ตั้งกาน้ำร้อนบนเตาแก๊ส แอบงงน้อยๆเพราะเป็นเตาแบบที่ไม่เคยใช้ เตาแก๊สของจงแดต้องใช้ปืนไฟแช้คยิง ไม่ใช่บิดแล้วติดเลยแบบนี้
เมื่อน้ำร้อนได้ที่ก็มาเทใส่บะหมี่ รอให้เส้นสุกอืดเต็มชามถึงค่อยกิน ปรกติแล้วจงแดไม่กินของพวกนี้ เขามักจะหุงข้าวเอาไว้ เวลาจะกินก็นำมาต้มอีกครั้งกลายเป็นข้าวต้มเละๆ กินน้ำเยอะๆก็หนักท้องนอนหลับสบายดี เครื่องเคียงก็ไชโป๊วดองบ้างหรือผักกาดเค็มบางแล้วแต่ว่าอันไหนจะราคาถูกกว่ากัน
ดูๆไปก็น่าสมเพชมากกว่าน่าสงสาร...
แต่ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อจะได้มีเงินเยอะๆ มัวแต่ใช้จ่ายกับของกินหลากหลายและปริมาณมาก จูจินคงไม่มีค่าเทอมเทอมนี้แน่ๆ นึกถึงค่าเทอมก็เบิกตากว้างกระโดดผลุงไปรื้อกระเป๋าสะพายที่ใส่ของจุกจิกมา ค้นอยู่นานพอเห็นว่าสมุดบัญชีเงินฝากยังอยู่ดีก็โล่งใจ เปิดดูยอดคงเหลือแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา พอดีกับค่าเทอมจูจินพอดี
แต่ก็ไม่เหลือสำหรับค่าใช้จ่ายเดือนนี้ของจงแด...
ได้แต่บอกตัวเองให้อดทน พี่อี้ชิงก็ดูเป็นคนใจดี ลองขอพึ่งพาสักครึ่งเดือนระหว่างรอทำงานได้เงินก็คงจะไม่ใจดำกันเกินไป นึกถึงพี่อี้ชิงขึ้นมาก็พูดคำว่าขอบคุณอีกครั้ง จงแดไม่รู้จะขอบคุณยังไงกับความใจดีที่อีกคนมีให้ เพราะไม่ได้สนิทกันมากมายแต่เห็นจงแดเดือดร้อนก็ให้ความช่วยเหลือ
รู้สึกประทับใจพี่ชายคนนี้เหลือเกิน...


คนขาย

เมื่อคืนอี้ชิงกลับมาตอนไหนไม่รู้ แต่ตื่นเช้ามาก็เห็นพี่ชายข้างห้องนอนอยู่บนเตียงแล้ว จงแดไม่อยากปลุกอีกคนเลยปล่อยให้อี้ชิงนอนไปแบบนั้น เขาตื่นเช้าเป็นนิสัยเลยไม่สามารถจะข่มตานอนต่อได้ คว้าเสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำให้สดชื่นแล้วออกมานั่งอยู่เฉยๆเพราะไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่รอให้อีกคนตื่นเท่านั้น สักประมาณแปดโมงคนที่หลับอยู่ก็งัวเงียลุก อี้ชิงดูตกใจที่เห็นเด็กตัวผอมนั่งอยู่ในห้องแต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่ารับจงแดเด็กข้างห้องแม่มาอยู่ด้วยแล้ว มือเรียวขยี้หัวถามว่า ตื่นเช้าแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?
“ครับ ปรกติต้องไปส่งหนังสือพิมพ์ก่อน แต่เฮียเจ้าของร้านไล่ผมออกเพราะส่งช้า”ที่จริงจงแดก็ไม่ได้ส่งหนังสือพิมพ์ช้า เขาใช้สองขาเดินไปตามบ้านแต่ละหลัง สองแขนก็แบกกระเป๋าสะพายบรรจุหนังสือพิมพ์หลายสิบฉบับ ทั้งเหนื่อยทั้งหนัก เลยส่งไม่ทันหลายๆบ้าน ลูกค้าเลยโวยวายกับเฮียเจ้าของร้าน เลยถูกไล่ออกตอนทำมาครบสามอาทิตย์พอดี
งานอื่นก็เหมือนกัน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่จงแดเปลี่ยนงานบ่อยกว่าซื้อเสื้อตัวใหม่ใส่เสียด้วยซ้ำ มีพวกงานเสิร์ฟอาหารเดลิเวอร์รี่ตามบ้านที่ทำได้นานอยู่เป็นปีเพราะร้านมีรถจักรยานให้ปั่นไปส่ง แต่ก็เลิกทำไปเพราะร้านเจ๊งนั่นล่ะ
“อาบน้ำแล้วเหรอ รอเดี๋ยว จะพาไปกินข้าว”อี้ชิงบอกแล้วหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ ออกมาก็ยังเห็นจงแดนั่งอยู่ท่าเดิมเลยเรียกให้ลุกขึ้น ถามว่าอยากกินอะไร
“อ่า...”ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เพราะจงแดไม่เคยกินข้าวเช้าเลย ตื่นมาส่งหนังสือพิมพ์ เที่ยงก็ไปทำงานต่อ ก่อนหน้านี้เป็นคนยกของร้านขายต้นไม้ เขาก็ไล่ออกเพราะทำงานไม่ไหว มาล้างจานร้านอาหารก็เกิดเรื่องเหมือนเมื่อวาน
“อย่าบอกนะว่าไม่ไม่เคยกิน?”ถามเสียงสูง จงแดหลุบตาต่ำบอกว่าใช่ เขาจะไม่กินข้าวเช้ากับกลางวัน แต่กินข้าวเย็นรอบเดียว อี้ชิงเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อหู ทำไมเด็กนี่ถึงได้ทรมานตัวเองขนาดนี้ เพียงเพราะเก็บเงินอย่างนั้นน่ะเหรอ
“ต่อไปนี้นายต้องกินข้าวเช้า คนเราจะมีแรงทำงานได้ยังไงถ้าไม่กินข้าว ไม่ต้องเถียงด้วย ไป! ฉันเลี้ยงเองก็ได้มื้อนี้”ชี้หน้าบอกให้อย่าเถียงเพราะจงแดอ้าปากท่าจะพูดอะไร อี้ชิงกระตุกมือเด็กตัวผอมให้ออกจากห้องได้แล้ว พาซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปกินข้าวต้มกุ๊ยร้านดัง สั่งพิเศษเพิ่มข้าวให้ไอ้เด็กตัวผอม ยัดเยียดให้กินเข้าไปเยอะๆ
“วันนี้ฉันไม่มีเรียน จะพาไปสมัครงานที่ร้านเลยแล้วกัน”อี้ชิงพูดขึ้นมา จงแดซึ่งละเลียดข้าวต้มเข้าปากขานรับ ยังไงก็ได้แล้วแต่อี้ชิงเลยเพราะอีกคนเป็นธุระจัดการให้ สรุปคือพอกินข้าวกันเสร็จอี้ชิงก็พากลับหอไปเอาของก่อนจะพาซ้อนท้ายไปร้านที่ชายหนุ่มทำงาน หน้าร้านเหมือนร้านอาหารทั่วไป อี้ชิงบอกว่าร้านจะเปิดช่วงดึกเพราะเป็นร้านอาหารกึ่งผับ
“มาทำห่าอะไรตอนกลางวันวะอี้”ใครสักคนที่ถูพื้นในร้านอยู่เงยหน้ามามองคนที่เพิ่งเดินเข้าร้าน อี้ชิงบอกกับอีกคนว่าพาน้องมาสมัครงาน ถามหามาม่าซังว่าอยู่หรือเปล่าก็ได้คำตอบว่าหญิงใหญ่เจ้าของร้านที่อี้ชิงเรียกว่ามาม่าซังน่ะนอนกกผัวเด็กอยู่ในห้องนั่นแหละ ถ้าจะคุยเดี๋ยวจะขึ้นไปเรียกให้ อี้ชิงขอบใจแล้วพาจงแดไปนั่งที่โซฟา ไม่นานร่างสะโอดของมาม่าซังก็นวยนาดออกมาจากห้องนอนของเจ้าหล่อน ชุดคลุมนอนสีแดงสดกรุยกรายลากพื้น เสียงแจ๋นด่าว่าจะเรียกอะไรกันแต่เช้าแต่พอเห็นอี้ชิงก็เปลี่ยนทีท่าเป็นพูดจาฉอเลาะถามว่าอาอี้มีธุระอะไรถึงได้มาหากันแต่กลางวันแบบนี้
“เอาน้องมาฝากทำงานครับมาม่า เห็นบอกขาดเด็กเสิร์ฟอยู่ใช่ไหม?”เจียนจี้ฟางพิจารณาเด็กที่นั่งข้างอี้ชิงแล้วเดาะลิ้นอย่างสนใจ ใบหน้าจิ้มลิ้มดี ตัวก็เล็กเท่านี้ ถ้ามีเนื้อมีหนังหน่อยก็คง...
“ไม่ได้เอามาทำงานแบบนั้นนะมาม่า”เสียงทุ้มของอี้ชิงพูดดักทางเมื่อเห็นว่ามาม่าซังคนงามกำลังมองคิมจงแดด้วยท่าทีแบบไหน
บ้านดอกเหมยนอกจากเป็นร้านอาหารกึ่งผับแล้ว เบื้องหลังยังเปิดค้าประเวณีด้วย มาม่าซังคนสวยนอกจากจะคุมกิจการร้านอาหารยังเป็นแม่เล้ารายใหญ่ของย่านนี้ ที่เงินดีก็เพราะรายได้ในร้านนั้นสะพัดนั่นล่ะ คนมาเที่ยวกินด้วย หิ้วอีตัวขึ้นห้องด้วย อี้ชิงเล่นเพลงเพราะก็ได้ทิปหนักเป็นธรรมดา
“แหม ก็ดูเฉยๆ มาเสิร์ฟก็เสิร์ฟ ม่าไม่เคยบังคับเด็กคนไหนอยู่แล้ว แต่หน้าตาแบบเนี้ย เรียกแขกได้ดีแน่ๆ”ยังไม่วายชมใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กตรงหน้า จงแดงงว่าทั้งสองคนพูดอะไร แต่ไม่ทันจะได้ถามอี้ชิงก็บอกขอบคุณมาม่าคนสวยแล้วบอกว่าจะให้จงแดมาเริ่มงานคืนนี้เลย
“โอเคจ้า อาอี้ก็มาเร็วๆหน่อยนะ ม่าคิดถึง”หล่อนพูดเสียงยั่วเย้า แต่จางอี้ชิงกลับไม่ได้รู้สึกสนใจเลยสักนิด ดึงจงแดให้ลุกขึ้นแล้วออกจากร้านปล่อยให้มาม่าซังคนงามกระฟัดกระเฟียดที่ไม่ยอมสนใจหล่อน
“มาม่าคนนั้นเขาชอบพี่เหรอครับ?”จงแดถามออกมา เห็นว่าหญิงสาวสนใจในตัวอี้ชิงมากขนาดนั้น อี้ชิงส่ายหัวบอกไม่ใช่เรื่องของเด็ก เขาฝากอีกคนให้ทำงานในตำแหน่งเด็กเสิร์ฟ เพราะฉะนั้นให้ทำงานของตัวเองเท่านั้นพอ แล้วกับมาม่าซังคนนั้นก็อย่าไปยุ่งด้วยมากนัก อี้ชิงเห็นสายตาที่เจียนจี้ฟางมองจงแดก็รู้ว่าหล่อนอยากได้เด็กนี่ไปอยู่ในเหล่าบรรดา “ลูก” ของหล่อน
“จำไว้นะ ที่ฉันบอกให้เชื่อฟังกันบ้าง...นายเป็นเด็กเสิร์ฟ อย่าทำอะไรนอกเหนือจากการเสิร์ฟอาหาร”อี้ชิงเอ่ยบอกและจงแดพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ คนแก่กว่าชมว่าดีมาก เขาไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่เมื่อเห็นมาม่าซังมองจงแด จริงอยู่ที่บ้านดอกเหมยไม่นิยมขายผู้ชายแต่ใช่ว่าแขกที่มาจะไม่มีรสนิยมแบบนั้น
คนหน้าเงินแบบเจียนจี้ฟาง ถ้าลองลูกค้าอยากได้ก็ต้องหาไปประเคนแลกเงินเป็นฟ่อนที่จะได้กลับมา แล้วท่าทางคิมจงแดจะเป็นที่น่าสนใจพอตัวเลยเชียวล่ะ
คนขาย

ถึงเวลาเข้างานอี้ชิงเอาจงแดมาทิ้งไว้กับคนรู้จักที่ชื่อจื่อเทาซึ่งเจอกันแล้วตอนเมื่อกลางวัน ตัวเองไปเซ็ทกีต้าร์รอขึ้นแสดง จื่อเทาบอกว่ามาม่าให้เตรียมชุดพนักงานไว้ให้แล้ว ผู้ชายจะใส่เสื้อเชิ้ตคอปกแบบคนจีนสีดำสนิท ให้จงแดไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำพนักงานก่อน กฎของที่นี่พนักงานต้องอาบน้ำและฉีดน้ำหอมดับกลิ่นตัวก่อนเริ่มทำงาน ทั้งร้านจะอวลไปด้วยน้ำหอมกลิ่นกุหลาบเป็นกลิ่นเดียว ลูกค้าก็จะไม่หงุดหงิดใจกับกลิ่นกายของพนักงาน
จงแดรับเสื้อมาถือ จื่อเทาบอกว่าใส่กางเกงยีนตัวเดิมก็ได้ แต่เปลี่ยนเสื้อเสีย ได้ยินแบบนั้นเลยจำใจเดินเข้าห้องอาบน้ำของพนักงานไป ด้านในเต็มไปด้วยครีมอาบน้ำและสบู่กลิ่นกุหลาบ จงแดเลือกจะหยิบสบู่มาใช้เพราะไม่เคยใช้ครีมอาบน้ำมาก่อน ฟอกตัวแล้วล้างออกจนสะอาด ซับเนื้อตัวด้วยผ้าขนหนูซึ่งมีพาดไว้ในห้องอาบน้ำแล้วใส่กางเกงกลับเข้าขา ตามด้วยสวมเสื้อเชิ้ตของทางร้าน ยิ่งใส่สีดำแบบนี้จงแดยิ่งดูตัวเล็กมาขึ้น แขนเสื้อก็ยาวจนเลยมือของเขาไปเลยต้องพับเพื่อให้พอดี ออกจากห้องน้ำมาก็เห็นจื่อเทารออยู่แล้ว เพื่อนร่วมงานคนแรกที่รู้จักชมเปราะว่าจงแดดูดีในชุดแบบจีนแบบนี้
“ถ้าสวมกี่เพ้านะ คงน่ามอง”พึมพำเบาๆ เนื้อตัวที่ผอมแห้งแต่ก็ขาวเนียน หน้าตาก็น่ารักดี จริงอย่างที่มาม่าซังบอกว่าเด็กใหม่นี่ถ้าขายคงมีแต่คนรุมซื้อ ติดที่เป็นผู้ชาย ร้านนี้น่ะขายยาก
“เราจะไปทำงานกันได้หรือยังน่ะจื่อเทา”ถามเพราะเห็นอีกคนจ้องกันนานแล้ว จื่อเทาส่ายหัว ส่งเสียงจุ๊ๆบอกว่าตนน่ะอายุยี่สิบสองเท่าอี้ชิง ให้จงแดเรียกว่าพี่นำหน้าด้วยสิ จงแดเกาแก้มเขินๆ เห็นอีกคนหน้าเด็กเลยนึกว่าเป็นรุ่นเดียวกัน แต่ก็ยอมเรียกอีกคนว่าพี่จื่อเทาตามที่อีกคนบอก
งานของจงแดคือการเสิร์ฟอาหาร อี้ชิงบอกกับจื่อเทาว่าไม่ให้จงแดเสิร์ฟเครื่องดื่ม เพราะได้ยินกิตติศัพท์ความซุ่มซ่ามของคนตัวเล็กมาจากแม่พอสมควร อีกอย่างเครื่องดื่มในร้านก็เป็นของราคาแพงทั้งนั้น เสียหายมาจะรับผิดชอบไม่ไหว
“จงแด เอาปลานึ่งไปเสิร์ฟโต๊ะวีไอพีด้วยนะ บนชั้นลอยน่ะ”เสียงพ่อครัวบอกพร้อมถาดปลานึ่งถูกเลื่อนมาตรงหน้า จงแดมองตามมือของพ่อครัวชี้ไปบนชั้นลอย โซนนั้นจื่อเทาบอกว่าเป็นโซนวีไอพี จะมีพนักงานประจำที่ดูแล จงแดไม่ต้องไปเสิร์ฟ กำลังจะหันไปบอกพ่อครัวแต่ชายร่างท้วมก็กลับไปขลุกอยู่หน้าเตาแล้ว มองหาจื่อเทาก็ไม่เห็นเลย ลูกค้าก็เข้ามาแน่นขนัด สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา คงต้องเอาไปเสิร์ฟเอง
ยกถาดปลานึ่งมาถึงตีนบันไดที่จะขึ้นชั้นลอย มีการ์ดสองคนยืนเฝ้าอยู่ คงเป็นโซนวีไอพีจริงๆ จงแดบอกว่ามาเสิร์ฟอาหาร การ์ดสองคนนั้นเปิดยกฝาครอบดู ไม่เห็นสิ่งผิดปรกติหรือแปลกปลอมถึงให้ขึ้นไป ชั้นลอยโซนวีไอพีจะเชื่อมทางเดินไปอีกด้าน จงแดไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร มองโต๊ะทั้งหมดมีแค่ด้านในสุดเท่านั้นที่มีคนนั่งอยู่ คนตัวเล็กถือถาดไปใกล้ พูดขออนุญาตเสิร์ฟก่อนจะยกถาดปลานึ่งลงวางบนโต๊ะ
“อ้าว เดี๋ยวนี้โซนวีไอพีเขาให้ผู้ชายทำด้วยเหรอ?”เสียงใครสักคนทักขึ้นมา พร้อมกับมือกว้างๆจับแขนจงแดเอาไว้ เสียงโห่แซวดังขึ้นถึงได้รู้ว่าทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยผู้ชายวัยรุ่น ตอนที่เดินมาเสิร์ฟก็เอาแต่ก้มหน้าเลยไม่ได้สังเกต มีหญิงสาวพนักงานของร้านนั่งแซมอยู่ที่หลายๆมุมของโต๊ะ เธออยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงสดยาวกรอมเท้าแต่แหวกขึ้นมาถึงขาอ่อน วงแขนเนียนขาวของหญิงสาวโอบรอบคอของลูกค้าหนุ่มเอาไว้
“ว่าไงน้องชาย โซนนี้ได้ข่าวว่าให้แต่ผู้หญิงทำไม่ใช่เหรอ?”คนที่จับแขนของจงแดยังไม่ปล่อยซ้ำยังตั้งคำถาม คนตัวเล็กมองพนักงานร้านเดียวกันอย่างขอความช่วยเหลือ พวกเธอบอกกับแขกของเธอว่าคงจะผิดพลาด แค่ไล่เด็กคนนี้กลับไปก็จบแล้ว
“ได้ไงกัน คนนี้มาเสิร์ฟก็ต้องให้คนนี้นั่งกับฉันสิ”เขายิ้มกริ่ม ฉุดจงแดให้มานั่งด้วยกันแต่คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ บอกลนลานว่าแค่มาเสิร์ฟ กลัวว่าการมาเสิร์ฟที่โซนวีไอพีโดนไม่ได้รับคำสั่งจะเป็นความผิด กลัวจะถูกไล่ออกอีกครั้ง กลัวว่าจะหางานทำไม่ได้อีกแล้ว
“ปล่อยเด็กมันไปเถอะค่ะ มันเป็นผู้ชายนะคะ เดี๋ยวเหมยลี่เรียกชิงชิงมาให้คุณอี้ฟานดีกว่าไหม? คุณอี้ฟานชอบชิงชิงไม่ใช่เหรอ”พี่สาวคนหนึ่งพูดขัด เธอผละจากลูกค้าที่บริการมาช่วยดึงจงแดออกจากการกอบกุมของมือกว้าง แต่ดูท่าการกระทำของเธอจะทำให้ลูกค้าที่ชื่ออี้ฟานไม่พอใจขึ้นมา ร่างสูงโปร่งถึงได้ยินขึ้นเต็มความสูงแล้วคว้าแขนของเธอเหวี่ยงกลับไปให้คนที่เธอบริการอยู่
“ฉันอยากได้เด็กคนนี้มาดูแล นั่งดื่มด้วย ทำไม? ไม่ได้เหรอ?”ถามเสียงดังจนหญิงสาวที่บริการลูกค้าคนอื่นในโต๊ะอยู่หัวหดกันเป็นทิวแถว ใครก็รู้ว่าคุณชายอี้ฟานน่ะ เวลาอยากได้อะไรก็ต้องได้
“แต่...น้องคนนี้เป็นเด็กเสิร์ฟนะคะ ไม่ได้ทำแบบนั้น”หญิงสาวที่ถูกเหวี่ยงไปเมื่อครูแทรกขึ้นมาอีกครั้ง บนชั้นลอยโซนวีไอพีนี้จะแยกไว้สำหรับแขกกระเป๋าหนักที่อยากจะดื่มกินเคล้าการปรนนิบัติจากหญิงสาวสวย สุดท้ายก็ไปจบกันที่เตียง ซึ่งห้องพักสำหรับบริการอย่างว่าจะเชื่อมต่อตรงทางเดินที่จงแดมองเห็นตอนเดินขึ้นมานั่นล่ะ เพราะฉะนั้นถึงไม่ให้ใครซี้ซั่วขึ้นมาเสิร์ฟ คนที่มาเสิร์ฟโซนนี้ก็ได้หมายถึงหญิงสาวที่ขายบริการเท่านั้น หล่อนสงสารเด็กที่ยืนตัวสั่นเพราะตกใจ เห็นว่ามาใหม่คงยังไม่รู้เลยขึ้นมาเสิร์ฟแบบนี้
“ลี่อิน ฉันว่าฉันพูดชัดเจนนะว่าอยากให้เด็กคนนี้นั่งด้วย”ชายหนุ่มยังย้ำคำเดิมจนเหมยลี่อินชักหน้าเสีย แต่แล้วก็โล่งอกเมื่อมาม่าซังคงได้ยินเสียงทะเลาะดังเลยรีบปรี่มาหา สาวใหญ่กระวีกระวาดดึงตัวเด็กเสิร์ฟคนใหม่ออกจากการจับกุมของแขกบอกอธิบายว่าคงเป็นการเข้าใจผิด เด็กคนนี้ทำหน้าที่เสิร์ฟเท่านั้น ไม่ได้นั่งโต๊ะหรือขึ้นห้องกับลูกค้า
จงแดเบิกตากว้างกับคำว่าขึ้นห้อง...หมายความว่ายังไง...?
“ฉันถูกใจเด็กคนนี้ ถ้ายอมมานั่งดื่มด้วยจะให้ร้อยดอลล์ ว่าไง?”ชูธนบัตรเงินตราต่างประเทศมาตรงหน้า จงแดมองเงินในมือของผู้ชายคนนั้นอย่างตกใจ เงินมากขนาดนั้นเขาจะมาจ่ายเพื่อให้คนอย่างจงแดนั่งดื่มด้วยน่ะเหรอ? ใช่ว่าจะเป็นจงแดคนเดียวที่ตื่นตะลึง เจียนจี้ฟางเองก็แทบตาลุกกับธบัตรสีเทาในมือของอี้ฟาน รู้ว่าคนๆนี้เป็นลูกทูต แถมทั้งยังรวยมาก ไม่อยากจะขัดใจอีกคนแต่เด็กจงแดนี่ก็ทำตำแหน่งเสิร์ฟ ทางร้านแยกชัดเจนระหว่างเด็กเสิร์ฟกับเด็กดริ๊งเด็กหิ้ว ไม่เอามาปนกัน แถมคิมจงแดคนนี้ยังเป็นเด็กในความดูแลของอี้ชิงเสียด้วย
เอายังไงดีล่ะทีนี้...
คิดนานเกินไปอู๋อี้ฟานจึงควักธนบัตรสีเดิมออกมาอีกหนึ่งใบ ถามย้ำว่าตกลงจะเอายังไง สองร้อยดอลล่าสหรัฐ แลกกับการที่เด็กคนนี้มานั่งดื่มด้วย จงแดเบิกตากว้างขึ้นไปอีก ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงยอมแลกเงินมากมายกับการที่แค่เขาไปนั่งดื่มด้วย มาม่าซังคนงามก็คิดไม่ตก มองหน้าจงแดสลับกับเงินที่อยู่ในมือของอี้ฟาน
“อยากได้เงินไหมลูก...”เสียงแหลมเอ่ยถาม
“ม่าอยู่ตรงกลางก็ลำบากใจ หนูไม่ได้มาทำงานแบบนี้...แต่ถ้าหนูตัดสินใจทำเอง...” ปรายตามองจงแดเห็นว่าเด็กชายก็จ้องมองเงินในมือของอี้ฟานอยู่เหมือนกัน คงเป็นเด็กที่ขัดสนพอสมควร เรื่องนี้น่าจะโน้มน้าวได้ง่าย หล่อนกระซิบบอกว่าแค่นั่งๆดื่มเป็นเพื่อนพวกผู้ชายกลุ่มนี้ไม่นาน
“แต่พี่อี้ชิง...”นึกถึงคำพูดของพี่ชายที่บอกเอาไว้ ว่าให้ทำแค่หน้าที่ มีหน้าที่เสิร์ฟก็แค่เสิร์ฟ แต่ดูเงินที่ผู้ชายคนนั้นกำลังถือ...แค่เพียงนั่งเก้าอี้ข้างๆเขาตลอดเวลาที่เขาดื่มกิน
งานแสนง่ายและสบาย...
“พี่อี้ชิงจะไม่รู้ใช่ไหมครับ?”ลังเลระหว่างเงินตรงหน้ากับกรเชื่อฟังอี้ชิง มาม่าซังฉีกยิ้มกว้าง บอกว่าถ้าไม่บอกก็ไม่รู้
“จงแดแค่นั่งอยู่ตรงนี้ คอยยกแก้วให้คุณอี้ฟาน”พูดชื่อผู้ชายร่างสูงแล้วผายมือไปทางคนๆนั้น จงแดมองอู๋อี้ฟาน เขารูปร่างสูงโปร่ง มีใบหน้าที่หล่อคมเข้มติดที่จะดูเย็นชาไปนิด มาม่าซังรุนหลังจงแดให้ไปนั่งที่เก้าอี้ เชิญคุณอี้ฟานให้นั่งลงข้างเด็กตัวผอม รอยยิ้มพอใจเผยที่ริมฝีปากของลูกทูต ส่งธนบัตรใบหนึ่งให้จี้ฟางเป็นค่าตอบแทน และอีกใบส่งให้จงแด
“รับไว้สิ”เขาบอก จงแดเงอะงะกับเงินมากมายที่แค่หย่อนก้นลงนั่งก็ได้แล้ว อี้ฟานเลยจับมือเล็กมารับเงินเอาไว้ บอกว่าร้อยดอลล่านี้เป็นของจงแดทั้งหมด
“บอกทีได้ไหมว่าชื่ออะไร?”อี้ฟานเอ่ยถาม ไม่ได้สนใจเพื่อนร่วมโต๊ะที่อารมณ์ชะงักกับการดื่มกินเพราะเกิดเรื่องเลยทยอยขอพาหญิงสาวไปเปิดห้องก่อน ทั้งโต๊ะเลยเหลือแค่จงแดและอู๋อี้ฟานในที่สุด
“จงแด”เอ่ยบอกแล้วต้องสะดุ้งวาบเพราะอี้ฟานจับมือของตนเอาไว้พลางยกไปหอม กลิ่นกุหลาบกรุ่นทั่วร่างทำให้ร่างสูงพอใจ จะสูดดมกลิ่นหอมนี้ต่อที่แก้มขาวแต่ซูบตอบคนถูกล่วงเกินถึงได้บ่ายเบี่ยง ถามว่าจะทำอะไรเสียงแข็ง
อี้ฟานหัวเราะ เขาผละออก  มือกว้างหยิบแก้วเปล่ามาผสมเหล้าแล้วยื่นให้ บอกว่าถ้างั้นก็ดื่มเสียสิ เงินร้อยดอลล์นั่นจ้างมาดื่มเป็นเพื่อนนะ จงแดมองแก้วตรงหน้าแล้วส่ายหัว เขาไม่เคยดื่มเหล้า อันที่จริงไม่เคยแม้แต่จะเหยียบเข้าใกล้สถานที่อโคจรแบบนี้ด้วยซ้ำ งานที่จงแดทำมีแต่งานที่ทำช่วงกลางวันทั้งนั้น
“ผมดื่มไม่เป็น”บอกกันตรงๆ อี้ฟานหัวเราะ ยิ้มถูกใจเผยอย่างปิดไม่มิด ถูกใจตั้งแต่แรกเห็น คนตัวเล็กที่ถือถาดปลานึ่งเข้ามา ดูถาดนั่นใหญ่ไปเมื่อเทียบกับขนาดตัว แต่เด็กคนนี้ก็ถือได้อย่างมั่นคง ยิ่งมองชัดๆ ความจิ้มลิ้มในใบหน้ายิ่งทำให้อี้ฟานนึกชอบใจมากขึ้น เขาไม่เคยปิดบังว่าตัวเองเป็นไบ เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเพื่อนๆที่เขาจะนึกถูกใจเด็กผู้ชายสักคน
เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกคงเพิ่งมาทำงานที่นี่ด้วย ใบหน้าจิ้มลิ้มแบบคนเอเชียแต่ไม่เหมือนคนจีนเสียทั้งหมดทำให้เขาต้องตาสุดๆ ถูกใจจนอยากได้ขึ้นมา
“ไม่ดื่มก็ได้ ฉันดื่มคนเดียว...”เขายอมไม่บังคับ นึกเอ็นดูเลยยกมือขึ้นลูบหัวของเด็กตัวผอม ถามว่าทำไมถึงผอมได้ขนาดนี้จงแดก็ส่ายหน้า บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน อี้ฟานยิ้มขำ แอบกดริมฝีปากหอมแก้มซูบตอบไปหนึ่งที แม้จะไม่ได้นิ่มเหมือนแก้มหญิงสาวร่างอวบสักคนแต่ก็หอมอ่อนๆรัญจวนใจดีเหมือนกัน เห็นคนตัวเล็กเบิกตากว้าง ถดกายออกห่าง ถามเสียงแข็งกว่าเดิมว่าจะทำอะไร
“เดือดร้อนเรื่องเงินเหรอ?”ถามออกมาไม่สนใจที่จงแดถามเขาเลยสักนิด เขาเห็นจงแดเก็บเงินที่เขาให้อย่างดีที่กระเป๋ากางเกง จับแล้วจับอีกเหมือนกลัวว่าธนบัตรนอกใบนั้นจะหายไป จงแดพยักหน้าแต่ไม่ได้ตอบอะไร คิ้วเรียวขมวดมุ่นสีหน้าไม่ไว้วางใจในตัวอี้ฟาน
อี้ฟานหยิบธนบัตรขึ้นมาอีกใบ ถามว่าจงแดอยากได้มันไหม? ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มสะท้อนภาพกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีมูลค่าหลายหยวน แค่ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็มากแล้ว ถ้าได้ใบนี้อีกก็คงมากขึ้นไปอีก
คำตอบของจงแดคือการพยักหน้าลง จะมีใครบ้างที่ไม่ต้องการเงิน โดยเฉพาะคนจนๆแบบเขา คนจนๆที่ยังมีแม่และน้องรออยู่ที่เกาหลี ทำงานมาทั้งชีวิตยังไม่เคยได้เงินมากขนาดนี้มาก่อน ถ้าให้อีกก็เอา ไม่เอาก็คงโง่เกินทน
“คุณจะให้ผมเหรอ?”ถามแต่สายตายังคงมีความระแวง เขาบอกว่าจะให้ ถ้าจงแดทำบางอย่างก่อน คนตัวเล็กถามว่าอะไร สิ่งไหนกันที่จะแลกกับเงินอีกหนึ่งร้อยดอลล่าในมือของอี้ฟาน
“เคยมีอะไรกับผู้ชายไหม?”คำถามตรงๆแต่กลับทำให้คิมจงแดหน้าชา เขาเขยิบออกห่างมากขึ้นทันทีที่อี้ฟานถามแบบนั้น
“ผมไม่ได้ขายตัว”ไม่ได้ใสซื่อจนแปลความหมายไม่ออก มองผู้หญิงที่ทยอยเดินหายไปกับคนอื่นๆในโต๊ะก็คิดได้เลยว่าต้องมีกิจการขายเนื้อแบบนี้แน่ๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกของร้านอาหารกึ่งผับที่จะมีการขายบริการ แต่เขาไม่ได้ขายตัว! เพราะอย่างนี้หรือเปล่าพี่อี้ชิงถึงได้กำชับว่าให้ทำหน้าที่แค่เสิร์ฟเท่านั้น
 “ฉันก็ไม่ได้บอกว่านายขายตัวนี่ แค่ถามดู ถ้านายสนใจ...แค่ยอมฉัน จะให้เงินนี่”ชูธนบัตรหลายใบขึ้นมา มูลค่าของมันมากจนจงแดไม่ต้องทำงานตลอดทั้งเดือนก็ยังได้ จะว่าจงแดหน้าเงินก็คงไม่ผิด เพราะไม่เคยมีเห็นเงินมากขนาดนี้เลยตาลุกวาว ไม่ผิดสำหรับคนไม่เคยมีที่อยากจะได้
“งานง่ายๆ แค่ยอมฉัน”คำพูดของอี้ฟานเหมือนยากล่อมประสาท ดูเงินก้อนนั้นหากได้มา ส่งไปให้แม่คงจะสามารถซื้อรถมอเตอร์ไซค์สักคันได้ ให้แม่ขี่พาจูจินไปเรียนตอนเช้า และไปทำงานที่บ้านนายญี่ปุ่น จะได้ไม่ต้องเดินหรือโหนรถเมล์ให้เมื่อย...
ดูสิจงแด...แค่มีอะไรกับคนๆนี้แม่กับน้องก็จะสบายไปอีกขั้นแล้ว...
“มันจะเจ็บมากไหม?”ถามออกมาพลางหลุบตาต่ำ ท่าทางหวาดระแวงนั้นค่อยๆหายไป อี้ฟานบอกว่าไม่เจ็บ จะค่อยๆทำ เรื่องแบบนี้เขาเจนจนชำนาญ รู้ว่าจะเข้าไปแบบไหนคู่นอนถึงจะมีความสุข จงแดลืมที่พี่ชายข้างห้องบอกเสียสนิทตอนที่กลิ่นเงินมันลอยเตะจมูก มองธนบัตรมูลค่ามากในมือของอี้ฟาน...
เพื่อความสบายของแม่กับจูจิน...

“เราต้องไปห้องไหนกันครับ?”

คนขาย

เตียงดูนุ่มสบาย จงแดไม่เคยนอนบนเตียงมาก่อน เผลอไล้มือไปตามเนื้อผ้าปูอย่าลืมตัว จนเมื่ออี้ฟานเรียกชื่อกันถึงดึงสติกลับมาได้ คนตัวสูงถามว่าจะอาบน้ำก่อนหรือเปล่า แต่ตัวของจงแดหอมมากอยู่แล้ว ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้ คนตัวผอมบอกแล้วแต่อีกคนเลย
“ถึงจะไม่อาบน้ำก็ต้องสวนทำความสะอาด ฉันพกยาสวนไว้ สอดเข้าไปในก้นแล้วนายจะถ่ายออกมาหมด มันเป็นขั้นแรกของการที่ผู้ชายจะมีอะไรกัน จำไว้ด้วยล่ะ”พูดเหมือนกับว่าต้องมีครั้งต่อไป จงแดรับยาสวนทวารมาถือไว้ก่อนจะเข้าห้องน้ำไปทำตามที่อีกคนบอก เจ็บตอนที่หลอดยานั้นเข้าไปในร่าง เมื่อสารแปลกปลอมเข้าไปไม่นานก็ปวดท้องถ่าย และเหมือนจะถ่ายออกจนหมดไส้หมดพุงเสียด้วย
ครึ่งชั่วโมงที่อยู่ในห้องน้ำ จงแดก็กลับออกมาในสภาพอ่อนแรงเล็กน้อย อี้ฟานยกชามะลิให้จิบบอกว่าจะแก้อาการเวียนหัวได้ดี
“จะเริ่มได้หรือยังครับ?”ถามเสียงเบา อี้ฟานถามกลับว่าพร้อมแล้วเหรอ คนตัวเล็กจึงพยักหน้าลง มาถึงตรงนี้จะให้กลับไปมันคงไม่ทันแล้ว ก็รีบเริ่มทุกอย่างและรีบจบมันลงเสียเท่านั้นก็คงจะเป้นอย่างเดียวที่ทำได้ จงแดถูกพาไปนอนบนเตียง สัมผัสนิ่มที่หลังไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคย นอกจากเสื่อน้ำมันผืนเก่าก็ไม่เคยนอนบนอะไรที่นิ่มขนาดนี้มาก่อน กางเกงยีนตัวเก่าถูกถอดออก อี้ฟานส่ายหัวน้อยๆตอนมองเรียวขาที่ไม่มีเนื้อหนังของอีกฝ่าย ขุนให้อ้วนกว่านี้คงน่าจับต้องมากขึ้น
จงแดบิดขาเมื่อกางเกงชั้นในถูกถอดออก ได้ยินเสียงหัวเราะจากอี้ฟาน คงจะขำเพราะขนาดมันเล็กเท่าเมี่ยงเหมือนตัวเจ้าของ แต่ถึงอย่างนั้นถ้าตัวเท่าจงแดแล้วมีขนาดใหญ่กว่านี้คงแปลกน่าดู มือกว้างจับส่วนน่ารักขยับไปมา บอกให้จงแดไม่ต้องเกร็ง นอนสบายๆแต่คนไม่เคยถูกผู้ชายด้วยกันจับต้องของสงวนมีหรือจะเฉยได้ กับผู้หญิงด้วยกันก็ยังไม่เคยเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่บริสุทธิ์พอจะไม่เคยช่วยตัวเองมาก่อน
“ฉันจะคลั่งตาย”เสียงทุ้มรำพึงออกมา มองคนที่นอนแผ่ ถึงจะผอมแห้งแต่ก็เย้ายวนประหลาด ใบหน้าของจงแดขึ้นสีแดงเมื่อกลางกายถูกปั่นปลุก บิดเร้าไปมาชวนมอง อี้ฟานลูบต้นขาเนื้อน้อยไปมา เขาแยกขาของคนเด็กกว่าออก ช่องทางด้านหลังสะอาดสะอ้านเพราะเพิ่งชำระล้างมา เจลเย็นที่มีติดไว้ทุกห้องถูกบีบละเลงก่อนที่ตัวตัวพร้อมใช้งานจะถูกส่งเข้าไป
ดวงตาเบิกกว้าง มือจิกกำผ้าปูที่นอนแน่น ความวาบหวามที่ถูกปลุกเร้าก่อนหน้าหายวับไปกับตาเหลือเพียงความเจ็บแสบที่ยัดเยียดเข้ามา ถึงจะบอกว่ารู้วีทำแต่ครั้งแรก ช่องทางที่ไม่คุ้นชินก็ฉีกขาดอยู่ดี เลือดสีสดไหลท่วมกายของอี้ฟานแต่คนลองได้เข้าไปแล้วจะให้เลิกก็กระไร สะโพกสอบจึงขยับไม่สนเลือดที่หลั่งออกมาเรื่อยๆ จงแดหวีดร้องลั่น ดิ้นปัดเพราะเจ็บแสบ ทุบตีคนด้านบนให้ปล่อยทว่าแขนกลับถูกรวบ เสียงทุ้มกระซิบว่านิ่งซะ แป๊บเดียว แป๊บเดียวเท่านั้น
คำว่าแป๊บเดียวของคนถูกทำกับคนที่ทำมันไม่ได้เท่ากัน สำหรับอี้ฟานก็แค่ชักร่างเข้าออกไม่กี่ทีแต่สำหรับจงแดเหมือนนรกกองอยู่ตรงหน้า เจ็บปวดเกินกว่าจะอธิบาย
เจ็บกว่าถูกเจ้านายหรือเจ้าของร้านอาหารไล่ทุบตีเหมือนหมูเหมือนหมา เจ็บกว่าแผลที่คางซึ่งยังไม่หายสนิท เจ็บกว่านั้นเยอะ...
น้ำตาไหลลงมาที่หางตา หมดแรงจะดิ้นรน อี้ฟานก้มลงหอมแก้มสูดกลิ่นกายแล้วคำรามในคอ รสชาติหอมหวานของความบริสุทธิ์จากเด็กชายอายุแค่สิบหกยิ่งทำให้รู้สึกดีกว่าอะไร กลิ่นตัวจงแดก็หอมไปหมด เนื้อที่ไม่มากแต่กดจูบลงไปก็ขึ้นรอยได้
แรงขยับเข้าออกไม่ผ่อนปรนแต่หนักขึ้น เร็ว รุนแรง ไหนคนที่บอกว่าจะไม่เจ็บ ไหนกันที่บอกว่าจะทำให้คู่นอนมีความสุข?
ขาเพรียวถูกแหวกกว้างดันชิดแผ่นอก จงแดร้อง อึ่ก อึ่ก ในลำคอทุกครั้งที่อี้ฟานกระแทกกายลงมา ประสาทการรับรู้เหมือนจะแตกยับ ได้ยินแค่เสียงร้องในคอของตัวเอง ไม่รู้แม้กระทั่งอีกคนกระชากตัวออกไปเมื่อไหร่หรือน้ำกามขาวขุ่นถูกฉีดเข้ามาที่หน้าท้อง ขาที่ไร้เรี่ยวแรงอ่อนเปลี่ยพับติดเตียง เลือดยังคงไหลไม่หยุด
จงแดกำลังจะตาย...

อี้ฟานถอนตัวออกมาพลางหอบหนัก รสชาติของเด็กหนุ่มนั้นดีเสมอ ยิ่งพิสุทธิ์ยิ่งหอมหวาน เขานับเงินดอลล่าในมือ ไม่พอใจก็หยิบเงินหยวนออกมาด้วย มูลค่าทั้งหมดมากกว่าที่ตกลงกันเอาไว้แต่ใครจะสนเมื่อสิ่งแลกเปลี่ยนนั้นคุ้มค่ากว่าอะไร
“ฉันจะเรียกคนของร้านมาให้ ส่วนนี่เงิน ฉันใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงของนาย”เสียงทุ้มเอ่ยบอกกับคนที่นอนเบิกตาไม่รับรู้อะไร จะว่าสงสารก็ใช่ แต่จงแดก็ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เอง ได้แต่ขอโทษที่ทำให้ต้องเลือดตกยางออกแบบนี้ เป็นครั้งแรกด้วยคงเจ็บเอามากๆ
จูบบนหน้าผากขาวซีดชื้นเหงื่อก่อนจะเดินออกจากห้องไป ไม่ลืมเรียกพนักงานของทางร้านแล้วยัดเงินให้เป็นค่าแรงช่วยดูคนที่นอนอยู่ในห้องด้วย

จงแดขยับมือไปมา มองเพดานสีขาว น้ำตายังไม่หยุดไหล มันรินเอื่อยๆแต่ไม่ยอมหยุดเสียที เสียงดังเรียกชื่อแต่จงแดไม่ได้เห็นว่าใคร สติวูบสุดท้ายนึกถึงแม่กับน้อง ท่องเอาไว้ในใจว่าเงินอยู่ในกระเป๋ากางเกง...
เงิน...
อยู่ในกระเป๋ากางเกง...


TBC.





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น