วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

คนคุก9.2

หึง หวง ห่วง หา



บทที่9.2

รู้ว่าคนเป็นน้องไม่พอใจ...แต่ลู่หานทำอะไรไม่ได้หรอก...

เมื่อคืนมินซอกแลกที่ จากนอนกลางระหว่างจงอินกับลู่หานเปลี่ยนให้ไอ้จงอินมานอนข้างลู่หานแทน เด็กมินซอกซุกตัวในอ้อมกอดคุณพ่อหมีทั้งคืน ถึงแม้ลู่หานจะเอื้อมมือไปลูบหัวคนตัวเล็กอย่างที่ชอบทำแต่พ่อหมีของเด็กน้อยก็ทำท่าทีกันท่าเสียทุกครั้ง ลู่หานสบถฮึดฮัดแต่จงอินกลับปรายสายตามาแล้วส่งนิ้วกลางให้
“ลู่หาน มีญาติมาเยี่ยม”เสียงผู้คุมคิมดังขึ้น ลู่หานมองที่ผู้คุมคิมอย่างไม่เชื่อว่าหูได้ยินไม่เพี้ยน ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองงงๆ
อี้ชิงมาเยี่ยมหรือ?
ฉับพลันรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบางเบา ชายหนุ่มทิ้งเรื่องมินซอกที่กวนใจไม่หายไว้ที่ช็อปงานช่าง บอกเพื่อนร่วมงานว่าจะไปหาญาติ น้องชายมาเยี่ยมแล้ววิ่งปรู๊ดออกไปเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่หานจะได้เจอญาติผ่านการเยี่ยมญาติแบบธรรมดา เขาเข้าแถวรวมกับนักโทษคนอื่นๆเมื่อรายงานตัวเรียบร้อยแล้ว
การเยี่ยมญาติจะมีเป็นล็อตๆไป เพราะวันๆหนึ่งคนมาเยี่ยมญาติกันเยอะแยะไม่ขาด จึงแบ่งเป็นรอบเช้า และบ่าย อย่างละไม่กี่รอบเท่านั้น หากญาติมาเกินเวลาถือว่าอดเยี่ยม
ลู่หานก้าวเท้าไปยังประตูเหล็กที่เชื่อมกับห้องเยี่ยม ผู้คุมยื่นโซ่ตรวนมาให้ ลู่หานรับมาพันธนาการข้อเท้าตัวเองอย่างรู้หน้าที่เพราะเห็นคนก่อนหน้าก็ทำเช่นกัน ไอ้จงอินไม่ได้บอกว่าเยี่ยมญาติแล้วต้องใส่โซ่พันเท้าด้วย
มีสัญญาณไฟกับกริ่งติดอยู่ที่บนประตู ตอนนี้ไฟเป็นสีแดงบอกว่ายังเข้าเยี่ยมญาติไม่ได้ เสียงผู้คุมกำชับว่าห้ามมีการพูดร้องขอหรือฝากให้สิ่งผิดกฎหมายเด็ดขาดทั้งที่การพบกันก็เพียงแค่กระจกกั้น จะฝากให้อะไรกันได้ก็ตามที
ไฟด้านบนประตูเปลี่ยนเป็นสีเขียว บานประตูเหล็กถูกเปิดออก ลู่หานแย้มยิ้มไม่หยุดที่จะได้เจอกับอี้ชิงแล้ว เดินตามเพื่อนร่วมเรือนจำที่ทยอยเดินเข้าประตูไป ที่นั่งไม้ทอดยาวต่อกันไปหลายตัว บานกระจกใสอย่างหนาก็เช่นกัน  มีชั้นยื่นออกมาเล็กน้อยให้วางแขนได้เวลานั่งคุยและใช้วางโทรศัพท์เครื่องเก่าที่เชื่อมสายกับอีกเครื่องด้านนอก นักโทษชายในรอบเยี่ยมนี้ต่างเดินหาญาติตัวเองให้วุ่น พอเจอกับญาติของตัวเองแล้วก็โผเข้าหาโทรศัพท์ทันที
ลู่หานไล่สายตา...ก่อนจะสะดุดกับร่างของน้องชายที่นั่งอยู่ท่ามกลางญาติคนอื่นๆ ผิวขาวสะดุดตา รูปร่างค่อนไปทางบางแต่เนื้อตัวอวบอิ่มสุขภาพดี ชายหนุ่มเดินไปทรุดตัวนั่งตรงหน้าอี้ชิง มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่เกิดขึ้นในตอนนี้
มือเรียวยกหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมา อี้ชิงก็ทำเช่นกัน ทั้งสองเงียบไม่พูดอะไรจนลู่หานตัดสินใจทำลายความเงียบนั้นลง

“เป็นยังไงมั่งอี้...พี่คิดถึง”


ค น คุ ก

จงอินให้มินซอกช่วยขัดไม้ งานไม่หนักมากพอที่คนตัวเล็กจะทำได้ มีไอ้แดฮยอนที่แว๊บจากการไสไม้มานั่งช่วยขัดด้วยอีกแรง ปล่อยให้ไอ้ดงกอนกับไอ้อูฮยอนด่าขรมว่าแม่งอู้
“ก็น้องติ๋มขัดไม้สองคนกับจงอินเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ มึงก็มีไอ้มินโฮอีกคน”มันเถียงกลับ แต่ไม่กลับไปช่วยไสไม้อยู่ดี มินซอกยิ้มให้แดฮยอน
“พวกพี่ชอบทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง”เสียงเล็กๆว่าทำเอาจงอินหัวเราะหึหึ ไอ้แดฮยอนพองแก้มเหมือนแม่งจะน่ารัก บอกงอนมินซอกแล้ว เดี๋ยวไม่ช่วยเลย คนตัวเล็กเลยง้อด้วยยิ้มหวานๆเข้าหน่อยไอ้พี่ชายจอมสปอยด์ก็อ่อนยวบยาบ
ก็จริงที่พวกนี้ชอบทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง ตั้งแต่พวกจงอินจะย้ายเข้ามาแล้ว แต่ก็ไม่ถึงขนาดนี้ อาจเพราะมินซอกด้วยส่วนหนึ่ง พวกเขาทั้งเรือนนอนสิงห์ทั้งรักทั้งเอ็นดูมินซอกเหมือนน้องเล็กที่น่าปกป้อง แต่ละคนไม่มีใครอยากให้น้องทำงานหนัก แถมยังทำตัวเป็นโลลิค่อนตามไอ้จงอินกันไปหมด แค่น้องยิ้มนิดหัวเราะหน่อย ไอ้พี่ชายทั้งหลายก็หลงกันไปหมด
ใครใช้ให้มินซอกน่ารักกันนะ...
“กูว่ามึงไปช่วยไอ้พวกนั้นไสไม้ก่อนไหมแดฮยอน เชี่ยดงกอนแยกเขี้ยวอีกละ นอกจากอู้แล้วยังมานั่งกระแซะน้องติ๋มของพวกแม่งอยู่ได้”จงอินบอกเมื่อดงกอนเริ่มจะทนกับไอ้แดฮยอนไม่ไหว ไสไม้กันเหนื่อยแทบตายมันกลับมานั่งคุยกับมินซอกหน้าตาเฉย ไอ้แดฮยอนหันไปเห็นเพื่อนแยกเขี้ยวจะแดกหัวเอาจริงๆก็ยิ้มแหยๆบ่นอุบอิบว่าไปก็ได้วะ แต่เดี๋ยวช่วยไสไม้เสร็จแล้วจะกลับมาช่วยขัดไม้แล้วกัน
จงอินส่ายหัวเมื่อเพื่อนลุกออกไปช่วยอีกพวกที่ไสไม้แล้ว เหลือแค่เขากับมินซอกที่นั่งใช้กระดาษทราบขัดไม้ที่ไสแล้วไปเรื่อยๆ
“เมื่อคืนไอ้ลู่หานสะกิดยิกๆจะเอื้อมมือมาลูบหัวเราน่ะ รู้หรือเปล่า?”เสียงทุ้มเอ่ยถาม มินซอกพยักหน้า บอกว่ารู้ แต่ไม่อยากให้ลูบ
“ทำไมล่ะ? มินซอกรักมันไม่ใช่เหรอ?”
“แต่...ฮยองเขาเป็นเด็กนางพญาไปแล้ว”จงอินหัวเราะน้อยๆ ความคิดเด็กหนอ
“มันก็แค่เป็นเด็กนางพญา มันไม่ได้รักจุนมยอนเสียหน่อยนี่ ถึงต้องเอากัน แต่ก็ไม่ได้รักกัน อีกอย่างนะ มันไม่รู้ว่ามินซอกรักมัน...มินซอกลองบอกมันดูสิ”จงอินบอก เอาจริงแล้วถึงมินซอกไม่บอก จงอินก็จะบอกเอง ยืนยันสิ่งที่เขากับลู่หานสงสัยว่ามินซอกรู้สึกยังไงกับมันด้วยคำพูดของมินซอกเอง แต่ที่พูดไปก็เพื่อกระตุ้นเด็กติ๋มเหนียมอายขี้ขลาดให้กล้ามากขึ้นเท่านั้นเอง
“ถ้าบอกไปแล้วพี่เขาจะไม่เป็นเด็กนางพญาไหมฮะ? ผม...ไม่อยากให้เขานอนกับใคร อ่า...”หยุดพูดเมื่อรู้สึกว่าหน้าร้อนๆ มินซอกเกือบหลุดออกไปว่าเขาไม่อยากให้ลู่หานเป็นของใคร ถ้าพูดไปคงน่าอายน่าดู จงอินยกมือเปื้อนขุยไม้จากการขัดขึ้นขยี้หัวน้อง
“ก็ลองดูสิ”แม้ว่าจงอินจะรู้ว่าลู่หานไม่สามารถเลิกเป็นเด็กนางพญาได้ก็ตาม

...เงื่อนไขของลู่หานในการทำงานให้ผู้กองคริส...
คือหากคิมกอนโมยอมคายชื่อคนที่หนุนหลังการค้ายารายใหญ่ออกมา ลู่หานจะเป็นอิสระทันที...

มีหรือที่มันจะไม่คว้าเอาไว้ ยอมเปลืองตัวกับจุนมยอนสักหน่อย หากวิธีนี้ได้ผลจริงๆ มันจะได้ออกไปหาน้องชายมันเร็วขึ้นเท่านั้น ความเป็นห่วงน้องชายแท้ๆที่ต้องเผชิญโลกอยู่คนเดียวมันคงมากกว่าความรักเล็กๆจากน้องชายที่เจอกันในคุกอยู่แล้ว...
อีกอย่างที่เขามั่นใจ ถ้าหากมินซอกสารภาพออกไป ต่อให้ไอ้ลู่หานจะมีใจให้มินซอกอย่างที่เขาคิดไว้ก็ตามที แต่อารมณ์ซึนเหี้ยๆ หวังในพริตตี้ฮอนด้ามากกว่าผู้ชายรูปร่างเล็กบางในคุกของมัน มันต้องปฏิเสธน้องอยู่แล้ว

เด็กติ๋มของเขาช่างน่าสงสาร...


ค น คุ ก

เวลาในการเยี่ยมมีเพียงไม่กี่นาที ลู่หานใจหายที่ต้องบอกลาน้องชาย เขาบอกให้อี้ชิงตั้งใจเรียน อย่าโหมงานมาก น้องชายเลยบอกว่าไม่ต้องห่วง เพราะผู้กองคริสตามไปรับไปส่งที่ผับที่ทำงานทุกวัน อันที่จริง ผู้กองตัวสูงนั่นจะส่งเสียค่าเรียนช่วยเหลือกันด้วย แต่อี้ชิงปฏิเสธ ซึ่งลู่หานก็เห็นด้วย แม่งทำพี่ชายเขามาติดคุกยังมีหน้าไปยื่นมือช่วยเหลือ ตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ แถมยังไม่น่าไว้ใจทำตัวเป็นเสี่ยใหญ่เลี้ยงต้อยเด็ก อย่าให้เจอหน้าอีกครั้งจะซัดหน้าแม่งซ้ำรอยเดิมฐานที่มาก้อร่อก้อติกน้องชายของเขา
“พี่กินข้าวเยอะๆนะ อี้จะรอพี่ออกมา...”ประโยคสุดท้ายที่ได้สนทนาก่อนสัญญาณโทรศัพท์จะเงียบหายพร้อมไฟที่เปลี่ยนเป็นสีแดง ลู่หานกำมือแน่น...
...พี่จะรีบออกไป...
จะรีบออกไปหาอี้ชิง...

ค น คุ ก

วันเวลาในคุกเดินไปรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ ลู่หานเดินตามแถวเพื่อไปยังโรงเกศ หมายถึงห้องตัดผม ที่เรือนจำทุกที่มีห้องสำหรับตัดผม แบตตาเลี่ยนมีอยู่เหลือแหล่สำหรับใช้งาน ทั้งในห้องและนอกห้อง เช่นเอาไว้ใช้รับน้องใหม่อย่างที่พวกลู่หานกับจงอินเคยโดย
ผมของลู่หานยาวมากจริงๆ มินซอกก็เช่นกัน ขนาดไอ้จงอินว่ายาวช้าๆก็ยังขึ้นเป็นตอแข็ง ตบหัวมันทีเจ็บมือตัวเองแทน
“ไปนั่งรอในแถวเลยพวกมึง”ผู้คุมอินซูบอก เก้าอี้ตัดมีอยู่สามตัว แต่แบตตาเลี่ยนมีเป็นสิบ ใครที่อยากจะไถเลยเป็นไอ้โล้นซ่าก็เอาแบตตาเลี่ยนไปเสียบกร้อนหัวกันเอาเอง แต่ไอ้พวกอยากจะมีตอผมไว้ลงแชมพูก็ต่อคิวใช้เก้าอี้และช่างไปแทน
ช่างผมก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นนักโทษจากแดนห้า พวกที่จะพ้นโทษกันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรทำนอกจากนั่งนอนในคุกก็งัดเอาวิชาชีพที่ได้เรียนมามาช่วยเหลือสถานที่ราชการให้เป็นประโยชน์
“วันนี้มีคนจากข้างนอกมาช่วยตัดผม พอใครตัดเสร็จแล้ว วันนี้มีตรวจสุขภาพด้วย ไอ้พวกเรือนนอนไอยราเมื่อวานขี้แตกมั่ง เยี่ยมเป็นเลือดมั่ง ไม่รู้เป็นเหี้ยอะไรนัก ข้างบนเลยสั่งให้หมอมาตรวจ พวกมึงต้องตรวจทุกคน กันเป็นโรคติดต่อ”ผู้คุมอินซูร่ายยาว ไอ้พวกเรือนนอนไอยราคือเรือนนอนที่อยู่ระหว่างเรือนนอนสิงห์และเรือนนอนหงส์ เป็นพวกชนชั้นกลาง อยู่มาเกือบจะครึ่งหนึ่งของโทษทั้งหมด เมื่อวานได้ยินเหมือนกันว่าพวกมันท้องเสียกันยกเรือน ส้วมไม่พอจะใช้จนผู้คุมต้องปลดล็อกลูกกรงปล่อยพวกมันมาใช้ห้องน้ำข้างล่างยามดึก แถมบางคนก็ฉี่เป็นเลือดด้วย
“ไม่ใช่แม่งชักว่าวจนเลือดซึมนะไอ้สัด”ห่ามินโฮพูดด้วยคะนองปาก แล้วเพื่อนทั้งหลายก็หัวเราะกันสนุกสนาน ลู่หานดันหัวมันแล้วชี้ไปที่เก้าอี้เมื่อเห็นว่าช่างตัดผมในชุดลำลองพร้อมผ้าปิดปากเดินมาที่เก้าอี้แล้ว ร่างสูงใหญ่ลุกไปนั่งเก้าอี้ทันที
ลู่หานมองตามมินซอกที่เดินไปนั่งข้างๆเก้าอี้ไอ้มินโฮแล้วช่างก็จัดแจงใช้กรรไกรงับผมของคนตัวเล็กทันที

พูดถึงมินซอกแล้ว ลู่หานไม่ได้ใกล้คนตัวเล็กเท่าไหร่เลยตั้งแต่อยู่ในตำแหน่งเด็กนางพญา คนตัวเล็กคอยหลบ ให้ไอ้พ่อหมีมาขวางทุกคืน คนที่เคยใกล้น้องจนชินรู้สึกแปลกไปนิดที่เคยถูกคนตัวเล็กเกาะติดเป็นเงากลับไม่มีอีกคนมาอยู่ใกล้ๆ แล้วพอหาโอกาสเข้าใกล้โดยไอ้พี่ๆทั้งเรือนนอนไม่อาจห้ามได้ จุนมยอนก็จะเข้ามาเสมอ นางพญานั่นมาหาเขาบ่อยๆเพื่อยั่วไอ้กอนโม และก็เหมือนจะสำเร็จเพราะคิมกอนโมโมโหร้ายบ่อยครั้ง กระชากลากถูนางพญาคนสวยจนเจอตีนผู้คุมไปก็หลายที
ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่ามันจะหลงจุนมยอนได้ขนาดนี้ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าจุนมยอนมีสเน่ห์ดึงดูด ขนาดเขาเองที่ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ใช่เกย์ยังหวั่นไหวไปกับดวงตาของจุนมยอนเมื่อแรกเจอ แม้ในตอนนี้จะรู้สึกเฉยๆกับดวงตาคู่นี้บ้างแล้วก็ตามที
แผนขั้นต่อไป จากการที่จุนมยอนเข้าหาเขาบ่อย แผนขั้นกว่าคือการที่เขาต้องสมสู่กับจุนมยอน แน่นอนว่ามันไม่เกิดขึ้นจริง เขานัดแนะกับร่างบางของนางพญาแล้วว่าสถานที่ในการจัดฉากว่ามีอะไรกันคือห้องน้ำ ห้องที่เขาเคยแอบเห็นฉากรักของเจ้าตัวกับคิมกอนโม จุนมยอนบอกว่าที่นั่นเป็นที่ที่ทั้งสองใช้ร่วมรักกันบ่อยที่สุด ถ้าคิมกอนโมรู้ว่าที่นั่นกลายเป็นสมรภูมิกามารมณ์ของจุนมยอนกับลู่หาน คงจะทนไม่ไหว แล้วตอนนั้นเอง ผู้คุมอินซูจะเข้าไปยื่นข้อเสนอที่แสนจะเร้าใจให้มัน
คนที่เสพติดร่างกายของจุนมยอนจะเลือกอะไรระหว่างร่างกายเย้ายวนชวนให้กดร่างตัวเองเข้าหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า กับชื่อของคนๆหนึ่ง แถมด้วยสิทธิพิเศษที่ผู้กองคริสเตรียมไว้คือการคุ้มกันนักทาที่อวตารเป็นพยานไม่ให้ถูกพวกหนอนเน่ารองมือรองตีนไอ้แบ็คอัพนั่นมันฆ่าตัดตอน

ข้อเสนอช่างเร้าใจและคุ้มค่า...

เหมือนข้อเสนอของลู่หานไม่มีผิด รอยยิ้มของเขาปรากฏเมื่อรู้ว่าหนทางที่จะออกจากเรือนจำแห่งนี้มันใกล้เข้ามาทุกที
แล้วรอยยิ้มของเขาก็พลันจางเบาบางลงเมื่อเห็นน้องชายคนสนิทที่ยิ้มให้ช่างตัดผม มือเล็กๆนั้นลูบหัวที่เพิ่งถูกแบตตาเลี่ยนไถเบาๆไปทั้งหัว ทรงรองหวีเบอร์หนึ่งขั้นดีกับใบหน้าเด็กน้อยที่อวบอูม มันต่างจากครั้งแรกที่ได้เห็นมินซอกในทรงผมนี้ ตอนนั้นมินซอกยังเป็นเด็กติดยาหน้าซูบซีด ถึงกระนั้นก็ยังน่ารักในทรงรองหวีแบบนี้ แต่ครั้งนี้มินซอกอวบอิ่มไปหมดแถวยังน่ารักขึ้นจากการเลิกใช้ยามาเป็นเวลานาน ทรงรองหวีที่ตัดเลยที่ขับให้มินซอกดูเด็กยิ่งกว่าเดิม รอยยิ้มของเด็กน้อยที่ประดับบนใบหน้าพาเอาพี่ๆยิ้มตาม เสียงโห่แซวหาว่ามินซอกเป็นน้องสาวไปตัดผมสั้นทำไมยิ่งทำให้มินซอกเขินหน้าแดง
...ลู่หานเพิ่งตระหนักได้...

เขาลืมมินซอกไป...

เขา...ที่สัญญาว่าจะพามินซอกไปเริ่มชีวิตใหม่ด้วยกัน...กำลังจะทิ้งเด็กคนนี้ไปเสวยสุขเพียงคนเดียว...
แน่นอนว่าถ้างานสำเร็จ สายทุกคนรวมถึงจงอินจะเดินออกจากเรือนจำแห่งนี้ไปโดยไม่มีร่ำลาใครทั้งสิ้น...
...เป็นห่วงมินซอก...
กลัวมินซอกไม่เหลือใคร นักทาที่เข้ามาใหม่จะรังแกมินซอกไหม? หรือพวกเรือนจำอื่นจะแกล้งมินซอกหรือเปล่า พวกแดฮยอนกับมินโฮไม่สามารถจะดูแลเด็กน้อยของพวกเขาได้ตลอดไป เท่าที่ดูๆ พวกนั้นต้องออกจากคุกก่อนมินซอกอยู่แล้ว...

ลู่หานเพิ่งตระหนักได้...

ว่าเขาต้องพามินซอกออกไปด้วยกัน...



ค น คุ ก


การตรวจสุขภาพนั้น รถของโรงพยาบาลจะมาจอดอยู่ใกล้ๆกับเรือนนอนสิงห์ซึ่งเป็นเรือนนอนนอกสุด โต๊ะลงชื่อนักโทษอยู่ใต้ต้นคูนของมินซอกที่กำลังแผ่กิ่งก้านเขียวชอุ่ม เพียงแค่เวลาเดือนกว่ามันก็ปรับตัวได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ
แล้วเวลาอีกหนึ่งปีกับอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า วันที่มินซอกเดินออกจากเรือนจำนี้ไป...หวังว่ามันจะออกดอกงามสะพรั่ง...

“ผมชื่อเซฮุนฮะ เป็นน้องพี่จงอิน วันนี้มาเป็นอาสาของโรงพยาบาล ให้มาลงชื่อที่ผมก่อนนครับ วัดความสูงกับชังน้ำหนัก แล้วไปพบหมอปาร์คด้านในรถ”เสียงหวานแหบดังขึ้น ลู่หานเองก็แปลกจี่เห้นน้องนีออนปรากฏกายที่นี่ เช่นเดียวกับไอ้จงอินที่อ้าปากค้าง มันเดินลิ่วๆไปฉุดข้อมือน้องชาย (ในนาม) ให้ไปไหนด้วยกันไม่รู้ เพื่อนร่วมเรือนจำเลยตะโกนแซวบ้างด่าบ้างว่ามันหวงน้องหรือไง
“แต่น้องแม่งขาวจริง เจอตอนเยี่ยมใกล้ชิดไปครั้งตอนนั้นว่าน่ารัก ได้มองอีกครั้งโคตรน่ารัก”ใครสักคนจากเรือนนอนสิงห์เป็นคนพูด ลู่หานไม่ได้สนใจพี่น้องท้องชนกันสองคนนั้นแล้ว คิดได้ว่าอาจเป็นแผนห่าอะไรอีกที่เขากับไอ้จงอินยังไม่รู้ ร่างโปร่งเลยเดินไปลงชื่อที่โต๊ะแทน เห็นมินซอกที่เดินมาพร้อมไอ้จงอินยืนอยู่นิ่งๆเพราะพ่อหมีลากน้องชายตัวเองไปไหนลิ่วๆ ลู่หานเลยสะกิดน้องชายคนสนิทให้ไปลงชื่อด้วยกันแทน
“ชั่งน้ำหนักก่อนนะคะ”คุณพยาบาลสาว แต่ไม่ได้สวยอะไรนักบอกกับมินซอก เด็กนั่นเลยเดินขึ้นเหยียบที่ตาชั่ง เข็มตีปัดไปแถวๆเลย60
“ยืนตรงไม้วัดความสูงเลยค่ะ”พยาบาลสาวบอกอีกครั้ง คนตัวเล็กก็ทำตามไม่ปริปาก
“น้ำหนัก61 ส่วนสูง173นะคะ ถือว่าพอมีเนื้อหนังเนาะ”เธอสรุปพร้อมยิ้มนิดๆ แต่คนที่ถูกบอกว่ามีเนื้อหนังกลับยู่หน้า รับกระดาษจากคุณพยาบาลมาถือเอาไว้ ลู่หานเองก็รับกระดาษจากพยาบาลอีกคนที่เขากรอกข้อมูลมาเช่นกัน ส่วนสูง179กับน้ำหนักเพียง58 เมื่อเทียบกับมินซอก เขาเลยดูผอมบางไปทันที
“มินซอกอ้วนเหรอ”ถามเย้าออกไปอย่างที่เคยหยอกเล่นเมื่อครั้งก่อน แต่คนเป็นน้องกลับไม่มีทีท่าเล่นด้วย ใบหน้าน่ารักที่ยู่ยี่มองมาที่พี่ชายคนสนิท ริมฝีปากของมินซอกคว่ำลงก่อนจะเอ่ยประโยคที่ลู่หานไม่เข้าใจวง่าทำไมเขาถึงจับกระแสเสียงได้ว่าน้องชายกำลังน้อยใจ

“ก็ผมไม่ได้ผอมบางแบบนางพญานี่ฮะ...”






TBC.








#พี่ลู่คนคุก


พี่ปาร์คกะน้องฮุนออกมาจริงๆ...มาแค่ชื่อ...

อีเชร้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อย่าตบข้านะโฮ่ยยยยยยยยยยยยยยยยย 55555555555555555555555555555555555555555555
อีพี่จงอินลากน้องไปทำไม ???????????

ตอนต่อไปมาเมื่อพี่ลู่จ่ายเงิน ช่วงนี้กรอบ ถ่ออออออออออออออออออ (ไม่เกี่ยวป่ะวะ)



แมลงจี่...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น