ลูกค้าคนนี้ชอบโรงแรมมีระดับ
บทที่2..
ฮวังจื่อเทาเดินไปมาหน้าห้องฉุกเฉิน ตามเนื้อตัวเปื้อนจุดเลือดจากคนที่เขาอุ้มออกจากห้องรับรองแขก
เพิ่งโทรบอกให้อี้ชิงตามมาที่โรงพยาบาลเพราะเด็กนี่ถือว่าอยู่ในความดูแลของอี้ชิง
เขาไม่รู้ว่าคิมจงแดไปนอนอยู่ในห้องนั้นได้ยังไง
รู้แค่คนที่สร้างรอยบาดแผลให้เด็กคนนี้คืออู๋อี้ฟาน คนที่มาเรียกเขาให้เข้าไปดู
“เด็ก” ที่ตัวเองบอกว่าเผลอรุนแรงด้วยไปนิด
จื่อเทาสบถในลำคอ
นี่ไม่นิดแล้วมั้ง? เยินเสียขนาดนี้
เลือดไหลจากบาดแผลไม่หยุดตอนจื่อเทาอุ้มจงแดขึ้นแนบอกแล้วพามาโรงพยาบาล
มาม่าซังร้องลั่นตอนเห็นสภาพเด็กเสิร์ฟคนใหม่ ถามลนลานว่าทำไมถึงสภาพขนาดนี้
หล่อนพึมพำว่าปรกติแล้วคุณอี้ฟานไม่ใช่คนที่รุนแรงขนาดเลือดตกยางออก
ตอนนั้นเลยรู้ว่ามาม่าซังต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่จงแดนอนกับแขกแน่ๆ
“หน้าเงินจริงๆ”พูดถึงเจียนจี้ฟาง
ถึงหล่อนจะใจดีกับลูกน้อง เงินทิปที่ได้จากลูกค้าหล่อนจะไม่เก็บส่วนแบ่ง
ค่าแรงก็จ่ายราคาดี ติดแค่อย่างเดียวคือหล่อนหน้าเงินมากเกินไป
คงได้จากไอ้ลูกทูตนั่นเยอะเลยสินะ ถึงได้ยอมให้จงแดนอนกับมัน ทั้งที่ปรกติแล้ว
เด็กเสิร์ฟจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องบริการวีไอพีแท้ๆ
ถ้าเกิดมีการผิดพลาดมีเด็กเสิร์ฟธรรมดาขึ้นไปโซนวีไอพีก็จะถูกไล่กลับมา
ทางร้านไม่มีนโยบายให้คนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อขายบริการรับแขกเด็ดขาด
แต่นี่...
“เกิดอะไรขึ้นวะ?”เป็นอี้ชิงที่วิ่งหอบมาหา
เหงื่อชุ่มที่แผ่นหลังกว้าง ถามเพื่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น จื่อเทาถอนหายใจเล่าให้ฟังว่าไปเจอจงแดสภาพไหนมา
อี้ชิงสบถหยาบ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
ถามย้ำว่าแน่ใจนะที่บอกว่ามาม่าซังต้องมีส่วนรู้เห็น จื่อเทาพยักหน้า
ก็รู้อยู่ว่าถ้าไม่ได้ขายก็จะไม่ให้รับแขก
การที่จงแดไปนอนกับแขกได้ก็แสดงว่ามาม่าซังรู้เห็นอยู่แล้ว
“ห่าเอ้ย”อี้ชิงยกมือขึ้นลูบหน้า
พอดีกับที่หมอเปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมา
แพทย์สูงวัยรายงานอาการไม่น่าเป็นห่วงแล้วแต่แผลบริเวณทวารหนักค่อนข้างหนักและเสียเลือดมาก
ตอนนี้กำลังให้เลือดและน้ำเกลือ รอย้ายไปห้องพักผู้ป่วยและอยู่ดูอาการสักสามสี่วัน
ถ้าแผลบริเวณทวารหนักเบาอาการลงก็สามารถกลับบ้านได้
“อยู่ดูน้องมันก่อนแล้วกัน
เดี๋ยวกูกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”จับเสื้อเชิ้ตสีดำที่เปื้อนเลือด
ทั้งตามท้องแขนก็ด้วย
อี้ชิงบอกให้เพื่อนกลับไปดูสถานการณ์ที่ร้านด้วยว่ามาม่าซังจะว่ายังไง
ส่วนเขาจะอยู่กับจงแดเอง พยาบาลอนุญาตให้อี้ชิงเข้าไปเยี่ยมดูคนเจ็บได้
สภาพที่เห็นคือเรือนร่างเปลือยท่อนล่าง
ลำตัวท่อนบนถูกสวมด้วยเสื้อโรงพยาบาลแต่ส่วนล่างนั้นถูกพันด้วยผ้าก๊อซ
นางพยาบาลสาวอธิบายว่าช่องทางด้านหลังยังคงปริแตกได้หากขยับกายจึงไม่สวมกางเกงให้คนไข้ป้องกันเลือดเลอะ
“ขอบคุณครับ”เขาบอกขอบคุณเธอก่อนที่หญิงสาวจะผละออกจากห้องฉุกเฉิน
อี้ชิงถอนหายใจ แตะมือที่ใบหน้าซูบซีด
“คิดอะไรของนายนะ”ถามกับคนที่ไม่ได้สติ มองดูรูปร่างที่เล็กบางซ้ำยังผอมแห้งแล้วหดหู่ใจ
แม่บอกเสมอว่าเด็กข้างห้องหาเงินส่งกลับไปให้ครอบครัวที่เกาหลี
จางเหม่ยกุ้ยชื่นชมคิมจงแดว่าเป็นเด็กดี แล้วดูเด็กดีของแม่ตอนนี้สิ...
“ฮื่อ...”เสียงครางฮือในลำคอคนที่หลับตาอยู่ดังขึ้น
อี้ชิงแตะแก้มซูบตอบเบาๆถามว่ารู้สึกตัวแล้วใช่ไหม?
“กา..กางเกง
อึ่ก...กางเกงผม”จงแดไม่ได้ตอบทว่ากลับพูดอะไรไม่รู้เรื่อง
อี้ชิงถามว่ากางเกงอะไร? จงแดก็ยังพึมพำคำเดิมว่ากางเกง กางเกงของจงแด
อี้ชิงขมวดคิ้วถามว่ามีอะไรในกางเกงก็ไม่ได้คำตอบ
จงแดพึมพำอยู่อีกหลายครั้งแล้วก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง
อี้ชิงต่อสายหาจื่อเทาซึ่งกลับไปถึงร้านเรียบร้อยแล้ว
ถามว่ากางเกงของขงแดอยู่ที่ไหน เทาทำท่าทีนึกก่อนจะบอกว่าอยู่ในห้องนั้น
ตอนที่อุ้มจงแดออกมาเขารีบเลยไม่ได้คว้าเสื้อผ้าของเด็กนั่นติดมาเลย
อาศัยเสื้อนอกที่คลุมทับเสื้อเชิ้ตพนักงานคลุมตัวจงแดจนถึงโรงพยาบาล
“ไปดูให้กูที เมื่อกี้น้องมันตื่นมาพึมพำหากางเกง
คงมีอะไรอยู่ในนั้น”เขาบอก จื่อเทารับคำบอกว่าจะไปดูให้
คงยังไม่มีใครเข้าไปทำความสะอาด เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมาม่าซังก็ปิดร้านทันที พวกพนักงานก็ทยอยกลับกันบ้าง
บางคนก็นั่งคุยกันอยู่ด้านล่าง ไม่มีใครไปแถวห้องรับรองแขก
คนขาย
จื่อเทาเปิดประตูห้องที่พาจงแดออกมา
มองเข้าไปสภาพยังเหมือนเดิม บนเตียงยังมีรอยคราบเลือดเกรอะกรัง เขามองข้ามมองไป
ทอดสายตาหากางเกงยีนที่เด็กนั่นใส่จนสุดท้ายก็เห็นมันกองอยู่ที่พื้น
หยิบขึ้นมาสำรวจ ที่กระเป๋าอัดแน่นด้วยธนบัตรหลายใบ
คลี่ออกมาดูพบทั้งเงินสกุลนอกและเงินในประเทศ นับดูแล้วก็หลายหมื่น
...นี่สินะ ค่าตัวของคิมจงแด...
พับธนบัตรเก็บใส่กระเป๋ากางเกงยีนเหมือนเดิมแล้วม้วนกางเกงตัวเล็ก
หาถุงมาใส่เก็บไว้ให้อี้ชิง
เดินลงมาด้านล่างเห็นมาม่าซังกำลังปิดบัญชีของวันนี้อยู่
ข้างๆมีผัวเด็กของหล่อนยืนกระดกเหล้าไม่ห่าง...ไอ้แมงดาโอเซฮุน
“ไม่คิดจะถามถึงอาการเด็กมันบ้างเหรอม่า”เขาเดินไปนั่งตรงหน้าแล้วถาม
ปรายตามองโอเซฮุนเล็กน้อย มันยักไหล่ จูบซับที่ขมับเจียนจี้ฟางแล้วบอกว่าจะไปรอที่ห้อง
พอลับตาผัวเด็กมาม่าซังคนงามก็ถอนหายใจออกมา วางเงินที่นับแล้วลงในกล่องเงิน
ถามว่าแล้วอาการจงแดเป็นยังไงบ้างล่ะ
“ถามแบบนี้ก็ไปดูเองไหมล่ะ?”ตอบแบบกวนตีน
จี้ฟางแยกเขี้ยวใส่ลูกน้อง บอกอย่ามาเล่นลิ้น ถามจริงจังว่าอาการหนักหรือเปล่า
โดยทั่วไปที่ร้านจะไม่มีการรุนแรงขนาดเลือดตกยางออก
ยกเว้นจะได้ค่าแรงเพิ่มตามที่คนขายเองร้องขอ ซึ่งมาม่าซังจะไม่ร่วมส่วนแบ่งนั้น
ถ้าเจ็บตัวก็ต้องรักษากันเอง เพราะถือว่าได้เงินเพิ่มในส่วนนั้นแล้ว
อีกอย่างคุณอี้ฟานไม่มีประวัติรุนแรงขนาดนี้
แม้กระทั่งเหมยชิงชิงที่หนุ่มลูกทูตชอบพอเป็นพิเศษในบรรดาลูกๆของหล่อนก็ยังไม่เคยรุนแรงขนาดนั้น
“สรุปว่าม่าให้เด็กมันขายใช่ไหม?”ถามออกมา
ถึงขั้นนี้แล้วจี้ฟางไม่จำเป็นต้องปิดบัง หล่อนบอกว่าใช่ แต่ก็ถามความสมัครใจแล้ว
เด็กจงแดยอมขายเอง หล่อนไม่ได้ขู่เข็ญอะไร
“แต่ก็เอาเงินมาล่อ?”จื่อเทาจี้ตรงจุดจนจี้ฟางสะอึก
แต่เพียงครู่เดียวหล่อนก็เชิดหน้าขึ้น หยิบปึกเงินขึ้นมากรีด ถามจื่อเทา
ว่าใครล่ะที่ไม่ต้องการเงิน...
กลิ่นสาปของกระดาษธนบัตร
เมื่อมันกองอยู่ตรงหน้าเรามันก็หอมหวานชวนให้กอบโกย ว่าแต่หล่อนเห็นแก่เงิน
ถ้าเด็กคนนั้นไม่อยากได้เงินก็ไม่ยอมนอนกับอี้ฟานหรอก
ก็แฟร์ๆกันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือไง
“แต่นั่นมันเด็กอายุสิบหกนะม่า”เขาแหวออกมาเสียงสูงเลยโดนสวนกลับมาแล้วผู้หญิงที่ขายตัวที่นี่มีใครเข้ามาทำตอนอายุเลยยี่สิบกันหรือเปล่าล่ะ
อย่างยัยชิงชิงคนสวยตัวเรียกแขกนั่นก็ขายตัวตั้งแต่สิบสี่ แค่เพราะเป็นเด็กผู้ชายแค่นี้เลยต้องเดือดร้อนงั้นเหรอ?
จื่อเทาชะงักไป...
ก็เป็นเรื่องจริง แต่ถึงกระนั้น
ภาพที่เด็กผู้ชายตัวผอมบางนอนจมกองเลือดก็ยังติดตา
“เอาเหอะ
พรุ่งนี้อี้ชิงมันมาทำงานก็คุยกับมันเองแล้วกัน
ดูท่าจะหัวเสียน่าดูที่เด็กมันโดนเปิดแบบนั้น”เทาไหวไหล่แล้วลุกขึ้น
ไม่ลืมหยิบถุงกางเกงจงแดมาด้วย
เขาเข้าไปอาบน้ำที่ห้องน้ำพนักงานแล้วจึงขอกลับบ้านบ้าง
พอเดินออกมาทางหลังร้านก็เห็นผัวเด็กของเจียนจี้ฟางยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆที่ทิ้งขยะ
ฮวังจื่อเทายกมุมปากขึ้น
“กลิ่นตัวมึงกับขยะนี่ไม่รู้เลยอันไหนเน่ากว่ากัน”พูดลอยๆตอนเดินผ่านหน้ามันไปขึ้นรถของตัวเอง
เห็นว่าสายตาเรียบเฉยมองตามมา จื่อเทาร้องเหอะในลำคอก่อนจะใส่เกียร์ออกรถทันที
ปล่อยให้โอเซฮุนมองตามไฟท้ายสีแดงจนลับตา...
คนขาย
บ้านดอกเหมยเปิดให้บริการตามปรกติ
ลูกค้าดื่มกินก็ยังคงแน่นขนัดเช่นทุกวัน ผิดแผกไปตรงที่นักกีต้าร์มือดีนั้นไม่ขึ้นทำการแสดง
อี้ชิงมาโวยวายตั้งแต่เมื่อกลางวันถามหามาม่าซังเสียงลั่น
เจียนจี้ฟางโดนพายุอารมณ์นักกีต้าร์รูปหล่อเข้าไปเต็มๆ
หล่อนพยายามจะอธิบายว่าหล่อนไม่ได้บังคับจงแดให้ขายตัวแต่อี้ชิงก็ใช่จะฟัง
เพราะรู้อยู่ว่าถึงไม่ได้บังคับแต่ก็เอาอะไรล่อใจจนจงแดยอมทำ
และเมื่อเห็นจำนวนเงินที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของจงแดก็รู้แล้วว่าทำไมเด็กนี่ถึงได้ยอม
อี้ชิงบอกกับจื่อเทาว่าจะไปดูจงแด
ตอนนี้ย้ายไปอยู่ห้องพักธรรมดาแล้วแต่ก็ยังไม่ฟื้น
อีกอย่างจะไปจ่ายค่าหมอของเด็กนั่นด้วย อย่าถามว่าเอาเงินที่ไหนถ้าไม่ใช่เงินที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงเด็กนั่นเอง
อี้ชิงไม่ได้มีเงินมากขนาดมาออกค่าพยาบาลหลักหมื่นให้ใครหรอก
ทางร้านก็ไม่ออกให้ด้วย เหมือนคนขายคนอื่น ที่ยอมเจ็บเองก็ต้องจ่ายเอง
“คุณ
คนไข้ฟื้นแล้วนะคะ”นางพยาบาลเวรหน้าวอร์ดเอ่ยบอกทันทีที่เห็นอี้ชิง
บอกว่าพอฟื้นขึ้นมาก็ไม่พูดไม่จา ถามว่าใครพามาที่นี่
เธอบอกไปว่าไม่ทราบชื่อแต่เป็นคนรู้จัก คิมจงแดก็เงียบไป
“ขอบคุณครับ”เขาเอ่ยขอบคุณ
หญิงสาวยิ้มรับบอกว่าเป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้ว
ก่อนจะกลับไปสนใจตารางตรวจในมืออีกครั้ง อี้ชิงเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยเข้าไป
ที่นี่เป็นห้องพักเดี่ยวทั้งหมด ทั้งห้องจึงมีแค่คิมจงแดนอนอยู่บนเตียง
เหมือนคนที่นอนนิ่งจะได้ยินเสียงฝีเท้า จงแดผงกหัวขึ้นมาดู พอเห็นเป็นใครก็ไม่ยอมมองสบตา
เหมือนเด็กถูกจับได้ว่าทำความผิดแบบนั้น
“ฟื้นแล้วเหรอ?”อี้ชิงถาม คนอ่อนกว่าพยักหน้า
จะลุกแต่ยังลุกไม่ได้เพราะยังระบมแผลอยู่ แม้จะสวมกางเกงได้แล้วแต่แผลก็ยังไม่หายดี
คงอีกวันสองวันถึงจะออกจากโรงพยาบาลได้
“ฉันจ่ายค่าหมอให้แล้ว
เอาเงินในกระเป๋ากางเกงนายจ่าย”เขาพูดขึ้น จงแดเบิกตากว้าง
ถามว่าเงินในกระเป๋ากางเกงอย่างนั้นเหรอ? แล้วค่ารักษามันเท่าไหร่กัน?
เงินเหลือเท่าไหร่? อี้ชิงบอกให้เงียบหน่อย พูดมากเดี๋ยวจะสะเทือนไปถึงแผล
“เงินยังเหลือ ไม่มากแต่ก็ไม่ได้น้อย...”เขาวางเงินที่เหลือใส่มือให้
จงแดรับไป มองเงินในมือแล้วขอบตากลับร้อนผ่าว มันลดลงเยอะมากจนน่าตกใจ
ถามย้ำว่านี่ใช้แค่ค่ารักษาพยาบาลใช่ไหม? อี้ชิงฉุน
ถามกลับว่าคิดว่าเขาเอาเงินของเจ้าตัวไปหรือไง
“เงินที่แลกมาจากแรงนายฉันไม่คิดอยากจะได้หรอก
แต่ดูสภาพบ้าง รูก้นนายน่ะมันเยินขนาดไหนรู้ไหม? ต้องให้เลือดกี่ถุง
น้ำเกลือกี่ขวด”จงแดหุบปากฉับ อ้อมแอ้มว่าไม่ได้คิดแบบนั้น
“ไม่พอถ้าจะซื้อมอเตอร์ไซค์สักคันแล้วสินะ”พึมพำกับตัวเอง
แต่อี้ชิงก็ได้ยิน เขาส่ายหัว บอกว่าก่อนจะห่วงเรื่องอื่นควรห่วงตัวเองก่อน
สภาพแบบนี้ทำงานก็ไม่ได้
ไอ้เงินที่ได้มาเนี่ยเก็บเอาไว้ใช้ช่วงที่ง่อยเปลี้ยเสียดีกว่า
“นายเอาแต่ห่วงคนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่าจงแด”ดูท่าแล้วคงใช่สินะ
ไม่อย่างนั้นเด็กอายุแค่สิบขวบจะดั้นด้นมาหางานทำที่นี่คนเดียวทำไม
เด็กอายุแค่นั้น คิดถึงแต่การจะหาเงินให้แม่กับน้อง ไม่คิดด้วยซ้ำว่าการอยู่ตัวคนเดียวทั้งที่อายุแค่สิบขวบมันอันตรายขนาดไหน
กินข้าวเก่าต้มน้ำจนตัวผอมแห้งแล้วเอาเงินส่งให้ครอบครัวได้ใช้
“ทำไมไม่ห่วงตัวเองเสียบ้าง”คำถามที่ไม่ได้คิดจะเอาคำตอบ
จงแดหลับตาลง พึมพำคำว่าขอบคุณ มือซุกเข้าไปใต้หมอที่นอนหนุนเพื่อสัมผัสว่าเงินที่เหลือยังอยู่กับตน
ไม่ได้หายไปไหน ทว่าเพียงแค่ใกล้จะหลับใหล สติเกือบจะตัดขาด
ดวงตาเรียวรีก็ลืมพรึ่บขึ้น จงแดร้องเรียกอี้ชิงที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
ถามว่าถ้ารบกวนอะไรสักอย่างจะได้หรือเปล่า
“ช่วยไปโอนเงินให้ผมที
จ..จูจินกำลังจะเข้าเรียนปีแรก ค่าเทอมของจูจินอยู่ในสมุดบัญชี
ผ...ผมจะมอบอำนาจให้ พี่ช่วยไปโอนค่าเทอมให้จูจินหน่อยได้ไหมครับ?”ถามเสียงลน
อี้ชิงมองเด็กตรงหน้า เพิ่งบอกหยกๆว่าให้ห่วงตัวเองเสียก่อน
นี่ยังไม่ได้พ้นสิบนาทีก็ห่วงเรื่องเรียนน้องสาวอีกแล้ว เขารับปากว่าจะทำให้
แล้วจะไปพิมพ์ใบมอบอำนาจมาให้ด้วย พรุ่งนี้ถึงจะไปธนาคารเพื่อโอนเงินก็แล้วกัน
จงแดยกยิ้มอ่อนในใบหน้า พูดคำว่าขอบคุณอีกครั้ง เปลือกตาบางค่อยๆขยับปิดทับดวงตา
คราวนี้ก็นอนหลับได้เสียที...
คนขาย
จงแดมีโทรศัพท์มือถืออยู่เครื่องหนึ่ง
มันเป็นรุ่นเก่าแล้ว แต่ก็สามารถใช้โทรและแชทข้อความได้ปรกติดี แม่เป็นคนไม่สันทัดเรื่องเทคโนโลยี
จงแดเคยส่งเงินให้แม่ก้อนหนึ่ง
เดือนนั้นบอกให้แม่ซื้อโทรศัพท์รุ่นที่มีไลน์มาใช้จะได้แชทหากันได้
ไม่ต้องโทรเพราะมันสิ้นเปลือง แม่ก็ใช้เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง
แต่ก็หัดส่งรูปภาพจูจินมาให้จงแดดูพัฒนาการของเด็กน้อยเสมอ
“น่ารักจัง”เขายิ้มกับเด็กสาวตัวน้อยในรูป
จูจินใส่ชุดนักเรียนอนุบาลของโรงเรียนระดับกลางแห่งหนึ่งที่จำได้ว่าอยู่ใกล้ๆชุมชนแออัดแถวบ้านจงแด
เธอสวมหมวกสีเหลือง นึกถึงตอนตัวเองเรียนอนุบาล
จงแดเองก็เคยสวมหมวกสีเหลืองไปโรงเรียนเช่นกัน
-แม่อยากได้รถสักคันไหม? เอาไว้ขี่พาจูจินไปเรียนกับไปทำงาน-
จงแดพิมพ์ถาม แล้วมันก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว
แต่ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าแม่จะพิมพ์กลับมาสำเร็จ เธอบอกว่าไม่ต้อง เดินไปก็ได้
ไม่ได้ลำบากอะไร ใช้เวลาอีกพอควรอีกข้อความก็ตามมา บอกว่าจงแดเมื่อไหร่จะกลับมา
-กลับมาเถอะลูก นายญี่ปุ่นเขาใจดีนะ บ้านเราไม่ได้ขัดสนขนาดเมื่อก่อนแล้ว-
-กลับมาอยู่ด้วยกันเถอะลูก-
จงแดยิ้มอ่อน ทว่าหัวใจเต้นหนึบ
พิมพ์บอกกลับไป...ว่าคิดถึงแม่ ถามว่าไม่อยากกลับไปหรือ แน่นอนว่าอยาก
แต่เพราะอายุยังไม่ถึงตามกฎหมายเกาหลีกำหนด กลับไปเขาจะหางานทำไม่ได้
อีกสองปีถ้าอายุสิบแปดเมื่อไหร่เขาต้องกลับไปแน่ๆ
-รอจงแดเก็บเงินให้ได้สักก้อนใหญ่ๆก่อนนะแม่
เดี๋ยวจงแดจะกลับไป-
“กินข้าวสิ
แล้วก็ถ้าหายดีแล้วจะกลับไปทำงานก็ได้นะ คราวนี้ก็ไปอยู่ในครัว
ฉันบอกมาม่าซังแล้วว่าห้ามนายทำงานแบบนั้นอีก
รู้ไหมว่าคอยดูแลตอนที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างนี่มันเหนื่อย”อี้ชิงวางกล่องโฟมใส่ข้าวลงตรงหน้า
จงแดเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าสะพาย บอกว่าหายดีแล้ว จะไปทำงาน
และคราวนี้จะเชื่อฟังที่พี่อี้ชิงบอก
“มันคุ้มกันไหมล่ะ? ไปนอนอ้าขาให้เขา ได้เงินมา
สุดท้ายก็เอามารักษาตัวเอง”จงแดส่ายหัว ไม่คุ้ม ไม่คุ้มสักนิด
แต่...ก็ยังอยากจะมีเงินให้แม่ซื้อรถมอเตอร์ไซค์สักคันให้ขับพาจูจินไปเรียน
“จงแด อย่าลืมห่วงตัวเองนะ”เสียงทุ้มเอ่ยบอก
มองเด็กตรงหน้าที่ตักข้าวกินได้นิดหน่อยก็วางช้อน
บอกว่าอิ่มแล้วแต่อี้ชิงก็รู้ว่าจะเก็บเอาไว้กินมื้อต่อไป
ชายหนุ่มบังคับให้อีกคนกินให้หมด จงแดเลยต้องจำใจยกกล่องข้าวขึ้นมาตักกินอีกครั้งหนึ่ง
จื่อเทาตรงเข้ามาหาแล้วขยี้หัวจงแด
ถามว่าหายดีแล้วใช่ไหม? มีหลายสายตาของพนักงานมองตรงมา อี้ชิงพาให้จงแดไปอาบน้ำตามกฎของร้านและเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตพนักงาน
ลากเขาไปฝากคนในครัว ให้ช่วยทำอะไรก็ได้แต่ให้ห่างพวกเตากับเขียงไว้ก็ดี
จงแดเลยโดนไล่ไปล้างผักคงจะปลอดภัยมากที่สุด
มาม่าซังเมื่อเห็นว่าจงแดกลับมาทำงานแล้วก็ปรี่เข้ามาหา
ถามไถ่ว่าไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม
“ม่าไม่คิดว่าคุณอี้ฟานเขาจะดิบขนาดนั้นเหมือนกัน”หล่อนพูดเสียงแหลม
จงแดส่ายหัว บอกว่าอย่าพูดถึงมันอีกเลย แล้วก็ ต่อไปนี้เขาจะไม่ทำงานแบบนั้นอีกแล้ว
“โอเคจ๊ะ ไม่ทำก็ไม่ทำ แต่ถ้าเดือดร้อนเงิน
แล้วคิดว่ามันไม่เสียหายก็บอกม่าได้...ที่นี่น่ะไม่ค่อยมีเด็กหนุ่มๆ มีแต่พวกสาวๆ
เลยเรียกแขกได้แต่พวกผู้ชายแท้ๆหรือไบ อย่างจงแดน่ะ
ถ้าบอกว่าร้านเรามีคนอย่างหนูนะลูก คงมาติดกันให้พรึ่บ”จงแดเอียงคอ คนอย่างเขา? คนอย่างเขามันทำไมกัน?
เจียนจี้ฟางหัวเราะ
เด็กคนนี้ไม่รู้ตัวเองหรือยังไง ว่าหน้าตาก็จิ้มลิ้มดี ไม่ได้ตี๋จ๋าแบบคนจีนเพราะมีเชื้อสายคนเกาหลีอยู่เต็มตัว
ร่างก็เล็กผอมบาง ก็บอกว่าถ้าขุนให้มีเนื้อสักนิดคงจะน่าจับต้องยิ่งกว่านี้
“ไม่ล่ะครับ...ตอนนี้ผมไม่สนใจจะทำแบบนั้นอีก”พูดแล้วก้มลงล้างผักในมืออีกครั้ง
มาม่าซังคนงามหัวเราะ ยกแขนกอดอก
ตอนนี้ไม่สนใจแล้วตอนอื่นจะสนใจหรือเปล่าล่ะคิมจงแด...
คนขาย
จงแดลากถุงขยะออกมาหลังร้าน
แอบปาดเหงื่อเพราะเศษอาหารนี่หนักเอาการ
กว่าจะลากเจ้าถุงดำหนักเท่าหินก้อนใหญ่ไปกองที่ทิ้งขยะได้ต้องใช้เวลาเสียนาน เขาทำงานในครัวมาได้เกือบอาทิตย์แล้ว
มาม่าซังแวะเข้ามาหาบ่อยพอๆกับพี่จื่อเทาที่มาดักคอได้ทันทุกครั้ง
พี่ชายตาเฉี่ยวบอกว่าพี่อี้ชิงให้ดูเอาไว้
กลัวเด็กเห็นแก่เงินจะไปรับจ๊อบนอกเหนือจากล้างผักอีก
ได้ยินพี่จื่อเทาพูดว่าคุณอี้ฟานมาถามหาจงแดอยู่หลายครั้งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
มาม่าซังได้แต่ยิ้มแหยๆบอกไปว่าจงแดไม่ได้ทำหน้าที่เสิร์ฟแล้ว
และก็ไม่ใช่เด็กขายด้วย
“ก็บอกไม่กลับไปไงวะ!”เสียงตะโกนภาษาบ้านเกิดของจงแดดังไม่ไกล
ขมวดคิ้วแปลกใจที่ได้ยินภาษาเกาหลีที่นี่ ขาเดินไปทางต้นตอเสียงด้วยความใคร่รู้
แอบอยู่มุมของร้านมองชายสองคนกำลังยืนประจันหน้ากัน
ผิวที่ขาวสว่างทั้งคู่เหมือนจะสะท้อนแดดได้ถ้าตอนนี้เป็นเวลากลางวัน
คนหนึ่งสูงโปร่งใบหน้าคมเฉียบอีกคนรูปร่างพอดีใบหน้าดูใจดี
“เซฮุนนา
คุณพ่อท่านเป็นห่วงไม่รู้เหรอ?”คนตัวเตี้ยกว่าพูด แตะบ่าผู้ชายที่ชื่อเซฮุนเบาๆแต่คนตัวสูงก็สะบัดทิ้ง
ใบหน้าคมนั้นเรียบนิ่งแต่เต็มด้วยความไม่พอใจ บอกให้คู่สนทนากลับไปเสีย
“ที่นั่นมันไม่ใช่บ้าน
รอผู้หญิงคนนั้นตายก่อนแล้วผมค่อยคิดนะว่าจะเหยียบไปดีหรือเปล่า”บอกแล้วผลักคนตัวเตี้ยกว่าออก
เซฮุนเดินหนีไปอีกทางทิ้งให้อีกคนยืนคว้างตรงนั้น
“อ่ะ...”เพราะใกล้ที่ทิ้งขยะ
หนูตัวใหญ่เลยวิ่งผ่านขาของจงแดไปจนต้องหลุดเสียงร้องด้วยความตกใจ
และมันก็ดังพอที่คนซึ่งเขากำลังแอบดูอยู่นั้นรู้ตัว ใบหน้าขาวจัดตวัดมามองตรงจงแด
คนที่ถูกจับได้เลยทำอะไรไม่ถูก ยกมือเกาหัวเก้อๆ ขอโทษที่มาแอบฟัง
“คุณเป็นคนเกาหลี?”ภาษาเกาหลีเอ่ยออกจากปากคนตรงหน้า
จงแดพยักหน้า บอกว่าใช่ แต่มาอยู่ที่นี่ได้หกปีแล้ว
สำเนียงการพูดภาษาเกาหลีดูแปร่งไปเพราะไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน
ผู้ชายคนตรงหน้าแทนที่จะโกรธที่มีคนมาแอบดูตนเองกลับยิ้มกว้างบอกว่าโชคดีจริงๆ
ไม่คิดว่าจะเจอคนเกาหลีเหมือนกัน
“คนนั้นเป็นน้องต่างแม่ของผมน่ะครับ
คุณพอจะรู้จักเขาไหม? เขาชื่อเซฮุน
อยู่ที่นี่เหมือนกัน”จงแดนึกใบหน้าคนที่เดินออกไปเมื่อครู่ ส่ายหัวว่าไม่รู้จัก
“ไม่รู้สิครับ
ผมทำงานในครัวตลอดเลย”จะบอกว่าไม่ค่อยได้มีเวลาออกไปทำความรู้จักกับใครเสียเท่าไหร่
“เอ่อ...คุณกับน้องมีปัญหากันเหรอครับ?
คือไม่ว่าผมยุ่งเรื่องส่วนตัวใช่ไหม?”ลองถามออกไป เห็นดูเหมือนจะทะเลาะกัน
คนตรงหน้าหัวเราะน้อยๆ บอกว่าคนที่มีปัญหาดูเหมือนจะเป็นเซฮุนคนเดียวเสียมากกว่า
แม่ของเซฮุนเป็นเมียแต่งของคุณท่านตระกูลโอแต่โชคร้ายดวงไม่ดีประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตอนลูกชายอายุแค่สิบสี่ปี
พ่อของเซฮุนจึงไปรับแม่ของเขาซึ่งเป็นภรรยาน้อยทว่าอยู่กินกันก่อนหน้าจะแต่งงานมาอยู่ด้วย
โอเซฮุนต่อต้านแม่เขา เขารู้
ส่วนคุณพ่อก็ไม่ได้สนใจว่าลูกชายจะเข้าได้ดีกับแม่เลี้ยงหรือเปล่า
สุดท้ายแล้วเซฮุนเลยหนีออกจากบ้านมา คุณพ่อไม่ได้ให้ตามหา บอกถ้าไม่มีปัญญาอยู่รอดก็กลับมาเอง
ก็เลยลำบากเขาที่เป็นห่วงน้องร่วมบิดา
ต้องมาตามให้เซฮุนกลับไป
“อ่า...แย่จัง”จงแดเปรยออกมา
นึกขึ้นได้ว่าควรกลับเข้าร้านเสียที กลัวพ่อครัวร่างท้วมก็จะเรียกหาเขาไปช่วยงานอีก
เลยขอเอ่ยลาผู้ชายตรงหน้าทั้งที่ยังไม่รู้จักกันสักนิด
“เดี๋ยวสิครับ ขอเบอร์ติดต่อคุณได้ไหม?
ผมเคยมาติดต่อที่นี่เขาไม่ยอมให้ความร่วมมือเลย
ถ้าคุณทำงานที่นี่...ผมอยากรู้เรื่องเซฮุนบ้าง”คนตัวขาวไวปราดมารั้งข้อมือกันไว้ก่อน
จงแดเลิ่กลั่ก บอกว่าตนไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัว
อันที่จริงไม่ได้อยากให้เบอร์กันเสียมากกว่า ถึงจะเป็นคนเกาหลีเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไร
“ไม่ต้องกลัวครับ
ผมรบกวนเรื่องเซฮุนอย่างเดียว”เหมือนเขาจะรู้ว่าจงแดไม่ไว้ใจเลยพูดแบบนั้น
คนตัวเล็กตริตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกเบอร์ไป ก็แค่เบอร์คงไม่เสียหายอะไร
“ทำงานให้สนุกนะครับ...อ้อ ผมชื่อจุนมยอนนะ คิมจุนมยอน”เขาบอกก่อนจะผละออกแล้วเดินไปทางรถที่จอดอยู่ไกลๆ
จงแดยืนอยู่ตรงนั้นจนรถคันหรูแล่นออกไปจึงกลับเข้าไปทำงานต่อ
ใกล้เวลาร้านปิดเต็มที
พี่อี้ชิงเลิกเล่นดนตรีนานแล้วและกำลังนั่งรวมกลุ่มเด็กเสิร์ฟคนอื่นอยู่
พอเห็นจงแดกลับเข้ามาก็ชวนกลับบ้านทันที ไม่ต้องรอปิดร้านเพราะจะมีคนทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว
จงแดกินข้าวมากขึ้นตามคำบังคับของพี่ชายร่วมที่พัก
กินครบทุกมื้อตามที่อี้ชิงบอกเลยเริ่มจะมีเนื้อมีหนังกับเขาบ้างแต่ก็ไม่วายหวงเงินเพื่อเอาไว้ส่งให้แม่และน้อง
ทว่าดีตรงที่ทำงานที่บ้านดอกเหมยเงินเดือนดี ถึงจะอยู่ในครัวถ้าลูกค้าชื่นชอบรสชาติอาหารก็จะฝากทิปมาให้
บางครั้งจงแดก็ได้ส่วนแบ่งมาจากพ่อครัวบ้าง
“พรุ่งนี้วันหยุดนายนะรู้หรือยัง”พี่อี้ชิงถาม
จงแดส่ายหน้า
คนแก่กว่าเลยต้องอธิบายว่ากฎกระทรวงแรงงานให้หยุดงานได้หนึ่งวันในสัปดาห์
อี้ชิงจะได้หยุดวันจันทร์เสมอซึ่งเป็นวันที่เขาต้องเข้าไปพูดคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาโปรเจคจบ
ส่วนจงแดดูตามตารางแล้วจะเป็นวันศุกร์
“ฉันจะไปเรียนช่วงเช้าแล้วจะเลยไปทำงานเลย
อยู่หอคนเดียวอย่าลืมกินข้าวล่ะ”กำชับว่าไม่ให้อดเด็ดขาด จงแดบอกว่าเข้าใจแล้ว
จะไม่อดข้าวสักมื้อ
คนขาย
จงแดตื่นเช้าอีกเหมือนเคย แต่วันนี้กลับช้ากว่าคนที่นอนร่วมหอ
อี้ชิงตื่นไปเรียนนานแล้ว บอกว่าคลาสเริ่มเร็วกว่าปรกติเลยต้องไปจองที่
คนตัวเล็กปิดปากหาว พอว่างแบบนี้เลยไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่นอนมองเพดานห้องไปมา
ไม่เคยต้องว่างแบบนี้มาก่อน ถ้าหางานทำช่วงเช้าจะดีหรือเปล่า ปรกติก็ตื่นมานั่งเฉยๆ
ทำงานบ้านบ้างครั้งคราวและไปทำงานที่บ้านดอกเหมยตอนเย็น
Rrr
คิดอะไรเพลินๆ
โทรศัพท์ที่นานๆครั้งจะมีคนโทรมาหาก็ดัง นอกจากแม่ก็ไม่มีใครโทรหาจงแดอีกแล้ว
มองดูเบอร์ที่แปลกตาด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมกดรับ
-ผมนึกว่าจะไม่รับเสียแล้ว-
เสียงคุ้นๆดังลอดจากกระบอกสาย จงแดถามว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
ได้ยินเสียงหัวเราะแล้วตัดพ้อว่าทำไมถึงจำกันไม่ได้ นี่ก็แค่ยังไม่ถึงวันหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
-ผมจุนมยอนเอง คือผมพักอยู่โรงแรมกวนน่ะครับ
ตอนนี้มีปัญหานิดหน่อย แล้วก็พูดจีนกับใครไม่ได้เลย
ช่วยมาหาผมที่โรงแรมหน่อยได้ไหม? ผมออกค่ารถให้ก็ได้นะ...หรือจะให้ผมไปรับดี
คุณพักอยู่แถวไหน-
อีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้ได้พูด
ภาษาเกาหลีถูกรัวใส่ไม่ยั้ง จงแดร้องเอ่ออ่า บอกว่าคงไม่ได้ โรงแรมที่ว่านั่นก็มีชื่อเสียงพอดู
เคยได้ยินชื่ออยู่ในหนังสือพิมพ์ที่ทางร้านรับมาวางให้อ่านสำหรับพนักงาน คนปลายสายส่งเสียงเสียดมเสียดาย
บอกว่าเขาอยู่คนเดียวในห้องพักและตอนนี้กำลังหิวมาก
ซึ่งรูมเซอร์วิสฟังภาษาอังกฤษไม่ออกเลย
จะลงไปซื้อของก็ลืมไปว่าไม่ได้แลกเงินหยวนไว้เลย มีแต่เครดิตการ์ดมาเพียวๆ
แล้วร้านชำข้างทางในจีนจะมีให้รูดการ์ดหรือยังไงกัน
-อันที่จริงผมไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะครับ
ฮ่ะๆ-
เสียงหัวเราะแหะๆทำให้จงแดมีสีหน้าหนักใจ
ถามอีกครั้งว่าพักที่โรงแรมไหน คนปลายสายน้ำเสียงยินดีขึ้นมา บอกว่าอยู่โรงแรมกวน
ถ้าถึงแล้วโทรมาหาได้เลย เดี๋ยวเขาจะลงไปรูดค่าแท็กซี่ให้ จงแดวางสายก่อนจะส่ายหัว
อันที่จริงจะไม่สนใจก็ได้แต่เห็นอีกคนเป็นคนเกาหลีเหมือนกัน ตอนจงแดมาจีนแรกๆพูดจีนไม่ได้
ภาษาอังกฤษก็ไม่ต้องพูดถึงเลยสำหรับเด็กสิบขวบ
ถ้าไม่ได้ป้าเหม่ยกุ้ยช่วยเหลือก็คงแย่เหมือนกัน
ก็ถือเสียว่าช่วยเพื่อนร่วมชาติก็ได้กระมัง
เขาล็อกห้องแล้วเก็บกุญแจลงกระเป๋า เจ๊เจ้าของหอถามว่าจะไปทำงานแล้วเหรอ
เขาแค่ยิ้มตอบไปเท่านั้น โบกแท็กซี่ได้คันหนึ่ง
เลือกที่มีที่รูดการ์ดจะได้ไม่ต้องเสียเงินเอง พอไปถึงโรงแรม
คิมจุนมยอนก็ลงมารูดค่าแท็กซี่ให้จริงๆ ใบหน้าขาวจัดยิ้มเผล่
สวมเพียงสุดนอนผ้าลื่นเนื้อดีเท่านั้น คนรวยเขาแบบนี้สินะ ตื่นแล้วก็ยังอยู่ในชุดนอน
อาจจะเพราะมีเครื่องปรับอากาศเลยไม่รู้สึกเหนียวเหนอหนะด้วยกระมัง
จงแดมองรอบกายอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
โรงเรียวกวนเป็นโรงแรมมีคลาสในย่านนี้
เสียอย่างเดียวที่คิมจุนมยอนบอกเอาไว้คือพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมาก จงแดยกมือขึ้นแตะลิฟท์เพราะมันเป็นลิฟท์แก้ว
กล่องสี่เหลี่ยมทะยานด้วยความเร็วมากกว่าลิฟท์ที่หอของอี้ชิงหลายเท่าจนไปหยุดชั้นยี่สิบสาม
ข้างบนเมื่อมองลงไปจะเห็นเพียงหลังคาบ้านเท่านั้น
“ช่วยสั่งรูมเซอร์วิสให้ผมทีแล้วกันนะครับ
ขอร้องล่ะ”เขาว่า ผายมือไปทางโทรศัพท์ที่วางอยู่ จงแดยกหูขึ้นมากดหารูมเซอร์วิส
สั่งสปาเก็ตตี้ที่อีกคนบอกไปสองที่ เพราะจุนมยอนบอกว่าเผื่อจงแดด้วยที่หนึ่ง
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟจุนมยอนก็รีบกินทันทีด้วยความหิว
ชมเปราะว่าคนจีนก็ทำอาหารฝรั่งได้ดีเหมือนกัน
“กินกับชานี่แล้วก็เข้ากันดีด้วยแห้ะ”เขาพูดถึงชาที่รูมเซอร์วิสแถมมาด้วย
จงแดยกชาขึ้นจิบ เป็นชาสมุนไพร กลิ่นหอมขึ้นจมูก
จุนมยอนถามว่าทำไมจงแดไม่ยอมกินอาหาร คนถูกถามยิ้มแหยๆ บอกว่าไม่เคยกินของพวกนี้
แล้วก็ไม่อยากลองกินด้วย เขากลัวจะอาหารเป็นพิษ
“อ่า ผมขอโทษที
ลืมถามเลยว่าคุณอยากกินอะไร”เขาหัวเราะอายๆ
จัดการสปาเก้ตตี้ตัวเองเรียบร้อยก็ยกไปวางที่รถเข็นด้านนอกห้องรอรูมเซอร์วิสมารับไป
แต่ถ้วยชาเขายังถือกันไว้ กลิ่นหอมชื่นใจดี เก็บไว้จิบให้ชุ่มคอ
“อ่า...ผมว่ามันร้อนๆ”จงแดเปรยๆ
ทั้งที่เครื่องปรับอากาศยังทำงานดีเยี่ยม
แต่ทำไมข้างขมับถึงชื้นไปด้วยเหงื่อก็ไม่เข้าใจ
อีกอย่าง...คิดว่ากำลังรู้สึกต้องการเรื่องอย่างว่า แปลกจริงๆ
ทั้งที่ตอนนี้ก็สายมากแล้วแท้ๆ ปรกติจะอยากตอนเช้าไม่ใช่หรือไง
“คือ...ผมว่าผมกลับเลยดีกว่า”ขอตัวกลับเพราะคิดว่าอยากกลับหอไปเปลื้องอารมณ์
นึกด่าตัวเองว่าจะมารู้สึกอะไรตอนนี้กัน ทว่าเพียงลุกขึ้นยืน
ข้อมือกลับถูกยึดเอาไว้ ใบหน้าขาวจัดมองมาที่จงแด ดวงตานั้นกลิ้งอยู่ในน้ำใส
ใบหน้าของคิมจุนมยอนขึ้นสีแดงน้อยๆ ไม่ต้องถามก็รู้เลยว่าเพราะอะไร
นี่มันบ้าอะไรกัน...
“ผมว่า...มันแปลกๆ
มีอะไรในชาหรือเปล่าครับ?”ตั้งข้อสงสัย จงแดส่ายหน้า ไม่รู้เหมือนกัน
มันเป็นชาสมุนไพร ไม่แน่อาจจะมีสักตัวที่มีสรรพคุณปลุกกำหนัด
มองรอบห้องแล้วถามจุนมยอนว่าที่นี่เป็นห้องสวีทหรือเปล่าก็ได้รับคำตอบว่าใช่
จงแดกัดปาก ห้องสวีทส่วนมากก็เปิดสำหรับคู่รัก
ยิ่งเป็นที่จีน
การที่จะเปิดห้องสวีทที่ราคาแพงกว่าห้องธรรมดาหลายเท่านั้นก็หมายถึงการเปิดเพื่อสวีทตามชื่อห้องนั่นล่ะ
นี่คงเป็นบริการจากทางโรงแรมเรื่องการกระตุ้นเร้าสำหรับคู่รักที่จองห้องสวีท
คิดว่าเขากับคุณจุนมยอนเป็นคู่ขากันอย่างนั้นกระมัง
“ผมว่าเราแยกย้าย...”
“เดี๋ยวสิ ช่วยผมทีได้ไหม?”ยังไม่ทันจะพูดจบ
จุนมยอนก็แทรกขึ้นมา ดูที่แก้วชาของจุนมยอนนั้นถูกดื่มจนเกลี้ยงแล้ว
ส่วนของจงแดแค่จิบไปเล็กน้อย แสดงว่าคงรับตัวยาเข้าไปเต็มที่ ใบหน้าขาวเริ่มแดงจัด
จุนมยอนส่งสายตาขอร้อง
“คุณรังเกียจเกย์ไหม? ผม..ผมเป็นเกย์น่ะ
ผมทำกับผู้หญิงไม่ได้ คุณเคยมีอะไรกับผู้ชายไหม?”เขาบอกออกมา
ดูท่าทางแล้วทรมานน่าดู จุนมยอนบีบมือจงแดแน่น
“คุณเคยมีอะไรกับผู้ชายไหม?”
เหมือนคำพูดนี้เคยได้ยินมาก่อน
จงแดปลดมือของอีกคนออก บอกว่าไม่เคย และไม่อยากมี
นึกถึงค่ำคืนนั้นขึ้นมาก็หวาดกลัว กลัวความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับตนเอง
“อย่างน้อยก็ช่วยให้ผมเสร็จ”จุนมยอนขอร้อง
ไม่ต้องสอดใส่ก็ได้ ใบหน้าคลอน้ำตาสบแววตากับจงแดเชิงขอร้อง
“ผมไม่รู้สึกกับมือตัวเอง...ผมช่วยตัวเองไม่ได้
ได้โปรดเถอะครับ”เขาวิงวอน เพราะความคะนองของตัวเองในวัยรุ่น
ไม่รู้ว่ามันสุขสมขนาดไหนตอนที่เสร็จคามือ
แต่มันสุขมากจนต้องช่วยตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก
เคยเสร็จด้วยตัวเองมากที่สุดสิบครั้งต่อวัน เป็นเหตุผลประหลาดแต่มันเกิดขึ้นจริงที่จุนมยอนไม่สามารถสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองได้เพราะช่วยตัวเองมากเกินไป
คงเป็นเรื่องระบบประสาท
มันคิดว่าแค่มือตัวเองมันไม่กระตุ้นเร้าพอ จะเรียกว่าโรคจิตก็ไม่เชิง
“อย่าหาว่าผมดูถูกเลย
แต่...ผมให้เงินก็ได้นะ”เขาพูดออกมา จงแดมองคนที่ทรมาน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจุนมยอนถึงช่วยตัวเองไม่ได้แต่มันคงเป็นเรื่องจริง
เพราะมือเรียวขาววกไปลูบไล้ที่เป้ากางเกงอยู่บ่อยครั้งทว่ามันก็ไม่มีปฏิกิริยาใดเลย
ไม่สู้มือขึ้นมาอย่างที่ควรจะเป็น
“คุณจะจ่ายผมจริงๆใช่ไหม?”ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
มันคงไม่เสียหายที่จะช่วยผู้ชายสักคนให้เสร็จใช่หรือเปล่า
แล้วถ้าได้เงินด้วย...ก็คงยิ่งดี
“คุณจะเรียกเท่าไหร่ล่ะ?”เขาถาม
จงแดกางนิ้วออกห้านิ้ว บอกว่าห้าพัน...ห้าพันหยวน
พอที่จะออกรถมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่ามือสองสักคัน...
“ตกลง...ห้าพันหยวน”
คนขาย
จุนมยอนเปลื้องกางเกงออก ท่อนเนื้อกลางกายกำลังดันผืนผ้าชั้นในอยู่
จงแดกลั้นหายใจตอนที่แตะมือลงไป
เขานึกถึงท่อนเนื้อของอู๋อี้ฟานในคืนนั้นแม้ทั้งสองคนจะไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยสักนิด
เพียงแตะก็ทำให้มันยิ่งสู้มือ
จุนมยอนร้องบอกว่าถ้าเป็นมือเขามันจะไม่เป็นแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
มือเล็กของเด็กวัยสิบหกกอบกุมส่วนอ่อนไหวของอีกคนแล้วขยับรูด
รู้สึกแปลกๆเพราะไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ก็คิดเสียว่ากำลังช่วยตัวเอง
จุนมยอนนอนราบไปกับพื้น ยกมือขึ้นบดขยี้ตุ่มไตบนหน้าอกผ่านเสื้อนอนที่กำลังสวมใส่
สูดปากบอกว่ารู้สึกดีมากขนาดไหน มือของจงแดแม้จะยังคงผอมแห้งอยู่แต่ก็ไม่ได้แข็งกระด้าง
จุนมยอนบอกให้ถ่มน้ำลายลงช่วยจะได้ลื่นมือขึ้นมานิด
คนไม่ประสาเจนจัดเรื่องอย่างว่าก็ทำตามแล้วมันก็ลื่นขึ้นจริงๆ
จังหวะการขยับมือเร็วขึ้น จงแดหลับตาลง
รู้สึกว่าที่ตัวเองรู้สึกตอนแรกมันเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
ได้ยินเสียงหอบระริกของจุนมยอนก็เหมือนจะกระตุ้นตนเองไปด้วย
มือหนึ่งขยับรูดรั้งให้จุนมยอนอยู่อีกมือจึงขยับมาแต่ต้องของสงวนกลางกาย
“ให้ผมช่วยหรือเปล่า”จุนมยอนมองคนที่อยากจะช่วยตัวเองแต่เงอะงะเพราะมือหนึ่งกำลังช่วยเขาอยู่
ไม่ได้รอคำตอบแต่จุนมยอนผุดลุกขึ้นนั่ง มือขาวจัดปลดกางเกงของจงแดออก
คว้าเอาเจ้าหนูที่ตื่นตัวน้อยๆมาเขย่าปลุก
จงแดครางเสียงแหลมเพราะจุนมยอนครอบริมฝีปากลงไป
คนตัวขาวหมุนพลิกมาคร่อมกันแทนแล้วหมุนตัวคร่อมจงแดเอาไว้
ส่วนอ่อนไหวของอีกคนอยู่ตรงหน้าของจงแด
และที่ริมฝีปากของจุนมยอนนั้นครอบครองของเขาเอาไว้ เสียงดูดดุนจ๊วบจ๊าบช่างน่าอาย
จงแดปิดเปลือกตาแน่น กำรอบท่อนเนื้อตรงหน้าแล้วกระตุกรั้งไปมา
ได้ยินเสียงบอกว่าเอามันเข้าปากไปเสียสิ
“ไม่เอา”ปฏิเสธเสียงสั่น
แต่ก็ต้องจำยอมรับท่อนเนื้อนั้นเข้าไปในโพรงปาก
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่เพียงจุนมยอนจ่อส่วนปลายที่ริมฝีปากก็เปิดอ้ายอมให้เข้ามาแล้ว
ส่วนปลายลงไปสุดลำคอจนอยากจะสำลัก กลิ่นกายเหม็นอับเนื้อในร่มผ้าแต่ก็ต้องจำยอมใช้ลิ้นพัวพันพลิกตวัดรอบ
“ฮื่อ”จงแดครางในลำคอเมื่อนิ้วเรียวขาววนไล้ที่ช่องทางด้านหลัง
กายเล็กบางบิดด้วยความตื่นกลัว ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง
จุนมยอนลูบเรียวขาผอมแห้งเบาๆ บอกว่าไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บ
ทว่าคนฟังกลับดีดดิ้นมากขึ้น คำว่าไม่เจ็บ คราวนั้นก็ได้ยิน
ทว่าความจริงคือเจ็บเจียนตาย...
“ไม่เจ็บจริงๆ”คนตัวขาวยังเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
เพราะคร่อมร่างจงแดอยู่จึงเหมือนกักขังให้ดิ้นไม่ได้ จงแดร้องบอกให้ปล่อย
ไม่เอาแบบนี้ ไหนตกลงกันว่าจะไม่เข้าไป
“ผมไม่ไหว ขอนะคุณ ผมขอจริงๆ”พูดเห็นแก่ได้
จงแดส่ายหน้าระรัว
ทว่าเพียงครู่ก็ต้องหวีดเสียงเพราะริมฝีปากจูบซับที่กลีบจีบด้านหลัง
มันทั้งจั๊กจี้และเสียดไปทั่วท้อง น้ำลายเปียกแฉะและเสียงพลิกลิ้นทำให้แขนขาชาดิก
เสียวปลาบจนสุดปลายเท้าทำให้ต้องจิกกเกร็งนิ้วเท้าแน่น
“ผ่อนคลายหน่อย ผมจะส่งนิ้วเข้าไป”เขาบอก
จงแดถ่ายปรกติช่วงเช้า
และวันนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ต้องห่วงเรื่องความสะอาดมากมายแต่จุนมยอนก็ไม่ได้ไม่ใส่ใจขนาดนั้น
เขาหยิบกระเป๋าเงินที่วางอยู่ไม่ไกล ไม่มีเงินสดแต่พกถุงยางเอาไว้เผื่อ
อย่างที่บอกว่าช่วยตัวเองไม่สำเร็จถึงต้องหาซื้อเด็กหนุ่มหรือคนขายบริการเพศชายบ่อยครั้ง
จึงต้องพกถุงยางเผื่อเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นคนทำหรือถูกทำก็ต้องกันเอาไว้ก่อน
ฉีกซองสีดำนำห่วงวงด้านในมาครอบที่ปลายนิ้วก่อนจะค่อยๆดันเข้าไป
เพราะท่าทางที่กำลังจัดวางกายอยู่มันยากจะเข้าไปกระมัง จุนมยอนหมุนตัวพลิกกลับไปนั่งกองตรงหว่างขาเล็ก
อ้าขาจงแดออกเล็กน้อย
อีกคนจะลุกหนีทว่าปลายนิ้วที่ค่อยๆเข้ามาก็ทำให้ร่างต้องชะงักค้าง
ไม่ได้เจ็บ...แต่อึดอัดแล้วแปลบปลาบไปทั่ว
เจลที่หล่อเลี้ยงถุงยางอยู่ช่วยทำให้เข้าไปได้ง่ายมากขึ้น
เมื่อสุดโคนนิ้วก็ค่อยๆขยับเข้าออก ผิวถูกยางเสียดสีผนังช่องทางจะร้อนระอุ
จงแดยกมือขึ้นมากัด ไม่เหมือนคราวที่อี้ฟานทำสักนิด มันรัญจวนใจ อ่อนโยน
และค่อยเป็นค่อยไป
เสียงร้องดังตามจังหวะการขยับนิ้ว
จงแดบิดตัวเร้าเพราะนิ้วทั้งสองไปโดนที่สำคัญเข้าให้เลยต้องบิดเกร็งตัวแบบนี้
เหมือนจุนมยอนจะรู้เลยแกล้งเน้นย้ำๆหลายครั้งให้บิดตัวพลิ้วไปมา
คนตัวขาวชักนิ้วออกมาเมื่อเห็นว่าช่องทางนั้นคุ้นชินกับขนาดที่ใหญ่มากเกินพอแล้ว
ความรู้สึกโหวงแทรกมาทันทีแต่ก็ไม่นานเพราะส่วนปลายท่อนเนื้อจดจ่อรอแทนที่อีกไม่ช้า
จงแดผวา กลัวว่าจะเจ็บ มันขนาดต่างจากนิ้ว แต่จูบปลอบขวัญก็ถูกป้อนให้โดยจุนมยอน
เลาะเล็มริมฝีปากพาให้เคลิ้มจะได้ค่อยๆสอดใส่เข้าไปช้าๆ
จุก...แน่น...เจ็บ...แต่แค่เล็กน้อย
พอเข้ามาได้ทั้งหมดแล้ว
ความเจ็บเพียงนิดก็มลายหายไป
การขยับเนิบช้าทำให้เส้นเอ็นที่ปูดนูนออกมาเสียดสีกับผนังร้อนได้ถนัดถนี่ จงแดกรีดร้องไม่เป็นเสียง
ใบหน้าแดงจัดเย้ายั่วให้กดจูบลงไปที่ข้างแก้ม
“น่ารักจัง”จุนมยอนพึมพำ
ขยับกายเริ่มจะเป็นจังหวะที่คงที่มากขึ้น มองดูท่อนเนื้อผลุบหายเข้าไปในร่างอีกคน
ช่วงสะโพกเนื้อน้อยแต่ตอบรับกันได้ไม่มีสะดุด
“ขยับเร็วๆได้หรือยัง?”ถามด้วยความไม่แน่ใจ
กลัวว่าคนที่รองรับจะไม่ชอบหรือจะเจ็บหรือเปล่า จงแดส่าหน้า
ไม่ใช่คำตอบแต่เพราะเสียวส่าน
ประสบการณ์เซ็กส์กับผู้ชายครั้งแรกคือความเจ็บปวดแต่ครั้งนี้มันเสียวซ่านเกินบรรยาย
ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป สมองขาวโพลนไปหมด
จุนมยอนจะถือว่าการไม่ตอบคือคำอนุญาต
เขายืดเอวผอมเอาไว้แล้วส่งตัวตัวเข้าไป รัวเร็ว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เรือนกายเล็กไหวโยกคลอนไปตามแรงกระแทก เสียงกรีดร้องเป็นจังหวะตามเสียงเนื้อกระทบ
ส่วนที่ชูชันด้านหน้าถูกมือขาวจับแล้วกระตุกรั้งปรนเปรอให้
และสุดท้ายก็กลายเป็นธารคาวที่ฉีดพุ่ง...
อารมณ์หวามถูกรีดออกมาเป็นหยดหยาดสีขาวขุ่นกลิ่นคาว...
จุนมยอนถอนตัวออกจากร่างจงแดตอนที่ปลดปล่อยออกมา
จงแดเองก็เช่นกัน ท่อนเนื้อขายบวมจัดและคายน้ำที่ไว้ที่หน้าท้องเนียน
ถุงยางถูกถอดออก คราบขาวถูกกักอยู่ด้านในทั้งหมด
จุนมยอนพันทิชชู่มันแล้วโยนทิ้งในถังขยะ หยิบทิชชู่มาช่วยเช็ดทั้งช่องทางด้านหลังที่เปรอะเปื้อนคราบเจลจากถุงยางและหน้าท้องที่จงแดปลดปล่อยเอาไว้
“อาบน้ำก่อนก็ได้นะ
ห้องน้ำอยู่ทางนั้น”เหมือนพอได้ปลดปล่อยออกมา ฤทธิ์สมุนไพรจีนก็ลดลงจนเกือบหมด
จงแดลุกขึ้นนั่งช้าๆ
หอบเอาร่างไร้เรี่ยวแรงเข้าไปในห้องน้ำพร้อมเสื้อผ้าที่ถูกถอดออก คนตัวเล็กยืนกลางสายตาจากฝักบัว
ลูบเนื้อตัวที่เพิ่งผ่านกิจกรรมอย่างว่ามา
กัดริมฝีปากตอนค่อยๆสอดนิ้วตัวเองเข้าไปควานเอาคราบเหนอะหนะของเจลออกมา
เมื่อครู่...ไม่เจ็บเลยสักนิด...แตกต่างกับครั้งแรกสิ้นเชิง...
พอออกมาจากห้องน้ำ จุนมยอนก็เข้าไปอาบน้ำต่อ
จงแดมองก้อนทิชชู่ในถังขยะของห้อง แม่บ้านมาเก็บกวาดคงจะรู้สึกไม่ดีพิกล
คนตัวเล็กฉวยถุงพลาสติกที่ใส่กระป๋องน้ำอัดลมซึ่งจุนมยอนคงซื้อมาจากมินิมาร์ทที่ไหนสักแห่งมาหยิบทิชชู่พวกนั้นใส่ถุงแล้วผูกปากให้แน่น
แค่พวกแม่บ้านต้องเก็บกวาดทิชชู่ที่ใช้เช็ดปัสสาวะอุจจาระในห้องน้ำก็น่าสงสารพอแล้ว
จะให้มาจับต้องของพวกนี้อีกจงแดก็ละอายเกินทน
“รอเดี๋ยวนะ
ผมแต่งตัวก่อน”จุนมยอนพูดแล้วหยิบชั้นในจากในกระเป๋าเดินทางใบย่อมออกมาสวม
ไม่มีความกระดากอายเพราะมันคงเกินความรู้สึกนั้นมาแล้ว
เมื่อใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยก็หยิบโทรศัพท์เครื่องหรูมาถือไว้ เพราะไม่มีเงินสดอยู่ในมือเลยคิดว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีให้แทน
จงแดอึกอัก...
“โอนเข้าบัญชีที่เกาหลีได้ไหมครับ?”เขาถาม
จุนมยอนแปลกใจ จำได้ว่าอีกคนพูดเอาไว้ว่าอยู่ที่นี่มาหกปีแล้ว
แล้วจงแดมีบัญชีที่เกาหลีด้วยหรือ
“ของแม่ผมน่ะ
ช่วยโอนเงินมูลค่าห้าพันหยวนแต่เป็นสกุลวอนเข้าบัญชีของแม่ผมทีนะครับ”จุนมยอนเลิกคิ้ว
แต่ไม่ได้ถามอะไร ให้จงแดบอกเลขบัญชีของแม่ตนเองมา
ชูโทรศัพท์ให้ดูโปรแกรมออนไลน์แบ้งกิ้งที่แสดงให้เห็นว่าเงินจำนวนหนึ่งถูกโอนเข้าบัญชีของแม่จงแดเรียบร้อยแล้ว
รอยยิ้มวาดที่ริมฝีปากเล็กบาง
บอกขอบคุณอีกคนก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองมากดแชทหาแม่ แจ้งว่าโอนเงินไปให้แล้ว
แม่ยังไม่ทันได้ตอบกลับมาจงแดก็แกล้งโกหกเสียแล้ว บอกว่าเจ้านายใจดี
กิจการดีเลยได้โบนัส
ให้แม่เอาเงินไปออกรถมือสองสภาพดีสักคันแล้วขี่พาจูจินไปโรงเรียน
จุนมยอนจ้องมองคนที่ยิ้มกับหน้าจอมือถือแล้วยิ้มตาม
เห็นว่าอีกคนพิมพ์ข้อความอะไรลงไปก็นึกเอ็นดูขึ้นมา...มาอยู่ที่นี่หกปีทั้งที่มีครอบครัวอยู่ที่เกาหลี
ทำงานหาเงินส่งกลับบ้านอย่างนั้นเหรอ?
ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ...
คนขาย
จุนมยอนไม่มีเงินสดให้จงแดจ่ายค่าแท็กซี่ขากลับ
เขาเลยอาสาขับรถมาส่งอีกคนแทน ตอนแรกจงแดลังเลแต่เห็นว่าเงินตัวเองก็พกมาไม่พอเลยยอมให้อีกคนขับรถมาส่งถึงที่หอของพี่อี้ชิง
“ใครมาส่งน่ะ
นั่นมันรถเช่าของโรงแรมกวนไม่ใช่เหรอ? แหม ออกไปทำงานแบบไหนมาเนี่ยจงแด”เสียงเจ๊เจ้าของหอทัก
จงแดไม่ได้ตอบอะไรเขารีบขึ้นห้องตัวเองแล้วเช็คว่าแม่อ่านแชทหรือยัง
เห็นแม่พิมพ์ตอบกลับมาว่าเจ้านายใจดีจริงๆ โชคดีที่ได้ทำงานที่นั่น
แม่จะไปซื้อมอเตอร์ไซค์พรุ่งนี้เลย เก็บเงินไว้ไม่ดี กลัวจะกดออกมาใช้จนเกลี้ยงเสียก่อน
-พี่จงแดขา จูจิน..จูจินคิดถึง ม๊วฟๆ-
เสียงที่แม่อัดแล้วส่งมาให้ทำเอาคนเป็นพี่ยิ้มไม่หุบ
เสียงยัยจูจินเล็กเหมือนตัวไม่มีผิด อยากกอดแล้วอุ้มน้องสาวจังนะ...
คงต้องเก็บเงินให้ได้สักก้อน แต่วิธีไหนล่ะ
ทำงานก็ส่งให้แม่ด้วย ช่วยพี่อี้ชิงออกค่าใช้จ่ายบ้าง
และยังถูกบังคับให้กินข้าวทุกมื้อเลยไม่รู้จะประหยัดยังไงดี
ถ้ามีงานเสริมที่ได้เงินดีๆอีกสักอย่างก็ดีสิ...
อย่างเช่น...
ห้าพันหยวนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา...
ครั้งแรกกับอู๋อี้ฟานเจ็บเจียนตาย
บอกตรงๆว่าคิมจงแดนึกขลาดกลัวการร่วมรักกับผู้ชายอยู่บ้าง
แต่ครั้งนี้กับคิมจุนมยอนมันมีแต่ความสุขผสมปนเปความเสียวซ่านทั้งยังได้เงินจำนวนมากมายเป็นค่าตอบแทน
ความคิดของจงแดกำลังค่อยๆเปลี่ยนไป
ก็...
แค่นอนกับผู้ชาย...
แล้วก็ได้เงินมากมายตามที่ร้องขอ...
อาจจะเจ็บ แล้วทนไม่ได้หรือไง
ที่โดนเจ้านายคนเก่าๆตีก็เจ็บเหมือนกันยังทนมาได้เลย
น่าสนใจ...
งานแบบนี้น่าสนใจขึ้นมา...
TBC.
#ขายตัวออลเฉิน
แมลงจี่