ลูกค้าบางคนก็แค่กลุ้มใจ
บทที่3..
จงแดยังคงไปทำงานที่บ้านดอกเหมยตามปรกติ
อี้ชิงไม่รู้ว่าวันหยุดที่ผ่านมานั้นจงแดออกไปทำอะไรมา
เจ๊เจ้าของหอคงไม่ได้ปากสว่างเล่าให้ใครฟังแต่ก็ไม่วายแซวจงแดบ่อยๆว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีรถหรูโรงแรมกวนมาส่งแล้วเหรอ
คิมจุนมยอนกลับเกาหลีไปแล้ว
ติดต่อกันอีกครั้งสองครั้ง ชายหนุ่มบอกว่าต้องกลับไปสะสางงาน
แต่ก็คงจะมาจีนอีกเรื่องน้องชาย อยากให้เซฮุนกลับไปอยู่ที่บ้านมากกว่า
“วันนี้เด็กเสิร์ฟขาดหลายคนเลย ออกไปช่วยด้านนอกเสิร์ฟสักวันแล้วกัน”อี้ชิงบอกจงแดที่ล้างผักอยู่ในครัว
ที่จริงเจียนจี้ฟางมาขอร้องเขาให้พาจงแดออกมาช่วยงาน
มองดูแล้วเด็กเสิร์ฟก็หายไปอย่างที่มาม่าซังพูดจริงๆ หลังจากเหตุการณ์คริสกับจงแดก็ผ่านมานานแล้ว
จงแดเองก็ไม่คิดกลับไปทำงานแบบอย่างว่าอีกแล้ว
อี้ชิงเลยอยากให้น้องออกมาช่วยงานด้านนอกบ้างก็ดี เพราะด้านนอกเงินจะทิปหนักกว่า
ไม่ต้องแบ่งจากใครเอา
จงแดแขวนผ้ากันเปื้อนไว้ที่ราวแขวนแล้วตามอี้ชิงออกไปด้านนอก
คนพี่แยกไปเช็คกีต้าร์แล้วให้เทาเข้ามาดูแลจงแดแทน
จื่อเทาให้จงแดเสิร์ฟอาหารเหมือนเดิม
คราวนี้กำชับว่าอย่าไปยุ่งกับโซนวีไอพีเด็ดขาดเชียว แล้วก็อยู่ห่างจากมาม่าซังไว้เป็นดี
เห็นอู๋อี้ฟานยังเทียวมาที่ร้านบ่อยๆ ถามหาจงแดไม่เจอก็หิ้วเอาชิงชิงขึ้นห้องไปแทน
ถ้าเห็นจงแดเข้าต้องหว่านล้อมเอาอีกรอบแน่ๆ
“พี่จื่อเทาครับ...ผมขอถามอะไรอย่างสิ...”จื่อเทาเลิ่กคิ้วขึ้นเป็นเชิงให้พูดมา
จงแดขบริมฝีปาก คิดอยู่นานสองนาน เขาเหลือบมองบนเวทีที่อยู่อีกโซน
จางอี้ชิงกำลังเช็คสายกีต้าร์ให้เสียงตรงตามที่ต้องการ จงแดก้มหน้าต่ำ
กระซิบถามจื่อเทา ว่าปรกติแล้ว ลูกๆของมาม่าซังทำงานได้วันละเท่าไหร่
มากกว่าเด็กเสิร์ฟด๊อกด๋อยมากไหม?
“ถามทำไม”ฮวังจื่อเทาหรี่ตามอง จงแดลุกลน
บอกปัดว่าเปล่า แค่ตอนนั้นได้เงินเยอะมาก แต่เป็นเงินจากการเสนอของอู๋อี้ฟานทั้งหมด
เลยอยากรู้ว่าผู้หญิงที่ทำงานแบบนั้น เขาได้เงินค่าตอบแทนสักเท่าไหร่กัน
“ก็แล้วแต่เกรด อย่างยัยชิงชิงน่ะนอนด้วยทีก็หลายพัน
ถ้าแค่อมก็พันสองพัน ส่วนเด็กเกรดต่ำ
พวกอยู่นานยานๆไม่สดไม่ซิงก็ได้แค่ครั้งละร้อยสองร้อย แต่ไม่ค่อยมีหรอกพวกนั้น
ม่าน่ะคัดออกหมด เอาไว้ก็รังจะเสียชื่อร้าน”จงแดพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ถามต่อว่าที่นี่ไม่ขายผู้ชายเหรอ จำได้ว่ามาม่าซังเคยบอกเอาไว้ จื่อเทาส่ายหัว
“ไม่มีหรอก”เขาบอก
ส่วนมากที่มาสมัครก็เป็นสาวๆทั้งนั้น คนที่เที่ยวก็เป็นหญิงชาย น้อยนักที่จะเป็นไบหรือเกย์
ถ้าหากมีเด็กผู้ชายติดเอาไว้เยอะและขายไม่ออกก็ขาดทุนมาม่าซังเขา
จื่อเทาพิจารณาเด็กตรงหน้า เกือบจะหลุดปากว่าแต่ถ้าเป็นเด็กอย่างคิมจงแดล่ะก็
ร้านคงไม่ขาดทุน ดูเหมือนอี้ชิงจะขุนจนมีเนื้อหนังน่าจับขึ้นเยอะ
“ที่ถามนี่สนใจจะกลับไปขายตัวอย่างนั้นเหรอ?”โพล่งถามออกมาทำเอาจงแดหน้าเสีย
ท่าทางหลุกหลิกนั่นมีพิรุทจนจื่อเทาสังเกตได้
จงแดกระซิบบอกว่าอย่าเล่าให้อี้ชิงฟังได้ไหมเรื่องที่คุยกันวันนี้
เบี่ยงเบนไม่ตอบคำถามที่จื่อเทาถามว่าจะกลับไปขายตัวหรือเปล่า
จื่อเทาดูรูปการก็เดาออกได้ไม่ยากเลย ถามว่าจงแดเดือดร้อนเรื่องเงินหรือไง
คราวที่แล้วก็ถูกล่อลวงด้วยเงิน ดูท่าจะต้องการเงินมาก ทั้งที่อายุก็เท่านี้เอง
เขาไม่รู้ว่าจงแดเป็นใครมาจากไหน ไม่รู้ประวัติเด็กคนนี้สักนิดเลยไม่เข้าใจว่าเด็กอายุแค่สิบหกทำไมถึงต้องการเงินขนาดนั้น
จงแดบอกว่าอยากกลับบ้าน อยู่ที่จีนมาถึงหกปีแล้ว อยากกลับบ้านเสียที
ถ้าอายุสิบแปดก็จะหางานทำที่เกาหลีง่ายขึ้น
“ถ้าเก็บเงินได้เร็วก็ได้กลับบ้านเร็วขึ้น”ไม่ต้องตีความหมายอื่นเลยถ้าหากพูดมาแบบนี้
จื่อเทาถามว่าคิดจะขายตัวจริงๆใช่ไหม
ถามย้ำอีกครั้งจนจงแดต้องยอมพยักหน้าลงด้วยจำนนพาให้จื่อเทาต้องถอนหายใจออกมา
ถามว่าแล้วทำไมต้องเลือกจะขายตัว จำไม่ได้เหรอว่ามันเจ็บขนาดไหน
จำไม่ได้เหรอที่ต้องนอนง่อยอยู่ตั้งนาน
เงินทองหามาได้ก็ต้องเอาไปรักษาตัวเองอยู่ดี
“แต่คนที่ไม่รุนแรงก็มีไม่ใช่เหรอครับ?”ถามพลางซื่อแต่คนได้ยินแคลงใจขึ้นมา
จื่อเทาถามจงแดว่าเคยลองกับคนอื่นอีกหรือไงถึงได้รู้ คำถามนั้นเองทำให้จงแดหน้าชา
ภาพตัวเองกับคิมจุนมยอนสอดประสานร่างกาย ขยับโยกจนร่างไหวคลอนก็ผุดขึ้นมา
คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ แต่แก้มตอบที่แดงระเรื่อขึ้นมากลับแย้งขัดกันเสียนี่กระไร
จื่อเทาร้องเหอในลำคอ
แค่นี้ก็รู้แล้ว...
“อี้ชิงรู้หรือเปล่า”เขาถามอย่างนั้นจงแดยิ่งก้มหน้าชิดอก
รู้ตัวแล้วว่าความคงแตก จื่อเทาจับได้ว่าจงแดทำแบบนั้นอีกครั้งแล้ว
คนตัวเล็กส่ายหัว บอกว่าไม่รู้ จื่อเทาถามว่าจำไม่ได้หรือไง
ครั้งแรกอี้ชิงมันเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดไหน
จงแดอยากได้เงิน อี้ชิงก็พามาหางานทำ
แล้วทำไมถึงได้ทำนอกเหนืองาน
“อย่าบอกพี่อี้ชิงนะครับพี่จื่อเทา”ขอร้องเอาไว้
จงแดเกรงใจ ตอนที่เกิดเรื่องครั้งแรกพี่อี้ชิงโวยวายแทบตายแล้วยังกำชับไม่ให้กลับไปทำแบบนั้นอีก
ตอนที่เจ็บพี่เขาก็เป็นคนช่วยดูแลอีกด้วย
ถ้ารู้ว่าจงแดเอาร่างกายไปแลกเงินอีกครั้งจงจะผิดหวังมากแน่ๆ
ทั้งที่พี่อี้ชิงพูดเอาไว้ว่าให้เชื่อฟังกันบ้างแต่ก็ไม่วายที่จงแดเห็นเงินสำคัญกว่าคำพูดของคนพี่
“แล้วคิดว่าจะกลับไปขายตัวอีกรอบอี้ชิงจะไม่รู้งั้นเหรอ?”ถามออกมาทำเอาจงแดจนแก่ใจ
นั่นสินะ ถ้ากลับไปทำแบบนั้นยังไงพี่อี้ชิงก็ต้องรู้อยู่ดี จื่อเทาวางมือบนบ่าเล็ก
“คิดเอาแล้วกัน
ระหว่างละบากทำงานด๊อกด๋อยเก็บทิปไป
กับทำงานสบายๆอ้าขาให้ใครไปทั่วแล้วได้เงินเร็วๆ”ทิ้งคำพูดนั้นไว้แล้วกลับไปทำงานของตัวเองเพราะใกล้เวลาร้านเปิดเต็มที
จงแดจับมือตัวเองแล้วบีบ รู้สึกผิดต่อพี่อี้ชิงก็จริง...
แต่แม่กับน้องสำคัญกว่า...
เขาอยากกลับบ้าน...
กลับไปหาจูจินกับแม่...
คนขาย
จางอี้ชิงมองเด็กที่เมื่ออาบน้ำเสร็จจะล้มตัวนอนที่พื้นที่เดิม
หลับตาลงแต่ก็ยังไม่ได้หลับจริงๆ
อีกไม่นานก็คงเข้าสู่ห้วงนิทราเพราะความเหนื่อยเพลียจากการทำงาน
เขาใช้สายตาไล่มองเนื้อตัวขาวเนียนที่เริ่มจะมีเนื้อหนังขึ้นมาบ้าง
ดูดีกว่าตอนเจอกันแรกๆเยอะ
“จงแดน่ะขายตัวอีกรอบแล้วมึงรู้หรือเปล่า”
อยู่ๆคำพูดของเพื่อนเมื่อตอนที่เขาพักการแสดงก็ดังขึ้น
จื่อเทามาหาและบอกว่าจงแดกลับไปขายตัวอีกรอบ เขาร้องหืมในลำคอถามว่ามันรู้ได้ยังไง
ฮวังจื่อเทาหัวเราะแล้วบอกว่าคนตัวเล็กนี่มาถามว่าค่าตัวของลูกสาวมาม่าซังนี่ตกครั้งละเท่าไหร่
ยิ่งเค้นไปก็ยิ่งเผยออกมา จนในที่สุดก็ยอมรับว่าขายครั้งที่สองไปแล้ว
แต่ดูท่าลูกค้าจะอ่อนโยน จากคำพูดที่ว่าไม่รุนแรงของจงแดยืนยันได้ดี
และเพราะความอ่อนโยนนี้ล่ะมั้งที่ทำให้เด็กคนนี้คิดว่าการที่นอนให้คนอื่นเอาแลกกับเงินก้อนใหญ่มันไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว
ไม่ใช่เรื่องที่น่าเจ็บปวด สอดกายเข้าหากันด้วยความรัญจวน พอน้ำแตกก็ได้เงิน
ครั้งแรกที่เจ็บปวดถูกลบออกด้วยครั้งที่สองที่แสนจะรู้สึกดีและมีความสุขร่วมกัน...
คงไม่เสียหายถ้าจะมีครั้งที่สามสี่ตามมา...
อี้ชิงมองเด็กตรงหน้าแล้วถอนหายใจออกมา
...ทำไมไม่ห่วงตัวเองบ้างนะคิมจงแด
แน่นอนว่าลูกค้าอาจมีทั้งดีและร้าย
มีรุนแรงและอ่อนโยน เด็กที่ต่อสู้ตัวคนเดียวมาตลอด
โดนทำร้ายสารพัดสารเพจากเจ้านายหลากหลายแบบมีหรือจะทนไม่ได้แค่ต้องเจ็บจากการร่วมรักกับลูกค้าที่ทำรุนแรง
จงแดน่ะทนได้อยู่แล้ว ยิ่งเงินมากมายกำลังรออยู่เพียงอดทนอีกสักนิดเดียว...
แค่ทนเจ็บก็ได้เงิน...
มีหรือที่คิมจงแดจะไม่ทน...
“จงแด”เขาเรียกเด็กที่นอนหลับตาอยู่
เพียงได้ยินชื่อ คิมจงแดก็ลืมตาขึ้นมามอง อี้ชิงไม่พูดอะไร คนตัวเล็กเลยลุกขึ้นมานั่งแล้วถามว่าพี่ชายมีอะไรถึงได้เรียกกัน
อี้ชิงมองใบหนาที่เคยซูบตอบ ตอนนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้นแต่กลับดูมีน้ำมีนวลขึ้น
“มีอะไรอยากบอกฉันหรือเปล่า?”เขาถามแต่เด็กตรงหน้ากลับแสดงท่าทีงงงวยแล้วส่ายหัว
ไม่มีงั้นเหรอ?
“ไม่มีเหรอ? เรื่องที่นายปิดฉันน่ะ”เขาถาม
เพียงเท่านั้นใบหน้าจิ้มลิ้มก็พลันนิ่งสนิทแล้วตาก็เริ่มหลุกหลิกขึ้นมา
นี่สินะจื่อเทามันถึงจับได้ เพราะท่าทางมีพิรุทแบบนี้
“พี่จื่อเทาบอกอะไรพี่อี้ชิงเหรอครับ”ในที่สุดก็เผยออกมา
อี้ชิงยกมุมปาก เป็นจริงสินะ เขาไม่ตอบว่าจื่อเทาบอกอะไร แต่ถามต่อว่าเกิดขึ้นตอนไหน
แล้วทำแบบนั้นกับใคร จงแดอึกอัก มือเล็กบีบเข้าหากันแน่น
ไม่ยอมปริปากว่าตัวเองไปขายตัวให้ใครมา
“ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ ถ้าคิดว่าทำดีแล้วก็ทำไป
ฉันห้ามนายไม่ได้ แต่ถ้าเป็นอะไรแบบครั้งนั้นอีกอย่ามาเดือดร้อนฉันแล้วกัน”คำพูดไม่ได้แฝงความตัดพ้อ
อี้ชิงพูดจริงๆ เขาเห็นว่าเป็นเด็กข้างห้องแม่
ลำบากลำบนโดนไล่ออกจากงานก็อยากช่วยเหลือ แต่ถ้าเลือกชีวิตเองได้ก็ตามแต่ใจ แค่อย่ามาเดือดร้อนกันก็พอ
เขามีทั้งภาระหน้าที่ การเรียน
จะมาคอยดูแลคนที่รูก้นพังเพราะนอนอ้าขาแลกเงินน่ะไม่ไหวหรอก เอ็นดูก็ใช่อยู่
สงสารนี่ก็ใช่ แต่มันคนละเรื่องกัน
เอาตัวเองไปเจ็บเองก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนลูกๆคนอื่นของมาม่าซัง
คิมจงแดน่ะไม่รู้หรอก
เขาเห็นผู้หญิงแต่ละคนในร้านมาหลายปี ไอ้ตอนที่บทรักมันอ่อนโยนนุ่มนวลก็ดี
เงินมาง่าย สบายๆ แต่ตอนที่พวกหล่อนหวังเงินมากขึ้นโดยการยอมทนเจ็บอย่างที่จงแดคิดว่าทำได้
ผลสุดท้ายก็คือร่างกายเยินๆที่นอนอ้างว้างอยู่ในห้องพัก
“ห่วงตัวเองบ้างนะจงแด”เขาพูดได้แค่นี้
เด็กนี่ไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั่งก้มหน้านิ่ง
เขาเรียกชื่อจงแดแต่คนตัวเล็กก็ไม่เงยหน้าขึ้นมา
เห็นไหล่เล็กสั่นไหวเลยรู้ว่าเด็กนี่กำลังร้องไห้ เขาวางมือลงบนกลุ่มผมหยักศกนิ่มมือ
“ผมไม่เคยรู้ผลลัพธ์ของการกระทำของตัวเอง
ไม่รู้ว่ามันจะเดือดร้อนใคร...ผมแค่คิดว่าถ้าเงินมาอยู่ตรงหน้าผมก็จะคว้าไว้ไม่ให้มันลอยหายไป”
“...”
“เพราะถ้าผมไม่ทำ...แม่และน้องก็จะลำบาก”แค่นเสียงพูดมาอย่างยากลำบาก
คิมจงแดไม่ได้ปัดมือที่วางบนหัวออกแต่กลับล้มตัวลงไปนอน
ไหลยังสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด คำพูดของพี่ชายที่ตนประทับใจก็ชัดเจนเช่นกัน
“...”
“ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนครับ”
อี้ชิงส่ายหัวมองเด็กที่ล้มตัวลงนอนไปแล้ว
เขาไม่ได้แก้ต่าง จงแดจะเข้าใจแบบนั้นก็ไม่ผิด เพราะจงแดสร้างเรื่องเดือดร้อนจริงๆ
การที่เจ็บแล้วเขาต้องมาดูแลมันเดือดร้อนเขาจริงๆ
คนขาย
อี้ชิงไม่มีเรียน
ตื่นเช้ามาก็เจอจงแดนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นคล้ายทุกวัน
ติดที่รอบดวงตาของเด็กนั่นบวมโปนขึ้นมา
เขาส่งแว่นกันแดดที่นานๆจะใส่ทีให้แล้วพาไปกินข้าวก่อนจะพากลับมาที่หออีกครั้งรอไปทำงาน
หยิบเอางานคั่งค้างที่อาจารย์สั่งเหมือนชาตินี้กลัวจะไม่ได้สั่งอีกขึ้นมาทำ
และจงแดหลบไปซักผ้าในห้องน้ำ เด็กนั่นหอบทั้งเสื้อผ้าตัวเองทั้งของอี้ชิงไปซักด้วย
เขาเอ่ยห้ามแต่ก็ไม่ฟัง ไม่พูดกับเขาสักคำด้วยซ้ำ
อี้ชิงไม่ได้ว่าอะไร จงแดยังเด็ก จะแสดงอารมณ์เหมือนเด็กก็ไม่ผิด
เขาพาคนน้องซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปทำงานเหมือนเดิม บอกก่อนจะแยกย้ายไปอาบน้ำตามกฎของร้าน
ว่าเรื่องที่จงแดจะทำหรือไม่ทำ จะขายหรือไม่ขายให้จงแดเลือกเอาเอง
“ร่างกายของนาย
จะเอาไปปู้ยี่ปู้ยำยังไงมันก็เรื่องของนาย จำไว้อย่างเดียวว่าอย่าเป็นภาระให้กัน”คนตัวเล็กเงียบนิ่ง
พยักหน้าลงเบาๆ ประโยคแรกของวันนี้คือ...ไม่ให้เป็นภาระพี่อี้ชิงแน่ครับ
เจียนจี้ฟางกำลังกำกับพนักงานชายคนหนึ่งให้เคลื่อนโต๊ะซึ่งเกะกะไปให้พ้นทาง
นึกแปลกใจที่พนักงานเสิร์ฟในความดูแลของอาอี้ของหล่อนเดินมาหาแล้วพูดว่าขอคุยด้วย เน้นคำว่าส่วนตัวจนต้องเดินนำคิมจงแดเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง
เซฮุนไม่อยู่ ผัวเด็กของหล่อนคงออกไปสูบบุหรี่เพราะปรกติเซฮุนจะไม่ไปไหน
หมอนั่นติดเตียง เพราะหน้าตาดีแถมทั้งยังเด็กหนุ่มกินอร่อย
ถึงจะนอนเกาะเมียเป็นแมงดาเจียนจี้ฟางก็ไม่ว่าอะไร
“มีอะไรกับม่าล่ะ เดี๋ยวอาอี้ก็มาว่าม่าอีกที่เข้ามาคุยกับหนูน่ะ”มือเรียวกรีดพัดออกกางแล้วโบกไปมาโชว์ให้เห็นเล็บยาวที่ทาสีแดงสดเอาไว้
จงแดบอกว่าพี่อี้ชิงไม่ว่าหรอกนั่นทำให้จี้ฟางไม่เข้าใจเล็กน้อย
“มาม่าซังเคยบอกเอาไว้ถ้าเดือดร้อน
อยากได้เงิน...”พูดหยุดไว้แค่นั้น มาม่าซังคนงามยกยิ้มพึงพอใจในทันทีที่ได้ยิน
หล่อนพับพัดไม้ไผ่เก็บแล้วรีบกระวีกระวาดจับต้องเนื้อตัวเด็กตรงหน้า
หมุนซ้ายหมุนขวาอย่างชอบใจ ชมจงแดเปราะว่าคิดดีแล้ว ดูสิ หน้าตาก็น่ารัก หุ่นก็ดี
มีน้ำมีนวลขึ้นอีกด้วย
“ยิ่งเป็นผู้ชายราคาก็ยิ่งแพงนะหนูรู้ไหม?”หล่อนนึกถึงเม็ดเงินค่าตัวของจงแดในครั้งแรก
ราคาขายผู้ชายน่ะแพงกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว
แต่ไม่ถึงขนาดที่อู๋อี้ฟานยอมจ่ายในครั้งนั้นหรอก ทว่าก็เกือบจะใกล้เคียงแล้วล่ะ
หว่านล้อมด้วยเสียงแหลมๆถึงราคาแต่ละครั้งว่าสูงขนาดไหน จงแดยิ่งได้ยินตัวเงินยิ่งใจชื้น
ตอนแรกก็ยังไม่แน่ใจ มีความลังเลอยู่บ้าง แต่ถ้าบอกว่าเงินเยอะขนาดนี้
คิดว่าคุ้มแล้ว...
แค่ไม่กี่ครั้งก็น่าจะพอแล้ว...ได้เงินพอที่จะอยู่ที่เกาหลีอย่างสบายๆถ้าประหยัด
ลองหางานทำดู ไม่แน่อาจมีคนรับ ไม่อยากรอให้ถึงอายุสิบแปดแล้ว อยากรีบกลับ
จำได้ถึงข้อความของแม่ที่ถามว่าเมื่อไหร่จะกลับไปเสียที เลยอยากรีบกลับ...
ได้เงินพอแล้วจงแดก็จะกลับบ้าน...
กลับไปที่เกาหลี...
กลับไปหาจูจินกับแม่...
คนขาย
หลายสายตามองมาที่จงแดเหมือนตัวประหลาด
บางคนก็เข้ามาทำความรู้จัก พี่สาวในชุดกี่เพ้าสีแดงสดบ้างก็แต่งหน้าบางเบา บ้างก็ลงรองพื้นหนาเตอะและทาลิปสติกสีเดียวกับชุด
มีจงแดที่ใส่เสื้อเชิ้ตแบบคนจีนสีดำซึ่งเป็นเครื่องแบบของร้าน
“ทำไมถึงเลือกทำแบบนี้ล่ะ”พี่สาวคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม
จงแดจำเธอได้ว่าเธอเป็นคนที่ช่วยยื้อเขาออกจากอู๋อี้ฟานในครั้งนั้น
จำได้คับคล้ายคับคลายว่าเธอชื่อเหมยลี่อิน ลี่อินถามอีกครั้งว่าเพราะเงินหรือเปล่า
แล้วคำตอบจึงเป็นการพยักหน้า
“น่าขำนะ
ไม่ว่าใครก็มาอยู่ตรงนี้เพราะคำว่าเงินคำเดียว”เธอหัวเราะน้อยๆ
บอกต่อว่ายินดีต้อนรับสู่ครอบครัว ฟังดูแล้วอบอุ่น แต่ความจริงไม่ใช่เลยสักนิด
ครอบครัวที่ไหนจะมองกันด้วยสายตาจิกกัดแบบพี่สาวหลายๆคนที่มองจงแดบ้างล่ะ
“แขกกูคงหายหมด เอาไอ้ตัวมาขาย
ไอ้พวกไบไม่ไปเอามันหมดเลยหรือไง”หญิงสาวคนหนึ่งโพล่งขึ้นมา
เธอเป็นคนหนึ่งที่มองจงแดอย่างไม่เป็นมิตร พี่สาวคนนี้ไม่ได้สวยมากขนาดลี่อิน
เรียกว่าหน้าตาธรรมดาเลยล่ะ อาศัยแต่งหน้าเข้าไป ในแสงสลัวก็สวยได้
เธอวางตลับแป้งลงที่โต๊ะแต่งหน้าอย่างไม่ค่อยสบอารมร์แล้วเดินออกจากห้องแต่งตัวไปเลย
จงแดเพิ่งรู้ว่าสำหรับลูกๆของมาม่าซังจะมีห้องแต่งตัวให้
หญิงสาวเป็นสิบคนแออัดกันอยู่ในนี้ก่อนที่จะเริ่มงาน
ประทินโฉมกันให้สวยเพื่อให้แขกเรียกตัวเองไปบริการ กลิ่นน้ำหอมกุหลาบตลบอบอวลเพราะแต่ละคนก็ปะพรมกันเต็มที่
มาม่าซังเอาจงแดมาไว้ที่นี่หลังจากที่เขาตัดสินใจขยับหน้าที่จากเด็กเสิร์ฟมาเป็นคนขาย
ฝากฝังให้ลูกๆของเธอช่วยดูแล “น้องใหม่” ด้วย
แต่ก็นั่นล่ะ...หลายคนไม่เป็นมิตรกันเลยสักนิด
“ไม่ต้องไปสนใจยัยนั่นหรอก แก่แล้วแถมหน้าปลาจวด
หาแขกไม่ได้แล้วมารวนคนอื่น”หญิงสาวอีกคนพูดขึ้นมา
เธอเดินเข้ามาหาแล้วทำความรู้จัก บอกว่าเธอชื่อชิงชิง
ช่างคุ้นหู...จะไม่ให้คุ้นได้ยังไงเมื่อเธอคือดาวเด่นของบ้านดอกเหมย
เธอคืออันดับหนึ่งของที่นี่
จงแดรู้ได้เลยว่าทำไมเธอถึงเป็นที่ต้องการของผู้ชายมากมาย
เพราะเธอมีใบหน้ารูปใบเรียวสวยและเรียบเนียน
ดวงตากลมโตตามธรรมชาติรับกับสันจมูกเล็กๆไม่ได้โด่งมากมายแต่ดูแล้วสวยงามดี
ผมสีดำสนิทหยักศกน้อยๆยาวถึงกลางหลัง ถ้าร่างกายเปลือยเปล่าคงจะจรดเอวคอด
งดงามราวกับนางในภาพวาดวรรณคดีไทยที่เคยเห็นผ่านตาตามร้านขายภาพวาดสีน้ำมัน
“ชื่ออะไรนะ บอกฉันอีกสักทีสิ”เธอถามพร้อมรอยยิ้ม
ลี่อินเย้าว่าเห็นเด็กหนุ่มล่ะอารมณ์ดี
ทีเมื่อครู่จะกินหัวยัยจือหม่าอยู่แล้วเชียว ชิงชิงหัวเราะบอกว่าก็แน่นอน
สำหรับการปฏิบัติระหว่างผู้ชายและผู้หญิงเธอย่อมปฏิบัติต่างกันอยู่แล้ว
“แต่สำหรับน้องใหม่คนนี้น่ะฉันไม่ได้คิดอะไรด้วยหรอก
ไหน บอกฉันทีสิน้องชายว่าชื่ออะไรครับ?”เธอพูดอารมณ์ดีแล้วกลับมาถามกันอีกครั้ง
จงแดยิ้มน้อยๆ ค่อนข้างสบายใจกับพี่สาวสองคนนี้ ตอบไปว่าชื่อคิมจงแด
พอรู้ว่าเป็นคนเกาหลี เหมยชิงชิงยิ่งชอบอกชอบใจ
เธอว่าแล้วทำไมหน้าตาไม่เหมือนคนจีนเลยสักนิด
“แล้วนี่มีฉายาหรือยัง ม่าตั้งฉายาให้จงแดหรือยังครับ?”เธอยังถามต่อ
ลี่อินส่ายหัวกับดาวเด่นของร้าน รู้ว่าชิงชิงมีน้องชาย
อายุก็ไล่เลี่ยกับจงแดนี่ล่ะ รูปร่างเล็กบางแบบนี้เช่นกันเพราะป่วยกระเสาะกระแสะ
เป็นโรคภูมิต้านทานต่ำ หนาวร้อนเล็กน้อยก็ไม่สบายใหญ่โตแล้ว
คงเอ็นดูจงแดเพราะคล้ายกับน้องชายตัวเอง
“นั่นสิมาม่าซังตั้งฉายาให้จงแดหรือยัง”ลี่อินถาม
พวกเธอมักจะมีฉายาเพราะอาชีพแบบนี้ไม่น่าเอาชื่อจริงมาใช้
ชื่อแซ่ที่พ่อแม่และบรรพบุรุษใช้เรียกขาน
ไม่อยากให้มาเป็นชื่อเดียวกับตอนที่ขานเรียกให้ไปบริการแขก
อย่างเหมยลี่อินเธอใช้ชื่อเหมยลี่แทนชื่อจริงคือลี่อิน
“ไม่มีครับ”ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องมีฉายา
ลี่อินทำท่าขบคิดก่อนจะบอกว่าชื่อจงต้าดีไหม
คล้ายกับชื่อเดิมแต่ความหมายไม่เหมือนกัน ชิงชิงก็เห็นด้วยบอกว่าชื่อนี้ก็ดี
จงแดได้แต่ยิ้มกับพี่สาวสองคนตรงหน้า...
วันนี้เขาได้มีอีกชื่อแล้ว...
ชื่อที่ใช้สำหรับเฉพาะ...
เฉพาะการขายตัว...
จินจงต้า...
คนขาย
บ้านดอกเหมยเปิดบริการแล้ว
เจียนจี้ฟางกรีดเสียงหัวเราะมาแต่ไกลบอกกับจงแดว่าคืนนี้จะเปิดตัวลูกชายคนเล็กของหล่อนในโซนวีไอพี
มาม่าซังชมชื่อจินจงต้าที่ลูกสาวของหล่อนเป็นคนตั้งให้ว่าเพราะดี
เหมาะกับการใช้เป็นฉายา
พี่ชิงชิงถูกเรียกตัวทันทีที่ร้านเปิด
คิวจองตัวของอันดับหนึ่งของร้านยาวอย่างกับหางว่าว
ต้องจองกันข้ามวันข้ามคืนเพื่อที่จะได้เชยชมคนที่สวยที่สุดก็ต้องยอมรอ
แต่พี่ลี่อินบอกว่าถ้าหากแขกประจำอย่างอู๋อี้ฟานมา
ไม่ว่าเหมยชิงชิงจะบริการใครอยู่ก็ต้องมาบริการคุณอี้ฟานทันที
นึกถึงผู้ชายคนนั้นก็รู้สึกขลาดขึ้นมา
ถ้าหากเขารู้ว่าจงแดขายตัวแล้วเขาต้องการจะซื้อ...จงแดจะทำยังไงดี
“เราปฏิเสธได้
ถ้าไม่อยากไปกับคนไหนก็ไม่ต้องไป”เหมยลี่อินบอกแบบนั้น
ทางร้านไม่เคยบังคับให้ใครขายตัวอย่างที่บอก มันเป็นความสมัครใจเอง
แต่น้อยนักที่จะมีคนปฏิเสธลูกค้า
นอกจากชิงชิงที่มีลูกค้าให้เลือกเยอะก็ไม่ค่อยมีใครปฏิเสธหรอก จงแดใจชื้นขึ้นมา
เดินตามแรงดันหลังของพี่ลี่อินขึ้นบันไดที่มีการ์ดสองคนยืนคุมเชิงอยู่
ตอนนั้นเคยขึ้นมาครั้งหนึ่งในหน้าที่เด็กเสิร์ฟ
และตอนนี้เขากำลังเดินขึ้นโซนวีไอพีในหน้าที่ใหม่
มองเวทีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
จางอี้ชิงกำลังเล่นกีต้าร์และมีนักร้องสาวอีกคนร้องเพลงข้างๆ พี่อี้ชิงคงเห็นจงแดเพราะเห็นว่าใบหน้าดูดีเงยขึ้นมามองแล้ววกกลับไปจ้องคอร์ดคอกีต้าร์อีกครั้ง
“สวัสดีค่ะทุกคน ดื่มกินกันมีความสุขไหมคะ?
คิก”เจียนจี้ฟางยืนอยู่กลางโซนวีไอพี
ตอนนี้แขกโซนวีไอพีเพิ่งจะเริ่มเข้ามาเล็กน้อยแต่ไม่เป็นปัญหาในการแนะนำตัวจงแด
เพราะถึงยังไงพรุ่งนี้รูปของเขาก็จะถูกไปติดรวมกับพี่สาวคนอื่นหน้าร้านให้ลูกค้าได้พิจารณาก่อนซื้ออยู่ดี
“จี้ฟางมีน้องคนหนึ่งมาให้ทำความรู้จักและเปิดตัวในฐานะลูกชายค่ะ
ไม่ผิดนะคะ ลูกชายคนเล็กของจี้ฟางเอง”หล่อนพูดจีบปากจีบคอ
กวักมือเรียกจงแดที่อยู่กับลี่อินให้ไปหา เมื่อยืนข้างมาม่าซัง ทุกสายตาก็มองมา
แต่มองปราดเดียวก็หันกลับไปสนใจแก้วเหล้าในมือกัน
จงแดเลยเข้าใจได้ทันทีว่าพวกเขาตรงนี้ไม่ได้ชอบผู้ชาย
“มีใครอยากจะได้น้องไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนคืนนี้บ้างหรือเปล่าคะ
แหม คนแรกเลยนะเนี่ย”มาม่าซังคนงามไม่สนสถานการณ์ หล่อนกรีดเสียงถามกับความนิ่งเฉย
ถึงจะขายตอนนี้ไม่ออก ดึกกว่านี้ก็ขายได้อยู่ดีนั่นล่ะ ยืนนิ่งอยู่นาน
เดี๋ยวก็คงได้ไปนั่งรอรวมกับคนอื่นที่ไม่ถูกเรียกตัว
ทว่าพอมาม่าซังจะให้จงแดกลับไป ผู้ชายคนหนึ่งก็ลุกพรวดพราดขึ้นมา
ยกมือชูสุดแขนบอกว่าคืนนี้จองตัวเด็กใหม่คนนี้
“เห้ยซิ่วหมิน
นั่นผู้ชายนะไอ้สัด”เพื่อนของผู้ชายคนนั้นแหวขึ้นมา ลุกมาฉุดให้เพื่อนตัวเองนั่งลง
แต่ผู้ชายที่ชื่อซิ่วหมินก็ไม่สนใจ ร่างที่ไม่ได้สุงมากอยู่ในชุดทำงาน
เสื้อสูทถูกแขวนอยู่บนพนักเก้าอี้ ไทถูกคลายลงน้อยๆ
ท่าทางยืนแบบเซๆนั่นทำให้รู้ว่าอีกคนเมามากแล้ว
ร้านเพิ่งเปิดแท้ๆ...
“ยุ่ง! ผมจองตัวน้องคนนี้
เปิดห้องเลยด้วย”สะบัดมือเพื่อนที่จะจับยืดแขนเอาไว้ออก
เดินเซแท่ดๆมาคว้ามือของจงแดเอาไว้ คนตัวเล็กเบิกตาเหวอเมื่อเป็นแบบนี้ จะปฏิเสธออกไปแต่ก็ไม่ทันเมื่อคนที่ไม่ได้สูงไปกว่ากันลากเขาไปทางเชื่อมสู่ห้องรับรองแขก
มาม่าซังถลาจะมาไกล่เกลี่ยแต่เงินที่ถูกยื่นให้ตัดบททั้งหมดแล้ว
มันไม่ได้มากมายแต่เมื่อรับเงินมาแล้วก็ถือว่าได้ซื้อแล้ว
จงแดเบะปากอยากร้องไห้ เขากลัวอารมณ์ของคนเมา
อยากจะวิ่งหนีแต่น้ำหนักตัวของผู้ชายคนนี้ก็โถมมาเต็มที่
พนักงานชายที่ดูแลอยู่หน้าห้องพักเปิดประตูให้เราทั้งคู่เข้าไปแล้วปิดให้อย่างรู้หน้าที่
จงแดเอาคนเมาไปทุ่มวางไว้บนเตียง มองรอบกายแล้วคิดถึงวันแรกที่เหยียบที่นี่ขึ้นมา
กลัวว่าจะซ้ำรอยเพราะไม่รู้ว่าคนไม่ได้สติจะมีบทรักแบบไหน
สองขาเล็กขยับออกห่างและอยากจะหนีออกไป
“เดี๋ยวซี่ อยู่กับผมก่อน”คนเมาส่งเสียงมาอ้อแอ้
ยื่นมือออกมาตรงหน้า แล้วค่อยๆยืนเซๆ จงแดมองคนที่เดินเข้ามาหาด้วยความกลัว
ขยับถอยออกไปแต่อีกคนก็ขยับตาม
“ใครๆก็จะหนีผมไปเหรอเนี่ย? แม้แต่คนที่ผมซื้อ ผมน่ารังเกียจเหรอ?”ถามเสียงแข็งขึ้นมา
จงแดมองคนที่พูดต่อไปเรื่อยๆ ผู้ชายตรงหน้าบ่นยาวพรืดถึงเรื่องที่เพิ่งถูกแฟนทิ้ง
“เนี่ย เธอก็เพิ่งทิ้งผมไป แล้วดูสิ
งานผมก็พรีเซ้นต์ไม่ผ่าน เฮงซวยฉิบหายเลย คุณยังจะหนีผมอีกเหรอ
แสดงว่าผมน่ารังเกียจมากใช่ไหมล่ะ ห่าเอ้ย!”เห็นจงแดถอยห่างคนเดินตามเลยสบถหยาบคาย
ผู้ชายชื่อซิ่วหมินทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วทุบพื้นฟูกด้วยท่าทางเจ็บปวด
จงแดมองภาพตรงหน้าแล้วอาการหวาดกลัวก็พลันหายไปกลายเป็นตกใจแทน
เขามองคนที่พลิกตัวคว่ำลงกับเตียง เห็นไหล่เล็กไม่ต่างจากตัวเองไหวสั่น
“คุณ...”พูดไม่ออก จงแดไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ยืนเงอะงะ
คนเมาที่ดูเหมือนน่ากลัวกับอารมณ์ที่ไม่คงที่ตอนนี้กำลังปล่อยโฮออกมา
ปากเล็กบางยังคงพ่นพ่นทั้งเสียงร้องไห้และคำบ่นด่า
สบถหยาบคายบ้างตามประสาคนประคองสติไม่ไหว
ล้วนแล้วแต่พูดถึงแฟนสาวที่ทิ้งกันไม่ไยดีเพราะไม่มีเงินซื้อของแพงๆให้เธอ ทั้งงานก็ยังพรีเซ้นต์ไม่ผ่าน
คนอื่นเลยคว้าเอางานไปทำตัดหน้า โบนัสก็คงจะไม่ได้เพราะงานไม่เดิน
“ผมจะต้องทำยังไง บอกผมทีสิ จะทำยังไงดี
ผมเหนื่อยมากเลย”เสียงสะอึกสะอื้นยังไม่หาย จงแดขยับเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงบนเตียง
ค่อยๆเอื้อมมือไปแตะตัวผู้ชายที่ชื่อซิ่วหมิน
“คุณครับ...ขอโทษ”เอ่ยออกมา
ขอโทษที่แสดงท่าทีหวาดกลัวแล้วคิดจะหนี ไม่รู้ว่าอีกคนเจอเรื่องราวอะไรมา ให้คิดเอาตอนนี้คนตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีอยากจะทำเรื่องอย่างว่าเลยสักนิด
เอาแต่ร้องฟูมฟายซบหน้าลงกับเตียงเท่านั้น
“ขอโทษ? เหอะ! คุณ! เธอก็พูดคำนี้กับผมคุณรู้ไหม
ขอโทษแต่ไปควงลูกเจ้าของห้าง ไอ้หน้าวอกนั่นมันดีก็แค่รวย มันไม่ได้รักเธอสักนิด!
ผมนี่สิ!!
ผมนี่รักเธอ”ลุกขึ้นมาจากเตียง
น้ำตานองที่ใบหน้า ซิ่วหมินชี้เข้าหาตัวเองย้ำว่าคนๆนี้ที่รักเธอ
แต่เธอก็ทิ้งกันไป จงแดวางมือลงบนเข่าของซิ่วหมินอย่างเห็นใจ
“คุณกลุ้มใจ...อยากหาที่ระบายใช่ไหม
พูดมันออกมาเถอะ”บอกอีกคนด้วยความเห็นใจ ลุบหลังลูบไหล่ที่สั่นไหว
ซิ่วหมินปล่อยโฮเสียงดังอีกครั้งก่อนจะพุ่งตัวเข้ามากอดจงแดเอาไว้แน่น
ปากก็ทั้งร้องไห้ทั้งพูดอะไรไม่ได้ศัพท์
จงแดเหวอไปนิดตอนที่ถูกอีกคนพุ่งตัวมากอดเอาไว้ อารามตกใจเลยไม่ได้ทำอะไรปล่อยให้อีกคนกอดเอาไว้แบบนั้น
พอตั้งสติได้ก็ยกมือขึ้นลูบหลังอีกคนเบาๆ
ร้องไห้จนพอใจแล้วคนที่ฟูมฟายก็หลับไป
อาจจะเพราะว่าเมาด้วย และเพลียจากการร้องไห้ด้วย
จงแดค่อยๆแงะตัวผู้ชายอีกคนออกแล้ววางลงบนเตียงดีๆ
มีคราบน้ำตาเกาะติดที่แพขนตาบางๆของซิ่วหมิน
“ฮะๆ”หลุดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อมองสภาพคนตรงหน้า
นี่จงแดนึกกลัวผู้ชายคนนี้ไปได้ยังไงนะ เห็นว่าเป็นคนเมาก็กลัวแล้ว เพราะอารมณ์คนเมานี่คาดเดาไม่ออกเลยจริงๆ
จงแดไม่รู้จะทำอะไรต่อ เพราะซิ่วหมิวจ่ายค่าตัวให้มาม่าซังไปแล้ว
อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าคนๆนี้จะตื่นตอนไหนแต่ระหว่างรอให้ครบชั่วโมงก็ยืดเวลาที่จงแดจะต้องไปบริการลูกค้าคนอื่นได้
นึกขำ ทั้งที่ใจกล้าคิดจะขายตัวแล้วแท้ๆ
แต่พอเอาเข้าจริงๆจงแดก็ใจตุ๊มต่อมเหมือนกันนะ
ไม่รู้เลยจริงๆว่าลูกค้าแต่ละคนจะเป็นแบบไหน เจอคนที่ดีมีบทรักอ่อนโยนก็ดีไป
แต่ถ้าเป็นแบบอู๋อี้ฟาน...
นึกแล้วก็หวาดกลัวขึ้นมา...
ได้แต่คิดเอาว่าถึงจะเจ็บแต่ก็ได้เพิ่มขึ้น
ได้เงินเพิ่มขึ้นก็น่าจะคุ้มกันแล้วนี่นา...
แต่...
ก็ต้องไม่เดือดร้อนพี่อี้ชิง...
ไม่เป็นภาระให้พี่อี้ชิงด้วย...
จำไว้นะคิมจงแด...
คนขาย
ครบชั่วโมงตามข้อกำหนดการขายของทางร้านคือให้อยู่กับแขกได้แค่สามชั่วโมงเท่านั้น
ถ้าหากมากกว่านั้นแขกต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ซิ่วหมินถูกเพื่อนของตัวเองหิ้วปีกออกไปทั้งที่ยังไม่ได้สติเลยด้วยซ้ำ
พี่ลี่อินเข้ามาหาถามว่าเป็นยังไงบ้าง จงแดส่ายหัวเล่าให้ฟังทั้งหมดว่าผู้ชายคนนั้นแค่มาระบาย
ร้องไห้ฟูมฟายแล้วก็หลับไปเท่านั้นเอง
“จริงเหรอเนี่ย”น้ำเสียงของเธอดูประหลาดใจ
เพิ่งเคยเห็นแบบนี้มาก่อน จงแดบอกว่าใช่ นี่ยังไม่บุบสลายตรงไหนเลยสักนิดเดียว
“ดีแล้วล่ะ พี่ก็กลัว
เห็นเมาแบบนั้น”ตอนที่จงแดถูกลากมาก็กังวลว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า
ส่วนมากพวกที่เมาชอบเล่นอะไรแผลงๆ
ลูกๆของมาม่าซังเจ็บตัวกันบ่อยจากพวกเมาๆทั้งหลายแหล่ะนี่ล่ะ จงแดหัวเราะ
เอาจริงๆซิ่วหมินอาจจะไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยซ้ำ คงเพราะความเมาเลยขาดสติ
เขาคงแค่อยากหาคนฟังเขาระบายสักคนเท่านั้นเอง
เหมยลี่อินบอกว่าวันนี้จงแดคงไม่ต้องทำงานแล้ว
มาม่าซังน่ะเรียกเก็บเงินเพิ่มจากเพื่อนของซิ่วหมินข้อหามาฉุดลากกันไม่แบบนั้น
ได้เงินเยอะอยู่เหมือนกัน พอค่าแรงวันนี้ของมินซอกแล้วล่ะ
มินซอกอดจะถามไม่ได้ว่ามันจะสักเท่าไหร่กัน ลี่อินยิ้มน้อยๆ
ค่าตัวของผู้ชายแพงกว่าผู้หญิงอย่างที่มาม่าซังบอกนั่นล่ะ
“สามพันล่ะมั้ง
สำหรับครั้งแรกก็ต่ำหน่อยแบบนี้ล่ะ”จงแดเบิกตาขึ้น สามพันเหรอ? ไม่เลย
มันไม่ได้น้อยเลยสักนิด
ก็จริงที่มันน้อยกว่าตอนที่นอนกับคุณจุนมยอน
และอู๋อี้ฟาน แต่เงินสามพันหยวน เทียบกับการที่ต้องเดินเสิร์ฟหรือล้างผักในครัว
มันมากกว่านั้นเยอะเลย
คิดแค่วันละสามพัน ลองคิดดูสิ...
อีกไม่นานก็จะได้กลับบ้านแล้วจงแด
จื่อเทาเข้ามาทักจงแดที่นั่งรวมกับพี่สาวคนอื่น
หลายคนเป็นมิตรกับจงแดดี คนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันก็อยู่ห่างกันไว้
เหมยลี่อินบอกให้พวกพี่คนอื่นไปดูแลแขก
เพราะวันนี้ค่าแรงของพวกเธอยังไม่มากเท่าไหร่ เปิดโอกาสให้จื่อเทามานั่งคุยกับจงแด
พี่ชายหน้าคมเย้าว่าสุดท้ายก็เอาจนได้สินะ
“แล้วเป็นยังไงบ้าง”คนเป็นพี่ถาม
จงแดส่ายหัวบอกว่าวันนี้ไม่ได้นอนกับใครทั้งนั้น
เล่าเรื่องน่าตลกวันนี้ให้จื่อเทาฟัง คนพี่หัวเราะลั่นถามว่าพูดจริงๆเหรอเนี่ย
นานๆทีจะเจออะไรแบบนี้ แต่ก็ดีแล้ว
“ดีกว่ามันเมาแล้วทำเราเจ็บนั่นล่ะ”เขาบอกแล้วลูบหัวจงแด
บอกว่าอี้ชิงเพิ่งเล่นเพลงสุดท้ายเสร็จไปไม่นานนี้ อีกประเดี๋ยวลงกลับบ้านแล้ว
จงแดหมดแขกแล้วก็กลับเลยก็ได้ ม่าน่ะแกไม่ว่าหรอก
ป่านนี้นั่งนับเงินเพลินไปแล้วกระมัง พอดีกับจางอี้ชิงเดินมาทางนี้พอดี จื่อเทาถามว่าอีกคนจะกลับเลยใช่ไหม
คำตอบคือการพยักหน้า จื่อเทาเลยบอกพาจงแดกลับไปพร้อมกันเลย
อี้ชิงถามว่าไม่ต้องรับแขกอีกหรือไง
คำถามตรงๆแต่พาเอาจงแดรู้สึกแปลกๆ
บอกอ้อมแอ้มว่าไม่แล้ว วันนี้ได้ค่าแรงพอแล้ว
“ได้แขกหลายคนเหรอ?”คำถามแต่ละอย่างของอี้ชิงทำเอาจุกเมื่อได้ยิน
เหมือนโดรดูถูกอยู่อย่างไรอย่างนั้น แต่ก็รู้ดีว่าพี่อี้ชิงไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น
จงแดและอี้ชิงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับหอ
จะว่าไปทั้งวันนอกจากประโยคที่บอกจะไม่ทำให้พี่อี้ชิงเดือดร้อนก็มีเมื่อครู่ที่ได้พูดคุยกัน
อี้ชิงถามจงแดว่าหิวไหม ปรกติถ้าบริการแขกจะได้กินอาหารร่วมกับแขกด้วย จงแดส่ายหัว
เขายังไม่ได้กินอะไรสักนิด อี้ชิงถามว่าแล้วอยากจะกินอะไร จงแดส่ายหัวไม่รู้
ถึงจะกินข้าวมากขึ้นแต่ก็ไม่เคยเลือกเมนูด้วยตัวเองสักครั้ง
เขาแค่กินเพราะพี่อี้ชิงบอกให้กิน
อี้ชิงพาคนเด็กกว่าซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปร้านข้าวต้มรอบดึก
สั่งข้าวชามใหญ่มาให้
พร้อมผัดผักบุ้งที่เคยได้ยินจงแดชมว่าอร่อยตอนมากินที่ร้านนี้
ต่างคนต่างกินเมื่อกับข้าวมาครบรายการ
จงแดวางตะเกียบเพราะรุ้สึกอิ่มแต่ข้าวที่พร่องลงไปไม่มากทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามนั้นมองและใช้สายตาบอกว่าให้กินต่อให้หมด
จงแดจำต้องหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้งและกินข้าวให้หมดอย่างที่อี้ชิงบอก
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏที่มุมปากของจงแด...
เมื่อวานเขากับพี่อี้ชิง
ถ้าพูดให้ถูกก็คือผิดใจกัน วันนี้เราแทบไม่พูดไม่จา
แต่ตกดึกมาเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ใช้ชีวิตเหมือนปรกติทุกอย่าง
“พี่อี้ชิง”จงแดเรียกคนที่จะเข้าไปอาบน้ำ
คนตัวเล็กอาบน้ำเรียบร้อยแล้วและมานั่งอยู่ที่พื้นที่เดิม อี้ชิงหันมาเลิ่กคิ้วใส่เชิงถามว่ามีอะไร
จงแดกระพริบตาปริบ มีเรื่องหนึ่งที่ยังคาใจอยู่ระหว่างเขากับพี่อี้ชิง
“พี่...ผิดหวังในตัวผมไหม?”นี่ล่ะที่อยากถาม
ความหวังดี ความสงสารที่พี่มีให้ แต่จงแดกลับไม่เชื่อฟังคำที่พี่บอก
พี่เคยพูดว่าใช้เชื่อกันบ้างก็ดี แต่จงแดกลับไม่ทำตาม
เขายอมรับเลยว่าเห็นเงินดีกว่าทุกสิ่ง
อะไรที่ทำให้ได้เงินมาเขาพร้อมจะทำ
“นายยังไม่ผิดหวังในตัวเอง
ฉันมีสิทธิ์อะไรไปผิดหวังในตัวนายล่ะคิมจงแด”คำพูดเรียบๆของคนเป็นพี่ชายเอ่ยออกมาก่อนที่อี้ชิงจะเข้าห้องน้ำไป
...ไม่รู้ว่าที่อี้ชิงพูดหมายความว่าอะไร
ไม่ได้ผิดหวัง...
หรือกำลังบอกว่าจงแดน่ะ...
ไม่เคยหวังกับตัวเองเลยกันแน่
อี้ชิงลูบหน้าที่เปียกน้ำ
คำพูดของเขาไม่รู้ว่าแรงไปหรือเปล่า เขาแค่พูดไปอย่างที่คิด
เขาไม่ได้ตั้งความหวังในตัวของคิมจงแด
ที่ช่วยเหลือก็เพราะสงสารทั้งนั้น
คนที่ผิดหวังสำหรับการเลือกชีวิตแบบนี้ของจงแดคงเป็นแม่เขาเสียมากกว่า
ถ้ารู้ว่าเด็กข้างห้องที่ตัวเองชมนักหนากลายเป็นไอ้ตัวขายบริการในร้านอาหารกึ่งผับ
อีกสองคนที่จะผิดหวังคือแม่ของเด็กนั่นเองและน้องสาวที่เจ้าตัวรักนักหนา
ทำทุกอย่างเพื่อสองคนนี้
จงแดไม่ทันได้คิดว่าถ้าหากแม่กับน้องรู้ว่าเงินที่หามาได้มันแลกกับอะไรมา
อยากรู้ว่าสองแม่ลูกจะกล้าใช้มันอีกเหรอ
สุดท้ายคนที่ต้องผิดหวังกับคิมจงแดมากที่สุด
ก็คือตัวของคิมจงแดเอง...
น่าผิดหวัง
ที่ยอมขายทุกอย่างแม้กระทั่งเนื้อหนังมังสาและศักดิ์ศรีของตัวเอง
การที่รักครอบครัวและจะทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวสบายไม่ใช่เรื่องผิด
อี้ชิงเองก็ไม่ได้อยากเห็นพ่อแม่ต้องลำบากเหมือนกัน แต่อย่างน้อย...
ก็ควรห่วงตัวเองบ้าง...
คิดถึงตัวเองบ้าง...
คนอย่างจงแดน่ะคงไม่รู้สึกผิดหวังในตัวเองหรอกถ้ายังไม่เคยคิดถึงตัวเอง
ไม่เคยรักและห่วงตัวเองแบบนี้...คิมจงแดน่ะ ไม่หวังอะไรในตัวเองเลยสักนิดเดียว
สิ่งที่หวัง...มีแค่ความสบายของแม่และน้อง
...นั่นล่ะความหวังเดียวของคิดจงแด...
คนขาย
แม่ไลน์มาหาบอกว่าตอนนี้สะดวกสบายขึ้นเยอะ
รถมอเตอร์ไซค์ที่ซื้อมาช่วยให้ไปส่งจูจินเรียนได้รวดเร็ว
ติดอยู่อย่างเดียวคือต้องเสียค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์
จงแดบอกให้แม่เติมน้ำมันไปเถอะ แล้วอย่าพาจูจินเดินหรือโหนรถเมล์เลย
เขาเป็นห่วงทั้งสองคน
แม่ถามอีกแล้วว่าเมื่อไหร่จงแดจะกลับบ้าน
ทำงานได้เงินดีแบบนี้ ไม่ต้องส่งเงินมาให้แม่บ่อยก็ได้ รีบเก็บเงินสักก้อนแล้วกลับบ้านเราจะดีกว่า
ร้านบะหมี่ใกล้บ้านมาเปิดใหม่ก็รับสมัครเด็กล้างจาน
ปั๊มน้ำมันหัวจ่ายเดี่ยวที่แม่ไปเติมน้ำมันรถบ่อยๆก็รับสมัครเด็กพาร์ทไทม์ขายสินค้าในมาร์ท
อายุจงแดก็ใกล้เคียงสิบแปดแล้ว ส่วนสูงหน้าตาก็พอจะโกหกได้ว่าอายุถึงเกณฑ์
ยังไงเสีย กลับมาทำงานที่บ้านเรา
มาอยู่ด้วยกันมันจะไม่ดีกว่าเหรอ
-พยายามเก็บเงินก้อนใหญ่อยู่ แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ
งานใหม่ได้เงินดีมากจริงๆ ผมยังมีส่งให้แม่เหมือนเดิม-
เขาบอก
กำชับด้วยว่าให้หาซื้อของกินอร่อยๆกินกันด้วย
แล้วก็ซื้อของเล่นกับชุดสวยๆให้จูจินใส่บ้าง เธอเป็นเด็กผู้หญิง
ต้องรักสวยรักงามเข้าไว้ แม้แม่จะบอกว่ามันสิ้นเปลืองก็ตามที จงแดบอกว่าไม่เป็นไร
-ซื้อชุดกระโปรงฟูๆสีขาวเหมือนเจ้าหญิงให้จูจินใส่แล้วถ่ายรูปส่งมาให้ผมดูบ้างนะ-
จงแดพิมพ์บอกด้วยรอยยิ้ม
เขาเคยเห็นชุดเด็กผู้หญิงที่เหมือนเจ้าหญิง กระโปรงหลายๆชั้น
มีลูกไม้ประดับประดางดงาม อยากจะเห็นน้องสาวตัวเล็กสวมใส่มันบ้าง
-ถ้าน้องใส่ที่คาดผมที่มีดอกไม้สวยๆติดอยู่จะน่ารักมากไหมครับแม่-
ที่คาดผมผ้าลูกไม้สีขาวเข้ากับชุด
มีดอกไม้สวยๆติดอยู่ด้วย เขาเคยเห็นบางอันก็มีนกตัวเล็กเกาะอยู่ เหมือนนางฟ้าในนิทานก่อนนอนไม่มีผิด
-แล้วก็ให้จูจินกินเนื้อด้วยนะครับ
อย่ากินแต่ขาวกับผัก น้องกำลังโต-
จงแดประหยัดยังไงขาก็รู้ว่าแม่ก็ต้องประหยัดเช่นกัน
ถึงย้ำบ่อยๆว่าให้กินเนื้อกันบ้างแต่แม่ก็มักจะกินข้าวกับกิมจิดองเสมอ
จูจินเองก็เช่นกัน อาหารที่กินบ่อยคงไม่พ้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
อย่างดีก็ข้าวกับไข่ทอดฝีมือแม่
จงแดส่งยิ้มให้รูปจูจินที่แม่พยายามถ่ายแล้วส่งมาให้ เด็กสาวตัวน้อยนอนหลับไปแล้ว
แก้มติดแดงระเรื่อเพราะกินผักเยอะ หัวแม่โป้งเรียวไล้ที่แก้มของเด็กสาวในภาพ
บอกรักแม่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วบอกให้แม่ไปนอนเถอะ
พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามาพาจูจินไปโรงเรียนแล้วยังต้องไปทำงานบ้านนายญี่ปุ่นอีกด้วย
-รักแม่นะ...รอผมไม่นาน เดี๋ยวจงแดจะกลับไปแล้ว-
100
เปอร์เซ็นต์
TBC.
45 เปอร์หลังค่อนข้างสั้นเนาะ พาร์ทนี้สั้น
ลูกค้าคนนี้ไม่ค่อยมีบทบาทสักเท่าไหร่ แต่เป็นตอนที่ดึงจงแดเข้ามาขายอย่างเต็มตัว
สำหรับลูกค้าที่มีบทบาทมาก
เป็นตัวเดินเรื่องและเปลี่ยนแปลงเรื่องราวล่ะก็ ชื่อออกมาครบหมดแล้วล่ะค่ะ
55555555555555555
ปล. ที่บอกว่าอี้ชิงไม่ได้คิดอะไรกับจงแด
กลับกันแล้ว จงแดน่ะ ประทับใจอี้ชิงต้งแต่บทที่1เลยจำได้ไหมคะ 55555555555
เห็นแม่ยกเลย์เฉินเฟลเราก็เสียใจนะเนี่ย
รักค่ะ
#ขายตัวออลเฉิน
แมลงจี่
02/05/2558
สุขสันต์วันเกิด น้องเทาของหม่าม้า หม่าม้ารักหนูนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น